ภรรยาคนที่เจ็ดของประธาน

ตอนที่ 241 ตอนจบ



ตอนที่ 241 ตอนจบ

“ผลิน!”

ปยุตร้องตะโกนออกมาด้วยความโกรธ : “ผมเป็นคน แบบนั้นหรือ? ผมเคยบอกคุณแล้วไม่ใช่หรือว่าระหว่าง ผมกับเธอไม่มีอะไรก็คือไม่มีอะไรสิ คุณน่าจะรู้อยู่แก่ใจ นะว่าผมเกลียดเธอแค่ไหน ทำไมคุณต้องพูดแบบนั้นให้ ผมอารมณ์เสียด้วยต๊ะ?”

“คุณโกรธหรือคะ? คุณจะโกรธเรื่องอะไรคะ? ตอนนี้ สามีของฉันคบทั้งกับฉันและคนรักเก่า ฉันยังไม่ได้ว่า อะไรคุณเลยนะคุณเป็นอะไรหรือคะ? ร้อนตัวหรือไง!”

ผลินอดน้อยใจไม่ได้ เมื่อคิดว่าระหว่างปยุตและจันทร มีเรื่องบางอย่างปิดบังเธออยู่ เธออดไม่ได้ที่จะกระแนะ กระแหนเขาราวกับว่ากลืนดินปืนลงไป

ตลอดช่วงเย็นทั้งสองคนทำสงครามเย็นใส่กัน และต่อ เนื่องอีกเป็นเวลาสามคืน เธอยืนยันที่จะทำแบบนั้นกับเขา ไม่ว่าปยุตจะใช้สารพัดวิธีเพื่อขอคืนดีกับเธอ แต่ผลินยัง คงยึดมั่นหลักการของเธอ 3 ไม่ คือ ไม่สนใจ ไม่ใจอ่อน และไม่ยอมต่อรอง

หลังจากแข็งข้ออยู่อย่างนั้นได้ 5 วัน อยู่มาวันหนึ่ง จันทรมาหาถึงบ้านโดยไม่ได้คาดคิดมาก่อน

หลังจากช่วงบ่ายที่แสงแดดยังคงส่องแสงอยู่ตามปกติ ผลินนั่งดูละครอยู่ในห้องรับแขก ปยุตนั่งอยู่ข้างๆเธอ ถึง แม้ว่าเธอจะยังไม่สนใจเขาอยู่ แต่เขาก็แกล้งทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้นั่งอ่านหนังสืออยู่เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

ลำแสงหนึ่งตกกระทบลงบนใบหน้าของเขาโดยตรง เผยให้เห็นถึงใบหน้าอันหล่อเหลาของเขา เค้าโครงหน้าที่ ชัดเจน จมูกโด่งคมสัน

สายตาของเธอเหลียวกลับมาดูละครต่อ ในเวลานั้นเอง จันทรก็มาถึง ผลินรู้สึกว่าท้องฟ้านั้นมืดมน แสงแดดที่ สดใสกลับเลือนหายไปถูกแทนที่ด้วยเมฆก้อนดำขนาด ใหญ่กดทับเธอไว้จนเธอรู้สึกอึดอัดจนแทบหายใจไม่ออก

“พี่ปยุตคะ ครั้งที่แล้วเรายังคุยกันไม่จบเลย พี่จะคุยต่อ อีกไหมคะ?”

สายตาของปยุตย้ายจากหนังสือมาที่ตรงข้างหน้า สีหน้าเรียบเฉยครุ่นคิดอยู่สักพัก จึงลุกขึ้น “ตามผมมา”

จันทรเดินตามเขาขึ้นไปชั้นบน

ผลินปิดโทรทัศน์รีบตามขึ้นไปทันที นี่ก็เป็นบ้านของ เธอเหมือนกัน เธออยากรู้ว่า ทั้งสองคนกำลังทำอะไรอยู่ กันแน่

ปยุตเห็นผลินตามเข้ามาในห้องอ่านหนังสือด้วย จึงบอก ตามกาละเทศะว่า “ผลินครับ คุณช่วยออกไปรอข้างนอก ก่อนได้ไหม ผมมีเรื่องส่วนตัวจะคุยกันนิดหน่อย”

ผลินยืนทำหน้างงๆ เพียงเพราะคำพูดของปยุตที่บอก ให้เธอออกไปก่อน เขาแสดงออกอย่างชัดเจนว่าเธอเป็น คนนอก
เธอหันหลังออกไปด้วยความโกรธ ปิดประตูห้องลง อย่างแรง

กลับลงมาที่ชั้นล่างอีกครั้งหนึ่ง เธอบอกกับตัวเองว่า อย่าโกรธ อยากรู้ความลับของศัตรูไปทําไมกัน? ตอนนี้ ในหัวใจของเธอรู้สึกว่ามืดมนที่สุดในโลก

เวลาผ่านไปนาทีแล้วนาทีเล่า ภายใต้ความวิตกกังวล ในที่สุดก็ได้ยินเสียงรองเท้าส้นสูงของจันทรกำลังลง บันไดมา ตึงตึงตึงแสบแก้วหู มันทำให้เธอรู้สึกอึดอัดใจ

“คุณผู้หญิงคะ ฉันขอตัวก่อนนะคะ”

จันทรมองเธอพร้อมยิ้มอย่างมีเลศนัย ผลินหน้าหงิก แล้วหงิกอีก เธอไม่รู้เลยจริงๆว่ารอยยิ้มของจันทรนั้นมี อะไรแอบแฝงอยู่

“อ้อ ลืมบอกคุณไปว่า ปกติพวกผู้ชายมักชอบรำลึก ถึงความหลังอยู่เสมอ โดยเฉพาะผู้ชายที่หมกมุ่นอยู่แต่ กับเรื่องความรัก พวกเขามักยึดติดกับคนคนหนึ่งไปชั่ว ชีวิต ไม่ว่าคนคนนั้นจะเคยทำให้เขาเจ็บปวดเสียใจเพียง ใดก็ตาม สุดท้ายแล้วเขาก็ยังรักเธอมากกว่าเกลียดเธอ อยู่ดี”

จากคำยั่วยุของจันทร ผลินโมโหเลือดขึ้นหน้า เธอตั้ง ท้องได้ 6 เดือนแล้ว ยังจะต้องแสร้งทำเป็นเข้มแข็งต่อ หน้าศัตรูคู่อาฆาตอีก คำพูดแบบนี้จะให้เธอกล้ำกลืนฝืน ทนอยู่ได้อย่างไร เธอเดินขึ้นชั้นบนไปพร้อมกับสะกด กลั้นความโกรธเอาไว้
“คุณจะเอาอย่างไรกันแน่ต๊ะ? ไม่เคยคิดบ้างเลย โช ไหม? ยังจะไปยุ่งกับนังจันทรนั่นอีก?”

ปยุตเดิมทีกำลังหลับตาครุ่นคิดอยู่ จู่ๆผลินหุนหันเข้ามา เอ่ยถามตรงๆแบบนี้ เขาลุกขึ้นพร้อมสีหน้าเหนื่อยหน่าย : “ผลิน ผมอธิบายกับคุณไปกี่ครั้งแล้วว่า ผมกับจันทรพบ กันก็แค่อยากจะยืนยันความชัดเจนในเรื่องหนึ่งเท่านั้น เอง ไม่ใช่ความสัมพันธ์ในแบบที่คุณคิดเลย แล้วตอนนี้ เธอก็ไม่ได้คิดอะไรกับผมแล้วด้วย

“คุณอย่ามาเล่นลิ้นกับฉันหน่อยเลย? ไม่มีคิดอะไรเลย แล้วทำไมเมื่อกี้นี้หล่อนยังบอกกับฉันอย่างหน้าตาเฉยว่า คุณน่ะรักหล่อนมากกว่าเกลียดซะอีก?”

“หล่อนตั้งใจยั่วโมโหคุณน่ะสิ คุณอย่าไปสนใจเธอเลย”

“อ่อ ยั่วโมโหฉัน แก้ตัวน้ำขุ่นๆสิไม่ว่า คุณกำลังแก้ตัวให้

หล่อนอยู่ใช่ไหมล่ะ?”

“ผมไม่ได้แก้ตัวแทนหล่อน ผมเพียงแค่ไม่อยากให้คุณ คิดมากไปกับคนอย่างหล่อนก็แค่นั้นเอง พวกเราไม่มี อะไรกันจริงๆ ให้ตายสิ ผมไม่มีทางยุ่งเกี่ยวใดๆกับเธออีก หรอกนะครับ”

“ไม่มีอะไรแล้วทำไมต้องปิดบังฉันด้วยล่ะ? เรื่องส่วน ตัวอะไรคะถึงจะต้องปิดบังภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมาย อย่างฉันด้วย? คุณรับปากกับฉันแล้วไม่ใช่หรือว่าจะไม่มี ความลับใดๆต่อกันอีก?”

ปยุตถอนหายใจ นัยน์ตาเหนื่อยล้า : “ผลิน ไม่มีความลับอะไรเลยครับ ก็แค่..

“ก็แค่เรื่องธุรกิจนิดหน่อย ตอนนี้คุณกำลังตั้งท้องอยู่ ไม่ต้องถามอะไรมากนักหรอก?” ผลินยิ้มด้วยสีหน้าเยาะ เย้ย : “คุณไม่ต้องเอาเหตุผลนี้มาเป็นข้ออ้างทุกครั้งเลย ฉันฟังมามากพอแล้ว”

เธอหันหลังออกจากห้องหนังสือไป ปิดประตูห้องด้วย ความโกรธอีกครั้ง ทีแรกคิดว่าเป็นเรื่องการต่อสู้ทางการ ค้าจริงๆ ที่ไหนได้ตอนนี้ดูเหมือนว่ามันจะไม่ง่ายขนาดนั้น ซะแล้ว

ในห้องนอนเธอนั่งลงที่บนเตียง หยดน้ำค่อยๆไหลริน ออกมาจากสองตา ในใจรู้สึกได้ถึงความไม่ยุติธรรมที่เกิด ขึ้น

ไม่รู้ว่าร้องไห้อยู่นานเท่าใด จู่ๆก็มีคนมาอยู่ข้างๆตบ หลังเธอเบาๆ “เอาล่ะ พอได้แล้ว เห็นคุณร้องไห้แล้วผม รู้สึกลำบากใจ

เธอยื่นมือออกมาปัดแขนของเขา “คุณอย่ามาทำเป็น หนูเมตตาแมวหน่อยเลย”

“เราอย่ามาทะเลาะกันเองเพราะคนอื่นเลยได้ไหม ครับ?” ปยุตปลอบใจเธออยู่ข้างๆ ฝืนเธอเข้ามาไว้ในอ้อม กอด ยืนยันหนักแน่น “สำหรับผมไม่มีใครสำคัญไปกว่า ลูกและภรรยาของผมอีกแล้ว”

ผลินใจเริ่มใจอ่อน แต่กลับโมโหขึ้นมาอีกเมื่อเขาพูด ประโยคต่อมา
“คุณไปเวียนนาเร็วขึ้นหน่อยก็ได้นะ ไปสกวนมะรน ผม เลื่อนตั๋วเครื่องบินให้คุณเรียบร้อยแล้ว”

เธอผลักเขาออกไปเต็มแรง กัดฟัน “คุณอยากให้ฉันไป เร็วๆใช่ไหมล่ะ? ไม่คิดจะถามฉันก่อนเลยหรือไงว่าพร้อม หรือเปล่า!

วันต่อมาหลังจากถกเถียงกันในวันนั้น ปยุตพบว่าผลิน หนีออกจากบ้านไป เธอไม่ได้บอกใครทั้งนั้น จนกระทั่ง ถึงเวลาที่รถไฟออกตัว เธอจึงส่งข้อความไปหาปยุต “ฉัน ไปแล้วนะ คุณอยากทำอะไรก็เชิญตามสบายเถอะค่ะ”

ปยุตหลังจากได้รับข้อความแล้วทั้งโมโหและรีบร้อน ส่งคนออกไปตามหาเธอทั่วทุกสารทิศ ตัวเขาเองก็ออก ไปตามหาBoarding passของเธอที่สนามบิน แต่ว่ากลับ หาไม่พบ เธอไม่ได้ไปต่างประเทศ

เขาพยายามคิดแล้วคิดอีก แต่ก็ยังคิดไม่ออกว่าเธอจะ ไปที่ไหน ถ้าหากว่าคุณลุงกับคุณป้าของเธอไม่ได้มาที่ เมือง B เขาก็ยังคาดเดาได้ว่าเธอคงจะไปเมือง F แต่ตอน นี้ที่เมือง F ก็ไม่มีใครที่เธอรู้จักอยู่แล้ว เธอก็ไม่มีเหตุผล อะไรที่จะต้องไปที่นั่นอีก แต่ถึงแม้จะเป็นเช่นนี้ เขาก็ยัง โทรหานภนต์ เพื่อบอกให้นภนต์ช่วยเขาหน่อย ถ้าผลินไป หาเขา ช่วยแจ้งกับปยุตโดยทันที

เขาตามหาตลอดทั้งช่วงเช้าก็ยังไม่มีวี่แวว หญิงชรา ร้อนใจจนอยากจะไปแจ้งความ ลูกสะใภ้คนนี้ยังอุ้มท้อง เด็กอีกสองคนด้วย ถ้าเกิดอะไรขึ้นมาละก็จะทำอย่างไร กัน? ขณะที่ปยุตกำลังถูกคุณแม่บ่นอยู่นั้นเขานึกขึ้นมา ได้ทันทีว่าวันก่อนผลินนอนดึกมาก เขาตื่นมากลางดึกเห็นเธอยังดูโทรทัศน์อยู่ ดูเหมือนว่ากำลังดูสารคดอยู เรื่องหนึ่ง น่าจะเป็นเรื่องตำนานแห่งความรักอะไรสัก อย่าง ชื่อเรื่อง “ความรักที่ 56 ปี ความยาวที่ 6 พันก้าว” ที่ เขาจําได้แม่นเลยก็คือ ตอนนั้นผลินร้องไห้เป็นวรรคเป็น เวรเลยทีเดียว

เขามัวแต่สนใจผลิน เลยไม่รู้ว่าเนื้อหาในสารคดีนั้นเป็น อย่างไร จำได้เพียงประโยคหนึ่งที่เธอพูดว่า ฉันอยากไป ที่นี่จังเลย ไปดูให้เห็นกับตาว่ามีความรักแบบนี้ด้วยหรือ

ปยุตเหมือนมีลางสังหรณ์อะไรบางอย่าง รีบเปิด คอมพิวเตอร์ เสิร์ชหาความรักที่ 56 ปี ความยาวที่ 6 พันก้าว เพียงครู่เดียวBaiduก็แสดงรายการทั้งหมดที่ เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ออกมามากมาย เขารีบกวาดตามอง อย่างรวดเร็ว ที่แท้เป็นเรื่องราวความรักระหว่างคนสอง คนที่มีอายุห่างกันราวสิบปี เพื่อที่จะหลบเลี่ยงคำติฉิน นินทาของผู้คน จึงหนีตามกันไปอาศัยอยู่ในป่าลึกเป็น เวลานานหลายสิบปี สิ่งที่ทำให้ผู้คนตกตะลึงก็คือชาย หนุ่มที่อายุน้อยกว่าเธอราวสิบปีนั้น ใช้เวลาถึง 56 ปีใน การสร้างบันไดแห่งความรักให้กับคนรัก ซึ่งทำให้ผู้คน ได้สัมผัสถึงความรักที่แท้จริงนั้นได้ ปยุตถอนหายใจลึก มิน่าถึงได้ทำให้ภรรยาของเขาดูแล้วน้ำตานองหน้า ก็ แม้แต่ผู้ชายอย่างเขายังรู้สึกว่าความรักแบบบริสุทธิ์ใจ อย่างนี้หาได้ยากยิ่งนัก

เขามั่นใจว่าผลินจะต้องไปยังบันไดแห่งความรักนั้น อย่างแน่นอน หลังจากที่ค้นหาเส้นทางเรียบร้อยแล้ว ป ยุตไม่รอช้ารีบออกเดินทางตามรอยภรรยาไป

ขณะที่กำลังนั่งอยู่บนรถไฟ เขาทอดสายตามองทิวทัศน์ที่อยู่นอกหน้าต่างด้วยความรู้สึกหดหู่ นี่เป็นครั้ง แรกที่เขานั่งรถไฟ ภรรยาของเขาผลินมักจะให้เขาได้ลิ้ม ลองประสบการณ์ใหม่ๆอยู่เสมอ ในเวลานี้ก็เช่นกัน หาก ไม่ใช่เพื่อที่จะไปตามหาเธอแล้ว เขาคงไม่ได้มานั่งอยู่ใน รถไฟที่เต็มไปด้วยเสียงเซ็งแซ่อย่างนี้หรอก

เมื่อนึกถึงท่าทีอันเฉยชาของทั้งคู่ในสองสามวันที่ผ่าน มานี้ ในใจของเขารู้สึกอึดอัดอย่างมาก ที่จริงเขาก็ทน ไม่ได้เหมือนกันที่ต้องทำให้ผู้หญิงที่เขารักรู้สึกน้อยใจ แต่ว่าเรื่องบางเรื่องก็ไม่สามารถเล่าได้จริงๆ โดยเฉพาะ สภาพของเธอในตอนนี้ ไม่เหมาะสมเลยที่จะบอกกับเธอ แม้แต่ตัวเขาเองก็ยังรับไม่ได้ แล้วถ้าเป็นเธอล่ะ

เมื่อคิดไปถึงเรื่องราวต่างๆ เขารู้สึกหนาวขึ้นมาทันที ร่างกายของเขาเริ่มสั่นสะท้านไปทั้งตัว

เขาหยิบโทรศัพท์ออกมา โทรไปหาชนัย “ชนัย ผมออก

จากเมือง B แล้วนะ ตอนนี้กำลังเดินทางไปที่เมือง L’

ถึงแม้ว่าชนัยได้เปลี่ยนชื่อไปแล้ว แต่ปยุตยังคงคุ้นเคย กับชื่อนี้ที่เขาเรียกมาสิบกว่าปี

“อย่าลืมจับตาดูทัตดาเอาไว้ให้ดีนะ ครั้งนี้ผมจะทำให้ หล่อนไม่มีทางหวนกลับมาได้อีก ให้หล่อนติดคุกไป ตลอดชีวิต ตายทั้งเป็นไปเลย!”

“อ้อ อีกเรื่องหนึ่ง เอกสารที่สำนักงานต่อต้านการทุจริต นั้นรวบรวมได้ครบแล้วใช่ไหม คุณช่วยกันตรวจทานดูอีก ครั้งนะ ถ้าไม่มีปัญหาอะไรละก็ ยื่นตรงไปได้เลย”
“เอาละ ถ้ามีอะไรก็โทรหาผมทันทีนะ ตอนนผมบึง เมม กำหนดวันกลับที่แน่นอน”

รถไฟใช้เวลาวิ่ง 1 คืนก็มาถึงเมือง L เมื่อลงจากรถไฟ แล้ว ปยุตตรงไปยังจุดหมายปลายทางทันที ที่บริเวณ ใกล้เคียงป่าลึกอันเป็นที่ตั้งของบันไดแห่งความรักมีที่พัก อยู่สองสามแห่ง เขาถามแต่ละที่ว่ามีผู้หญิงคนหนึ่งที่ชื่อ ผลินเข้ามาพักหรือไม่ อายุราว 28 ปี ตั้งท้องราว 6 เดือน

หลังจากที่เขาสอบถามแล้วหลายแห่งก็ยังไม่พบคนที่ เขาตามหาเลย เขาเริ่มอารมณ์เสีย เตะก้อนหินลอยออก ไป ผู้หญิงคนนี้นี่เข้าใจยากจริงๆเลย คนอื่นเขาท้องลูก คนเดียวก็เหนื่อยจะตายแล้ว เธออุ้มท้องเด็กถึงสองคนไม่ เหนื่อยบ้างหรือยังไงกันนะ

ยังจะเดินทางขึ้นเขาลงห้วย สมบุกสมบันกว่าผู้ชายบาง คนเสียอีก

เขายังคงตามหาต่อไปอย่างไม่นิ่งนอนใจ ในที่พักแห่ง สุดท้าย เขาเจอกับผลินเข้าอย่างจัง

เมื่อผลินเห็นเขาเข้าก็ตกใจมาก แต่ก็รีบกลับลำทำเป็น เย็นชา ถามออกไปว่า “คุณมาที่นี่ทำไม?”

“ประโยคนี้ผมควรจะเป็นคนถามคุณมากกว่านะ คุณมา ที่นี่ทำไม? ”

“มันเรื่องของฉัน”


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ