ภรรยาคนที่เจ็ดของประธาน

ตอนที่ 162 รักษาม้าตายดั่งม้าเป็น(3)



ตอนที่ 162 รักษาม้าตายดั่งม้าเป็น(3)

“แล้วพวกเราต้องทำยังไงกันดีคะ”

“ครั้งล่าสุดฉันเกือบจะจับเธอมาจัดการได้แล้ว แต่ ลูกชายของฉันตื่นเต้นจนทำไม่สำเร็จ พอคิดแล้วฉันก็ หายใจไม่ออก”

“คะ? เกือบจะจับเธอมาจัดการยังไงคะ”

ทาตฤบอกจันทรว่าเกิดอะไรขึ้นบ้างในคืนนั้น หลังจากที่ จันทรได้ยิน ลึกลงไปในความคิด ก็เกิดความคิดหนึ่งขึ้นมา ในจิตใจ

“ลุงทาตถุอย่าโกรธไปเลย ในความเป็นจริงคุณอาจจับ เธอมาจัดการได้อย่างสมบูรณ์”

ทาตถุงุนงงพลางส่ายหน้า “ไม่มีทาง ครั้งต่อไปเธอจะ ไม่หลงกลอีก”

“ไม่ได้หมายความว่าให้คุณทำมันอีกครั้ง แต่คือ…”

จันทรโน้มตัวไปข้างหน้า และบอกความคิดต่อเขา

“มันได้เหรอ”

“ทำไมจะไม่ได้ล่ะคะ เหตุการณ์ครั้งนั้นปยุตไม่ได้ตาม หาคุณใช่ไหม”
“งั้นก็ไม่มีปัญหา แสดงว่าเธอกลัวว่าปยุตจะเข้าใจผิด จึง ไม่กล้าพูดเรื่องนี้ออกมา คุณแค่ทำตามที่ฉันบอก มันต้องมี อะไรที่ไม่คาดคิดเกิดขึ้นแน่

ทาตฤคิดทบทวน “ได้ งั้นก็ตกลงตามนี้ ฉันจะพาเธอออก มา แล้วเดี๋ยวเย็นนี้จะติดต่อคุณไป

หลังจากที่คนสองคนแลกเปลี่ยนเบอร์โทรศัพท์กัน หลัง จากนั้นหนึ่งคนก็ออกจากร้านกาแฟไป

จันทรไม่คาดคิด ในตอนเธอพูดคุยเกี่ยวกับวิธีการแก้ ปัญหาที่เลวทรามกับทตถุอยู่นั้น ธรรศนั่งอยู่ข้างหลังเธอ คนสองคนคุยกันอย่างสบายอารมณ์ไม่ทันได้เอะใจ

ทาตถุออกมาจากร้านกาแฟ แล้วเขาก็มาที่คฤหาสน์นภา ฝากจดหมายให้เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยและบอกให้ ส่งมันให้กับผลินแล้วรีบออกไป

เมื่อผลินเปิดจดหมาย ในนั้นมีเพียงไม่กี่คำ “ลุงของเธอ กำลังลำบาก ออกมาคุยรายละเอียดกันที่ถนนนำโชคร้านน้ำ ช้าลุงศิ”

เธอรู้สึกสับสน ในช่วงเวลาสั้น ๆ มันเป็นไปไม่ได้ที่จะจำ ได้ว่าใครเป็นคนส่งมา แต่ลุงไม่ได้ติดต่อมาเป็นเวลาสอง เดือนแล้ว เธออดไม่ได้ที่จะเป็นห่วง จึงรีบออกไป
ทาตฤนั่งอยู่ในร้านน้ำชาและรออย่างมั่นใจว่าผลินจะมา เขาดึงปากกาบันทึกออกมาจานแขนเสื้อ เผยรอยยิ้มที่น่า กลัว แล้ววางปากกาลงในกระเป๋าเสื้อ

ในตอนนี้ เขาไม่เห็นว่าตรงข้ามร้านน้าชา มีคนที่กำลัง จ้องมองเขาเขม็ง

และคนคนนั้นคือธรรศ เขาสะกดรอยตามทาต มาตั้งแต่ที่ เขาออกจากร้านกาแฟ

เมื่อผลินมาถึงร้านน้ำชา ธรรศที่นั่งอยู่บนชั้นสองก็มอง เห็นเธอ แต่ไม่ได้หยุดให้เธอเข้าไป

ยืนอยู่กลางร้านนําชา ผลินกวาดตามองไปรอบ ๆ อย่าง รวดเร็ว เมื่อเห็นทางถยิ้มให้ เธอจึงหันหลังแล้วจะเดินอกไป ทาต ลุกขึ้นยืน “ผลิน ไม่อยากรู้เรื่องของลุงเธอแล้วเหรอ”

เธอหยุดกะทันหัน ถึงแม้ว่าจะไม่อยากเห็นเขา แต่ สําหรับเรื่องของลุง เธอจึงจําต้องถอยกลับไป

ทันทีที่นั่งลง เสียงข้อความเข้าจากโทรศัพท์มือถือดัง ขึ้น เธอหยิบมันออกมาดู มันมีเพียงแปดคำ “คนนี้หลอกลวง ตอบอย่างระวัง”

ผลินมองออกไปนอกหน้าต่างด้วยความตกใจ และ ธรรศก็มองตรงเข้ามายังดวงตาเธอ จากนั้นเธอจึงรีบเก็บ โทรศัพท์มือถือเข้าไปในกระเป๋า
“ลุงของฉันเป็นอะไร

ทาตฤยิ้ม “ฉันจะบอกเธอในรายละเอียดเกี่ยวกับลุงเธอ ที่หลัง แต่ก่อนที่จะพูดถึงลุงของเธอเรามาคุยกันถึงเรื่องที่ เกิดขึ้นในคืนนั้นกันดีกว่า”

“คืนนั้นเกิดอะไรขึ้นงั้นเหรอ”

ผลินรู้แล้วว่ามีกับดัก จึงเริ่มแกล้งทำเป็นสับสน

“ก็ในคืนที่เธอและลูกชายของฉันเติมเต็มความสัมพันธ์ ฉันท์สามีภรรยากันแล้วยังไงล่ะ”

ปัง! ผลินตบลงบนโต๊ะ “ลุงทาตฤโปรดระวังคำพูดของ คุณด้วย ฉันได้ไปเติมเต็มความสัมพันธ์กับลูกชายของคุณ เมื่อไหร่กัน”

ทาตฤตกใจ เห็นได้ชัดว่าไม่ได้คาดหวัง ว่าผลินจะไม่ ยอมรับมัน

“มันคงค่อนข้างแย่ที่ต้องจำเรื่องแบบนั้นตั้งแต่อายุยัง น้อยสินะ ก็ในคืนที่เธอส่งลูกชายฉันกลับมา เธอไม่ได้มี ความสัมพันธ์แบบเนื้อแนบเนื้อกับลูกชายของฉันหรือไง”

“ถ้าคุณพูดจาดูถูกฉันอีกครั้ง เชื่อหรือไม่ว่าฉันจะฟ้อง คุณข้อหาละเมิดสิทธิส่วนบุคคล!”

“หึ เธอเลิกเสแสร้งได้แล้ว ฉันมีหลักฐาน
“งั้นดีเลย คุณนำหลักฐานออกมาสิ”

ใบหน้าของทาต จม “หลักฐานถูกลูกชายโง่ ๆ ของฉัน ทําลายไปแล้ว แต่ความจริงก็คือความจริง ถึงไม่มีหลักฐาน สิ่งที่เกิดขึ้นก็ไม่เปลี่ยนเด็ดขาด”

เขาพยายามจะยั่วโมโหผลิน ให้ยอมรับว่าได้นอนอยู่ บนเตียงกับลูกชายของเขาในคืนนั้น ไม่ว่าผลจะเป็นยัง ไง ตราบใดที่เธอยอมรับว่านอนอยู่บนเตียงนั้น สมองของ มนุษย์ก็จะจินตนาการไปแล้วว่าการนอนบนเตียงก็คือการ เสียตัว

“ฝีมือตี๋าด้อยความสามารถน้อยนิด

ผลินมองเขาอย่างเย็นชา ทันใดนั้นก็หัวเราะเยาะ

“เธอหัวเราะอะไร

ทาตฤหัวใจเต้นแรง มีลางสังหรณ์ที่ไม่ดีมาก

“ฉันหัวเราะความโง่ของคุณ” ผลินยื่นมือออกไป ดึง ปากกาบันทึกที่เขาใส่ไว้ในหน้าอกออกมาและฉีกเทปบันทึก ต่อหน้าเขา “วิธีนี้น่ะเคยมีคนอื่นใช้แล้ว คุณคิดว่าฉันจะโง่ พอให้คุณจัดการตามแผนได้งั้นเหรอ

ในความเป็นจริงแม้ว่าธรรศจะไม่ได้ส่งข้อความให้เธอ ในตอนที่เธอนั่งลง ก็ได้ค้นพบแผนการของทาตฤแล้ว
เมื่อทาตถุรู้ว่าถูกเธออ่านความคิดออก ก็ยืนขึ้นด้วย ความโกรธ ในตอนที่กำลังจะออกไป ผลินก็พูดขึ้นมาอีกครั้ง “ทาตฤ นี่เป็นคำเตือนจากฉันครั้งสุดท้าย ถ้าคุณแค่หยุดตรง นี้ ฉันก็จะเห็นแก่หน้าธาตรี จะไม่เอาความเรื่องในอดีต แต่ ถ้าคุณยังดันทุรัง ก็อย่าโทษว่าฉันรุนแรง”

นี่เป็นครั้งแรกที่ผลินไม่เรียกว่าลุงทาตฤและแทนที่โดย การเรียกชื่อเขาโดยตรง ทาตฤโกรธมาก พูดรอดไรฟังว่า “อย่าลืม ว่าฉันเคยช่วยเธอไว้ในเวลาที่เธอยากลำบากที่สุด”

“ใช่ คุณเคยช่วยฉัน ถ้าแม่ของฉันยังไม่ตายฉันจะ ขอบคุณมาก น่าเสียดายที่แม่ฉันตาย ดังนั้นนั่นคือจุดสิ้นสุด ของความเมตตาที่มีให้ฉัน อย่าคิดว่าฉันใจร้ายเกินไป เพราะ แม้แต่พ่อที่แท้จริงของฉัน ฉันยังสามารถส่งเขาเข้าคุกได้ ไม่ต้องพูดถึงคุณที่ไม่มีความสัมพันธ์ทางสายเลือดกับฉัน”

ทาตฤก้าวเดินจากไปด้วยความยากลำบาก ผลินจ้องมอง น้ำชาใสในมือ เห็นด้วยกับสิ่งที่ปยุตพูดกับเธอ เมื่อคนอื่นไม่ สนใจว่าคุณรู้สึกยังไง คุณก็ไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับสิ่งที่คนอื่น รู้สึก

เธอครุ่นคิดชั่วครู่ จากนั้นจึงเงยหน้าขึ้น มองไปที่ร้านน้ำ ชาฝั่งตรงข้าม แต่กลับพบว่าไม่รู้เมื่อไหร่ที่ธรรศจากไปแล้ว

สามวันเต็ม ที่ธรรศไม่ได้ไปหาจันทร จนวันที่สี่ก็มาถึงที่ ประตูห้องของจันทร จันทรดีใจที่ได้พบเขา จับมือเขาแล้ว ถามว่า “ธรรศ คุณไปอยู่ไหนมา ทำไมฉันไม่เห็นเธอเลย”
“ตอนนี้ใจของเธอจดจ่ออยู่กับปยุต ไม่แปลกที่จะไม่เห็น

ธรรคสะบัดมือของเธอออก

นั่นทำให้จันทรงุนงง แปลกใจในความเฉยเมยของเขา “คุณเป็นอะไร”

“นั่นคือสิ่งที่ฉันควรถามเธอ”

คำพูดของธรรศทำให้จันทรยิ่งงง “ถามอะไรฉัน

“คุณเป็นอะไรไปแล้ว ยิ่งนานวันฉันก็ยิ่งกลายเป็นคน แปลกหน้างั้นเหรอ เมื่อเสียคนที่รักไปแล้วก็ยอมแม้แต่ทำ ทุกอย่างเพื่อให้ได้กลับคืนมางั้นเหรอ”

จันทรดวงตามืดครึ้มลง “เธอไม่ต้องมาสนใจยุ่งเรื่องของ

ฉัน”

“ถ้าเธอเป็นคนที่ไม่มีความหมายต่อฉัน ฉันจะไม่สนใจยุ่ง เรื่องของเธอเลย แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่า แม้ว่าฉันต้องการฉัน ก็จัดการไม่ได้อีกต่อไปแล้ว

ธรรศไม่ซ่อนความรู้สึกสูญเสียของเขา “แม้ว่าฉันจะ นำหัวใจของฉันออกมามอบให้กับเธอ เธอก็คงจะเขวี้ยงมัน ลงพื้นมากกว่าที่จะมองมันสินะ”

“ธรรศ คุณสำหรับฉันน่ะก็เหมือนพี่ชาย เพราะฉะนั้นอย่าพูดจาดูถูกตัวเองแบบนั้นได้ไหมล่ะ”

“มีความรักไหม”

เขาถามแดกดัน “นอกจากในเวลาที่เศร้า ในเวลาที่หมด หนทาง คิดว่าฉันเป็นคนเดียวที่พึ่งพาได้ ยังมีความรู้สึกทาง อารมณ์อื่น ๆ อีกไหม

จันทรเงียบ

“จันทร อย่าทําแบบนี้อีกเลย อย่าทำให้ฉันต้องผิดหวัง ในตัวเธอมากไปกว่านี้ ไปจากที่นี่กับฉันเถอะนะ…

“ขอโทษนะ ธรรศ แม้ว่ามันจะทําให้คุณผิดหวัง ฉันก็จะ ไม่ไปกับคุณอีกแล้ว สามปีก่อนมันผิดพลาดไปครั้งหนึ่งแล้ว ฉันจะไม่ทําผิดซ้ำสองอีก ดังนั้นถึงแม้ว่าจะตาย ก็จะตายบน แผ่นดินนี้”

“นี่ไม่ใช่ความผิดพลาด นี่คือตัวเลือกที่ฉลาดที่สุด หาก เธอไม่ไปตอนนี้นั่นต่างหากที่เป็นข้อผิดพลาดร้ายแรง ฉัน จะทํายังไงให้เธอได้ตาสว่างสักที

ธรรศนํารามด้วยความโกรธ

“ฉันตาสว่างแล้ว คุณไม่ต้องทำอะไรทั้งนั้น ฉันก็ยังตา สว่างอยู่ดี ถ้าไม่สนับสนุนฉัน ก็อย่ามายุ่งกับฉันอีก”

ทัศนคติที่ผิดเพี้ยนของจันทรทำให้ธรรศรู้สึกเศร้ามากเขาลุกขึ้นและเตรียมที่จะออกไป แต่เหลือบไปเห็นกล่องยา โดยไม่ได้ตั้งใจ หยิบมันขึ้นมาดูแล้วสีหน้าก็มืดครึ้มลงทันที “นี่มันอะไร”

เขาสั่นเทาถามผู้หญิงที่ยืนอยู่ริมหน้าต่าง

“ไม่มีอะไร”

จันทรรีบก้าวไปคว้ายาในมือของเขาด้วยความสับสน วุ่นวาย กะพริบตาอธิบาย ฉันเป็นหวัดนิดหน่อยน่ะ

“จันทร!”

ในที่สุดธรรศก็ทนไม่ไหว “เธอคิดว่าฉันโง่เหรอ เธอกิน โคลมิฟีนแก้หวัดงั้นเหรอ เธอคิดว่าฉันไม่เห็นหรือไงว่ามัน เขียนว่ายาช่วยในการตกไข่ เธอคิดจะทําอะไรกันแน่

“ฉันบอกว่าแล้วไงว่ามันไม่ใช่เรื่องของคุณ ทำไมคุณ ถึงได้ยุ่งเรื่องของฉันนัก คุณไม่ได้เป็นอะไรกับฉัน เพราะ ฉะนั้นฉันไม่จําเป็นต้องอธิบายอะไรกับคุณให้มากความทั้ง นั้น!”

ในที่สุดหัวใจของธรรศก็สิ้นหวัง เขาพยักหน้าอย่างไร้ ความรู้สึก “ได้ จากนี้ไปฉันจะไม่ยุ่งเรื่องของเธออีก แต่ใน ฐานะที่เป็นเพื่อนกันมานานหลายปี ฉันขอแนะนำเธออย่าง จริงใจ ทำตัวให้ดี ถ้าไม่ดึงม้าออกจากหน้าผาสูงชันตาม เวลา ดึงดันจะทําตามใจลงไป สักวันเธอจะไม่เหลืออะไร เลย สูญเสียศักดิ์ศรีของเธอ สูญเสียคนที่เธอรัก สูญเสียเพื่อนของเธอ สูญเสียทุกสิ่งทุกอย่างที่เธอมีในตอนนี้ รวม ถึงฉันด้วย”

หลังจากที่ธรรศเตือนและจากไป จันทรยืนนิ่งอยู่ชั่วครู่ ทันใดนั้นก็ส่งเสียงร้องไห้อย่างบ้าคลั่ง และทรุดลงกับพื้น…

คืนนี้เป็นคืนพระจันทร์เต็มดวง ผลินเท้าคางด้วยสองมือ จ้องมองดวงดาวด้วยความรู้สึกว่างเปล่า

ปยุตกลับบ้านหลังจากงานเลี้ยงอาหารค่ำ แต่ไม่เห็น ภรรยาของเขา จึงอดไม่ได้ที่จะสงสัย หยิบโทรศัพท์มือถือ ออกมาโทรหาเธอ

“อยู่ที่ไหน”

“ในบ้าน…”

“แล้วทำไมผมไม่เห็นคุณ

“ฉันยังพูดไม่จบ ในสวนหลังบ้าน”

เขาวางสายลงทันทีคัน ก้าวลงบันได วิ่งไปที่สวนด้าน

หลัง

ท่ามกลางกลิ่นหอมของดอกไม้ ผลินนั่งอยู่บนบันไดด้วย อารมณ์หดหู่ ปยุตเดินเข้าไปหาเธอพร้อมรอยยิ้ม ก้มลงถาม เธอ “คุณมานั่งทำอะไรอยู่ตรงนี้”
“ชินชมดวงจันทร

เธอตอบแผ่วเบา

ปยุต นั่งลงข้างเธอ เงยหน้าขึ้น “จะชื่นชมดวงจันทร์ ที่ไหนก็ได้ อย่ามาอยู่ตรงนี้ ยุงไม่กัดคุณตายเหรอ”

“ถ้าถูกกัดตายแล้วฉันยังจะคุยกับคุณได้เหรอ”

เขาหัวเราะ วางมือบนไหล่ของเธอ “คุณมีอะไรอยู่ในใจ พูดสิ

ผลินยักใหญ่ “ไม่ได้มีอะไรในใจหรอก ใครจะมีอะไรในใจ ได้ทุกวัน” ก้มหน้าลงอย่างหดหู่ เขี่ยหินในกระถางดอกไม้ ตรงเท้าเล่น

ปยุตจับยกใบหน้าของเธอขึ้น “จิ๊จิ ก็เห็นอยู่ว่ามีบาง อย่างที่อยากพูด หรือว่าเพราะคุณยังไม่ได้ชิมของหวาน

ก่อนที่จะรอเธอตอบ ริมฝีปากก็แนบลงมา ทั้งคู่ล้มลงแต่ ปยุตยื่นมือออกไปจับเธอไว้ทันเวลา ผลินรู้สึกถึงแรงกดบน หน้าอกจนแทบหายใจไม่ออก แต่ความปลุกปั่นระหว่างริม ฝีปากยังคงไม่ลดลง คนที่จูบเธอสอดนิ้วเข้าไปในเส้นผม บรรจงจูบช้า ๆ จนลืมเลือนทุกสิ่ง

ท่ามกลางแสงจันทร์แสนโรแมนติก ผลินค่อย ๆ สูญเสีย ความเป็นตัวเอง ความรู้สึกทั้งหมดจดจ่ออยู่ระหว่างริมฝีปาก และฟันที่กำลังสลับเปลี่ยนเวียนวน
“ลิน พวกเรากลับไปที่ห้องกันดีไหม

ปยุตบอกข้อเสนอด้วยเสียงหอบหนัก มือข้างหนึ่งปัด ป่ายไปตามร่างกายเธอหลายต่อหลายครั้ง ผลิบขวยเขินจน หน้าแดง แต่ก่อนที่จะได้ตอบอะไรออกไป ก็ได้ยินเสียงกรีด ร้อง พวกเขารีบปล่อยกันและกันด้วยความตกใจ และนั่นคือ ปาณีน้องสามี

“พี่ พี่สะไภ้ ถ้าพวกพี่จะแสดงความรักต่อกันทําไมถึงไม่ ไปทํากันในห้องตัวเองเล่า ต้องออกมาข้างนอกทําให้เกิด ผลกระทบกับเมืองด้วยเหรอ แถมยังเข้ามาอยู่ในดินแดน ของหนูอีก!”

ปยุต มอย่างไร้อารมณ์ “อะไรคือดินแดนของแก”

“สถานที่ที่พี่นั่งอยู่ตอนนี้นี่แหละเป็นดินแดนของหนู ดอกไม้และหญ้าพวกนี้หนูปลูกเอง!”

ผลินอายจนแทบอยากจะมุดดินหนี อธิบายอย่างเขินอาย “น้องณี ขอโทษนะคะ คือพี่ชายเธอเมานิดหน่อยน่ะ”

“ผมไม่ได้เมา”

ปยุตขัดจังหวะขึ้นมาโดยที่ไม่เข้าใจอะไรเลย

เธอบีบมือเขา พูดเสียงพึมพำว่า “ถ้าคุณไม่พูดก็ไม่มีใคร หาว่าคุณโง่หรอก…
“ฉันทนพวกคุณไม่ไหวแล้ว ทำไมฉันต้องเจอแบบนี้ทุก ครั้งด้วย โอ้ย อกอีแป้นจะแตก อกอีแป้นจะแตก ฉันไม่อยาก มีชีวิตอยู่อีกต่อไปแล้ว…

ปาณีปิดหน้าวิ่งหนีไปอย่างโกรธเคือง ผลินต่อว่าปยุต

“มันเป็นความผิดของคุณ”

“ใครจะรู้ว่าผู้หญิงคนนี้ดึกแล้วยังไม่นอนวิ่งมาที่นี่”

พวกเขาจ้องมองกันและกัน สามสิบวินาทีต่อมา ก็เกิด เสียงหัวเราะขึ้นพร้อมกัน

“เมื่อกี้พวกเรากำลังคุยเรื่องอะไรกันอยู่” ปยุตถาม

“ไม่ได้คุยอะไร คุณแค่จูบฉัน”

“ก่อนที่จะจูบคุณสิ”

จำไม่ได้แล้ว”

ผลินโผเขาสู้อ้อมกอดปยุต และพูดเสียงเบาหวิวว่า “คุณ ยุต ฉันขอถามอะไรคุณหน่อยได้ไหม”

“ได้สิ ถามอะไรเหรอ”

“ตอนที่คุณรักอยู่กับจันทรคุณเคยตั้งชื่อลูกด้วยใช่ไหม”
ทันใดนั้นร่างกายปยุตก็แข็งทื่อ พูดด้วยความงุนงงว่า “เพราะอะไรถึงพูดมันขึ้นมาล่ะ

“ก็แค่ถามเฉย ๆ มันเป็นความจริงใช่ไหม”

จำไม่ได้ มันนานมากแล้ว”

เห็นได้ชัดว่าเขาไม่อยากพูดถึงเรื่องนี้ แต่ก็รู้สึกแปลก “ใครบอกคุณ”

“ฉันจะได้ยินจากใครได้ นอกจากจันทร

“เธอมาหาคุณเหรอ”

“อืม”

“แล้วไม่ได้พูดอะไรอีกเหรอ”

ผลินเงยหน้าขึ้น “มันมีอะไรอีกเหรอ”


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ