ภรรยาคนที่เจ็ดของประธาน

ตอนที่ 58 รักคนโรคจิต



ตอนที่ 58 รักคนโรคจิต

เมื่อปยุตเห็นว่าเธอกลัว ทันใดนั้นจึงโอบกอดเธอเอาไว้ ในอ้อมแขน ให้ใบหน้าของเธอซบลงกับอกของเขา แล้ว เอ่ยเสียงนุ่มสงบ “อย่ากลัวไปเลย ผ่อนคลายนะ ผ่อนคลาย

ผลินหลับตาลง ฟังเสียงหัวใจของเขา ยังคงมีร่องรอย ของความตื่นตระหนก และเหงื่อเย็นก็ยังไม่หยุดไหลออก มา “ฉันคิดว่าตัวเองกำลังจะตาย”

“ไร้สาระอะไร แป๊บเดียวเดี๋ยวก็ถึงแล้ว”

ทันทีที่ปยุตพูดจบ ลิฟต์ก็หยุดลง ผลินก้าวขาวิ่งออก ไป ไม่สามารถหยุดอาเจียนได้ ความเจ็บปวดที่ไม่สามารถ อธิบายได้นี้ ผู้ที่ไม่เคยประสบ ไม่อาจเข้าใจมัน

“ลองอีกครั้งนะ”

เขาก้มลงมาหาเธอ ยื่นผ้าเช็ดหน้าของเขาให้

ผลินส่ายหน้าอย่างหนักแน่น “ไม่อีกแล้ว ฉันบอกแล้วว่า ฉันทำไม่ได้”

“แค่อดทนเอาไว้ ไม่มีอุปสรรคไหนที่ไม่สามารถเอาชนะ

ได้หรอก ส่งมือมา

ปยุตยื่นมือออกไป รอให้เธอส่งมือมา ผลินลังเลอยู่ชั่วครู่ ในที่สุดก็รู้สึกกลัวที่จะล้มเหลวต่อความเมตตาของเขา จึงยื่นมือออกไป

พวกเขาเดินกลับเข้าไปในลิฟต์ ครั้งนี้ ปยุตไม่ให้เธอ เห็นประตูลิฟต์ปิด กดใบหน้าของเธอลงกับอกของเขาก่อน ที่จะปิดประตู แล้วพยายามที่จะผ่อนคลายอารมณ์ของเธอ “มื้อกลางวันคุณอยากทานอะไร

“ไม่อยากทานอะไรเลย”

ถึงแม้ว่าจะไม่เห็น แต่ก็รู้สึกได้ถึงการเคลื่อนตัวของลิฟต์ ความรู้สึกถึงการอยู่ในพื้นที่ปิดยังคงชัดเจน ร่างกายเริ่มสั่น อีกครั้ง หัวใจเต็มไปด้วยความสับสน เธอปิดปากด้วยความ เจ็บปวด กลัวว่าจะอาเจียนใส่ปยุต

“ไม่ทานได้ยังไง หรือจะไปทาน Haidilao กันดี ถึงแม้ว่า ผมจะไม่ชอบ แต่ถ้าคุณชอบ ผมจะเป็นสุภาพบุรุษทานกับ คุณสักครั้งก็ได้”

ผลินพูดไม่ออก ท้องมวนปั่นป่วน เธอทนไม่ไหวจึงหยุด ลิฟต์แล้วรีบวิ่งเข้าห้องน้ำ อาเจียนออกมาอย่างหนัก

เมื่อออกมา ปยุตอยู่หน้าประตู เห็นดวงตาสีแดงของเธอ จึงกล่าวว่า “ทำต่อเถอะ”

“ไม่เอาแล้ว”

เธอยอมแพ้แล้วจริง ๆ ถึงแม้ว่าจะอยากทำให้มันสำเร็จก็

เถอะ
“อีกแค่ครั้งเดียว”

“แค่ครั้งเดียวฉันก็ไม่ไหว

ทันใดนั้นใบหน้าปยุตก็เย็นชาลง โกรธเธอเหมือนเมื่อ ก่อน “ยิ่งคุณเป็นแบบนี้ คุณยิ่งไม่สามารถเอาชนะมันได้ ผม คิดว่าคนชื่อผลินมีความอดทนมากกว่าผู้หญิงคนอื่นเสียอีก แต่ดูเหมือนว่ามันจะไม่ใช่อย่างนั้นเลย!

ขอบตาของผลินแดงขึ้น เธอสะอื้นและกล่าวว่า “คุณคิด ว่ามันง่ายเหรอที่จะเอาชนะปัญหาทางใจ ถ้ามันง่ายทำไม คุณไม่ทำลาย PTSD ของคุณเองล่ะ ถึงฉันจะน่าสงสาร แล้วซ้ำเล่า แต่คุณก็ไม่ต้องมาสงสารฉัน เพราะเมื่อเทียบกับ ฉันแล้ว คุณต่างหากเป็นคนที่ต้องการความช่วยเหลือ”

“ใช่ ผมต้องการความช่วยเหลือ ผมผิดปกติ และเพราะผม ผิดปกติ นั่นคือเหตุผลที่ผมหวังให้คุณมีชีวิตที่ปกติ”

เมื่อเผชิญหน้ากับดวงตาที่กระตือรือร้นของเขา เธอไม่ สามารถพูดปฏิเสธได้ มีเพียงความเจ็บปวดในการตัดสินใจ ที่จะลองทำอีกครั้ง

ครั้งที่สามก็ยังล้มเหลว แต่เมื่อผลินนึกถึงคำพูดของเขา ที่ว่าหวังให้เธอมีชีวิตที่ปกติ จึงเสนอขึ้นมาเองว่าจะลองเป็น ครั้งที่สี่

ครั้งที่สี่ก็ยังคงล้มเหลว ต่อไปก็ครั้งที่ห้า และครั้งที่ หก และเพราะบ่อยครั้งที่เอาแต่ขึ้นและลง เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของห้างสรรพสินค้าจึงมา แต่หลังจากที่พวก เขาอธิบายเหตุผล พวกเขาก็แสดงความเข้าใจและให้การ สนับสนุน

จำไม่ได้แล้วว่ากี่ครั้งที่ต้องก้าวเข้าไปในลิฟต์ ในที่สุด อาการผลินก็ผ่อนคลาย เธอไม่ได้รู้สึกตื่นตระหนกและหวาด กลัวอีกต่อไป ยกเว้นความประหม่าเพียงเล็กน้อย ทั้งหมดก็ เกือบจะเหมือนคนปกติ

ปยุตกอดเธอไว้แน่น พูดคุยกับเธอในหัวข้อที่ผ่อนคลาย ลิฟต์ขึ้นอีกครั้งและอีกครั้ง หัวใจของผลินเริ่มร่วงหล่นลง เล็กน้อย

ไม่สามารถบรรยายความรู้สึกใจสั่นได้ ปัญหาที่เธอ พยายามมานานหลายปี ปยุตทำมันเพื่อเธอได้ภายในเวลา อันสั้นเพียงไม่กี่นาที

เธอไม่กลัวที่จะใช้ลิฟต์อีก ปยุตดูมีความสุขมาก เหมือน ว่าเขาได้ทำโครงการใหญ่สำเร็จ ใบหน้าเต็มไปด้วยความ รู้สึกของความสำเร็จ เขาดึงมือผลินเดินผ่านเคาน์เตอร์ไป อย่างอ่อนโยน

“นี่เป็นยังไง”

ผลินพยักหน้า “ได้ค่ะ”

“ แล้วนี่ล่ะ”
“ได้ค่ะ”

“นี่ก็ดูดีเหมือนกัน สีเหมาะกับคุณ”

“อื้ม ได้ค่ะ”

เมื่อปยุตฟังคำตอบที่แข็งทื่อของเธอก็ขมวดคิ้วไม่พอใจ “คุณจะไม่พูดอะไรเลยหรือไงนอกจากคำว่าได้ค่ะน่ะ”

เธอก้มหน้าลงเศร้าสลด “ได้จริง ๆ ค่ะ”

“ได้ค่ะอีกแล้ว อย่างน้อยคุณก็ควรออกความคิดเห็นบ้างว่า

ไหม”

“ฉันไม่มีความคิดเห็น ถ้าคุณชอบมันก็โอเค”

“ผมชอบแต่คุณเป็นคนใส่ คุณก็ต้องชอบมันด้วยสิ เราไม่ เคยเห็นตรงกัน ผมจะรู้ได้ยังไงว่าคุณชอบมัน

“ชอบค่ะ ”

ปยุตรู้สึกว่าเธอแปลก ๆ “คุณไม่เป็นไรนะ กลับไปพัก ผ่อนเถอะถ้าคุณรู้สึกไม่สบาย

“ไม่เป็นไรค่ะ”

ปากบอกว่าไม่มีอะไรแต่บนใบหน้านั้นเหนื่อยจนเกินกว่า จะพูด ไม่ใช่เพราะขึ้นลิฟต์ แต่ในระหว่างนั้นหัวใจของเธอไม่สามารถควบคุมได้ จมอยู่ในสถานการณ์ที่ไม่ควร

“ใส่ถุงให้ผมทั้งหมดครับ”

ปยุตส่งเสื้อผ้าที่เลือกแล้วให้พนักงาน แล้วหันไปถาม ผลิน “คุณอยากได้อะไรอีกไหม”

“ไม่มีแล้วค่ะ พอแล้ว”

“โอเค งั้นเรากลับกัน

ออกจาก modern human ก็กลับไปที่โรงแรม ตฤณ และคนอื่น ๆ นั่งดื่มชาอยู่ในห้องโถงชั้นล่าง เมื่อเห็นพวก เขากลับมา ก็โบกมือเรียก “คุณชายปยุต ทางนี้”

“ฉันจะกลับไปพักผ่อนที่ห้องนะ”

ผลินจับแขนเสื้อของปยุต ไม่อยากพูดถึงเรื่องที่ผ่านไป

ปยุตชะงักแล้วพยักหน้า “ถึงเวลาอาหารกลางวันผมจะ

ไทรหาคุณ”

“ไม่ต้องหรอก ฉันอยากนอนต่ออีกหน่อย”

“โอเค งั้นไปเถอะ

ผลินหันหลังแล้วเดินจากไป แต่เมื่อเดินไปไม่กี่ก้าว จู่ๆ ปยุตก็ตะโกนเรียกเธอ เธอหันกลับไป แล้วถามด้วยความ สงสัย “มีอะไรคะ”

“วันนี้กล้าหาญมาก”

เขายกมือขึ้นกำหมัดข้างหนึ่ง หัวใจของผลินร่วงหล่นลง

อีกครั้ง

“ขอบคุณมากค่ะ

ไม่เคยเลยที่จะกล่าวคำขอบคุณอย่างจริงใจกับใครมา ก่อน ยิ่งกว่านั้นผู้ชายคนนี้ ยังเป็นคนที่เคยทำร้ายเธอ

กลับไปที่ห้องของโรงแรม แล้วก็หลับไป ในความฝัน จู่ ๆ แม่ก็มา แม่ไม่พอใจและถามเธอ “น้องลิน หนูสนใจผู้ชาย

เหรอ”

เธอรู้ว่าคำตอบของเธอจะทำให้แม่เสียใจ แต่ก็ยอมรับ มันตามตรง “นิดหน่อยค่ะ”

อย่างที่คิด แม่โกรธมาก “หนูทำให้แม่ผิดหวังมากนะ ลืม หมดทุกอย่างแล้วเหรอที่แม่เคยบอกหนู หนูลืมไปแล้วเหรอ ว่าแม่ตายยังไง หนูลืมสิ่งที่สัญญากับแม่ไปแล้วเหรอ”

“แม่คะ หนูยังไม่ลืม แต่ผู้ชายทุกคนไม่ได้เป็นเหมือนกับ

พ่อนะคะ”

“อีกาทั้งโลกยังไงก็เป็นสีดำ ถ้าหนูไม่เชื่อแม่ หนูก็ทำตัวเองดี ๆ แล้วกัน!

เงาของแม่ค่อย ๆ จางหายไป เธอพยายามอย่างเต็มที่ ที่จะเอื้อมไปคว้าจับไว้ แต่ก็ไม่สามารถคว้าไว้ได้ สายตาที่ สิ้นหวังของแม่ก่อนที่จะจากไปนั้นทิ่มแทงหัวใจเธออย่าง รุนแรง เธอร้องไห้และเรียก “แม่คะ แม่”

ตื่นจากความฝัน รอบกายปกคลุมด้วยความเงียบดั่ง ความตาย ผลินนั่งอยู่บนเตียง เช็ดปาดคราบน้ำตา

เมื่ออายุสิบสองปี แม่นอนอยู่บนเตียง จับมือเธออย่าง สิ้นหวังและพูดว่า “น้องลิน จำคำพูดของแม่ไว้ ความรักก็ เหมือนมะเร็ง ก่อนที่มันจะทำร้ายหนูได้ เอารากของมันออก เสีย ไม่อย่างนั้นมันจะกลายเป็นหนามพิษติดอยู่ในเนื้อของ หนู ไม่ว่าที่ไหนและเมื่อไหร่หากมันต้องการให้หนูเจ็บ หนู ก็ต้องเจ็บ”

เสียงโทรศัพท์มือถือที่ข้างเตียงดังขึ้น ทำลายความคิด ของเธอ เธอกดตอบอย่างไร้ความรู้สึก “ฮัลโหล”

“ที่รักตอนนี้อยู่ที่ไหน

เป็นสายของชื่นใจ เวลาที่ชื่นใจอารมณ์ดีแล้วโทรหาเธอ

ก็จะเรียกเธอว่าที่รัก

“มีอะไรหรือเปล่า”

“ถ้าไม่มีอะไรแล้วฉันโทรหาเธอไม่ได้เหรอ แย่จัง ใครกันเป็นคนที่รับเธอเอาไว้ตอนที่เธอถูกคุณปยุตไล่ออกมาน่ะ”

“ฉันถูกเขาไล่เมื่อไหร่กัน

ผลินพูดไม่ออก

“ก็ได้ ๆ ไม่พูดเรื่องไร้สาระกับเธอแล้ว เข้าเรื่องเลย วัน ศุกร์นี้เธอว่างไหม”

ทำไม”

“โรงเรียนจะจัดค่ายฤดูร้อน ครูบางคนได้รับเชิญให้ไปเข้า

ร่วม”

“เป็นความคิดของไวภพ?” ผลินแทบจะไม่ต้องคิด

ชื่นใจลังเลที่จะพูด “ใช่ และก็ไม่ใช่”

“แล้วมันคืออะไรกันแน่

“มันต่างกันด้วยเหรอ”

“แน่นอนว่ามันต่าง ถ้าเป็นความคิดของไวภพ ฉันจะ

ปฏิเสธ”

“เพราะอะไร” ชื่นใจไม่เข้าใจ

“เพราะว่า…ฉันมีคนที่ฉันชอบแล้ว ฉันไม่อยากให้เขาเสียเวลากับฉันอีก”

“อะไร เธอมีคนที่ชอบแล้วเหรอ” ชื่นใจกรีดร้อง “อย่าบอก ฉันนะว่า เป็นคณปยุตโรคจิตนั่น”

เป็นเขาแล้วยังไง ฉันชอบเขาไม่ได้เหรอ”

“ไม่ได้แน่นอน ไวภพที่เป็นนักวิชาการที่แสนอ่อนโยนเธอ กลับไม่รัก แต่ไปหลงรักคนโรคจิต ผลิน เธอก็เป็นโรคจิตไป แล้วเหรอ”

“เธอสิโรคจิต”

พูดกับเธออย่างไร้อารมณ์ แล้วกล่าวอย่างเบื่อหน่าย “แค่นี้นะ ฉันจะวางสายแล้ว”

“เดี๋ยวก่อน อย่าเพิ่งวางนะ ฉันยังพูดไม่เสร็จเลย…

ผลินไม่สนใจว่าเธอจะพูดยังไงก็ตาม ก็ยังคงวางสาย ตอนนี้หัวใจมันยุ่งเหยิงมากพอแล้ว จะไม่ปล่อยให้ตัวเธอ เองต้องยุ่งเหยิงเพิ่มอีก

แต่เมื่อวางสายไป เสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น เธอเดินไป เปิดประตู เป็นปตที่ยืนอยู่หน้าประตู หลังจากความฝัน แล้วได้มาพบกับเขา ไม่ว่าจะเป็นอารมณ์หรือสายตา มันก็ ค่อนข้างซับซ้อน

“พักผ่อนพอแล้วใช่ไหม งั้นก็กลับกันเถอะ””กลับบ้านเทอ

“โอเค ฉันขอจัดการตัวเองครู่หนึ่ง

ผลิบเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วตามปยุตออกจากโรงแรม เมื่อ เข้าไปในรถ เธอส่งข้อความถึงหาด ลงทตฤคะ ธาตรีเอา บัตรประชาชนของฉันไป กรุณานำมันมาให้ฉันในครั้งต่อไป คุณมาที่เมือง B ด้วยนะคะ

ทาค ตอบกลับมา

“หัว มีอะไรทานบ้างไหมคะ

หยุดเอื้อมมือไปทางเบาะหลัง แล้วยื่นถุงใบใหญ่มาตรง หน้าผลิน เธอตกใจ เอาโยเกิร์ดออกมาจากถุงแล้วนำหลอด เข้าปาก หลังจากดื่มไปเล็กน้อยก็แกล้งทําเป็นถาม “จู่ๆ คุณ ก็มาทำ กลับฉัน ไม่ใช่ว่าคุณตกหลุมรักฉันแล้วเหรอ


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ