ภรรยาคนที่เจ็ดของประธาน

ตอนที่ 172 ขอโทษที่ฉันรักคุณ(3)



ตอนที่ 172 ขอโทษที่ฉันรักคุณ(3)

“ไม่เป็นไรครับ”

ปยุตยิ้มยิ้ม ที่จริงแล้วก็ลำบาก แต่ลำบากที่ว่าไม่ใช่ลำบาก กาย แต่เป็นความลำบากใจที่เขานั้นคิดถึงเธอ

“คุณพ่อคุณแม่สบายดีไหมครับ?”

“อืม สบายดี แม่ทำใจได้แล้วเรื่องที่ฉิงฉิงจะออกจากบ้าน 2-3วันมานี้อารมณ์ดีขึ้นเยอะเลย”

“คุณละครับ สบายดีไหม?”

ผลินพยักหน้า : “คะ แน่นอน ฉันสบายดี”

การกลับมาของปยุต ทำให้บ้านที่เคยเงียบเหงากลับมี ชีวิตชีวาขึ้นอีกครั้ง หญิงชราแห่งตระกูลทรัพยสานสั่งให้คน รับใช้จัดเตรียมโต๊ะอาหารชุดใหญ่ กุลีกุจอคีบอาหารใส่ใน ชามของลูกชาย : “กินเยอะๆหน่อย ทำไมถึงได้ผอมขนาด

“ความร่วมมือที่ซาอุดิอาระเบียทางนั้น ทุกอย่างราบรื่นดี ไหม?”

หัวข้อส่วนใหญ่ในบทสนทนาระหว่างคุณพ่อกับลูกชาย เป็นเรื่องเกี่ยวกับงานทั้งนั้น แท้จริงแล้วในใจเป็นห่วงความ เป็นอยู่ของลูกชายตอนอยู่ที่นั่นเสมอ
“ครับ ราบรื่นดีครับ”

ปยุตพยักหน้า เอากับข้าวที่กองเป็นภูเขาในชามของเขา ย้ายไปไว้ในชามของผลิน : “คุณก็กินเยอะๆนะ

นายหญิงพูดหยอกสามี : ลูกชายของเราช่างไม่เหมือน คุณเอาซะเลย ช่างเอาอกเอาใจภรรยา”

“คุณหมายความว่าผมดูแลคุณไม่ดีหรือ?”

“คุณก็สนใจแต่ตัวเอง ไม่เห็นคืบกับข้าวให้ฉันบ้างเลย?

“พวกเขายังข้าวใหม่ปลามัน เราสองคนเป็นสามีภรรยา มาเกือบ70ปีแล้ว ยังต้องแสดงออกแบบนั้นหรือ?”

ฮาฮา ทุกคนหัวเราะออกมาพร้อมกัน บรรยากาศผ่อน คลายเหมือนตอนที่คุณหนูฉิงฉิงกลับมาบ้าน

เมื่อทานอาหารเย็นเสร็จเรียบร้อย ทุกคนต่างแยกย้ายขึ้น ชั้นบน ผลินช่วยปยุตรื้อกระเป๋าเดินทางออก ชี้ไปยังห้อง อาบน้ำ : “คุณไปแช่น้ำร้อนหน่อยเถอะ นั่งเครื่องมาคงจะ เหนื่อยแย่”

“ครับ”

ปยุตเข้าไปยังห้องอาบน้ำ ยืนอยู่ใต้ฝักบัว ปล่อยให้ น้ำเย็นไหลลงมาตั้งแต่หัวจรดเท้า ความเงียบสงบตลอด ระยะเวลา 1 เดือนได้ทำให้จิตใจของเขาไม่ลำบากเช่นนั้นอีก ที่สนามบินเห็นดวงตาเป็นประกายของผลิน ในใจ เขานอกจากเปี่ยมล้นไปด้วยคิดถึงเธอแล้ว ก็ไม่ได้คิดถึง เรื่องอื่นอีก อดทนต่อคำว่ากล่าว ตำหนิผู้อื่น ความรู้สึก ผิด ผ่านไปแล้วตามกาลเวลา สิ่งเหล่านั้นถูกลืมเอาไว้ที่ ประเทศซาอุดีอาระเบียอันไกลโพ้น

เขาแอบตัดสินใจว่าจะเอาความลับนั้นซ่อนไว้ในก้นบึ้ง ของหัวใจไปตลอดกาล หลังจากนี้จะปฏิบัติดีต่อผลินเป็น ทวีคูณ เพื่อชดเชยตราบาปในคืนนั้น

เมื่อออกมาจากห้องน้ำ ผลินจัดการสัมภาระของเขา เรียบร้อยแล้ว ถือผ้าแห้งมาผืนหนึ่ง กล่าวว่า “ให้ฉัน : ช่วยเช็ดผมให้คุณนะคะ”

ปยุตนั่งลงที่เก้าอี้ ผลินยืนตรงหน้าเขาแสดงท่าทีอัน อบอุ่นอย่างมาก ใส่ใจอย่างมาก เช็ดผมให้เขาทีละเส้นทีละ เส้น เธอเปลี่ยนชุดเป็นชุดนอนเรียบร้อย รู้ว่าค่ำคืนนี้จะต้อง เป็นค่ำคืนที่แสนจะโรแมนติก ห่างกันนาน 1 เดือน ไม่ว่าจะ เป็นร่างกายหรือหัวใจต่างโหยหาฝ่ายตรงข้ามทั้งคู่

เธอเช็ดผมอยู่นาน ปยุตกลับนิ่งเฉย เธอรู้สึกแปลกๆจึงนั่ง ลงบนตักเขา ยื่นมือไปโอบที่คอเขา ค่อยๆเริ่มจูบเขาอย่าง ช้าๆ

ในสมองของปยุตรู้สึกผิดขึ้นมา สายตาของเขาขุ่นมัว ไปหมด ดังเช่นค่ำคืนนั้นที่จันทรค่อยๆขยับเข้ามาใกล้เขา ทันใดนั้นเขาสะดุ้งขึ้นมาดันตัวผลินออกไปข้างๆ
ผลินเงยหน้าขึ้นมองเขาอย่างประหลาดใจ ไม่เข้าใจว่า ทําไมเขาถึงทําอย่างนั้นกับเธอ

ปยุตเพิ่งรู้ตัวว่าตัวเองลืมตัวไปชั่วขณะ รีบกอดเธอแน่น กล่าวคำขอโทษ : “ขอโทษครับ ผมคงจะเหนื่อยมากเกิน ไป”

“ไม่เป็นไรคะ” เห็นสายตาอ่อนเพลียของเขา ผลินจึง ไม่ได้ถือสาอะไร และชี้ไปที่เตียงนอนบอกว่า : “รีบไปพัก ผ่อนเถอะคะ ขอบตาดำคล้ำเขียว ฉันสงสัยว่า1เดือนที่ ผ่านมา คณนอนหลับไม่สนิทเลยใช่ไหมคะ”

ที่จริงแล้ว 1 เดือนที่ผ่านมานี้ปยุตนอนน้อยมากจริงๆ เพราะว่าเขาไม่สบายใจ ทุกครั้งที่หลับตาลง ก็จินตนาการ ถึงสายตาของผลินที่จ้องจับผิดเขา สายตาคู่นั้นทั้งโกรธ เคืองและผิดหวังในตัวเขา

“ผลินครับ ช่วงนี้ผมรู้สึกนอนไม่ค่อยหลับเลย คุณร้อง เพลงให้ผมฟังหน่อยได้ไหมครับ…….

ผลินกอดที่ศรีษะของเขา โยกศีรษะเขาไปพลางร้อง เพลง (ไกวเปล) ที่คุณแม่ชอบร้องให้เธอฟังตอนเด็กๆ กล่อมเขาด้วยเสียงอันนุ่มละมุน ในที่สุดปยุตก็ผลอยหลับ ไป

ค่ำคืนนี้ เขาไม่ได้ตื่นขึ้นมากลางดึก เป็นเวลา1เดือนเต็มแล้วที่เขาไม่ได้นอนหลับสนิทอย่างนี้ เขาจึงไม่อาจ สูญเสียเธอไปได้

ในค่ำคืนเดียวกันนั้น ร่างเงาสง่างามร่างหนึ่งทอดยาว ออกไปที่พื้นหน้าหน้าต่าง ฟังคนที่อยู่ด้านหลังเธอรายงาน ว่า : “คุณปยุตกลับมาแล้วคะ” ผู้หญิงคนนั้นหันหน้ากลับ มา เผยยิ้มอันร้ายกาจบนใบหน้าภายใต้แสงจันทร์ “ถ้า อย่างนั้นเรื่องสนุกกำลังจะเริ่มต้นแล้วสิ”

เช้าวันต่อมา ปยุตมีกำลังใจขึ้นมาก บางทีอาจจะเป็น เพราะเขานอนหลับสนิท หลังจากโกนหนวดโกนเครา เรียบร้อยเขาก็เปลี่ยนเป็นคนละคนกับเมื่อวานอย่างชัดเจน ราวกับว่ากลับมาเป็นผู้ชายที่หล่อเท่ห์ดังแต่ก่อน

เขาลงบันไดมาเคียงข้างผลิน ช่วยลากเก้าอี้ให้เธอนั่ง ทั้งสองนั่งลงแล้ว บรรยากาศตอนเช้าที่สวยงามเริ่มต้นจาก อาหารเช้าแสนอร่อย

“แหม การเอาใจใส่ดูแลทั้งลูกชายลูกสะใภ้เปลี่ยนไปเลย นะ พอเจ้าลูกชายกลับมาเท่านั้นแหละ ไม่ว่าเป็นมื้อเย็น หรือมื้อเช้าก็จัดเตรียมอาหารซะเต็มที่เลย

นายหญิงแห่งตระกูลทรัพยสานยิ้มพลาง : “ไร้สาระน่า มีมื้อไหนที่คุณหิวแล้วไม่มีกินบ้างล่ะ?”

“ขนาดว่าหิวยังไม่พอกินเลย อะไรกันทำไมต้องสิ้น

เปลืองขนาดนี้”..
ผลินหยิบแซนวิชมาชิ้นหนึ่ง คืบสเต็กเนื้อสุกปานกลาง มากินพร้อมกัน ไม่รู้เป็นเพราะอาหารรสชาติอร่อยหรือเป็น เพราะปยุตกลับมาแล้ว เธอเอร็ดอร่อยกับอาหารมื้อนี้มาก

“ดื่มนมหน่อยสิครับ”

ปยุตส่งสายตามองที่เธอ กลัวว่าเธอจะทานเร็วเกินไปจะ ติดคอ

“ค่ะ”

ผลินดื่มนมจนหมดแก้ว ได้ยินเสียงเอะอะดังขึ้นที่ด้าน นอกประตู : “คุณผู้หญิงคะ ดิฉันยังไม่ได้เรียนท่านเลยคะ คุณยังเข้าไปไม่ได้นะคะ

“ฉันมีเรื่องด่วนต้องพบคุณปยุต”

“คุณรอดิฉันเข้าไปเรียนท่านก่อนนะคะ หากท่านให้คุณ เข้าพบคุณค่อยเข้ามานะคะ

“หลีกไป”

จันทรหน้าหงิกถลึงตาใส่รปภที่อยู่ตรงหน้า เดิน กระฟัดกระเฟียดเข้าไปยังห้องรับแขก

“คุณมาที่นี่ทำไม?”

คนกลุ่มหนึ่งลุกออกมาจากโต๊ะทานอาหาร ยืนตระหง่านตรงหน้าจันทร

จันทรใช้สายตาเกรี้ยวกราดกวาดตามองดูคนในกลุ่มนั้น ยิ้มอย่างเย็นชา “ดีมาก อยู่กันพร้อมหน้าเลย ฉันจะได้ พูดทีเดียวจบ

ปยุตก้าวออกมาข้างหน้าอย่างรวดเร็ว ดึงแขนของเธอ กัดฟันพูดว่า : “ออกมากับผม”

“ฉันไม่ไป สิ่งที่ฉันจะพูดพวกเขาจําเป็นต้องรับทราบ

จันทรสะบัดมือเขาออก สายตามองไปยังข้างหน้า เอ่ย ขึ้น “ฉันท้อง”

บรรยากาศโดยรอบหยุดนิ่ง ทุกคนต่างตกตะลึงจ้องมอง ที่เธอ ผลินรู้สึกว่าใจเต้นแรงราวกับรั่ว ใบหน้าขาวซีด

“เธอตั้งท้องแล้วมันเกี่ยวอะไรกับครอบครัวฉัน?”

ธามันตั้งสติได้ก่อน เอ่ยถามอย่างเนืองๆ

“ปยุต เป็นพ่อของเด็ก”

เสียงสิ่งของตกลงสู่พื้นดังขึ้น ผลินถึงกับเข่าอ่อน ทรุด ลงไปนั่งกับพื้น….

“ผลิน!!”
ปยุตรู้สึกกลัวขึ้นมารีบเข้าไปหาผลิน กอดเธอไว้ในอ้อม แขน : “คุณอย่าไปฟังคำพูดไร้สาระของเธอ เธอเป็นบ้า ไปแล้ว”

“ที่ฉันพูดไร้สาระหรือไม่ คุณน่าจะรู้ดีอยู่แก่ใจนะ จะให้ ฉันเอาหลักฐานออกมาไหมคะ!?”

จันทรเริ่มส่งเสียงดัง

เธอไม่สามารถทนเห็นคนรักในอดีตปกป้องผู้หญิงอื่นต่อ หน้าต่อตาเธอได้

“เธอรีบไสหัวออกซะ!”

ปยุตตะโกนออกมาอย่างโกรธเคือง บอกกับรูปภที่ยืน แข็งทื่ออยู่ข้างๆว่า : “ลากผู้หญิงบ้าคนนี้ออกไปให้พ้น เดี๋ยวนี้”

รปภสองคนจึงรีบตอบสนอง ดึงแขนของจันทรลากออก ไป จันทรสิ้นสุดชีวิต กัดฟันตะโกนว่า : “คุณคิดว่าอยาก จะหนีเรื่องนี้ก็หนีพ้นหรือ ? ถ้าคุณไม่ยอมรับ ฉันจะไป เปิดเผยเรื่องนี้กับสื่อ ให้ทุกคนรู้ไปเลยว่าพวกคุณตระกูล ทรัพยสานเลือดเย็นขนาดไหน ไร้ความรับผิดชอบ พวก คุณอยากขายหน้าฉันก็จะสนองให้!

“ปล่อยเธอเดี๋ยวนี้!”

นายหญิงเพิ่งตื่นจากภวังค์ ก้าวทีละก้าวตรงไปยังข้างหน้าจันทรถามด้วยท่าทีเย็นชา : “เธอมีหลักฐานอะไร พิสูจน์ว่าลูกในท้องเป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของตระกูลทรัพย สานของเรา”

“นี่เป็นเอกสารผลตรวจคะ ฉันตั้งท้องได้เดือนกว่า แล้ว ฉันกับลูกชายของคุณนอนห้องเดียวกันเมื่อวันที่ 18 เดือนมิถุนายน พวกคุณลองคำนวณวันดูก็แล้วกันว่าใช่หรือ ไม่”

“อ๋อ เอกสารผลตรวจแค่ชิ้นเดียวก็เอามาเป็นหลักฐานว่า ลูกในท้องของเธอเป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของตระกูลเราเนี่ย นะ? เธอรู้ไหมว่าเมื่อ20ปีก่อน แม่ของเธอก็เคยข่มขู่ฉัน แบบนี้เหมือนกัน?

จันทรสะบัดมือของรปภที่ประคองแขนของเธอออก พูด ด้วยความมั่นใจ : “ไม่เป็นไรคะ รอให้เด็กถึง3เดือนก่อน ก็ได้แล้วค่อยตรวจ DNA กันดูอีกที”

น้ำเสียงสงบลงของเธอทำให้คู่สามีภรรยาตระกูลทรัพย สานชักไม่ค่อยมั่นใจ ธามันเดินตรงไปที่หน้าลูกชาย ถาม เสียงเบา : “พวกเธอมีอะไรกันจริงไหม?”

เขาแค่อยากจะทราบความจริงจนลืมนึกถึงความรู้สึกของ ลูกสะใภ้ไป ปยุตน้ำตาตกใน

“ลากเธอออกไปให้พ้น

ปยุตนัยน์ตาแดงก่ำถลึงตาใส่จันทร มือที่โอบกอดผลินอยู่นั่นสั่นเทา สิ่งที่เขากลัวที่สุด ในที่สุดก็มาถึงจนได้

“คําถามนี้เขาไม่ตอบพวกคุณมาถามฉันได้นะคะ”

จันทรก้มหน้าหยิบรูป2-3ใบออกมาจากในกระเป๋าเป้ : “นี่ คงจะตอบคําถามพวกคุณได้ดีที่สุด”

สองสามีภรรยาแห่งตระกูลทรัพยสานหันมองสบตากัน สายตามองที่รูปถ่ายเหล่านั้นแล้วหันมองที่ลูกชาย ไม่ อยากจะเชื่อว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น ผลินรีบลุกขึ้นจากพื้น เดินตรงไปยังพ่อแม่สามี หยิบภาพถ่ายในมือพวกเขามาดู บ้างสั่นสะท้านไปทั้งตัวนิ่งลงไปกองกับพื้นอีกครั้ง

ปยุตรับรู้ถึงความเจ็บปวดใจของผลินในเวลานี้ได้มากกว่า ใครเพื่อน ถ้าไม่ใช่เพราะเขารับรู้ได้ว่าเธอจะเจ็บปวดเพียง ใด เขาคงไม่ยอมรับความกดดันอันยิ่งใหญ่ไว้ในใจคน เดียว คงจะสารภาพกับเธอไปนานแล้ว….

ในที่สุดความอดทนก็มาถึงขีดสุด เขาลุกขึ้นเดินตรงไป ยังหน้าจันทร จับที่คอของเธอ กัดฟันพูดว่า : “รู้อย่างนี้ วันนั้นผมปล่อยให้คุณตายเสียก็ดี!”

จันทรเบ้หน้า พูดน้ำเสียงสั่นเครือว่า “ถึงจะตายไปแล้ว ก็คุ้ม เพราะฉันไม่ใช่ตัวคนเดียว”

“ถ้างั้นก็รีบไปตายซะ!!”

ปยุตเพิ่มแรงในมืออีก จันทรเริ่มตาพล่า แทบหายใจไม่ออก ทันใดนั้นธามันรีบเข้ามาหยุดทันที

“ลูกใจเย็นๆก่อนดีกว่า ตอนนี้เรื่องมันเกิดขึ้นไปแล้ว ลูก ฆ่าเธอให้ตายก็ไม่มีประโยชน์อะไร”

“คนที่มันทำร้ายภรรยาของผม ผมไม่ปล่อยมันเอาไว้แน่!

ปยุตนึกถึงในความฝันก่อนหน้านี้ สายตาผลินมองค้อน เขา เหมือนในฝันไม่มีผิด ทั้งโกรธแค้นและผิดหวัง

เหตุผลของเขานั้นฟังไม่ขึ้น ผลักคุณพ่อออก ตรงไป ทางจันทรอีกครั้ง

แต่ครั้งนี้กลับถูกคุณแม่โอบกอดทางด้านหลังรั้งเอาไว้ : “ปยุต ลูกใจเย็นๆนะ เธอกำลังท้องกำลังไส้!

สถานการณ์ตรงหน้า ณ เวลานี้สับสนวุ่นวายไปหมด ผลินกวาดสายตามองเหตุการณ์ที่อยู่ตรงหน้าทั้งหมด ราวกับความฝันไม่ใช่ความจริง เมื่อสิบกว่านาทีก่อน เธอ ยังรู้สึกว่าเช้านี้เป็นวันที่สดใส ทำไมเพียงครู่เดียวกลับพัง ทลายลงเหตุการณ์ตรงหน้ายังดูไร้ทางออก

“ผลิน” — —

ธาวันเห็นลูกสะใภ้เป็นลมล้มลงไปกับพื้น ร้องออกมา อย่างตกใจ ปยุตเมื่อเห็นดังนั้นร้องเสียงหลงออกมาด้วย ความเสียใจ
เมื่อผลินฟื้นขึ้น เธอไม่รู้ว่าตัวเองอยู่ที่ไหน อาจจะเป็น สวรรค์หรือว่านรก

คงไม่ใช่แรกแน่ๆ ในนรกไม่น่ามีแสงสว่างขนาดนี้ แต่ ว่าถ้าเป็นสวรรค์ละก็ ในใจเธอทำไมถึงยังรู้สึกเจ็บปวดรวด ร้าวอย่างนี้? สวรรค์ไม่ใช่สถานที่ที่ทำให้คนรู้สึกมีความสุข หรอกหรือ?

ขณะที่ในใจเจ็บปวด น้ำตาก็ไหลลงมาไม่ขาดสาย เธอ ไม่สนใจว่าใครจะมาทำให้เธอเจ็บช้ำน้ำใจ เพราะว่าจิตใจ ของเธอเดิมทีผ่านเรื่องเลวร้ายต่างๆมาเยอะแล้ว ที่เธอ เสียใจก็คือ เรื่องที่เธอทำไม่ได้ ถูกคนอื่นแทนที่ทำได้

เธอรู้สึกว่าตัวเองไร้ค่า

ปยุตเห็นว่าเธอฟื้นแล้ว ยื่นมือสั่นเทากอดเธอเข้าที่ ใบหน้า ความเงียบของเธอทำให้เขารู้สึกกลัว ลึกๆในใจ เขาหวังว่าเธอจะร้องไห้กับเขา โวยวายใส่เขา ระบาย ความในใจออกมาบ้าง อย่างน้อยก็ควรจะเอ่ยถามเขาสักคำ ว่าทำไมถึงได้เป็นแบบนี้ แต่เธอไม่มีปฏิกิริยาใดๆ ราวกับ เปลือกหอยที่ไม่มีชีวิต

ปฏิกิริยาเดียวที่เธอมีคือสายตาอ้างว้างมองดูเขา

“ผลินครับ ถ้าคุณอยากร้องไห้ก็ร้องออกมาได้นะครับ รอให้คุณสบายใจขึ้นบ้างแล้ว ผมค่อยอธิบายให้คุณฟัง คุณร้องออกมาเถอะครับ ร้องเถอะ”
ปยตเจ็บปวดใจแตะที่หน้าผากของเธอ : “ผมขอโทษ ผมขอโทษจริงๆครับ……

น้ำเสียงละล่ำละลักของเขา คราบนําที่ติดขนตา สภาพ เธอในตอนนี้ทําให้เขาเจ็บปวดมากจนแทบหายใจไม่ออกยิ่ง กว่าเอามีดมาแทงใจของเขาให้เจ็บปวดซะอีก

ทันใดนั้นผลินเหลือบมองที่เขา ไม่พูดอะไร ไม่มีน้ำตา แม้แต่หยดเดียว นี่ไม่ใช่ไร้ซึ่งหัวใจ แต่ไร้ซึ่งจิตวิญญาณ หากไร้ซึ่งจิตวิญญาณแล้ว เธอก็คงไร้ซึ่งความรู้สึกใดๆอีก เธอได้แต่มีชีวิตอยู่ไปวันๆไม่ต่างจากคนที่ตายไปแล้ว

“ผลิน คุณอย่าทำแบบนี้สิครับ คุณร้องไห้ออกมาเถอะ ร้องมันออกมา! !

ปยุตออกแรงเขย่าไหล่ทั้งสองข้างของเธอในใจดั่งถูก ลูกศรพันเล่มทิ่มแทงเข้ามา หากเบื้องหน้าเขามีมีดเล่ม หนึ่งเขาจะเอามันแทงเข้าไปที่หน้าอกของตัวเองอย่างไม่ ลังเล มันยังดีกว่าเห็นผลินตายอย่างสิ้นหวังและเจ็บปวดใจ

“ทำไมต้องเป็นเธอ? ถ้าคุณอยากจะมีลูก คุณก็ออกไป หาผู้หญิงที่ไหนก็ได้ ทำไมต้องเป็นเธอด้วยคะ”…

ทำไมต้องเป็นผู้หญิงคนนั้น คนที่เคยเหยียบย่ำศักดิ์ศรี ของเธอ

ผลินหลังจากที่ตะโกนเสียงแหบแห้งถามปยุตซ้ำไปซ้ำ มา ในที่สุดเธอก็เปิดปากพูด สีหน้าไร้ชีวิตชีวาเต็มไปด้วยความโกรธแค้นและสะเทือนใจ

ปยุตมองที่เธออย่างสะเทือนใจ พูดไม่ออก เพราะรับรู้ ได้ถึงความทุกข์ระทมแสนสาหัสในใจของเธอ ผลินเหลือบ สายตาอันว่างเปล่าขึ้น ในที่สุดก็ร้องไห้ออกมา : “สิ่งนั้น คือศักดิ์ศรีชิ้นสุดท้ายของฉัน……

“ผลินครับ มันไม่ใช่อย่างนั้นครับ มันไม่ใช่อย่างที่คุณ คิด ผมรักคุณมาก ผมจะทรยศต่อคุณได้อย่างไรกัน”…

ปยุตโอบกอดเธอไว้ในอ้อมแขน ปล่อยให้น้ำตาแห่ง ความเจ็บปวดใจไหลออกมา นี่เป็นครั้งที่2ที่เขาหลั่งน้ำตา ให้ผลิน ครั้งก่อนแม้ว่าจันทรจะทิ้งเขาไป ไม่เป็นอันกิน อันนอน เขาก็ยังไม่เคยร้องไห้ แต่ว่าตอนนี้เขากลับกลั้น น้ำตาอันมีคุณค่ายิ่งกว่าทองคำเอาไว้ไม่อยู่

เขาอยากจะอธิบายเรื่องราวทั้งหมด แต่เขารู้ว่าก่อนที่จะ พูดอะไรเขาจำเป็นต้องปลอบโยนหัวใจแตกสลายของเธอ เสียก่อน ผู้ชายที่มีความรับผิดชอบคนหนึ่ง ไม่ใช่ว่าผิด พลาดแล้วรีบหาข้อแก้ตัวให้ตัวเองแต่ต้องยอมรับหน้าที่ที่ ตนควรจะรับผิดชอบ ไม่ว่าคืนนั้นเขาจะเป็นผู้บริสุทธิ์เพียง ใดก็ตาม ก็ไม่สามารถเอามาเป็นข้อแก้ตัวในเวลานี้ได้ แทนที่จะพูดออกไปว่าผมบริสุทธิ์ใจจริงๆ ที่เขาสมควรจะ กล่าวในตอนนี้คือคำขอโทษ…..


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ