ภรรยาคนที่เจ็ดของประธาน

ตอนที่ 96 ชายหนุ่มผู้หิวโหย (2)



ตอนที่ 96 ชายหนุ่มผู้หิวโหย (2)

ปืนพกขนาดเล็กจ่อที่หน้าผากของเธอ ปยุตพูดอย่าง เย็นชา “คิดว่ามันเป็นขวดน้ากรดจริงเหรอ นั่นมันจะไม่ทำให้ พวกคุณได้รับการปล่อยตัวเร็วเกินไปหรอกเหรอ คุณไม่ต้อง กลัว ผมจะไม่เอาชีวิตพวกคุณด้วยการยิงแค่นัดเดียวหรอก จะไม่ปล่อยให้พวกคุณตายแบบนั้นแน่…

เขาก้าวออกมา ก้มลงไปที่หูของเธอและกล่าวว่า “ผมจะ ทำให้คุณมีชีวิตอยู่แบบตายทั้งเป็น

หลังจากพูดจบประโยคนี้ เขาก็ออกจากห้องไปพร้อม ลูกน้อง ในห้องแต่เดิมก็เงียบจนน่ากลัวอยู่แล้ว ทันใดนั้นก็ เงียบสงัดมากยิ่งขึ้น จนกระทั่งเมื่อชดาได้สติ ก็ร้องไห้อย่าง คลุ้มคลั่ง ก่อนที่ความเงียบจะถูกทำลายลงอีกครั้ง

“แม่ หน้าฉันเสียโฉมหรือเปล่า มันเหมือนผีไหม”

เธอตะโกนออกมาอย่างควบคุมไม่ได้ ธนิดากอดเธอไว้ “ไม่ หน้าเธอยังดีอยู่ มันไม่ใช่น้ำกรด แค่น้ำธรรมดา”

แม่และลูกสาวร้องไห้ไปด้วยกัน ช่วงเวลานี้ ไม่มีร่อยรอย ของความรู้สึกผิดต่อผลิน มีก็เพียงแค่ความกลัวอย่างไม่มีที่ สิ้นสุด

กลับไปบ้าน ทันทีที่ธนวันเห็นรอยแส้บนร่างกายของ ภรรยา ก็ถามด้วยความตกใจ “นี่มันเกิดอะไรขึ้น”
“ที่รักคะ พวกเราจบแล้ว พวกเราหนีไปกันเถอะ…”

“หนี? ทำไมต้องหนี”

ธนวันยังไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น

“คุณปยุตจะไม่ปล่อยพวกเราไป เขาจะทำทุกอย่างเพื่อ

จัดการกับพวกเรา เขาบอกว่าจะทำให้เรามีชีวิตอยู่แบบตาย ทั้งเป็น

“ทำไม พวกเราไม่ได้ขัดใจเขา ทำไมเขาถึงพูดแบบนั้น”

ธนิดากับลูกสาวไม่ได้บอกสามีเรื่องที่จับตัวผลินไป ดัง นั้นธนวันจึงไม่รู้เกี่ยวกับเรื่องนี้

ไม่มีทางที่จะปิดบังเรื่องนี้ได้อีก เธอจึงเล่าเรื่องราวต่าง ๆ รวมทั้งข้อเสนอ หลังจากที่ธนวันได้ยินก็คำรามขึ้นมา อย่างฉับพลัน “นี่คุณมีสมองไหม มันดีแล้วเหรอที่ไปตอแย ผลิน พวกคุณคิดว่าเธอยังเป็นเด็กในปกครองที่พวกคุณจะ รังแกได้งั้นเหรอ”

ธินิดาร้องไห้คร่ำครวญ “พวกเราจะรู้ได้ยังไงว่าคุณปยุต จะเข้ามายุ่งเรื่องนี้ พวกเราถูกเธอทำร้ายเหมือนกันนะไม่ ยอมกล้ากลืนความอับอายหรอก…

“คุณกล้ำกลืนไม่ได้ เธอทำร้ายคุณในวันนั้นแล้วคุณกับชุ ดาทําอะไรกับเธอไปบ้าง เทียบกับที่พวกคุณตีเธอแล้วมัน ยังน้อยกว่าหรือเปล่า”
“พวกเราทำร้ายเธอมากกว่า? เธอพาคนมาพังบ้านของเรา ด้วยนะ”

ชุดาตะเบ็งเสียงขึ้นมาอย่างหมดความอดทน

“มันพังก็คือพัง ฉันไม่ได้บอกพวกเธอเหรอว่าให้ลืมมัน ทำไมถึงไม่ฟังฉัน ทำไมโง่พอที่จะลักพาตัวเธอ แล้วยัง ทําร้ายเธออย่างรุนแรงอีก”

“ก็เพราะพวกเราคิดว่าคุณปยุตจะไม่เข้าไปยุ่งกับเรื่องนี้”

“แล้วทำไมเขาจะไม่เข้าไปยุ่ง นั่นภรรยาของเขา ภรรยา ถูกคนอื่นทำร้าย ผู้ชายทุกคนไม่มีทางจะไม่สนใจ!

เหมือนกับว่าธินิดาจะได้พบเหตุผลบางอย่าง เชิดคาง ขึ้นและถาม “นั่นสิ ผู้ชายทุกคนไม่มีทางจะไม่สนใจ งั้นตอน นี้ภรรยาของคุณถูกคนอื่นทำร้ายคุณจะทำยังไงล่ะ”

ธนวันกระทืบเท้า “คุณหาเรื่องเอง!”

เขานั่งลงบนโซฟากับอาการปวดศีรษะ ดึงทิ้งผมในมือ รู้สึกเหมือนได้ไปสัมผัสคิ้วของเสือ หวาดกลัวว่าชีวิตจะไม่ ง่ายเสียแล้ว

ธนิดาเดินเข้าไปหา “ที่รักคะ มันจะไม่ร้ายแรงเหรอ ทำไมเราไม่เก็บของแล้วหนีไป รักษาชีวิตไว้สำคัญกว่า”

ตอนนี้แม้จะโกรธอีกกี่ครั้งมันก็เกิดขึ้นไปแล้ว อยู่ที่นี่ไปก็มีแต่ทางต้น หลังจากธนวันเงียบไปนานจึงพูดด้วย เสียงเศร้าว่า “อีกสามวัน ภายในสามวันนี้ฉันจะได้รับเงิน ทุนหมุนเวียน

ปยุตรักษาสัญญา กลับมาที่โรงพยาบาลก่อนมืด ในมือมี ช่อดอกกุหลาบสีแดง นี่เป็นครั้งแรกที่เขาซื้อดอกไม้ให้ผลิน รู้สึกตื่นเต้นมากกว่าเมื่อเปรียบเทียบกับอีกฝ่าย

แต่เมื่อเปิดประตูเข้าไป ใบหน้าของเขาก็งอ ที่หน้า เตียงของผลิน มีผู้ชายคนหนึ่งที่เขาไม่อยากเห็นนั่งอยู่ มัน คือไวภพที่แอบรักผลิน

“คุณมาที่นี่ได้ยังไง”

เขาถามอย่างไม่สบอารมณ์

ไวภพลุกขึ้นยืน เหลือบมองผลินที่ยังคงหลับอยู่ พูดเบา ๆ “ผมมาเยี่ยมเธอ

“เธอมีผมดูแลอยู่ คุณกลับไปได้แล้ว”

เขาสั่งอย่างไร้ความปราณี เมื่อคิดว่าเพิ่งเข้าประตูมา แล้วเห็นไวภพสัมผัสใบหน้าภรรยาของเขา หัวใจก็เต็มไป ด้วยความไม่พอใจ

ไวภพนิ่งอยู่ชั่วครู่ แล้วจึงเดินไปที่ประตูห้อง เมื่อเดิน ผ่านไปใกล้ปยุตก็หยุดกะทันหันและพูดขึ้นว่า “ถ้าไม่ สามารถปกป้องเธอได้ ก็ปล่อยเธอไปให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ เธอจะได้ปลอดภัยและมีความสุขสักที”

ปยุตเอื้อมมือไปคว้าคอเสื้อของเขา และกระแทกเขาเข้า กับผนัง “ถ้ากล้าคิดไม่ดีกับภรรยาของฉันอีกครั้ง ก็อย่าโทษ ที่ฉันไม่สุภาพก็แล้วกัน”

ไวภพไม่ใช่ตะเกียงประหยัดเชื้อเพลิง คว้าคอเสื้อปยุต กลับและกัดฟันพูด “ความรู้สึกของฉันที่มีต่อเธอน่ะเปิดเผย ตรงไปตรงมา ฉันรู้จักเธอมาก่อนที่นายจะรู้จักเธอ นายมันก็ แค่โชคดีกว่าฉันตรงที่เป็นเป้าหมายที่เธอเลือก”

ผัวะ! ปยุตต่อยลงไปบนใบหน้าของเขา ไวภพเช็ดเลือด ที่มุมปาก กำมือแน่นและลุกขึ้นมาพร้อมกับหมัด ช่วงเวลา แห่งการต่อสู้นั้น ผลินก็ตื่นขึ้นมา เธอร้องตะโกนด้วยความ ยากลำบาก “พวกคุณต้องการแสดงพลังต่อหน้าผู้ป่วยเห รอ”

ทั้งสองชะงัก เก็บความไม่พอใจกันเอาไว้ ต่างจ้องมอง กันและกัน ปยุตไปนั่งลงข้าง ๆ ผลิน “ไม่มีอะไร คุณพักผ่อน ต่อเถอะ”

คิ้วของเธอขมวด “ฉันจะนอนต่อได้เหรอ พวกคุณจะ ทะเลาะกันต่อหรือเปล่า ในห้องผู้ป่วยไม่ได้มีคำว่าเงียบ เขียนเอาไว้หรอกเหรอ”

เมื่อไวภพได้ยินก็เหลือบมองเธออย่างมีความหมาย ก่อนที่จะหันหลังแล้วเดินจากไป
เมื่อห้องพักคนไข้กลับมาเงียบอีกครั้ง ผลินเอื้อมมือไป สัมผัสเสี้ยวหน้าของปยุต ตำหนิอย่างโกรธ ๆ ว่า “โตขนาดนี้ แล้ว กลับเหมือนเด็กที่หุนหันพลันแล่น เอะอะก็เอาแต่ต่อสู้”

“ผู้ชายคนนั้นมันวอนมีเรื่อง ทันทีที่ผมเข้ามา เขาสัมผัส คุณเหมือนที่คุณสัมผัสผมตอนนี้ คุณบอกผมว่าจะให้ผม ทนได้ยังไง”

“ก็แค่สัมผัสใบหน้าเอง มันไม่เกินไปหน่อยเหรอ”

“เกินไปงั้นเหรอ วันนี้เขาสัมผัสใบหน้า ใครจะรู้ว่าวันพรุ่งนี้ เขาจะทําอะไรบ้าง

เห็นได้ชัดว่าปยุตโกรธ “ผมถามหน่อยเถอะผลิน ทําไม ทุกครั้งคุณต้องเข้าข้างไอ้ไวภพนั้น คุณคงไม่ได้มีอะไรกับ เขาหรอกใช่ไหม”

“หึงอีกแล้วนะ”

ผลินถอนหายใจ “เอะอะอะไรก็หึง ความหึงเป็นสิทธิบัตร ของผู้หญิงนะ คุณอยากเป็นเหมือนผู้หญิงเหรอ

“ใครบอกว่า งเป็นสิทธิบัตรของผู้หญิง ความหึงเป็น สัญลักษณ์ของการแคร์ต่างหาก เพราะว่าแคร์นั่นจึงเป็น เหตุผลให้หึง ถ้าไม่แคร์ ไม่ว่าคุณจะอยู่ที่ไหนมันก็ไม่สำคัญ สำหรับผู้ชายหรอก”

เขาเหลือบมองไปที่แจกัน ชี้ไปที่ดอกไม้และกล่าวว่า”ใครส่งมันมา”

“ไม่รู้เหมือนกัน คงจะเป็นไวภพล่ะมั้ง”

“น่าเกลียด”

ปยุตลุกขึ้นและดึงมันออกจากแจกัน เปลี่ยนเป็นดอก กุหลาบสีแดงที่เขาซื้อมา ยิ้มและพูดว่า “มันดูสวยงามขึ้น กว่าเดิมเยอะเลยว่าไหม

“ในใจควรจะสวยกว่านี้”

ผลินหัวเราะทั้งน้ำตา

“ไม่ได้ซ่อมคุณไม่กี่วัน คุณอยากโดนใช่ไหม”

ปยุตพุ่งใส่เธอ และจี้รักแร้ของเธอ ผลินหัวเราะและหลบ หลีกเป็นพัลวัน จากนั้นก็ร้องขึ้นมาฉับพลัน “เจ็บจัง…”

“เจ็บตรงไหน”

ปยุตกอดเธอเอาไว้แน่น และดูว่าเธอได้รับบาดเจ็บตรง

ไหน

“ที่หลัง”

เขาพลิกตัวเธอ ถอดชุดคนไข้ออก เผยให้เห็นแผ่นหลัง ขาว เห็นเป็นรอยแตกสีแดงน่ากลัวบนหลังนั้น มันเป็นช่วงเวลาที่เจ็บปวดจนพูดไม่ออก

“มันน่าเกลียดใช่ไหม”

ผลินถามอย่างระมัดระวัง

เขาตอบทันที “ไม่น่าเกลียด ลินของผมไม่ว่าเมื่อไหร่ก็ เป็นนางฟ้าที่แสนสวยเสมอ

เมื่อพูดจบ เขาก็ก้มลงจูบบาดแผลของเธอ เขาจูบอย่าง อ่อนโยน จากที่มีช่องว่างของความเจ็บปวด แต่เมื่อเขาจูบ ลงมามันก็ไม่เจ็บปวดอีกต่อไป

เสียงประตูเปิดและมีหลายคนเดินเข้ามา คุณท่านเวทน คุณนายท่าน และปาณี ต่างประหลาดใจที่เห็นภาพนั้น เขิน อายจนหันหลังให้ “โอ้พระเจ้า พวกเธอกำลังทำอะไรกันอยู่ เนี่ย”

คุณนายท่านรีบถาม

ผลินอายจนอยากมดหนี เธอทิ้งตัวลงบนเตียงและยก ผ้าห่มขึ้นมาคลุมมิดศีรษะ

ปยุตไม่ได้รู้สึกอาย ลุกขึ้นและเอ่ยถาม “พวกคุณทุกคน มาทำไมที่นี่”

“พวกเรามาเยี่ยมลูกสะไภ้
คุณท่านเวทนตอบ ย้ายสายตาไปยังผลินที่ซ่อนอยู่ใต้ ผ้าห่ม “ลูกสะไภ้ เธอรู้สึกดีขึ้นหรือยัง”

“ค่ะคุณพ่อ ฉันดีขึ้นมากแล้ว ขอบคุณที่ทุกคนมาเยี่ยมนะ คะ”

เธอค่อย ๆ ดึงผ้าห่มลงจากศีรษะ ใบหน้าของเธอยังแดง ไม่จางหายไป มองหม้ออุ่นผิดปกติในมือของแม่สามี “คุณ แม่คะ นั่นอะไรเหรอคะ”

“อ๋อ ฉันให้ป้าเอี่ยมทำซุปไก่ให้เธอน่ะจ้ะ ดื่มก่อนที่มันยัง ร้อนนะจ๊ะ”

เมื่อคุณนายท่านตอบเสร็จก็รีบนั่งลงข้างเธอ ใส่ซุปไก่ ในชาม และยื่นให้เธอ

“คุณแม่ครับ ส่งมาให้ผม

ปยุตนำชามซุปไก่มา และเป่ามันให้หายร้อน และส่งมัน ให้ผลิน

ผลินยังคงเขินเอย โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเห็นรอยยิ้ม อย่างมีเลศนัยของพ่อแม่สามี

“ลูกชายของเรารู้จักเรียนรู้ที่จะรักแล้วนะ”

คุณนายท่านถอนหายใจ คุณท่านเวทนก็พูดกลับไปว่า “นั่นสิ โล่งอกไปทีนะ”
“โอเค อย่าพูดเรื่องผมต่อหน้าผมสิ ลูกสะไภ้ของพวกคุณ ก็อย่างที่เห็น ถ้าสบายใจแล้วก็กลับบ้านกันไปเถอะครับ”

“พี่คะ ทำไมพี่ถึงเป็นแบบนี้เนี่ย พวกเราอยู่แค่ไม่กี่นาที พวกเราก็จะไปกันแล้ว อีกอย่างพวกเราก็ไม่ได้มาหาพี่สัก หน่อยนะ”

ปาณีทำหน้าใส่เขาอย่างไม่พอใจ แล้ววิ่งไปหาผลิน “พี่ สะไภ้คะ ฉันซื้อของขวัญให้คุณ คุณชอบมันไหมคะ”

ผลินรับมันมา เป็นเข็มกลัดที่สวยงามและประณีตมาก เธอ ยิ้มและพยักหน้า “ขอบคุณนะคะ ฉันชอบมันมากเลย

“หืมม น่าเกลียดแบบนี้กลับชอบ รสนิยมอะไรเนี่ย

ปยุตยักไหล่ดูหมิ่น

“อะไร ขนาดน้องสาวก็หึงด้วยเหรอ”

ประโยคของผลินทำให้คนทั้งห้องหัวเราะ

แล้วต่างก็เดินกันไป คุณนายท่านดึงลูกชายของเธอ ออกไปและตำหนิ “แกอย่าเพิ่งทำสิ่งที่อยากทำนะ อดทน หน่อย เธอยังบาดเจ็บอยู่”

“อดทนอะไรครับ ผมยังไม่ได้ทำอะไรเธอเลย”

ปยุตพูดอย่างไร้อารมณ์


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ