ภรรยาคนที่เจ็ดของประธาน

ตอนที่ 223 การต่อสู้ครั้งถัดมา



ตอนที่ 223 การต่อสู้ครั้งถัดมา

ธรรศพูดด้วยความเสียใจว่า ถ้าเป็นคนอื่นอาจจะได้ แต่สําหรับเธอคงเป็นไปไม่ได้แล้วล่ะ

วันนั้นหลังจากผลินแยกกับธรรศแล้ว เมื่อกลับถึงบ้าน เธอรีบอาบน้ำและเข้านอนเลย โดยไม่ได้สนใจปยุตที่ กลับบ้านมาเมื่อตอนเย็น

หนึ่งสัปดาห์ผ่านไป ถึงเวลาที่ปยุดเตรียมดำเนินการ ยื่นเรื่องของทัตดาจริงๆแล้ว แต่ว่าทันใดนั้นเขาพบว่า เอกสารบัญชีที่วางอยู่ในลิ้นชักชั้นล่างของโต๊ะทำงาน เขาได้หายไป……….

ในหัวพลันปะทุขึ้น เขาเดินปึงปังไปที่ห้องนอน ผลัก ประตูเสียงดัง ถามตรงๆด้วยความโมโห”เอกสารบัญชี ของผม คุณเป็นคนหยิบไปใช่ไหม?

ผลินมองเขาด้วยสายตาไม่สบอารมณ์ ตอบอย่างเย็น ซา เปล่าคะ”

“คุณโกหกผมหรือ?”

ทำไมฉันต้องโกหกคุณด้วยคะ? ฉันบอกว่าเปล่าก็ เปล่าสิ คุณไม่เชื่อก็ตามใจ!

ผลินรู้สึกไม่ค่อยพอใจ ของหายแล้วมาหาเรื่องเธอไม่ไว้ใจเธอขนาดนั้นเลยหรือ?

“ห้องหนังสือของผมปกติมีคุณเพียงคนเดียวที่เข้าไป ได้ และเป็นคุณอีกนั่นแหละที่รู้ว่าเอกสารบัญชีกองนั้น อยู่ที่ไหน คุณบอกว่าไม่ได้เป็นคนเอาไป งั้นคุณบอกผม มาสิว่าใครจะเป็นคนเอาไปะ? ”

“ฉันจะไปรู้ได้อย่างไรล่ะ? คนในบ้านนี้มีตั้งเยอะแยะ ทำไมคุณถึงสงสัยว่าฉันเป็นคนเอาไปละคะ?”

ทั้งสองคนไม่รู้อิโหน่อิเหน่อะไรกลับทะเลาะกันขึ้นมา เป็นเพราะหลักฐานชิ้นสำคัญหายไปปยุตจึงปะทุอารมณ์ ขึ้นถึงขีดสุด น้ำเสียงที่พูดใส่อารมณ์รุนแรง”ผมรู้ว่าคุณ คงด่าผมอยู่ในใจ ว่าผมไม่เห็นแก่หน้าคุณบ้าง ตอนนี้ คุณพอใจหรือยัง? ไม่ว่าคุณจะเป็นคนเอาไปหรือไม่ ก็ สมใจอยากคุณแล้ว? ”

เขาโมโหหันหลังเดินออกจากห้องนอนไป ปิดประตู ดังปัง ผลินก็ไม่พอใจเช่นกัน รีบเปิดประตูตะโกนออกไป ว่า“ฉันบอกว่าไม่ได้เอาไปก็ไม่ได้เอาไปสิ คุณจะเชื่อไม่ เชื่อมันก็เรื่องของคุณ !”

เรื่องเอกสารบัญชีสูญหายทำให้เกิดช่องว่างระหว่าง ปยุตและผลินขึ้น แต่ปยุตที่เคยปฏิบัติดีต่อเธอมาก เขา คอยดูแลเอาใจใส่อาหารการกินและความเป็นอยู่ของ เธอทุกๆวัน มีเพียงเรื่องเอกสารบัญชีที่คลุมเครือนั้น ทำให้เขารู้สึกไม่ค่อยสบายใจ ราวกับก้อนน้ำแข็งวางอยู่บนกองไฟ จริงๆแล้วร้อนอกร้อนใจแต่ต้องทำเย็นชา ไว้

เขาไม่พูดถึงเรื่องเอกสารนั้นอีก เธอก็เบื่อที่จะถาม ถึง แต่ทั้งสองยังคงสมัครสมานสามัคคีกันดี ถ้าถามขึ้น เดี๋ยวก็จะทะเลาะกันอีก เธอกับปยุตน้อยครั้งมากที่จะ ทะเลาะกันด้วยเรื่องไม่เป็นเรื่อง ดังนั้น ทะเลาะกันครั้งนี้ เธอจึงรู้สึกรับไม่ค่อยได้

มีเพียงท่าทีของปยุตที่ยิ่งนานวันเธอยิ่งรับไม่ได้ เช่น เดียวกับเมื่อนานมาแล้วความรู้สึกแบบตบหัวแล้วลูบ หลัง ในที่สุดเธอก็อดรนทนไม่ได้อีกต่อไป ขวางเขา ไว้ที่หน้าประตูห้องหนังสือ เลิกคิ้วจ้องมองเขาถามไป ตรงๆ “คุณยังสงสัยฉันอยู่ใช่ไหม?”

ปยุตตอบอย่างเรียบเฉย เปล่า”

“ไม่จริง สายตาคุณมันฟ้องฉัน คุณสงสัยฉัน! คุณ สงสัยฉันตั้งแต่แรกแล้วว่าฉันเป็นคนขโมยเอกสารของ คุณ คุณพูดออกมาให้ชัดเจนเดี๋ยวนี้ คุณคิดอย่างนั้นอยู่ ใช่ไหม? ใช่ ความสัมพันธ์ของฉันกับชื่นใจนั้นยังดีอยู่ แต่ฉันคงไม่หักหลังคุณเพื่อเธอหรอกนะคะ?”

“ผมรู้แล้ว ดังนั้นผมถึงไม่ได้สงสัยคุณแล้วไงล่ะ”

“คุณไม่สงสัยสิยิ่งแปลก ทุกวันนี้คุณทำเหมือนไม่รู้ หนาวรู้ร้อนกับฉัน ไม่ใช่ว่าคุณระบายความไม่พอใจออกมาแบบนี้หรือ? ไม่ใช่เพื่อพิสูจน์ว่าประโยคที่คุณพูดนั้น ถูกต้อง แม้กระทั่งคนที่รักที่สุดยังจะทรยศคุณอีก !”

ปยุตถอนหายใจกล่าวอย่างหนักแน่น“ผลิน ผมไม่ได้ สงสัยคุณเลยจริงๆครับ สองสามวันมานี้ผมดูแลคุณไม่ ค่อยดี ก็เพราะผมกังวลเรื่องเอกสารบัญชีที่หายไปนี้ น คุณกรุณาเข้าใจผมหน่อยได้ไหมครับ?”

เห็นเขาเอาแต่ขมวดคิ้วด้วยความกังวลใจ ผลินเริ่ม ใจอ่อน“ไม่สบายใจคุณก็ระบายมันออกมาได้นี่ค่ะ เก็บ เอาไว้ให้มันอัดอั้นเปล่าๆ พลอยทำให้คนอื่นไม่สบายใจ ไปกับคุณด้วย”

“ตอนนี้คุณกำลังตั้งท้องอยู่ จะให้ผมระบายให้ฟังยัง ไงล่ะครับ หรือว่าจะให้ผมใส่อารมณ์เต็มที่กับคุณไป เลย?”

“ก็ยังดีกว่าที่คุณทำเป็นเฉยชากับฉันอย่างนี้นะ ฉัน ยินดีให้คุณระบายมันออกมาให้เต็มที่ได้เลย”

ผลินจับแขนเขาแน่นพลางบอกไปค่ะ”

“ไปไหนครับ?”

“เล่าเรื่องนั้นไงคะ”

เธอดึงแขนของเขาเข้าไปในห้องนอน ปิดประตูลงถามออกไปตรงๆ“เอกสารบัญชียังหาไม่เจอหรือคะ?”

“ครับ”

“นอกจากคุณและฉันยังสงสัยใครอีกไหมคะ?”

“เขามองดูเธอทีหนึ่ง”ก็บอกแล้วไงว่าผมไม่ได้สงสัย คุณแล้ว”

“เอาละคะ คุณกำลังจะบอกว่าคุณไม่ได้สงสัยใคร อีก?”

“ครับ ในบ้านหลังนี้นอกจากคุณและปาณี ก็มีคุณแม่ คนเดียว ที่เหลือก็แค่คนรับใช้ ซึ่งไม่น่าจะเป็นไปได้”

“ถ้าอย่างนั้น หรือว่ามีผีอยู่ที่นี่?”

“นี่แหละคือสิ่งที่ผมคิดไม่ตก

ผลินขมวดคิ้ว“ฉันคิดว่าถ้าเป็นผีจริงๆละก็ ต้องอยู่ใน บ้านนี้นี่แหละค่ะ ในบ้านคนที่เข้าๆออกๆรวมทั้งคนขับรถ ก็มีอยู่ยี่สิบกว่าคน ในนั้นจะต้องมีคนที่น่าสงสัยอยู่แน่ คุณแม่ไม่น่าจะหยิบของๆคุณไป ปาณีก็ไม่น่าเป็นไปได้ บุคคลภายนอกก็เข้ามาไม่ได้อยู่แล้ว ถ้าอย่างนั้น คุณ สงสัยคนรับใช้ในบ้านบ้างไหมคะ? ”

“ถ้าให้พูดจากใจจริง ผมไม่คิดจะสงสัยพวกเขาเลยคนรับใช้ในบ้านหลังนี้อยู่กับพวกเรามานมนานหลายปี แล้ว ต่างก็เป็นคนที่ไว้ใจได้ทั้งนั้น

“ที่สำคัญคือตอนนี้หลักฐานหายไปแล้ว คุณจะไม่คิด สงสัยพวกเขาเลยโดยไม่ตามหาเอกสารไม่ได้นะคะ”

“คุณมีความเห็นว่าอย่างไรล่ะ?”

“เรื่องนี้ปล่อยให้เป็นหน้าที่ฉันเองค่ะ ฉันจัดการให้ รับรองว่าจับตัวคนทํามาได้แน่

“ก็ได้ครับ”

เช้าวันต่อมา ผลินให้พ่อบ้านปวินท์เรียกคนรับใช้ใน บ้านทั้งหมดมายืนเข้าแถวเรียงหน้ากระดานนอกประตู ห้องรับแขก หญิงชรากับลูกสาวตกตะลึงเมื่อลงมาถึง ชั้นล่าง เห็นลูกสะใภ้มีสีหน้าเคร่งขรึมเดินออกไป หญิง ชราดึงเสื้อของลูกชายมากระซิบ“เกิดอะไรขึ้นเนี่ย?

“ไปดูสิครับจะได้รู้

ทั้งสามคนออกไปจากห้องรับแขก ได้ยินผลินพูด ว่า“ที่เรียกทุกคนมารวมตัวกันในวันนี้ก็เพราะมีเรื่อง สำคัญเกิดขึ้น เอกสารสำคัญในห้องหนังสือของคุณ ชายปยุตหายไป พวกเราไม่คิดจะโทษใครคนใดคนหนึ่ง แต่เอกสารนั้นได้หายไปในบ้านหลังนี้ บุคคลภายนอก ไม่สามารถเข้ามาในบ้านได้ ดังนั้นฉันหวังว่าในบรรดาสงสัยว่าเป็นหนูค่ะ”

“พูดอะไรเพ้อเจ้อ

ปยุตถลึงตาใส่เธอ

“แล้วทำไมถึงไม่บอกล่ะ?” หญิงชราถามอย่างคาดคั้น

“ใครเป็นคนตั้งข้อสงสัยคนรับใช้ที่ซื่อสัตย์เหล่านี้

ต๊ะ?”

“งั้นคุณแม่หมายความว่าหนูน่าสงสัยอย่างนั้นหรือ คะ?”

ผลินขมวดคิ้วอย่างไม่มีความสุข

“ไม่ใช่อย่างนั้น ฉันกำลังคิดว่ามีบุคคลภายนอกแอบ เข้ามาในบ้านเราหรือเปล่าต่างหาก”

“ที่ประตูใหญ่มียามอยู่ตั้งหลายคน คุณปล่อยให้พวก เขาอดๆอยากๆหรือเปล่าล่ะคะ?”

ผลินย้อนถามเขาอย่างไม่สบอารมณ์“เอาละ ถ้ายังไม่ พบใครที่น่าสงสัยละก็ อย่าเพิ่งคาดเดาไปต่างๆนานา เลยค่ะ พรุ่งนี้เช้าเราก็จะได้รู้กันแล้ว”

“พี่มั่นใจได้อย่างไรคะ?”
สาวน้อยถามด้วยความประหลาดใจ

“แน่นอน พรุ่งนี้เช้าถึงฉันจะไม่ใช้เครื่องจับเท็จ ก็จะ ต้องจับขโมยได้แน่

ผลออกมาดังที่ผลินคาดการณ์ไว้ เช้าวันที่สอง หัว หน้าปวินท์แห่งตระกูลทรัพยสานได้หายตัวไป ดังนั้น ความจริงจึงปรากฏออกมา

ปยุตไปที่ห้องพักของพ่อบ้านปวินท์ก็พบว่ากระเป๋า เดินทางถูกจัดเตรียมอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย ทันใด นั้นเป็นเดือดเป็นร้อนขึ้นมาทันที หญิงชรายิ่งรับไม่ ได้“พ่อบ้านปวินท์คนนี้ซื่อบื้อจะตายไป พวกเราบ้าน ทรัพยสานทำอะไรให้เขาไม่พอใจหรือ ทำงานมาตั้งสิบ กว่าปีแล้วทําไมถึงได้ทรยศต่อเราได้ล่ะ นึกไม่ถึงจริงๆ ว่าจะทํากันได้ลงคอ……….

ตอนเช้าเพิ่งจะจบการประชุมไปหนึ่งเรื่อง โทรศัพท์ ของปยุตก็ดังขึ้น เบอร์ที่ขึ้นโชว์ที่หน้าจอเป็นเบอร์ แปลกๆ เขาลังเลอยู่ครู่หนึ่งจึงกดรับสาย“ฮัลโหล? นั่น ใครครับ?”

“ทำไมไม่ยื่นเรื่องฟ้องฉันล่ะคะ? คุณชายปยุต?”

ปยุตมีสีหน้าเคร่งเครียดขึ้นมาทันที เขากัดฟันพูด“ทัต ดา คุณคิดว่าแค่ซื้อตัวพ่อบ้านปวินท์ของเราให้ขโมย เอกสารนั้นไปแล้ว ผมจะหมดหนทางจัดการคุณหรือ?”
“ก็เจ๊ากันไปละกัน ประธานปยุตคุณคิดว่าซ๊อตัว พนักงานคนสำคัญในแผนกบัญชีของฉันไปแล้ว ฉัน คน อย่างทัตดาจะปล่อยคุณไปง่ายๆงั้นหรือ? ในโลกนี้ไม่มี ปัญหาไหนที่ใช้เงินแก้ไขไม่ได้ คุณสามารถซื้อคนของ ฉันได้ ฉันก็สามารถซื้อคนของคุณเพื่อขโมยได้เหมือน กัน”

“ถ้างั้นก็เชิญคุณรับแสงแดดสองสามวันนี้ให้สบายใจ เถอะ เดี๋ยวคุณก็จะไม่ได้เห็นมันอีกแล้ว”

“ปยุต ฉันอยากจะต่อกรด้วยก็เฉพาะกับพ่อคุณเท่านั้น ตอนนี้เขาไปสวรรค์แล้ว ฉันไม่ได้อยากเป็นศัตรูกับคุณ แต่ถ้าคุณไม่หยุดเพียงเท่านี้ละก็ ฉัน คนอย่างทัตดา ไม่มีความเมตตาปราณีใดๆทั้งนั้น ถ้าฉันคิดจะทำอะไร แล้วละก็ ไม่มีอะไรมาขวางทางได้ทั้งสิ้น”

“อ่อ ผมไม่ใช่ศัตรูของคุณงั้นหรือ? คุณคิดว่าสิ่งที่ คุณทำกับผมนั้นจะสามารถลบล้างได้ด้วยคำพูดเพียง ประโยคเดียวนี้หรือ? รายการบัญชีระหว่างเรามีเรื่องให้ สะสางมากมายจนนับไม่ถ้วนแล้ว”

“ถ้างั้นก็ค่อยๆสะสางเถอะ ฉันจะชดใช้ให้จนถึงที่สุด!”

ทัตดาวางสายไปแล้ว ปยุตต่อสายภายในผลินครับ คุณเข้ามาหาผมหน่อย”

ผลินเข้ามาในห้องทำงานของท่านประธาน มีอะไรคะ?”

“เดี๋ยวช่วยให้คนมาติดกล้องวงจรปิดในห้องทำงาน ผมหน่อยนะ”

“ติดทําไมคะ?”

ผลินงุนงง

“คุณคิดว่าทัตดาซื้อตัวพ่อบ้านปวินท์คนเดียวอย่าง นั้นหรือ? เธอรู้ได้อย่างไรว่าเอกสารฉบับนั้นต้องอยู่ที่ บ้าน?”

“คุณหมายความว่าในบริษัทนี้ก็มีสายสืบของเธออีก หรือคะ?”

ปยุตพยักหน้า“ในที่สุดคุณก็อ่านเกมส์ออกแล้ว”

“ได้ค่ะ ฉันจะเรียกคนมาติดให้”

ผลินหันหลังเดินออกไป ปยุตตะโกนเรียกเธอ”เดี๋ยว ก่อน”

“ทําไมคะ?”

“อยู่คุยเป็นเพื่อนผมก่อน ผมมีเรื่องไม่สบายใจ
“เป็นอะไรอีกละคะ?”

เธอเดินไปที่ข้างๆเขา ปยุตให้เธอนั่งลงบนตัก พูด อย่างเสียใจว่า “เดิมทีคิดว่าครั้งนี้จะต้องล้มนังแม่มด เฒ่านั่นได้อย่างแน่นอน คิดไม่ถึงว่าจะมีเรื่องผิดแผน แทรกขึ้นมา หลังจากที่แหวกหญ้าให้งูตื่นครั้งนี้แล้ว ทัต ดาจะต้องระวังตัวมากขึ้นอีก คงจะต่อกรกับเธอไม่ง่าย อย่างนั้นแล้วล่ะ”

“จะต้องสู้กันจนตายกันไปข้างหนึ่งเลยไหมคะ?”

ผลินหวังให้เขาปล่อยวางลงบ้าง และหันมาใช้ชีวิต ปกติสุข

“ไม่ว่าใครผมก็คงปล่อยวางได้นะ เว้นแต่ทัตดานี่ ผม ไม่อาจปล่อยเธอไปได้จริงๆ”

“ทำไมล่ะคะ?” ผลินรู้สึกว่าความเกลียดชังที่ปยุตมีต่อ หล่อนมันเป็นแค่เรื่องเล็กน้อยเท่านั้น หรือว่าหล่อนทำ อะไรคุณอีก? แต่ว่าฉันยังไม่รู้?”

ปยุตส่ายหน้า“เปล่าหรอกครับ อย่าเพิ่งคิดฟุ้งซ่านไป ไกล”

เขาไม่อยากคุยเรื่องหนักใจนี้กับเธออีก ยื่นมือข้าง หนึ่งซุกเข้าไปในคอเสื้อของชุดเธอ จับหน้าอกที่เอ่อล้น ของเธอ อวัยวะบางอย่างของเขาเริ่มตื่นตัว ริมฝีปากอันเร่าร้อนย้ายไปที่คอทั้งยาวและขาวของเธออย่างอ่อน

โยน จูบเบาๆอย่างอบอุ่นพลางกระซิบ “ผลิน เราไม่ได้

ใกล้ชิดกันครึ่งเดือนแล้วนะ คุณว่าไหม?”

ผลินหน้าแดง สายหน้า ไม่ดีกว่าค่ะ”

เขายังคงจูบต่อไป พลางเอามือที่ชำนาญค่อยๆปลด กระดุมชุดเธอออก

“อย่าค่ะ…….

เธอพยายามร้องเตือน เพียงเพราะประโยคนี้เขาถึง ได้สติ คุณหมอเคยบอกว่าเนื่องจากเธอมีประวัติเรื่อง การมีบุตรยากและกำลังตั้งครรภ์ที่เป็นฝาแฝดอยู่ ดัง นั้นจะเป็นการดีที่สุดหากหลีกเลี่ยงการมีเพศสัมพันธ์กัน ในช่วงสามเดือนแรก เด็กคนนี้มีความสำคัญยิ่งกว่าชีวิต ของเธอ เธอจะต้องไม่เอาความต้องการทางธรรมชาติ ของมนุษย์ทั้งสองมาทำให้ลูกในท้องตกอยู่อันตรายได้

ฤดูร้อนอันยาวนานค่อยๆผ่านพ้นไป ผลินตั้งครรภ์ได้ เกือบครบสามเดือนแล้ว สองสามวันมานี้คุณแม่สามี เอาแต่สวดมนต์ทั้งวัน รอจนครบสามเดือนแล้วจึงไปทำ อัลตราซาวน์อีกครั้ง เธอแทบจะรอคอยเวลานั้นไม่ไหว แล้ว เธออยากจะรู้ว่าในท้องของลูกสะใภ้ เป็นชายคู่ หรือ หญิงคู่ หรือ ชาย 1 หญิง 1 กันแน่

ในค่ำคืนของต้นฤดูใบไม้ร่วง ผลินฝันถึงคุณแม่ สะดุ้งตื่นขึ้นมาในตอนเช้ามืด เธอลูบท้องนูนๆของเธอทียน ออกมาเพียงเล็กน้อย เธอคิดขึ้นมาได้ว่ายังไม่ได้บอก คุณแม่เรื่องที่เธอตั้งท้อง เธออาบน้ำเสร็จจึงตัดสินใจไม่ ไปทำงาน ตรงไปที่ภูเขาพูดคุยกับแม่ของเธอที่หลับอยู่ ในหลุม

และยังคงเหมือนเดิมเธอซื้อดอกบัวดอกไม้ที่แม่ของ เธอชื่นชอบไปด้วย เธอจอดรถที่เชิงเขาแล้วเดินขึ้นไป เพียงลำพัง เมื่อถึงหลุมศพของแม่ เธอวางดอกไม้ลง มี เพียงน้ำตาที่ไหลรินออกมา”แม่คะ หนูตั้งท้องแล้ว ช่าง เป็นช่วงเวลาแห่งความสุขจริงๆ จึงลืมไปที่จะบอกข่าว อันน่ายินดีนี้ให้แม่ได้รู้ ในที่สุดลูกสาวของแม่ก็ได้ผ่าน พันช่วงเวลาเลวร้ายที่สุดในชีวิตมาแล้วคะ ตอนนี้หนูมี ความสุขมากเลยคะ มีความสุขมาก…………….

“หนูท้องลูกแฝดค่ะ สุขใจจริงๆค่ะ พ่อของเขาก็ดีใจ เช่นกันค่ะ เขายังตั้งชื่อลูกทั้งสองว่า หิหิ ฮาฮา ด้วยนะ คะ เขาบอกว่าลูกสาวของแม่คนนี้ไม่เคยมีความสุขเลย ในชีวิตตอนเป็นเด็ก ดังนั้นเขาจึงหวังว่าลูกในท้องของ เราจะโตขึ้นมาอย่างมีความสุขคะ ดูสิคะ เขาช่างเป็น ผู้ชายที่ดีจริงๆ เลยใช่ไหมคะ เขาดีมาก ลูกสาวของ แม่เลือกคนไม่ผิดหรอกค่ะ ทุกวินาทีที่อยู่ข้างกายเขา ล้วนแล้วแต่มีความสุขคะ แม่คะ แม่สบายใจได้แล้วนะ คะ..……….”

ผลินพูดคุยกับแม่ของเธออยู่นาน จนขาเป็นตะคริว เธอจึงใช้มือข้างหนึ่งเท้าที่หลุมศพเพื่อพยุงตัวเองลุกขึ้น ณ เวลานั้นพลันรู้สึกเหมือนได้ยินเสียงฝีเท้าอยู่ที่ ด้านหลัง เมื่อหันหลังกลับไปมองก็ไม่เห็นอะไร ด้าน หลังนั้นมีเพียงต้นไม้หนาทึบ ทันใดนั้นเธอนึกขึ้นมาได้ ถึงเรื่องการสะกดรอยของทาตฤก่อนหน้านี้ ในใจเธอ เริ่มรู้สึกกลัวขึ้นมา จึงหยิบโทรศัพท์ออกจากกระเป๋า โทรตรงไปหาปยุต

ตอนนั้นเขารับสายด้วยความรวดเร็วและน้ำเสียงอ่อน โยน“ฮัลโหล? ผลิน?”

“ปยุตคะ คุณยุ่งอยู่ไหม?”

“ไม่ค่อยนะ มีอะไรหรือ?”

“ถ้าคุณสะดวกช่วยมารับฉันที่สุสานของคุณแม่หน่อย ได้ไหมคะ ฉันรู้สึกว่าเหมือนมีคนสะกดรอยตามฉันมาน่ะ ค่ะ”

ปยุตรีบลุกขึ้น พูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่นว่า “ได้ครับ ผมจะไปเดี๋ยวนี้ คุณระวังตัวด้วยนะ ถ้ามีอะไรรีบโทรหา ผมทันทีเลยนะครับ!”


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ