ภรรยาคนที่เจ็ดของประธาน

ตอนที่ 246 ตอนจบ



ตอนที่ 246 ตอนจบ

ก็เป็นเช่นนี้ ปยุตเดินทางมาเป็นเพื่อนผลินจนถึง เวียนนา ประเทศที่มีอากาศอบอุ่นและบรรยากาศที่ อบอวลด้วยกลิ่นหอมของดอกไม้และเสียงนกตาม ธรรมชาติตลอดทั้งปี

อพาร์ทเม้นต์ที่ตั้งอยู่ริมแม่น้ำดานูบสวยกว่าในรูป ถ่ายเป็นไหนๆ พอก้าวเข้าประตูไปก็มีแม่บ้านชาว ฟิลิปปินส์ 2 คนให้การต้อนรับเธออย่างอบอุ่น “คุณผู้ หญิงคะ ยินดีต้อนรับสู่เวียนนาค่ะ”

“พวกเขาพูดภาษาจีนได้ด้วย?”

ผลินแปลกใจเอ่ยถามปยุตที่ยืนอยู่ข้างๆเธอ เขาพยัก หน้า “ชาวฟิลิปปินส์เป็นแม่บ้านมืออาชีพที่สุดในโลก ก็ ไม่แปลกที่เธอจะพูดได้หลายภาษา”

เขาพาเธอเดินชมภายในที่อยู่แห่งใหม่ ผลินถอนหาย ใจใกล้ๆปยุต ถึงแม้ที่นี่จะแตกต่างจากบ้านเกิดของเธอ แต่การตกแต่งภายในนั้นไม่แตกต่างจากบ้านที่เธอเคย อยู่เลย

“วันนี้พักผ่อนกันก่อนดีกว่า พรุ่งนี้ผมจะพาคุณไป สำรวจดูรอบๆ”

ปยุตเอากระเป๋าเดินทางส่งให้แม่บ้าน ถอดเสื้อโค้ชตัว หนาออกจากตัวผลิน
“คุณคุ้นเคยกับที่นี่มากไหมคะ?”

“ก็พอได้ครับ เมื่อก่อนตอนที่ยังเรียนหนังสืออยู่เคย มาอยู่ที่นี่ช่วงปิดเทอม

“ไม่ได้มากับจันทรใช่ไหมคะ?” ผลินถามด้วยน้ำเสียง อิจฉา

“ไม่ใช่ครับ ตอนนั้นผมยังไม่รู้จักเธอเลย”

“อ้อ” เธอแกล้งทำเป็นพยักหน้าอย่างไม่สนใจ

เช้าวันต่อมา ปยุตพาผลินเข้ามาในตัวเมือง เมือง หลวงของออสเตรียกรุงเวียนนาทุกๆที่เต็มไปด้วยเสียง เพลงอันไพเราะ น้ำใสไหลเย็นในลำธาร ต้นไม้ชอุ่ม เขียวขจี สร้างแรงบันดาลใจให้กับนักดนตรีมากมาย

“ได้ยินว่าที่นี่เป็นต้นกำเนิดนักดนตรีที่มีชื่อเสียง มากมายเลยใช่ไหมคะ?”

“ใช่ครับ ทั้งโมซาร์ทเอย สเตราส์เอยต่างก็เกิดที่นี่”

“ที่นี่ดีจังเลยนะคะ ไม่รู้สึกหนาวเลย”

“ครับ ในบรรดาประเทศทั้งหมด 7 ประเทศผมจึง เลือกที่นี่ ในฤดูหนาวที่นี่อากาศอบอุ่น ส่วนฤดูร้อนก็เย็น สบาย นับว่าเป็นเมืองที่น่าอยู่อันดับต้นๆในโลกนี้เลยล่ะ”

“ฉันชักจะหลงรักที่นี่เข้าแล้วสิคะ”
“สิ่งที่คุณรอคอย” ปยุตอมยิ้ม “อยากขี่จักรยานไหม ล่ะ?”

เธอตกใจตาโต “ได้หรือคะ?”

“ไม่ได้หรอกครับ ผมขี่ให้ คุณนั่งข้างหน้าผมไง”

ไม่รู้ว่าปยุตไปเอาจักรยาน 2 ที่นั่งแปลกๆนี้มาจาก ไหน เขาให้ผลินนั่งด้านหน้า ส่วนเขานั่งอยู่ที่ด้านหลัง แล้วจึงออกแรงถีบ จักรยานเคลื่อนที่ออกไป วิ่งออก ไปท่ามกลางสายลมพัดอ่อนๆ ควบออกไปตามใจชอบ พวกเขาขี่จักรยานจากในเมืองออกไปจนถึงนอกเมือง ทิวทัศน์ระหว่างทางช่างงดงามตระการตามาก ถนน ในเมืองนั้นค่อนข้างคับแคบ พื้นถนนลาดยางมะตอย มีแยกเล็กแยกน้อยเต็มไปหมด สถาปัตยกรรมที่ ตกแต่งอยู่สองข้างทางมีทั้งแบบโรมัน โกธิค และบา ร็อค ตรงใจกลางแออัดไปด้วยย่านร้านค้าและเขตที่ อยู่อาศัย นอกนั้นก็ยังมีสถาปัตยกรรมพระราชวังและ วัดวาอารามต่างๆอีก ถนนนอกเมืองทอดตัวยาวออกไป จนถึงเขตป่าไม้ น้ำในแม่น้ำดานูบไหลเข้ามาทางเมือง ชั้นใน ในสวนสาธารณะดานูบมีเจดีย์ดานูบที่สูงเสียด ฟ้าอยู่องค์หนึ่ง ความสูงราว 252 เมตร ในองค์เจดีย์นั้น ติดตั้งลิฟท์ความเร็วสูงถึง 2 ตัว นักท่องเที่ยวใช้เวลา เพียง 45 วินาทีก็สามารถขึ้นไปถึงยอดเจดีย์ได้เลย เมื่อ มองออกไปรอบๆจากบริเวณยอดเจดีย์ จะสามารถชม ทัศนียภาพของเทือกเขาแอลป์และภาพเต็มมุมของสอง ฝั่งแม่น้ำดานูบซึ่งอยู่ไกลออกไป

“ตอนเด็กๆชอบกินที่สุดก็คือลูกอมยี่ห้อเทือกเขาแอลป์ ไม่นึกเลยว่าจะมีสักวันที่ได้เห็นเทือกเขาแอลป์ จริงๆ”

ผลินยืนอยู่บนยอดเจดีย์ หวนนึกถึงความทรงจำใน อดีตพลางกล่าวออกมาอย่างประทับใจ

“คุณอยากจะไปเที่ยวเทือกเขาแอลป์บ้างไหมล่ะ?”

“ได้หรือคะ?”

เขาอมยิ้ม “ก็เรามีขาของตัวเองนี่ครับ อยากจะไป ที่ไหนก็ไปได้ทั้งนั้นแหละ”

“ฉันคิดว่าคุณจะใช้ข้ออ้างเรื่องฉันตั้งท้อง ไม่ให้ซ้ำว ไปไหนมาไหนซะอีก”

“เฉพาะครั้งนี้ครั้งเดียวเท่านั้นแหละครับ มีผมคอย ดูแลอยู่ใกล้ๆต่อให้ไปไกลแค่ไหนก็ไม่หวั่น แต่ถ้าไม่มี ผมอยู่ด้วย คุณก็ห้ามออกไปไหนทั้งนั้น”

“อ๋อ เข้าใจแล้วค่ะ”

เธอยิ้มพลางรับปากรับคำ

“วันนี้น่าจะไม่ทันแล้วล่ะครับ พรุ่งนี้ค่อยไปดีกว่า”

“ได้ค่ะ”

ขอเพียงเขาพาเธอไป จะช้าไปวันสองวันก็ไม่เห็นจะเป็นอะไร

วันต่อมา ผลินออกไปกับปยุตอีกจนมาถึงเทือกเขาแอ ลป์ในที่สุด เมื่อคิดทบทวนดูแล้วเขาเห็นว่าไม่อยากให้ เธอเหนื่อยเกินไปเพราะตั้งท้องได้ 6 เดือนแล้ว เขาจึง ไม่พาเธอปีนเขาขึ้นไป แต่ขี่จักรยานวนไปรอบๆอยู่ที่ บริเวณเชิงเขา

เมื่อเหนื่อยแล้วทั้งสองจึงหาที่นั่งลงพักผ่อน ปยุต ราวกับเล่นมายากล เขาหยิบลูกอมยี่ห้อเทือกเขาแอ ลป์ออกมาจากในกระเป๋า เธอรับมันไว้ด้วยสีหน้าตกใจ “อัยยะ คุณเอามาจากไหนคะ รสสตรอเบอรี่ด้วย! ”

ตอนเด็กๆ ผลินชอบรสชาตินี้มากที่สุด เขารู้ได้ยังไง

นะ

“มาถึงเทือกเขาแอลป์แล้ว ไม่กินลูกอมของเทือกเขา แอลป์ได้ยังไงล่ะครับ?”

เขาพูดหยอกล้อออกมาประโยคหนึ่ง

“แล้วคุณรู้ได้ยังไงคะว่าฉันชอบรสนี้?

“ผมเห็นคุณปกติชอบดื่มนมเปรี้ยวรสสตรอเบอรี่ ก็ เลยลองเสี่ยงดวงหยิบมาดูน่ะครับ”

ผลินรู้สึกประทับใจในความใส่ใจของเขา เอนกาย เข้าไปใกล้ หอมแก้มเขาทีหนึ่ง “ขอบคุณค่ะ คุณนี่ดวงดี จังเลยนะ”
เธอแกะเปลือกลูกอมออก 1 เม็ดใส่เข้าไปในปาก รสชาติหอมหวานมาก รสชาติอร่อยกว่าที่กินสมัยเด็กๆ อีก “แปลกจัง ลูกอมนี้ทำไมหว๊านหวานจังคะ?”

ปยุตลองแกะเปลือกกินดูบ้าง “ก็พอดีนะครับ ไม่หวาน

เกินไป”. “ไม่นะคะ ฉันว่าหวานมาก” เธอใช้ฟันเคี้ยวดัง แคลบ :

“อ๋อ สงสัยใส่ส่วนผสมความหวานยี่ห้อปยุตลงไปด้วย

แน่ๆ”

ฮาฮา ปยุตขำในอารมณ์ขันของผลิน “ยี่ห้อนี้มีคุณ เพียงคนเดียวเท่านั้นที่รู้สึกได้นะครับ คนอื่นกินแล้วไม่รู้ สึกอะไร”

“มีข้อยกเว้นด้วยหรือคะ?”

“แน่นอนครับ”

ผลินหัวเราะอย่างมีความสุข ควงแขนเขาไปพลางกิน ลูกอมไป

“ฉันอยากเล่นสกีค่ะ…..

“รอให้คลอดลูกก่อนนะแล้วค่อยว่ากัน”

“ฉันอยากปีนเขาค่ะ….

“รอให้คลอดลูกก่อนนะแล้วค่อยว่ากัน”
“ฉันอยากเลิกกับคุณค่ะ……

“รอให้ลูก…… อะไรนะ? ปยุตโมโหแล้ว “คุณพูดว่า อะไรนะ?”

“เปล่านี่คะ ฉันไม่ได้พูดอะไรเลย ฮาฮา”

ปยุตอยู่ที่เวียนนาได้เพียง 2 วันเท่านั้น ที่บริษัทก็โทร มาว่าให้เขารีบกลับไป

หลังจากวางสาย เขายืนพิงข้างหน้าต่างมองเบื้องหลัง ผลินที่กำลังมองดูน้ำในแม่น้ำไหลไปอย่างอาลัยอาวรณ์ โอบ

รอบเอวของเธอไว้กล่าวว่า “ผลิน พรุ่งนี้ผมต้องกลับ แล้วนะครับ”

ผลินตัวแข็งทื่อ “ทำไมเร็วจังคะ?”

“คือ ที่บริษัทมีเรื่องด่วนผมต้องกลับไปจัดการ เอาไว้ ผมมาหาคุณใหม่นะครับ?”

เธอไม่พูดอะไร เอาแต่จ้องมองเรือลำเล็กลำหนึ่งที่ แล่นผ่านตาเธอไปช้าๆ

สองวันมานี้เธอมีความสุขมาก มากจริงๆ ที่จริงไม่ใช่ แค่สองวันนี้หรอก เพียงแต่ทุกวันที่มีปยุตอยู่ข้างกาย เธอรู้สึกมี
ความสุขมาก

“ถ้าจำเป็นต้องกลับไปจริงๆ คุณก็กลับไปเถอะค่ะ”

เธอฝืนใจพูดประโยคนั้นออกไปอย่างไม่เต็มใจนัก ยัง ไงก็แล้วแต่ปยุตอยู่ดี เธอรู้ว่าคงยื้อเขาไว้ตลอดไปไม่ ได้

เช้าวันรุ่งขึ้น เธอยืนส่งปยุตที่หน้าประตู จับมือเขาเอา ไว้พลางกล่าวว่า “คุณมาเยี่ยมฉันบ่อยๆนะคะ แล้วโทร หาฉัน

บ่อยๆด้วยนะ”

“ได้ครับ”

ปยุตโอบกอดเธอไว้ในอ้อมแขน พูดด้วยความเป็น กังวล “ผลิน ดูแลตัวเองดีดีนะครับ ขอร้องว่าอย่าทำให้ ผมเป็นห่วง

นะ รู้ไหม?”

“ค่ะ ฉันทราบแล้ว”

คนขับรถที่นัดไว้มาถึงแล้ว เธอยังคงจับมือเขาไม่ ยอมปล่อย “ถ้าหากทัตดายังคงทำอะไรบ้าๆขึ้นมาอีก คุณจะต้อง

แก้ไขมันด้วยเหตุผลนะคะ ขอร้องว่าอย่าทำอะไรให้มันเกินเหตุนะคะ”

ปยุตพยักหน้า “เข้าใจแล้วครับ ผมต้องไปแล้ว”

“คุณคะ มาเยี่ยมฉันบ่อยๆนะคะ อย่าทิ้งฉันไว้ที่นี่คน เดียวนะคะ ฉันกลัวการอยู่คนเดียว”

ปยุตพยักหน้าอีกครั้ง หันกลับไปขึ้นรถแท๊กซี่ ผลินวิ่ง ตามไปได้2-3ก้าว ก็ถูกแม่บ้านจับเอาไว้ “คุณผู้หญิงคะ

คุณ

ผู้ชายเธอไปแล้ว พวกเรากลับเข้าบ้านกันเถอะค่ะ”

นัยน์ตาทั้งสองข้างเศร้าหมองลงทันที หัวใจเธอรู้สึก อ้างว้างและผิดหวัง……….…..

แต่ละวันช่างเงียบเหงาเดียวดายเหลือเกิน แม่บ้าน ถึงแม้จะพูดภาษาจีนได้ แต่กลับพูดคุยกับเธอน้อยมาก เวลาส่วนใหญ่เธอจะนั่งอยู่คนเดียวที่ริมหน้าต่าง เหม่อ มองไปที่แม่น้ำสีเขียวชอุ่มข้างนอกหน้าต่างนั้น คิดถึง คนที่อยู่ห่างไกล

เธอเพิ่งจะเริ่มหัดวาดภาพ ไม่วาดภูเขา ไม่วาดน้ำ วาดเพียงภาพคนที่อยู่ในใจเธอเท่านั้น ถึงแม้ยังไงก็ ไม่สามารถร่างเค้าโครงของเขาทั้งหมดดั่งใจอยากได้ อย่างน้อยมันก็ทำให้เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว ไม่ว่าจะ เป็นช่วงเช้าหรือช่วงบ่ายก็ผ่านไปเร็วมาก

แม่บ้านดูแลเธอเป็นอย่างดี ทุกอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อยเข้าที่เข้าทาง แต่ผลินค่อยๆสังเกตได้ว่ามี

บางอย่างผิดปกติไป ทีแรกคือแม่บ้านไม่ให้เธออ่าน หนังสือพิมพ์ของบ้านเกิดเธอเอง เธอสั่งหนังสือพิมพ์ ธุรกิจของประเทศจีนเอาไว้ในวันที่ 2 ที่มาถึงเวียนนา เธออยากจะติดตามสถานการณ์ของปยุตทุกที่ทุกเวลา แต่ว่าหนังสือพิมพ์เริ่มหายไปตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ เธอเอ่ย ถามแม่บ้านอย่างสงสัย “คนส่งหนังสือพิมพ์ทําไม 2 – 3 วันนี้ไม่มาส่งละคะ?”

“คุณผู้หญิงคะ สงสัยบริษัทมีปัญหาค่ะ”

“ถ้างั้นคุณช่วยเปลี่ยนเจ้าให้ฉันหน่อยนะ”

“ได้ค่ะ”

แม่บ้านแสดงท่าทีรับปากรับคำอย่างดี แต่กลับไม่ทำ อะไร จากนั้นผลินก็พบว่าอินเตอร์เน็ตในบ้านโดนตัด สัญญาณ ต่อมาโทรศัพท์มือถือเธอก็หายไป สุดท้าย เธอเริ่มทนไม่ได้ เรียกแม่บ้านสองคนมาที่ห้องรับแขก ตำหนิอย่างรุนแรง “พวกเธอสองคนทำอะไรลงไปต๊ะ? เอาโทรศัพท์ของฉันไปไว้ที่ไหน?”

“คุณผู้หญิงคะ นี่เป็นคำสั่งของคุณผู้ชายค่ะ คุณ ผู้ชายบอกว่าในมือถือมีรังสีบางอย่าง ไม่ควรพกติดตัว ไว้ตลอดทั้งวันค่ะ”

ผลินไม่เชื่อซะทีเดียว “เอาโทรศัพท์มาให้ฉัน ฉันจะ โทรหาสามีของฉันเดี๋ยวนี้!”
“รอให้ถึงวันหยุดสุดสัปดาห์ก่อนนะคะ คุณผู้ชายสัง ไว้ว่าจะโทรหาคุณทุกๆวันหยุดสุดสัปดาห์ เวลาปกติ คุณไม่ต้องโทรหาเขา

“เป็นไปไม่ได้!! ฉันไม่เชื่อ เอาโทรศัพท์ของฉันคืนมา เดี๋ยวนี้นะ”

แม่บ้านได้แต่ส่ายหน้า “ขอโทษนะคะคุณผู้หญิง พวก เรารับฟังคำสั่งของคุณผู้ชายเพียงคนเดียวค่ะ”

“พวกเธอไม่คืนให้ฉันใช่ไหม? ได้ ฉันจะออกไปหา โทรศัพท์สาธารณะ ”

ผลินขึ้นไปหยิบกระเป๋าสตางค์ ผลปรากฏว่ากระเป๋า สตางค์ก็หายไป นี่ยิ่งทำให้เธอผิดหวังเข้าไปอีก ตะโกน ออกมาด้วยความโกรธ “ตกลงพวกเธอคิดจะทำอะไร ต๊ะ? จะขังฉันเอาไว้ในบ้านหรือยังไง?!!”

แม่บ้านตามขึ้นไป ตอบด้วยความใจเย็นว่า “เพื่อความ ปลอดภัยของลูกในท้องคุณ กรุณาอย่าโวยวายเลยค่ะ มิเช่นนั้นถ้าลูกคุณเกิดเป็นอะไรขึ้นมาละก็ คนที่จะต้อง เสียใจก็คือตัวคุณเองนะคะ”

ผลินเกือบจะเป็นบ้าไปแล้ว ทำไมถึงเป็นแบบนี้ไปได้? ตกลงมันเกิดอะไรขึ้นกันแน่? เธอถูกแม่บ้าน 2 คนกักตัว เอาไว้ในบ้าน โดยไม่มีทางแก้ไข ภายใต้ความโกรธและ กังวลใจ ในที่สุดวันหยุดก็มาถึง ผลินรอรับสายของป ยุต
เมื่อแม่บ้านส่งโทรศัพท์ให้เธอ เธอทำราวกับว่าถูกขัง ไว้ที่ริมหน้าผา รีบคว้าโทรศัพท์มาพร้อมแสดงท่าทีออด อ้อนขอความช่วยเหลือ “ปยุตคะ ฉันอยากกลับบ้าน คุณมารับฉันกลับตอนนี้เลยได้ไหมคะ ฉันไม่อยากอยู่ที่ นี่แล้ว ฉันอยากกลับบ้านค่ะ!!”

เธอร้องไห้โฮเสียงดังออกมา ชีวิตที่ถูกกักขังเอาไว้ ติดต่อกัน2-3วันมานี้ ทำให้เธอรู้สึกว่าไม่ได้รับความเป็น ธรรม

“ผลิน เป็นอะไรไปครับ?”

“แม่บ้านสองคนนั้นร้ายกาจเหลือเกินค่ะ พวกเธอไม่ ให้ฉันอ่านหนังสือพิมพ์ ตัดสัญญาณอินเตอร์เน็ต แม้แต่ เว็บไซต์ก็ไม่ให้เข้า ยิ่งไปกว่านั้นแม้แต่โทรศัพท์ของฉัน เองและกระเป๋าสตางค์พวกเธอก็เอาไปค่ะ นี่มันละเมิด สิทธิส่วนบุคคลของฉันเกินไปไหมคะ คุณรีบไล่พวกเขา ออกไปเดี๋ยวนี้เลยนะคะ ฉันไม่เอาพี่เลี้ยงแบบนี้หรอก ค่ะ! ”


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ