ภรรยาคนที่เจ็ดของประธาน

ตอนที่195 ลึกล้าดั่งมหาสมุทร



ตอนที่195 ลึกล้าดั่งมหาสมุทร

เสียงของเขายังคงเจือไปด้วยการหยอกเย้า ผลินสะบัดมือ ของเขาออกไปอย่างรังเกียจ หลังจากด่าว่าไอ้เลวก็เข้าไป ในอพาร์ตเมนต์โดยไม่หันกลับมา

นอนบนเตียงในตอนกลางคืน ยิ่งคิดยิ่งรู้สึกว่ามีบางอย่าง ผิดปกติ วันต่อมาเป็นวันหยุดสุดสัปดาห์ เธอไม่ต้องไป บริษัท ดังนั้นเธอจึงส่งข้อความไปหาชื่นใจ ชวนเธอไปเจอ กันที่ร้านกาแฟ

เธอใช้เบอร์โทรศัพท์มือถือใหม่กับชื่นใจ ดังนั้นจึงไม่รู้ว่า ใครเป็นคนส่งข้อความ อย่างไรก็ตามชื่นใจยังไปตามนัด หมายตรงเวลา

ผลินสวมหมวกสีขาวและผ้าพันคอสีขาว ใส่แว่นตาสีดำ เมื่อยืนอยู่ต่อหน้าชื่นใจ นานกว่าหนึ่งนาทีที่ชื่นใจจำไม่ได้ว่า คนที่อยู่ตรงหน้าเป็นใคร

เธอค่อย ๆ ถอดแว่นตาออก ดึงผ้าพันคอลงเล็กน้อย แสดง ให้เห็นส่วนใหญ่ของใบหน้า ชื่นใจลุกขึ้นยืนด้วยความตกใจ “ลิน…..

ช่ว! ผลินทําท่าให้เงียบเสียงลง เธอเหลียวมองรอบกาย ไม่อยากให้ใครเห็นเธออยู่ที่นี่

ชื่นใจเก็บอาการยับยั้งชั่งใจ ดึงเธอเข้ามาใกล้และนั่ง ลง ทั้งแปลกใจและถามอย่างยินดี “เป็นเธอได้ยังไง ฉันไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเองเลย นี่ฉันฝันอยู่เหรอ!”

“เธอไม่ได้ฝัน”

ผลินหยิกแก้มของเธอ มันเจ็บมากใช่ไหม ฉันคือผลิน เพื่อนที่ดีที่สุดของเธอไง”

ชื่นใจตื่นเต้นมาก กอดเธอไว้ในอ้อมแขน พูดด้วยเสียง สะอื้นว่า “ลิน ฉันคิดว่าตายไปแล้ว เธอไม่มีจิตสํานึกเลย ใน ช่วงสองปีที่ผ่านมาไปตายไปอยู่ที่ไหน!!”

“เรื่องมันยาว เธอปล่อยฉันก่อน ฉันจะค่อย ๆ บอกเธอ”

ผลินอธิบายสถานการณ์ในช่วงสองปีที่ผ่านมาของตัวเอง จนถึงปัจจุบัน ชื่นใจที่ได้ยินก็คิ้วขมวดด้วยความประหลาดใจ “ถ้าพูดอย่างนี้ ก็แสดงว่าเธอไปอาศัยอยู่กับลุงและป้าของ เธอเหรอ”

“อืม”

“พวกเขาดูแลเธอดีหรือเปล่า”

ในความทรงจําของชื่นใจ ตีรณและภรรยาใช้หลานสาว ของพวกเขาเป็นตู้ ATM และผู้เชี่ยวชาญด้านการแก้ วิกฤติทางปัญหา

“ดี พวกเขาเปลี่ยนไปมาก ไม่เหมือนที่ผ่านมาที่คอยทำให้ ฉันเดือดร้อน ดังนั้นสองปีที่ผ่านมาฉันมีช่วงเวลาที่ดีจริง ๆ
ชื่นใจมีหลากหลายอารมณ์ จับมือเธอและพยักหน้า “ดีก็ดี เธอได้มีชีวิตที่ดีฉันก็มีความสุขกับเธอด้วย เธอดูดีกว่าที่เธอ เคยเป็นนะ”

“จริงสิ ฉันมีคําถามจะถามเธอ”

นั่นคือเหตุผลที่ผลินนัดชื่นใจมาวันนี้

“คําถามอะไรเหรอ”

“คุณปยุต……..เขาแต่งงานแล้วเหรอ”

“เขาแต่งงานกับใครเหรอ” ชื่นใจถามด้วยความประหลาด

ใจ

“จันทร

“ชิ! เลิกกันนานแล้ว

ผลินหัวใจเต้นแรง “ทําไมล่ะ

“เธอไม่รู้หรอก ผู้หญิงคนนั้นทำให้บ้านของพวกเขาพลิก จากหน้ามือเป็นหลังมือ ตั้งแต่เธอจากไปคุณปยุตก็ดื่มทุกวัน แถมยังพัวพันกับผู้หญิงมากมาย จันทรทนไม่ได้แม้เพียง อึดใจ ทุกวันก็เอาแต่เอะอะเสียงดังสร้างปัญหาในบ้าน ใน ที่สุดก็ทำให้เด็กหายไป เธอไม่มีเครื่องรางอีก แต่ก็ไม่อยาก ไปจากบ้านตระกูลทรัพยสาน แล้วทำยังไงรู้ไหม เธอวางกับ ดักให้ตัวเองตกบันไดแต่กล่าวหาว่าแม่สามีของเธอผลักเธอตกบันได แต่แล้วแผนการณ์ก็ถูกเปิดเผย เธอถูกไล่ออกไป จนได้”

“เธอได้ยินมาจากใคร

“ฉันเจอแม่สามีของเธอบนถนน จึงคุยกับเธอสักพัก ได้ยิน มาจากปากของเธอ”

ผลินมองออกไปนอกหน้าต่างด้วยความเศร้าโศก เงียบไป นาน เป็นอีกครั้งที่มันเกินความคาดหมายของเธอ เธอคิดว่า ปยุตกับจันทรแต่งงานกันแล้ว และมีลูกที่น่ารัก แต่ไม่เคยคิด เลย ว่าเด็กคนนั้นไม่มีแล้ว พวกเขาไม่ได้อยู่ด้วยกัน บางที เธอควรจะมีความสุข แต่ทําไมหัวใจของเธอ มันจึงเศร้า อย่างไร้เหตุผลเช่นนี้

เธออดไม่ได้ที่จะถามตัวเองว่าการได้เห็นเขาไม่มีชีวิตดี เท่าคุณ นั่นทำให้คุณพอใจจริง ๆ เหรอ

คําตอบคือไม่ ความจริงแล้ว เธอต้องการให้เขามีชีวิตที่ดี แม้ว่าจะไม่ได้อยู่กับเธอก็ตาม

“ปยุตมีการเปลี่ยนแปลงไปมาก ในช่วงสองปีที่ผ่าน มา หลายครั้งที่ฉันเห็นเขาในโอกาสต่าง ๆ เขาพยักหน้า ทักทายฉันด้วย แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรกับฉันเลย จริงสิ หลัง จากขับไล่จันทรไป เขาย้ายออกจากบ้าน แล้วก็เพิ่งย้ายกลับ ไปได้ไม่นาน ได้ยินว่ามีปัญหากับพ่อของเขา นอกจากนี้เขา ยังได้ก่อตั้งบริษัทใหม่ของตัวเองด้วย”
“ฉันรู้”

ผลินพยักหน้าอย่างหดหู่

“เธอรู้เหรอ เธอรู้ได้ยังไง”

“ตอนนี้ฉันทํางานในบริษัทของเขา

“อะไรนะ”

ชื่นใจดวงตาเบิกกว้างอย่างไม่อยากเชื่อ

หลังจากได้ยินคำอธิบายของผลิน ทันใดนั้นก็ได้รู้ เรื่องได้ กลายเป็นแบบนี้ เธอถามอย่างระมัดระวัง “เธอได้ยินว่าเขา ยังโสด เธอมีแผนที่จะกลับไปเป็นเหมือนเดิมอีกครั้งไหม

“ไม่หรอก”

ผลินตอบโดยที่เกือบจะไม่ต้องคิด

“ทำไมล่ะ”

“ถึงเขาไม่ได้ร่วมทางกับจันทรก็ไม่ได้หมายความว่าเราจะ กลับไปเหมือนเดิมได้ ตอนที่จันทรยังไม่ได้เข้ามายุ่ง ฉันก็ เหนื่อยเหมือนกัน ครอบครัวของพวกเขาต้องการหลาน แต่ ฉันไม่สามารถตอบสนองความปรารถนาของพวกเขาได้ ดัง นั้นปัญหาเดียวกันจะเกิดขึ้นอีกถ้าหากกลับไป ตอนนั้นที่ กัดฟันยืนหยัดเพราะไม่เต็มใจที่จะยอมแพ้ความรู้สึกนั้น แต่ตอนนี้ออกมาแล้ว ก็ไม่อยากกลับไปอีก ไม่อย่างนั้นก็เป็นคน ไม่ละอายแก่ใจ”

ชื่นใจเข้าใจความรู้สึกของเธอจึงไม่พูดอะไรมากอีก พวก เขาพูดคุยเกี่ยวกับชีวิตของตัวเอง คุยกันตลอดทั้งบ่าย เมื่อ แยกจากกัน ผลินขอร้องเธอ “อย่าบอกใครเกี่ยวกับเรื่อง ที่ฉันอยู่ในเมือง B นะ ฉันจะออกไปจากที่นี่หลังเสร็จงาน และอาจจะไม่ได้กลับมาอีก เพราะฉะนั้นคิดว่าฉันไม่เคยกลับ มายิ่งดี”

“อื้ม!”

ชื่นใจพยักหน้าหนัก “แต่อย่าขาดการติดต่อกับฉันนะ พวก เราจะเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันไปตลอดชีวิต”

“ได้”

หลังจากที่คนสองคนกอดกัน ต่างไม่เต็มใจที่จะบอกลา และแล้วแต่ละคนก็เดินออกไปในทิศทางตรงกันข้าม……

ถึงจะรู้ผลลัพธ์ของปยุตและจันทรแล้ว แต่ผลินไม่ได้บอก กับเขา ยังแสร้งทำเป็นไม่รู้

ในวันนี้ซึ่งเป็นวันพุธ ประจำเดือนของผลินมา ใกล้จะถึง เวลาเลิกงานแล้ว แต่เธอปวดท้องมาก รู้สึกว่าช่วงล่างเปียก ชุ่มไปหมด เธอนั่งอยู่ในที่นั่งของเธอ อดทนต่อความรู้สึกไม่ สบายตัว
มันน่าเศร้าที่เมื่อตอนเช้าออกมาพร้อมกับการใส่กางเกงสี ขาว วันนี้ไม่ได้ทํางานล่วงเวลา ตอนห้าโมง เพื่อนร่วมงาน เริ่มเก็บของและเตรียมตัวเลิกงาน เธอนั่งอยู่ในที่นั่งของ เธอ หัวหน้าทีมวิจัยและพัฒนาถามว่า “คุณยังไม่เลิกงานอีก เหรอครับ”

“เดี๋ยวก็ไปแล้วค่ะ”

เธอกำลังจะตะโกนเรียกเพื่อนร่วมงานหญิงคนเดียวใน สํานักงาน อยากให้เธอมาช่วย ในขณะที่เหมือนว่ากำลัง จะได้เกิดใหม่ ก่อนที่จะทันได้อ้าปาก เพียงพริบตาก็หายไป เหมือนคว้นจนไม่เหลือแม้แต่เงา

ลืมมันซะ รออีกครู่เดียว อยู่จนกว่าจะมืด หลังทั้งตึกเลิก งาน ก็จะไม่มีใครเห็นเธออีกในตอนที่เธอออกไป

แต่ท้องนั้นไม่แข็งแรงพอ มันยิ่งเจ็บปวดมากขึ้น ใบหน้า ของเธอซีดด้วยความเจ็บปวด เหงื่อเย็นไหลออกมาไม่หยุด และไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อไหร่ ที่เธอได้รับความเจ็บปวดจาก ประจำเดือนอย่างรุนแรง มันเหมือนถูกมีดแทงเข้าที่ท้อง

เวลาผ่านไปที่ละนาที ทันใดนั้นประตูสำนักงานก็ถูกเปิด ออก ปยุตเข้ามาสอบถาม “ทำไมคุณยังไม่เลิกงานอีก”

ห้องของทีมวิจัยและพัฒนาอยู่หน้าห้องของประธาน ทุก ครั้งที่ไปทำงานต้องผ่านประตูห้องของประธาน และผนัง ด้านข้างของห้องประธานที่ติดกับประตูเป็นกระจกโปร่งใส ดังนั้นใครก็ตามที่เดินผ่านไปผ่านมา คนที่นั่งอยู่ข้างในสามารถเห็นได้อย่างชัดเจน

ปยุตไม่เห็นว่าผลินเดินผ่านไป หลังจากเลิกงาน จึงมาดู ไม่คิดว่าเธอจะยังไม่ไปจริง ๆ

ผลินเงยหน้าขึ้นมองเขา ไม่ได้พูดอะไร แล้วฝังศีรษะลง กับแขนหมอบลงไปอีกครั้ง

ปยุตเห็นว่ามีบางอย่างผิดปกติกับสีหน้าของเธอ จึงเข้ามา ใกล้และถามว่า “รู้สึกไม่สบายเหรอ”

เธอยังคงไม่พูด เพราะมันเป็นเรื่องยากที่จะพูด

“ถ้ารู้สึกไม่สบายก็ไปโรงพยาบาลสิ มานั่งทำอะไรตรงนี้”

เขาพยายามจะดึงเธอขึ้นมา จนได้เห็นมือของเธอกุมท้อง อยู่ และเห็นว่าใส่กางเกงสีขาว ทันใดนั้นก็เข้าใจทุกอย่าง

รีบถอดสูทออก แล้วผูกรอบเอวของเธอ และพูดว่า “โอเค ไปเถอะ”

ผลินมองเขาด้วยความประหลาดใจ ก้มลงมองเสื้อที่เอว หัวใจเกิดความขัดแย้งต่อสู้ มันค่อนข้างน่าอายที่จะให้เธอ ออกไปพร้อมกับเสื้อของประธาน แต่ท้องก็เจ็บปวดจนเกือบ จะทนไม่ได้ ถ้ามัวกังวลเกี่ยวกับเรื่องหน้าตา เธออาจจะ หมดสติที่นี่ ในเวลานั้นปยุตจะต้องอุ้มเธอออกไปแน่นอน เปรียบเทียบระหว่างสองทาง เธอตัดสินใจที่จะออกไปพร้อม กับเสื้อผ้าของเขา
ปยุตขับรถพาเธอไปส่งที่อพาร์ตเมนต์ ตอนที่กำลังลงจาก รถ เธอพูดเสียงเบา “ขอบคุณค่ะ ถ้าซักแล้วจะเอาไปคืน คุณ”

เห็นเธอยืนไม่มั่นคง ปยุตจึงลงจากรถไปช่วยเธอและพูด ว่า “เดี๋ยวพาคุณเข้าไปข้างใน

เขาพาเธอไปที่หน้าอพาร์ตเมนต์ ผลินเบี่ยงออกจากมือ ของเขา พูดอย่างอ่อนแรงว่า “ส่งแค่ตรงนี้ก็พอค่ะ”

ปยุตพยักหน้า ไม่ได้พูดอะไร แล้วขับรถออกไป

ผลินถอนหายใจเศร้าจ้องมองรถของเขาค่อย ๆ หายไป หยิบกุญแจออกและเปิดประตูเข้าไป หลังจากอาบน้ำร้อน และเปลี่ยนเป็นเสื้อผ้าที่สะอาดด้วยความเหนื่อยล้าจึงนอน ลงบนเตียง

ท้องยังคงปวดอยู่ เธอนอนขดตัวในผ้าห่ม สิบนาทีต่อมา เธอได้ยินเสียงกริ่ง

พยุงตัวเองลุกจากเตียงและเข้าไปในห้องนั่งเล่นเพื่อเปิด ประตู ทันทีที่ประตูเปิดออกเธอก็ชะงักไป “ทำไมคุณยังไม่ ไป”

ในมือถือถุงจับจ่ายซื้อของ ไม่รู้ว่ามีอะไรอยู่ในนั้น เขาเดิน ตรงไปที่ห้องนั่งเล่น หยิบกระเป๋าน้ำร้อนออกมาจากถุง ไปนอนบนตียง”
ผลินถูกเขาจับจูงเดินโซซัดโซเซเข้าไปในห้องนอน คลุม ผ้าห่มให้เธอ เขาเสียบปลั๊กเครื่องทำน้ำอุ่น แล้วก็หันเดินไป ที่ห้องนั่งเล่น

ไม่นานก็มีเสียงแก๊สปะทดังขึ้นจากในครัว วิ้ดวิ้ดวิ้ด……..

ห้านาทีต่อมา ปยุตเข้ามาพร้อมกับชามนําต้มน้ำตาลทราย แดง “ดื่มนีซะ”

ผลินจ้องมองเขาอย่างประหลาดใจไม่กี่วินาที ลุกขึ้นและ รับชามนําต้มนํ้าตาลทรายแดง ค่อย ๆ จิบทีละน้อยลงไป ในท้อง เธอรู้สึกถึงความอบอุ่นในร่างกาย มันไม่ชัดเจนว่า เป็นเพราะดื่มน้ำต้มน้ำตาลทรายแดง หรือเพราะผู้ชายที่ต้ม นํ้าตาลทรายแดงให้เธอ

ใส่น้ำอุ่นลงกระเป๋าน้ำร้อนจนเต็ม ปยุตไปหาผ้าเช็ดตัวมา ห่อรอบกระเป๋าน้ำร้อน แล้วมาเลิกผ้าห่มขึ้นและวางไว้ตรง หน้าท้องของผลิ

ความเอาใจใส่ของเขาทำให้เธอทั้งรู้สึกแปลกและคุ้นเคย แม้แต่รสชาติของน้ำต้มน้ำตาลทรายแดงมันก็ทั้งหวานและ ฝาดเผื่อน

“คุณต้มด้วยอะไรบ้าง

“ขิงหั่นผ่าน อ้ายเฉ่า น้ำตาลทรายแดง”

หึ เธอยิ้มอย่างขมขื่น “คุณดูจะชินกับการดูแลผู้หญิงนะ”
เธอดื่มจนหมด แล้วส่งชามให้เขา “ขอบคุณมากค่ะ”

หลังจากนําชามเข้าไปในครัว ก็กลับไปที่ห้องนอนและพูด กับเธอว่า “ผมไปแล้ว ถ้ารู้สึกไม่สบายก็สามารถโทรหาผม ได้”

เมื่อกําลังหันหลังและเดินจากไป ผลินคว้ามือของเขา ทันที แล้วพูดอย่างน่าสงสาร “รอเดี๋ยว รอจนกว่าฉันจะหลับ แล้วค่อยไปได้ไหม

ปยุตก้มลงมองเธอ พยักหน้าพลางตอบไม่เต็มเสียง “ได้”

เขานั่งอยู่บนโซฟา เอานิตยสารมาเปิดดูอย่างจริงจัง ผลิน นอนอยู่บนเตียงและมองเขาอย่างขมขื่น

“ถ้าคุณมองผมอย่างนั้นต่อไป แล้วเมื่อไหร่คุณจะหลับ”

ปยุตไม่ได้เงยหน้าขึ้น แต่รู้ว่าผลินมองเขาอยู่ มันเหมือน กับว่าเขามีคู่ตาอยู่บนศีรษะของเขา

ผลินพลิกตัวหันหลังให้ หลับตาลงพร้อมกับที่น้ำตาใส ไหลรินลงมา…..

ครึ่งชั่วโมงต่อมาท้องเธอไม่ปวดแล้ว ปยุตยังคงนั่งอยู่บน โซฟา เธอเปิดผ้าห่มและลุกออกจากเตียง

“คุณจะทำอะไร” เขาถามด้วยความประหลาดใจ
“ฉันไม่ได้ปวดท้องแล้ว แต่หิวนิดหน่อย คิดว่าคุณก็หิว เหมือนกัน ฉันจะทำบางอย่างให้เราทานด้วยกัน”

ปยุตไม่ได้ขัดขวาง ผลินไปที่ครัว เธอไม่ได้ทำอะไรมาก แค่ทำบะหมี่ไข่มะเขือเทศสองชาม

เธอทำจนได้ผลลัพธ์ตามที่เธอต้องการ เมื่อปยุตมาที่ห้อง นั่งเล่น เห็นเธอทำบะหมี่ไข่มะเขือเทศ ในดวงตาก็มีร่องรอย ของความเจ็บปวด

เขาไม่เคยลืม ในฤดูหนาวปีนั้น เธอบอกว่าสิ่งที่มีความ สุขที่สุด ก็คือการได้ทานบะหมี่ไข่มะเขือเทศในค่ำคืนที่ ยาวนานกับคนที่รัก

“ในตู้เย็นไม่มีอาหารอะไรเลย ดังนั้นจึงทำแค่บะหมี่สอง ชามนี้ ทานแก้ขัดไปก่อนนะ”

“ได้”

พวกเขานั่งเผชิญหน้า ปยุตคีบบะหมี่เข้าปาก ลิ้มรสใน ความทรงจํา เช่นกันกับเธอคนเดิม ไม่มีการเปลี่ยนแปลง

“ฉันรู้แล้ว” ผลินหยุดไปชั่วครู่ “เกี่ยวกับเรื่องคุณและ จันทร”

ทันใดนั้นมือของปยุตก็ค้างแข็ง ตะเกียบที่คีบก๋วยเตี๋ยวที่ จ่ออยู่ตรงริมฝีปากถูกส่งกลับไปยังชาม “แล้วยังไง”
“ตอนที่ฉันถามคุณทําไมคุณถึงไม่บอก”

“เพราะไม่ได้วางแผนจะกลับไปหาคุณ ทําไมถึงต้องบอก คุณเรื่องนี้”

หัวใจของผลินถูกทำร้ายอย่างทารุณ พูดอย่างไว้หน้าว่า “เช่นกัน ฉันก็ไม่ได้วางแผนที่จะกลับไปหาคุณ ผู้หญิงที่ เป็นหมันอย่างฉัน ถึงแม้ว่าคุณจะต้องการอย่างนั้น แต่ฉันก็ พอแล้วกับชีวิตครอบครัวของคุณ”

“ก็ดี งั้นก็ทางใครทางมัน”

เขาลุกขึ้น มองลงล่างและพูดว่า “นภนต์เป็นคนดี และ ครอบครัวของเขามีพี่น้อง ถ้าคุณสนใจในตัวเขา ครอบครัว พวกเขาจะไม่ทำให้เหนื่อยล้า”

“ไม่ต้องให้คุณคิดแทน ฉันกำลังคิดเกี่ยวกับมัน!”

ผลินมีน้ำตาในดวงตา แต่ดื้อดึงปฏิเสธอย่างไม่ยอม ด้วย เหตุผลอะไร อะไรทำให้เธอต้องร้องไห้อีกครั้งและอีกครั้ง เพื่อผู้ชายที่ไร้หัวใจคนนี้

“ผมไปแล้ว คุณพักผ่อนเถอะ”

มองดูเขาก้าวออกไปจากสายตาของเธอ ผลินร้องไห้ อย่างฉับพลันอย่างควบคุมไม่อยู่ “ทำไม ทำไมต้องตั้งชื่อ บริษัทว่ารักผลิน”
ปยุตหยุดเดิน แต่ไม่ได้หันหลังกลับ “บางทีมันอาจเป็น เพราะตอนนั้นรักคุณ แต่ตอนนี้ไม่ได้รักอีกต่อไปแล้ว เดิน หน้าแล้วไม่หวนกลับ ผมคุ้นเคยกับการอยู่ท่ามกลางดอกไม้ แล้ว ไม่อยากถูกใครคอยควบคุม

“ในเมื่อคุณไม่ได้รักแล้วทำไมต้องมาดูแลฉัน!”

“แม้แต่พนักงานธรรมดาผมก็จะต้องดูแล นอกจากนี้คุณยัง เป็นตัวแทนของพันธมิตรที่มาอยู่ในพื้นที่ของผม ผมมีหน้าที่ ที่ต้องดูแลคุณ”

ผลินโกรธมาก เธอวิ่งเข้าไปที่ด้านหน้าของปยุต จับแขน เขาแล้วคำราม “มองตาฉันแล้วพูด มองตาฉันแล้วบอกฉัน มา ว่าคุณเป็นห่วงฉันเพราะฉันเป็นตัวแทนของคู่ค้า ไม่ใช่ เพราะฉันคือผลิน!”


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ