ภรรยาคนที่เจ็ดของประธาน

ตอนที่ 93 เสียใจกับสิ่งที่เธอต้องเผชิญ (3)



ตอนที่ 93 เสียใจกับสิ่งที่เธอต้องเผชิญ (3)

“ลงของลิบ?”

เมื่อนั้นทําให้ปยุคได้คิดว่ารู้เรื่องของผลินน้อยมาก แต่งงานกันมาเกือบครึ่งปี ไม่เคยรู้เลยว่าเธอมีลง

“ใช่ครับ”

“โอเคครับ งั้นคุณบอกรายละเอียดทุกอย่างเกี่ยวกับ ลินให้ผมรู้หน่อยนะครับ

ตีรณเช็ดน้าตาออกจากดวงตาและเริ่มพูดออก มา บอกเล่าเรื่องราวที่ผลินต้องเผชิญตั้งแต่วัยเด็กจน กระทั่งโด

“เมื่อยี่สิบห้าปีที่แล้ว ธนวันไปที่ไนต์คลับในเมือง F แล้วได้เจอกับพรธวัลน้องสาวของฉัน น้องสาวของฉัน เป็นดาวเต้นในไนต์คลับ ธนวันตกหลุมรักเธอตั้งแต่แรก เห็น เริ่มไล่ตามอย่างบ้าคลั่ง ถึงแม้ว่าน้องสาวของฉัน จะตี๋าเหมือนฝุ่นธุลี แต่ร่างกายก็สะอาด ไม่มีการรับแขก ธนวันรู้ว่าเธอชอบดอกลิลลี่ ดังนั้นเขาจึงขนดอกลิลลี่ มาเป็นต้นรถเพื่อให้น้องสาวฉันพอใจ ท่ามกลางการ ตามต้ออย่างไม่หยุดยั้งและพิถีพิถันของเขา ในที่สุด น้องสาวของฉันก็ยอมใจอ่อน จนมีความสัมพันธ์ทาง กายกับเขา ตอนนับธนวันปกปิดความจริงที่ว่าตัวเอง แต่งงานแล้ว บอกว่าตัวเองเป็นนักธุรกิจ มีสัญญาพิเศษ ในงานก่อสร้าง ทันทีที่โครงการในเมือง F เสร็จสิ้นก็ จะแต่งงานกับน้องสาวฉันทันที สามเดือนต่อมา น้อง สาวของฉันก็รู้ว่าตัวเองตั้งครรภ์ แต่ว่าตอนนั้นธนวันไม่ ได้อยู่ในเมือง F เธอคิดพิจารณาจนถี่ถ้วน ตัดสินใจเก็บ กระเป๋าและเดินทางไปยังเมือง B และตั้งแต่วินาทีนั้น ฝันร้ายก็ได้เริ่มขืน…

“น้องสาวของฉันไม่เคยคิดฝัน ว่าธนวันจะมีครอบครัว อยู่แล้ว และภรรยาก็เพิ่งตั้งท้อง ไม่สามารถทนยอมรับ สิ่งที่เกิดขึ้นได้ จึงเกิดการต่อสู้ขึ้นที่ตระกูลเจริญมาส แต่กระนั้นธนวันก็โทษว่าเด็กไม่ใช่ลูกของเขา น้องสาว ของฉันจะฆ่าตัวตาย ธนวันกลัวการเกิดเป็นคดีความ จึง พบเธอเป็นการส่วนตัว สัญญาว่าถ้าเด็กคลอดออกมา และได้รับการตรวจสอบแล้วว่าเขาเป็นพ่อจริง เขาก็จะ รับผิดชอบ”

“เจ็ดเดือนต่อมา น้องสาวของฉันให้กำเนิดลูกสาว ออกมาอย่างปลอดภัย เธอเริ่มรอคอยอย่างคาดหวัง ด้วยความกระวนกระวายใจให้ธนวันมาเยี่ยมเธอกับ ลูกสาว แต่จนเด็กครบเดือนธันวันก็ยังไม่ปรากฏตัว น้อง สาวของฉันอุ้มเด็กไปที่ตระกูลเจริญมาศ ก็ถูกเหยียด หยามและขับไล่โดยธนิดาภรรยาของเขา หลังจากเกิด ความอับอายที่ถูกไล่ออกจากบ้าน น้องสาวของฉันก็ คิดอยากตาย อัมชีวิตน้อย ๆ ที่ยังเล็กในอ้อมกอด แต่ เมื่อได้เห็นใบหน้าที่บริสุทธิ์ของเด็ก จึงไม่สามารถทน ได้ หลังจากนั้นก็ก้าวข้ามผ่านต่อสู้กับความเจ็บปวด เธอ ไม่คาดหวังกับธนวันอีกต่อไป แต่ก็หวังว่าเขาจะเห็นแก่ เด็ก จ่ายค่าเลี้ยงดูเดือนละครั้ง…

“เขาให้ไหมครับ”

ปยุตถามด้วยใบหน้าหม่นหมอง

ตีรณสายหน้า ไม่ให้ ธนวันให้เหตุผลที่ร่ำรวยว่า เงินที่มีทั้งหมดเป็นทรัพย์สินของภรรยา ดังนั้นจึงเป็นไป ไม่ได้ที่เขาจะสละอนาคตอันสดใสของเขาเพื่อเห็นแก่ผู้ หญิงอย่างน้องสาวของฉัน เขาไม่แม้แต่จะให้ค่าเลี้ยงดู แก่น้องสาวของฉัน แถมยังขู่น้องสาวของฉัน ว่าถ้ากล้า พาเด็กไปที่บ้านเขาอีกครั้งจะส่งคนมาฆ่า น้องสาวของ ฉันรักลูกมาก แม้จะไม่เต็มใจก็กล้ำกลืนฝืนทน

“ทําไมน้องสาวของคุณถึงไม่ขอความช่วยเหลือทาง กฎหมายล่ะครับ” ขนัยถามอย่างไม่เข้าใจ

“น้องสาวของฉันไม่ได้เรียนหนังสือ นอกจากความ งดงามที่มีแล้วก็ไม่มีความสามารถอะไรเลย เธอสูญเสีย รายได้ของเธอเมื่อเธอออกจากไนต์คลับ เมื่อมีเด็กแล้ว ก็หางานไม่ได้ แม้แต่อาหารสามมื้อต่อวันยังเป็นปัญหา แล้วจะมีเงินที่ไหนไปจ้างทนายความเพื่อดำเนินคดี

“มันไม่ง่ายเลย”

ชนัยเริ่มเห็นใจกับชะตากรรมที่น่าเศร้าของผลิน แม้ว่า เขาจะไม่ได้ดีไปกว่าเธอนักก็ตาม

“น้องสาวคนนี้เป็นครอบครัวเพียงคนเดียวของฉัน พ่อแม่ของเราเสียไปเร็ว ดังนั้นเธอจึงต้องพึ่งพาฉัน ภรรยาของฉันเป็นหมันมาตลอด เธอจึงพาเด็กมาฝาก ไว้กับเรา แล้วก็ออกไปหางานชั่วคราวทําเพื่อหาเงิน กลางวันเธอขัดรองเท้าอยู่ข้างถนน กลางคืนไปล้างจาน ในร้านอาหารที่ตลาดโต้รุ่ง ออกไปแต่เช้าและกลับมา ตึกทุกวัน ภรรยาของฉันเห็นเธอลำบากมาก ดังนั้นจึง หวังดีเดือนให้เธอกลับไปทํางานที่ไนต์คลับ ไม่ต้องพูด อะไรมากก็ยังหาเงินได้เยอะด้วย แต่น้องสาวของฉัน ไม่เห็นด้วย เธอบอกว่าเธอไม่อยากให้ลูกสาวของเธอ เติบโตขึ้นมาแล้วต้องถูกนินทาลับหลังว่าแม่ของเธอ เลี้ยงดูเธอด้วยการขายตัว

“ทํางานหนักอยู่หลายปี นอนไม่ดีกินก็ไม่ดี ลักษณะที่ งดงามเช่นเดิมของเธอจางหายไป เป็นผู้หญิงอายุยี่สิบ ที่ดูเหมือนวัยสี่สิบ เธอใช้ชีวิตแบบนี้มาห้าปี และห้าปีที่ ผ่าน นายลินถูกเลี้ยงดูโดยภรรยาของฉัน เราเปิดร้าน ขายของ า มันสะดวกที่จะพาเด็กไปด้วย น้องสาวของ ฉันรู้สึกขอบคุณสําหรับความช่วยเหลือที่พวกเราให้กับ เธอในช่วงเวลาที่ยากลำบากที่สุดของเธอ ดังนั้นตั้งแต่ ยายบนยังเด็กจนเมื่อเติบโตขึ้นก็ยังดูแลลุงและป้ หลานสาวของฉันเป็นคนฉลาดมาก ถึงแม้ว่าตั้งแต่ที่เธอ เติบโตขึ้นมาพวกเราจะสร้างปัญหาให้กับเธอมากมาย แต่เธอก็ไม่เคยทิ้งพวกเราเลย

“เมื่ออายุได้เจ็ดขวบ ยายสินต้องเรียนหนังสือ น้อง สาวของฉันทํางานหนักขึ้น กัดฟันหาเงินมาให้เธอได้ ไปโรงเรียน เพื่อให้เธอไม่รู้สึกด้อยกว่าใคร แม่ว่าเธอ จะได้กินเพียงสองมื้อต่อวันก็ตาม ให้ลูกสาวได้สวมใส เสื้อผ้าสวย ๆ ได้กินอมยิ้มน่ารัก ๆ และยายลินเองก็เป็น เด็กฉลาด เธอไม่อยากให้แม่ต้องหิวจึงเก็บเงินค่าขนม ของเธอเอาไว้ ดังนั้นทุกครั้งที่แม่ให้เงินเธอจึงแอบ เก็บเอาไว้และสุดท้ายก็ให้มันกับแม่ ไม่เคยใช้จ่ายเงิน ฟุ่มเฟือย รู้จักแบ่งปันความเจ็บปวดของแม่ตั้งแต่อายุ ยังน้อย ตั้งแต่อายุเจ็ดขวบเป็นต้นมา เธอตามแม่ไปล้าง จานทีตลาดโต้รุ่งทุกคืน และเมื่อล้างเป็นเวลาสามปี มือ ของเด็กคนอื่นนุ่มและอ่อนโยน แต่มือของยายสินของ เรา น อ น… ตีรถไม่สามารถพูดต่อได้อีกแล้ว น้ำตาไหลออกมา ไม่หยุด หัวใจของปยุคเหมือนมีมีดกรีด เขาจําได้ถึงคืน หน่งเมื่อนานมาแล้ว เขาพาผลินไปทานข้าวตอนเที่ยง คืน ตอนนั่น ความเศร้าโศกในดวงตาของเธอ และคำ พูดที่มีความหมายของสถานที่นั้น ฉันมาที่นี่บ่อยกว่า คุณเสียอีก

ตอนนั้นไม่เข้าใจถึงความหมายในประโยคนี้ ตอนนี้ หลังจากได้ยินรถเล่าเรื่องทั้งหมดก็เข้าใจ อดไม่ได้ที่ จะรู้สึกเสียใจ ลินของเขา ในวัยเด็กช่างแสนเศร้า

“แล้วหลานของคุณไม่ไปตามหาพ่อของเธอเหรอ ครับ”

“ทําไมจะไม่ไป เคยไปที่นั่นครั้งหนึ่ง และครั้งสุดท้าย ด้วย ตอนนั้นอายุแปดขวบ แม่ของเธอสุขภาพไม่ดีมาระ ยะหนึ่งแล้ว ไม่สามารถออกไปทํางานได้อีก ภาคปีการ ศึกษาใหม่ก็กำลังจะเริ่มแล้ว น้องสาวของฉันจึงบอกให้ เธอไปหาพ่อของเธอ หวังว่าธนวันจะเห็นแก่ลูกสาว เอา เงินให้เธอ เพื่อให้เธอได้จ่ายค่าเล่าเรียน เมื่อยาย น ไปถึงตระกูลเจริญมาศ ยังไม่ทันอธิบายว่ามาทำไม ก็ ถูกธนวันเลือกจากบ้าน และชุดลูกสาวคนเล็กของ เขาก็โยนขนมปังที่เหลือครึ่งหนึ่งจากที่สุนัขของเธอ กัดไปแล้วให้หลานสาวของฉัน พร้อมกับพูดจาเสียดสี เหน็บแนมว่า “ขอทาน ขนมปังครึ่งชิ้นนั่นน่ะให้แก รีบ ออกไปจากที่นี่ซะ”

ปยุคหายใจเข้าลีก คั่วขมวดมุ่น มือข้างหนึ่งบีบที่กั้น เตียงแน่น กัดฟันพูด “พูดต่อลครับ”

ตั้งแต่นั้นมา ไม่ว่ามันจะลําบากแค่ไหน ยายสินก็ไม่ ไปหาพ่ออีก บางครั้งพวกเราก็ช่วยเหลือพวกเธอทั้ง คู่เล็กน้อยบ้าง แต่ช่วงเวลานั้นธุรกิจไม่ค่อยดี พวกเรา มีชีวิตที่อัตคัด และเมื่อยายลินอายุได้สิบปี ก็มีเรื่องที่ เลวร้ายเกิดขึ้นกับน้องสาวของฉัน เธอถูกวินิจฉัยว่าเป็น โรคมะเร็งกระเพาะอาหารเนื่องจากการทานอาหารที่ ผิดปกติ ในวันนั้นน้องสาวของฉันวิ่งมาหาฉัน ร้องไห้ อย่างขมขื่น เธอขอร้องให้ฉันรับยายสินไว้ ตอนนั้นฉัน มันเป็นไอ้สารเลว ทันทีที่ปรึกษากับภรรยา ก็รู้สึกว่าแค่ ผู้ใหญ่สองคนอาศัยอยู่ก็คับแคบมากแล้ว ถ้ามีเด็กเข้า มาอยู่ด้วยอีกคนคงไม่ได้ จึงได้ปฏิเสธเธอไปอย่างโหด ร้าย ให้เธอส่งลูกไปให้ธนวัน น้องสาวของฉันร้องไห้ กับการต่อสู้กับตัวเองอยู่นาน กลัวว่าเกิดเสียชีวิตอย่าง กะทันหันขึ้นมาจะทำให้ลูกสาวกลัว จึงจำต้องเห็นด้วย กับข้อเสนอของฉัน”

“เธอรู้ว่าลูกสาวไม่อยากไปที่บ้านนั้น แต่เธอก็หาเหตุ ผลมาหว่านล้อมจนพาเธอไปจนได้ แม่และลูกสาวนั่ง อยู่ที่หน้าประตูทางเข้าตระกูลเจริญมาศ น้องสาวของ ฉันขธนวัน ถ้าไม่ยอมรับลูกสาวไว้ พวกเขาจะนั่งอยู่ตรง น้นตลอดไปจนหิวตาย ให้ทุกคนได้เห็น แต่ธนวันก็ช่าง โหดร้าย ตอนแรกคิดว่าเธอคงแค่ขู่ให้เขากลัว แต่ไม่ คิดว่า น้องสาวของฉันนั่งอยู่สองวันสองคืน ภรรยาของ เขาโกรธมาก ปาไข่เน่าใส แถมยังสาดน้ำใส่ แต่ก็ไม่ สามารถไล่น้องสาวฉันไปได้ ต่อมากรรมการหมู่บ้านก็ เข้ามาพบธนวัน และเข้ามาทำตามหน้าที่พูดคุยกับเขา และภายใต้แรงกดดันจากภายนอกนั่นจึงเป็นเหตุผลให้ ธนวันตอบรับคําขอจากน้องสาวของฉัน ยอมรับยาย นของเราเอาไว้

“เธอไม่อยากอยู่ที่นั่นใช่ไหมครับ

ปยุคถามด้วยใบหน้าที่ไร้อารมณ์ แต่ดวงตาปรากฏ ความเจ็บปวดอย่างเห็นได้ชัด ทำไมในตอนนั้นเขาไม่ได้ พบกับ นก่อน ถ้าเขาได้พบ เขาจะไม่ปล่อยให้เธอต้อง นําบากมากในภายหลังแน่

แน่นอน ตอนที่น้องสาวฉันจากออกมา ยายสนร้อง ให้จนมืดฟ้ามัวดิน ยิ่งเห็นลูกสาวร้องไห้อย่างขมขื่น มากแค่ไหนน้องสาวของฉันจะรู้สึกดีได้อย่างไรล่ะจริง ไหม ถ้าไม่ใช่เพราะตัวเองป่วยหนัก เธอไม่มีทางจะส่ง ลูกสาวมาเพื่อให้ถูกทำร้ายที่นี่ เพราะถึงแม้ว่าเธอจะ ยากจน แต่อย่างน้อยก็มีความสุข และเพื่อขจัดความ คิดของลูกสาวที่ต้องการจะกลับไปกับเธอ เธอจึงพูด ออกมาอย่างเด็ดขาดว่า ถ้าหนูไม่ฟังแม่และอยู่ที่นี่ แม่ จะหายไปวันพรุ่งนี้ และหนูจะไม่ได้เจออีก เพียงแค่นั้น ยายสิน ถูกแม่ ก็ยอม และนับตั้งแต่นั้น ชีวิตดั่งนรก ก็ได้เริ่มต้นขึ้น ธิดาและลูกสาวคนเล็กคิดวิธีทำร้ายเธอ ในขณะที่ธนวันก็ปล่อยให้เธอถูกรังแก ในที่สุดวันหนึ่ง ยายลินก็ทนไม่ได้กับชีวิตแบบนั้น ร้องไห้และวิ่งกลับ บ้าน เมื่อถึงบ้านก็คุกเข่าต่อหน้าน้องสาวของฉัน กอด ยาเธอร้องไห้และพูดว่า ” แม่คะ อย่าไล่หนูไปเลย หนูจะ พยายามหาเงินเพื่อเลี้ยงตัวเอง แม่คะ ไม่มีใครในบ้าน นั้นชอบหนู พวกเขาทำร้ายหนูและด่าหนูทุกวัน หนูทน ไม่ได้จริง ๆ แม่คะ อย่าไล่หนูไปเลยนะคะ…”

“น้องสาวของฉันเสียใจที่ได้ยินแบบนั้น แต่เมื่อคิดถึง ร่างกาย แย่ลง จึงจําต้องโหดร้ายอีกครั้ง ไล่เธอกลับ มา ในคืนนันยายลันของเรานั่งอยู่คนเดียวบนถนนและ ร้องไห้ทั้งคืน เมื่อฉันตามมาเห็นเธอ ฉันก็ไม่สามารถ ทนดูได้จึงบอกเธอว่าแม่ของเธอป่วยหนัก เมื่อเธอได้ รับรู้ว่าแม่ของเธอป่วยหนัก ทันใดนั้นก็คุกเข่าต่อหน้า ฉัน ร้องไห้แทบขาดใจขอร้องให้ฉันช่วยแม่ของเธอ ฉัน มองหลานสาวของฉันที่อายุยังน้อยแต่ต้องมาประสบ กับความเจ็บปวด เด็กอายุเท่ากันไม่เคยมีประสบแล้ว หัวใจ อ่อนยวมรับปากไป แต่ถึงอย่างนั้นการรักษา อาการป่วยของน้องสาวฉันก็ล่าช้ามาเป็นเวลาสองปี แล้วโดยที่ไม่มีการรักษา อาการมันจึงแย่ลงเรื่อย ๆ ฉันเองก็ไม่มีเงินพอที่จะรักษาเธอ ผลินไปขอร้องพ่อ ของเธอ แต่ก็อย่างที่คิด ธนวันเป็นคนประเภทที่ขนาด ลูกสาวของตัวเองยังไม่ไยดี แล้วจะยอมจ่ายเงินเพื่อ ช่วยน้องสาวของฉันได้ยังไง เขาปฏิเสธอย่างไร้ความ ปราณี ยายสินรู้สึกสิ้นหวัง จึงวิ่งไปที่เทศบาลเมืองเพื่อ หยุดรถของผู้นำ ไม่คิดว่ามันจะได้ผล ธนวันถูกเรียกว ไปตำหนิอย่างรุนแรงจากรัฐบาล และให้เขาจ่ายเงินเพื่อ รักษาน้องสาวของฉัน ธนวันถูกกดดันจากภายนอกอีก ครั้ง แต่จากนั้นเป็นต้นมา ก็เริ่มคิดว่าน้องสาวของฉัน เป็นหนามในดวงตาของเขา และหวังว่าจะสามารถเอา มันออกไปได้เร็ว ๆ


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ