ภรรยาคนที่เจ็ดของประธาน

ตอนที่ 242 ตอนจบ



ตอนที่ 242 ตอนจบ

ผลินหันหลังกลับด้วยความไม่พอใจ เธอกลับไปที่ห้อง พักอีกครั้ง ทีแรกกำลังจะเตรียมตัวออกไปทานอาหาร เช้า แต่ตอนนี้ไม่มี

อารมณ์จะกินแล้ว

“ผลิน เมื่อไหร่คุณจะเลิกนิสัยชอบหนีออกจากบ้านซัก ทีนะ”

ปยุตที่เดินตามหลังเธออยู่กล่าวจากใจจริง

“ถึงฉันจะไม่ออกมาก็ต้องถูกใครบางคนขับไล่ออกมา อยู่ดี สุดท้ายก็หนีไม่พ้นหรอก ฉันสู้ออกมาเพื่อเลือก ทางเดินของตัวเองซะดีกว่า”

“ทางที่คุณเลือกเหมือนกับทางที่ผมเลือกไหม? ผม ให้คุณเลือกทางที่สะดวกสบาย แต่คุณกลับเลือกอะไร ของคุณ? ผมหมายความว่าทุ่งหญ้ามอสข้างนอกดี? หรือว่าป่าทึบหลังเขานั่นดีกว่ากันต๊ะ?”

“จะอะไรก็ช่าง ฉันพอใจก็แล้วกัน”

“ถ้างั้นคุณคงไม่ได้ตัดสินใจอยู่ที่นี่ตลอดไปหรอกนะ? หรือว่าคุณจะไปสร้างบ้านเล็กๆหลังหนึ่งบนภูเขา แล้ว ปลูกพืชผักสมุนไพรเลี้ยงเด็กทั้งสองคน?”

“ก็ไม่แน่นะ? หรือคุณว่ายังไงล่ะ?”
ผลินกลับไปเปลี่ยนรองเท้าที่ห้อง แล้วออกไปข้างน

“ผมต้องมีความคิดเห็นแน่นอน ลูกๆของผมทำไมจะ ต้องทนลำบากแบบนั้นด้วยล่ะ นี่มันยุคไหนแล้ว คุณยัง คิดจะให้ลูกกินแต่ผักแต่หญ้าอยู่อีกหรือ ขนาดแม่เลี้ยง ของคุณยังไม่ทำถึงขั้นนั้นเลย!”

“พืชผักสมุนไพรนะ ไม่ใช่ผักหญ้าอะไรนั่น!”

“ไม่ว่าเป็นหญ้าหรือผักก็แล้วแต่ ยังไงผมก็ไม่เห็นด้วย ตอนนี้ผมขอใช้สิทธิ์ทั้งการเป็นพ่อของเด็กและสามีของ คุณสั่งให้คุณกลับบ้านไปกับผมเดี๋ยวนี้!”

“ตอนนี้ฉันขอใช้สิทธิ์ของผู้หญิงที่น่าสงสารคนหนึ่งที่ ถูกสามีหักหลังและความเป็นแม่ของเด็กขอสั่งให้คุณมา ทางไหนกลับไปทางนั้นเลย ฉันจะขึ้นเขาและไม่อยาก เสียเวลากับคุณอีก!”

ระหว่างทางผลินแวะซื้อน้ำเต้าหู้และแพนเค้ก ขณะที่ กำลังหยิบเข้าปาก ปยุตคว้าเอาไว้ : “คุณกินเข้าไปได้ ยังไงเนี่ย? สกปรกจะตาย ไป ผมจะพาคุณไปกินที่ร้าน อาหาร”

“คุณชายใหญ่คะ คุณไม่รู้หรอกว่าคนอื่นๆเขาลำบาก กันขนาดไหน เมื่อก่อนฉันก็เติบโตมาด้วยพืชผักสมุนไพร นี่แหละ อันนี้ทำไมจะกินไม่ได้ล่ะคะ?”

“ผมเห็นด้วยไหมล่ะ?”

“ทำไมคุณต้องเห็นด้วย มันเป็นสิทธิ์ส่วนบุคคลของฉัน! ”

ผลินคว้าอาหารเช้าของเธอกลับคืนมา กินเอากินเอา ปกติอยู่ที่บ้านก็ไม่เคยเห็นเธอกินอย่างตะกละตะกราม ขนาดนี้ แพนเค้กที่ข้างทางนี้ทำให้เธอเอร็ดอร่อยเต็มปาก เต็มคำ ปยุตโกรธจนแทบกระอักเลือด

เมื่อถึงเชิงเขาแล้ว เธอเห็นบันไดหินที่ทอดยาวสุด สายตาราวกับนำทางไปสู่สวรรค์ ผลินจ้องมองด้วย สายตาตกตะลึงอยู่นาน เธอไม่พูดอะไรสักคำ เหมือนว่า กำลังครุ่นคิดเรื่องบางอย่างอยู่ ทั้งจริงจังและสงบนิ่ง

เวลาผ่านไปครู่หนึ่ง เธอถอนหายใจลึก เริ่มก้าวเท้าเดิน ออกไป

“คุณจะทำอะไรน่ะ?”

เธอเพิ่งจะก้าวขึ้นไปได้สองขั้น ปยุตดึงแขนเธอเอาไว้

“สายตาคุณมีปัญหาหรือยังไง?”

ผลินมองค้อนขวับ สะบัดมือเขาออก มุ่งหน้าเดินต่อไป

ปยุตรู้จักนิสัยของเธอดี ถ้าคิดจะทำอะไรแล้วก็ต้อง ทำให้สำเร็จ จึงไม่พูดอะไรอีก ได้แต่เดินตามหลังเธอไป ก้าวขึ้นบันไดที่คนอื่นสร้างขึ้นมาด้วยความรักทีละก้าวที ละก้าว รู้สึกได้ถึงความผูกพันรักใคร่ของคนคนหนึ่ง

ภูเขาสูงเหลือเกิน บันไดก็ยาวมาก ถึงแม้ว่าร่างกายของ เธอจะแข็งแรงมาก แต่ว่าเพราะเธอกำลังตั้งท้อง เดินไปได้ไม่ไกลนักก็รู้สึกเหนื่อยหอบแล้ว แต่เธอตั้งใจไว้แล ว่าจะเดินไปจนถึงขั้นบนสุด ไม่ยอมล้มเลิกกลางคันแน่ ป ยุตเห็นท่าเธอคงไปต่อไม่ไหว จึงเดินแซงมาข้างหน้าแล้ว บอกกับเธอว่า “มา ผมอุ้มคุณไปเอง”

“สภาพฉันตอนนี้คุณอุ้มไหวหรือคะ?”

สายตาของเขาเหลือบมองที่ท้องของเธอ ขมวดคิ้ว แล้ว อุ้มเธอขึ้นไป

“คุณทำอะไรน่ะ?”

เธอรู้สึกตกใจนิดหน่อยพลางโอบรอบคอของเขาไว้

“คุณอย่าดันทุรังต่อไปอีกเลย เห็นชัดๆอยู่แล้วว่าไปต่อ ไม่ไหว ยังจะกัดฟันไปต่ออีก ผู้หญิงอย่างคุณนี่ควรจะได้ รับการดูแลอย่างใกล้ชิดในเวลาที่เหมาะสมไม่ใช่หรือ? คุณต้องการจะสวมบทเต่านินจาถึงจะเหมาะสมกับบุคลิก คุณอย่างนี้หรือ?”

“ฉันไม่เหนื่อย คุณวางฉันลงเดี๋ยวนี้”

ผลินไม่ชินกับการดูแลเธอเป็นพิเศษแบบนี้ ยิ่งไปกว่า นั้นนักท่องเที่ยวที่ไปเยี่ยมชมสถานที่ก็ไม่ได้มีเพียงพวก เขาสองคนเสียหน่อย

“อยู่นิ่งๆ นี่มันแค่ครึ่งทางเองนะ อย่าทำเป็นเล่นไป

คำข่มขู่ของปยุตได้ผลทำให้เธอรู้สึกกลัว ไม่กล้าดิ้นรน ต่อไปและไม่พูดอะไรอีก ปล่อยให้แขนทั้งสองที่แข็งแรงของเขาอุ้มเธอเดินขึ้นยอดเขาไปทีละขนและขน เหงื่อ ของเขาไหลเป็นน้ำ หยดลงมาบนหน้าของเธอ ร้อนระอุ เธอกัดริมฝีปาก ยื่นมือออกไปเช็ดเหงื่อที่หน้าผากของ เขา

ด้วยท่าทีอ่อนโยน ในใจของเขาหวั่นไหวดั่งคลื่นใน ทะเล

“เอาล่ะ คุณก็เหนื่อยมากแล้ว ฉันขอลงไปเดินเองดี

กว่า”

ผลินเห็นว่าเหงื่อของเขาไหลออกมาไม่หยุด ทนไม่ได้ อีกต่อไปที่จะทำให้เขาต้องลำบาก แต่ว่าปยุตกลับไม่ ยอมหยุด แถมยังบ่นเธออีกยาวว่า “ผลิน ถึงแม้ว่าผมจะ ไม่สามารถสร้างบันไดแบบนี้ให้คุณได้ แต่ผมจะใช้สอง มือของผมนี้ อุ้มคุณขึ้นไปจนถึงปลายทางให้จงได้

ทันใดนั้นเธอเริ่มใจอ่อนลงทันที ไม่เอ่ยปากขอให้เขา ล้มเลิกความตั้งใจอีก โชคดีที่ปยุตสามารถอุ้มเธอไป จนถึงปลายทางได้ในที่สุด ถึงแม้จะหยุดพักกลางทาง หลายครั้ง แต่วินาทีที่ไปถึงยอดเขาทั้งสองต่างรู้สึกตื่น เต้นอย่างมาก

ลมหนาวพัดมาปะทะเข้ากับใบหน้าพร้อมกลิ่นหอมของ อากาศที่สดชื่นบนภูเขา

เขาและเธอต่างชื่นชมเกล็ดหิมะที่สวยงามดุจเพชรอยู่ ครู่หนึ่ง ตามตำนานนั้นเล่าว่าความรักไม่อาจพลัดพราก จากกันได้
เขาและเธอได้ก้าวขึ้นมาบนบันไดแห่งความรกที่ยาว ถึง6,000ขั้น ทำนายไว้ว่าความรักของเขานอกจากจะ ไม่อาจแยกจากกันได้แล้ว ยังคงอยู่เคียงคู่กันไปอีกนาน แสนนานด้วย

ถ้าอย่างนั้นก็สรุปได้ว่าเขาและเธอ ไม่อาจพลัดพราก จากกันได้อีกหรือ รักกันยาวนานอย่างนั้นหรือ? คำตอบข้อนี้ บางทีอาจจะต้องรอจนถึงวันที่ทั้งสองแก่

ชราจนผมหงอกละมั้ง ถึงจะรู้

“ผลิน คุณสัญญากับผมแล้วไม่ใช่หรือว่าจะทำตาม ความปรารถนาของผม 3 ข้อ ไม่รู้ว่าตอนนี้คุณยังนับอยู่ ไหม?”

เธอไม่ได้หันหน้ากลับมา พยักหน้าไปอย่างนั้นเอง

เขาเดินไปขวางเธอตรงหน้า “ถ้าอย่างนั้น ความ ต้องการของผมข้อที่ 2 คือผมขอให้คุณยกโทษให้ผม อย่าถือโทษโกรธเคืองผมอีก”

“ทำไมข้อแรกหายไปล่ะ กระโดดข้ามมาข้อที่ 2 เลย หรือ?”

“ข้อแรกไม่ใช่เรื่องไปเวียนนาหรือ? คุณรับปากแล้วนะ”

“ยังไม่นับได้ไหมคะ?”
“ไม่ได้ครับ”

“ถ้าคุณอยากให้ฉันรับปากในข้อที่ 2 คุณต้องบอกมา ก่อนว่าระหว่างคุณกับจันทรตกลงเกิดอะไรขึ้นกันแน่?”

ปยุตเงียบลงอีกครั้ง บรรยากาศในตอนนี้ช่างน่าอึดอัด ใจมาก ได้ยินแต่เพียงเสียงลมพัดเท่านั้น ผลินหันหน้า กลับมาพร้อมความหดหู่ : “มันทำให้คุณเป็นทุกข์ขนาด นั้นเลยหรือ? คุณรู้เอาไว้ด้วยนะว่ายิ่งคุณไม่อยากบอก ฉันก็ยิ่งอยากรู้มากขึ้นไปอีก”

“ผลิน ผมไม่อยากจะบอกคุณ ก็เพราะว่าเรื่องบางเรื่อง มันไม่เหมาะเลยที่คุณจะรู้ ผมอยากให้คุณสบายใจใน ทุกๆวัน ใช้ชีวิตภายใต้แสงแดดที่ส่องสว่าง เรื่องราวอัน เลวร้ายเหล่านั้นผมขอรับมันเอาไว้เพียงคนเดียว ผมรู้ว่า คุณเป็นห่วงผม แต่ผมบอกคุณแล้วไม่ใช่หรือว่า คนสอง คนที่รักกันไม่จำเป็นต้องทำอะไรให้ทั้งนั้น ขอเพียงเข้าใจ และเชื่อใจซึ่งกันและกันเท่านั้นก็พอ”

เขาจับมือเธอขึ้นมา วางลงบนที่หน้าอกของเขา : “คุณ รู้สึกบ้างไหม? ใจของผมน่ะเต้นอยู่ก็เพื่อคุณคนเดียว เท่านั้น”

ขอบตาของผลินค่อยๆแดงขึ้น : “ความปรารถนานั้นมี ข้อจำกัด ระบุไว้ว่าฉันให้อภัยคุณนี่เป็นความต้องการข้อ ที่ 2 หรือ? ”

“ใช่ครับ”

“ได้ งั้นฉันตกลงยกโทษให้คุณ ตั้งแต่นี้เป็นต้นไป คุณเหลือความปรารถนาอีกข้อเดียวเท่านั้น

เมื่อมองย้อนกลับไปถึงความยากลำบากบนหนทางที่ เดินมากับปยุตที่ผ่านมา ผลินจึงเลือกที่จะเชื่อเขา “ความ ปรารถนาแรกของคุณ ฉันยอมก็ได้ค่ะ ฉันจะกลับบ้านไป กับคุณ แล้วเดินทางไปเวียนนา”

“ผลิน ผมจะบอกคุณยังไงดี ผมไม่รู้จะพูดยังไงคุณถึง จะรู้ว่าผมรู้สึกขอบคุณคุณจากใจจริงได้”

“ไม่ต้องขอบคุณฉันหรอกค่ะ ที่ฉันทำไปไม่ใช่เพราะ คุณคนเดียวหรอก

“ผลินก้มหน้าลง : “ฉันแค่หวังว่าเมื่อลูกของเราคลอด ออกมาแล้ว ทุกอย่างจะจบลงด้วยดี

ชีวิตที่ราวกับฝันร้าย จะได้รีบๆจบไปสักที เธออยากจะ

ใช้ชีวิตอย่างมีความสุขที่สุดพร้อมกับปยุต

“ผมรับปากคุณครับ วันนั้นจะต้องมาถึงในไม่ช้า

ปยุตจูบลงที่ริมฝีปากเธอ ทั้งเย็น ทั้งหนาว บางทีอาจ เพราะลมหนาวพัดนานเกินไป

“คุณหนาวไหม?”

เขาอยากถอดเสื้อคลุมออกเพื่อให้เธอใส่ แต่กลับถูก เธอปฏิเสธทันควัน : “ฉันไม่หนาวค่ะ” มีเพียงหัวใจเท่านั้น ที่รู้สึกหนาวเหน็บ ถ้าหากในใจไม่รู้สึกหนาวแล้ว ตรงไหน ก็ไม่รู้สึกหนาวได้อีก
“ปยุต คุณรู้สึกบ้างไหมคะว่ามีเรื่องบางเร สามารถของคุณ หรือคุณรู้สึกว่าคุณไม่สามารถทำได้?”

“สำหรับคนคนหนึ่งแล้ว รู้ว่าตัวเองไม่สามารถทำได้กับ รู้ว่าตัวเองสามารถทำได้มีความสำคัญเท่าๆกัน เรื่องที่ผม ไม่สามารถทำได้ผมก็จะไม่ทำ ถ้าเรื่องที่ผมไม่สามารถ ทำได้ แต่มันมีเหตุผลที่ผมจำเป็นต้องทำแล้วละก็ ผมก็คง จำเป็นต้องทำ”

“อนาคตของพวกเราจะเป็นอย่างไร? ผมไม่เคยคิดถึง มันเลย ไม่คิดถึงมันจะดีกว่า ที่จริงเป็นเพราะผมไม่กล้า ที่จะคิด เพราะกลัวว่าคิดเอาไว้ดีเกินไปพอถึงเวลาไม่ได้ เป็นอย่างที่คิดก็จะผิดหวัง และกลัวว่าถ้าคิดเลวร้ายจน เกินไปก็จะหมดกำลังใจที่จะเดินต่อไป

“เราไม่อาจกําหนดอนาคตได้ เมื่อตอนเป็นเด็กพวกเรา ทั้งซื่อสัตย์และจริงใจ แต่เมื่อเติบโตขึ้นพวกเรากลับเป็น ตรงกันข้าม ชีวิตมักเกิดเรื่องไม่คาดคิดอยู่เสมอ”

ผลินยังไม่ค่อยเข้าใจ : “ชีวิตกับอนาคตของพวกเรามัน เกี่ยวกันตรงไหนหรือคะ? ในเมื่อตอนนี้มีชีวิตที่ดีนั่นแสดง ว่าในอนาคตชีวิตก็ต้องดีด้วยสิคะ? หรือว่าถ้าตอนนี้ ชีวิตแย่มาก ในอนาคตถึงจะดีมากคะ?”

“ในชีวิตของคนเรานั้น คนที่เรารักกับคนที่นอนอยู่ข้างๆ เรา ไม่ใช่คนคนเดียวกัน ก็มีถมเถไป เอาคำว่ารักเธอไป พูดให้คนอื่นฟัง ก็เป็นเรื่องธรรมดา มัวคิดถึงแต่อนาคต วางแผนการณ์ในอนาคต แต่อนาคตกลับมาไม่ถึง อย่างนี้ ก็มีนะ ดังนั้นผมว่า : คนเราเมื่อเกิดขึ้นมาแล้ว มีระยะเวลา ไม่เท่ากัน สุดท้ายก็ค่อยๆดับไป
วันนั้นผลินและปยุตนั่งอยู่บนยอดเขาเป็นเวลานานมาก หลังจากลงเขามาแล้วเธอคิดถึงประโยคที่ปยุตพูดนั้นอยู่ ตลอดเวลา คนเราเมื่อเกิดขึ้นมาแล้ว มีระยะเวลาไม่เท่า กัน สุดท้ายก็ค่อยๆดับไป……..

ทัตดาเริ่มอับจนหนทางแต่ก็ยังไม่วายต่อสู้จนวินาที สุดท้าย ไวภพเห็นว่าสถานการณ์ของแม่เขายิ่งแย่ลงทุก วันทุกวัน ในที่สุดเขาอดรนทนไม่ได้อีกต่อไป พาชื่นใจไป หาเธอถึงที่

เป็นเวลานานมากแล้วที่ไม่ได้พบกัน แม่ของเขาผอมลง ไปมาก สายตาอ้างว้างไร้จุดหมาย

“แม่ครับ แม่กลับไปฝรั่งเศสเถอะครับ บริษัทจะล้ม ละลายหรือเป็นหนี้ก็ช่างมันเถอะครับ แม่ออกไปจากที่นี่ ก่อน ที่เหลือทั้งหมดผมจัดการให้เอง”

ทัตดายิ้มอย่างเย็นชา : “ขนาดธามันยังเอาชนะฉันไม่ ได้ นับประสาอะไรกับเด็กคนหนึ่งยังไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมจะ มาล้มฉันได้ ไม่มีทาง!”

ไวภพรู้สึกผิดหวัง : “แม่อย่าดันทุรังอีกเลยจะได้ไหม ครับ? เรื่องมันมาถึงขนาดนี้แล้วยังจะแข็งข้ออยู่อีก ผม ได้รับข้อมูลจากพ่อมาแล้ว ตอนนี้สำนักงานต่อต้านการ ทุจริตรับทราบถึงหลักฐานที่มีน้ำหนักเรื่องที่แม่ติดสินบน และหลีกเลี่ยงภาษีทั้งหมดแล้ว เรื่องการจับกุมก็คงอีกไม่ นานนี้หรอกครับ”
“ถ้าอย่างนั้นก็ให้พวกเขามาเถอะ ยังไงฉันกจะ ไม่ ยอมรับจนถึงวินาทีสุดท้าย!”

“ตอนนี้แม่ยังมีไพ่อะไรอีกหรือครับ? ผมหมายถึงแม่ ยังมีหนทางไหนที่จะไปต่อกรกับปยุตได้อีกหรือ? ครั้งที่ แล้วแม่พูดซะดิบดีว่า ถ้าเลือกได้จะไปอยู่ที่ฝรั่งเศสอย่าง ถาวร ผลสุดท้ายเป็นยังไงครับ? แม่จะยังคงทำผิดซ้ำซาก เหมือนเดิม หรือว่าแม่จะต้องเห็นแม่น้ำเหลืองก่อนครับแม่ ถึงจะตายใจ?”


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ