ภรรยาคนที่เจ็ดของประธาน

ตอนที่64 ปิดบังความรู้สึกลึกๆในใจ (2)



ตอนที่64 ปิดบังความรู้สึกลึกๆในใจ (2)

ปยุตรู้ดี ผลินกำลังหลบหน้าเขา หญิงสาวพูด

ความในใจออกมาให้กับฝ่ายชาย กลับได้รับการปฏิเสธ ความผิดหวังและความปวดร้าวเช่นนี้ ปยุตเข้าใจเป็นอย่างดี ดังนั้นหลายวันมานี้ ปยุตคิดทบทวนหลายรอบ ทำอย่างไร ถึงจะสามารถผ่อนคลายความสัมพันธ์ที่เย็นชาของทั้งสอง คนลงไปได้

คิดทบทวนหลายรอบ ปยุตได้ส่งข้อความสั้นๆไปให้

ผลินว่า : “ คืนนี้ว่างมั้ย พวกเรามาคุยกันสักหน่อยนะ

เฝ้ารอมาครึ่งชั่วโมง ผลินก็ไม่ตอบรับกลับมาแต่อย่างใด เขาจึงได้โทรศัพท์ไปหา โทรติดแต่ไม่คนรับสาย

โทรไปหา 3-4ครั้ง ผลินก็ไม่ยอมรับสาย ถ้าจะพูด

ว่าเธอไม่รับสาย สู้พูดว่าเธอไม่กล้าหาญพอที่จะรับสายโทร ศัพท์ของปยุตมากกว่า เพราะผลินกลัว ปยุตจะพูดกับเธอ ว่า : “ในเมื่อพวกเราไม่สามารถที่จะทำให้ความสัมพันธ์ของ ทั้งเป็นดังเดิม อย่างนั้นพวกเราแยกทางกันเถอะ

ผลินรู้ดีว่างานแต่งงานระหว่างปยุตแค่เป็นการชั่วคราว ระหว่างผลินกับปยุตครบ 3เดือนพอดิบพอดี

และเธอก็ยังรู้ดีอีกว่า สิ้นสุดลงในวันนี้ งานแต่งาน

คำพูดของเขาในงานแต่งงานวันนั้น ยังคงก้องอยู่ในหู คาดไม่ถึงเวลาจะผ่านไปรวดเร็วขนาดนี้ พริบตาเดียวถึง

เวลาต้องปิดฉากลง
“6โมงเย็น ผมจะรอคุณอยู่ที่ร้าน35°C ไม่พบไม่กลับ

ข้อความที่ 2 ของปยุตได้ส่งมาถึงผลิน ผลินดิ่งลึก เข้าไปในความรู้สึกลังเลใจอย่างบอกไม่ถูก

การประชุมสิ้นสุดลงและเป็นเวลา 5 โมงเย็น ปยุตเตรียม เดินทางไปยังร้าน35°C ก่อนเดินทางลองโทรไปหาผลิน

อีกครั้งผลสรุปผลินก็ยังคงไม่รับสายโทรศัพท์

ชนัยได้ผลักประตูเข้ามา มองเห็นสีหน้าปยุตดูครุ่นคิด ถามออกไปอย่างติดตลกว่า : “กลัดกลุ้มเรื่องความรัก ใช่ ไม่ใช่ ? ”

“คาดเดาอะไรมั่วๆ”

คุณกล้าพูดมั้ยล่ะว่า คุณไม่มีใจให้กับภรรยาใหม่ของ “ คุณสักนิด ? รู้มั้ยคุณสองคนแต่งงานกันนานแค่ไหน แล้ว ? “ชนัยใช้นิ้วมือชี้ไปที่ปฏิทินบนโต๊ของปยุตพูดว่า : “3เดือนพอดิบพอดี ทำลายสถิคิการแต่งงาน 6ครั้งที่ผ่าน มาเลยนะ ”

หากชนัยไม่เดือน ปยุตก็คงคิดไม่ถึงในเรื่องนี้ ปยุต กับผลินมีความสัมพันธ์ฉันสามี มาเป็นเวลา 3 เดือนพอดี ในขณะเดียวกันปยุตก็เข้าใจได้ในทันที สาเหตุอะไรที่ผลิน ไม่ยอมรับสายโทรศัพท์

เขารีบเร่งเขียนข้อความส่งไปหาผลินอีกครั้ง : “มีเรื่อง จะคุยด้วย แต่ว่าไม่ใช่คุยเรื่องหย่านะ
คิดว่าทำอย่างนี้ ผลินจะรับสายโทรศัพท์ของเขา แต่ว่า โทรศัพท์ไปอีกครั้ง ผลินก็ยังคงไม่รับโทรศัพท์ ปยุตเริ่ม อารมณ์เสียอย่างเลี่ยงไม่ได้จึงโยนโทรศัพท์ลงบนโต๊ะ

“ผู้หญิงไม่รับโทรศัพท์มีความหมาย สองอย่างก็คือ

รักมาก สองเกลียดมา ”

ชนัย พูดออกมาสั้นๆอย่างซื่อๆ แต่ปยุตก็ไม่มีทีท่า

อะไร

“หรือว่ารักตัวเองเป็นอย่างมากจึงกลับกลายเป็นเกลียด

มาก”

ชนัยพูดสำทับอีกครั้ง ปยุต ตอบกลับชนัยอย่างไร้ อารมณ์ : “อย่างนั้นต้องเป็นโรเมโอและจูเลียตเท่านั้นถึง

จะเป็นไปได้

“นั้นคุณพูดอย่างสัจจริง ระหว่างคุณกับผลินไม่เคยมีเยื่อ ใยต่อกันเลยสักนิดใช่มั้ย ? ”

ชนัยคบกับปยุตมา10กว่าปี มีความสัมพันธ์เหมือนดั่ง ญาติสนิท คิดอะไรก็พูดออกมาไม่เคยปกปิด

“ผมมีใครอยู่ในใจแล้วคุณก็ทราบดี”

“นั้น สักนิดก็ไม่มีเลย ? หรือว่าเป็นความรู้สึกอย่างอื่น ก็ได้ เช่น เพื่อนสนิท หรือ ญาติสนิท ? ”

หนึ่ง
“ความรู้สึกอย่างอื่น ก็มีอยู่ แต่ว่าไม่รู้จะอธิบายยังไง”

“เป็นความรู้สึกยังไงถึงพูดออกมาเป็นคำพูดไม่ได้ ? ”

ปยุตถอนหายใจเล็กน้อยพูดว่า : “น้อยกว่าความรักนิด นึง แต่มากกว่าเพื่อนสนิทหน่อยนึง

“อย่างนั้นก็เป็นญาติสนิทนั้นแหละ ยังมีอะไรที่จะบอกไม่ ถูกอีกล่ะ”

“ก็อาจใช่”

ปยุตลุกขึ้น ดูนาฬิกาที่ข้อมือ : “ผมมีธุระจะต้องทำ ไป ก่อนล่ะ คุณยังไม่เลิกงาน ?

“ไปก่อนล่ะ”

ปยุตนั่งอยู่ในร้าน 35°C รอผลินตามที่นัดหมายไว้ ถึง แม้จะรู้ว่าความรู้สึกของเธอจะไม่ค่อยดีสักเท่าไหร่ แต่ เขาเชื่อว่า ผลินจะต้องมาตามนัด เพราะเธอ ไม่ใช่ผู้หญิง ประเภทที่จะหลบหนีความจริงไปตลอดชีวิต

ความจริงแล้ว ปยุตก็ยังเข้าใจผลิน ในที่สุดผลิน

ก็มาตามนัด ถึงแม้ว่าท่าทางของเธอจะดูราบเรียบ แต่ว่าภายในแววตามีความเสียใจที่ไม่สามารถปกปิดเอาไว้

ได้

“คิดที่จะหลบหนีผมไปตลอดอย่างนั้นรึ ? ”
ปยุตเพ่งมองไปที่ผลิน ไต่ถามอย่างตัดพ้อ

“ไม่ใช่ค่ะ เพียงแค่ต้องการรอให้จิตใจสงบลงสักหน่อย ถึงค่อยพบหน้าคุณ

“ถ้าหากทำให้คุณต้องเสียใจ ผมขอโทษ ผมเป็นผู้ชาย ที่แย่ที่สุด แต่ ผลิน คุณเป็นผู้หญิงที่ดีมากคนหนึ่ง ผมไม่ ปฏิเสธผมมีความรู้สึกดีๆกับคุณ แต่ว่าสาเหตุที่ไม่สามารถ รับคุณเข้ามาในหัวใจนั้น เพราะว่าในใจของผมมีจันทรมา ตลอดไม่ไปไหน ภายใต้สถานะการณ์อย่างนี้ ถ้าหาก ตอบรับความรู้สึกดีๆที่คุณมีให้กับผม จะไม่ยุติธรรมกับคุณ มาก ผมต้องรับผิดในการกระทำของตนเองเสมอ ใน ใจของคนหนึ่งคนนั้นใหญ่เพียงแค่นี้ เป็นไปไม่ได้ที่จะ มีหญิงสาว 2คน ในเวลาเดียวกัน ภายนอกรักคุณ แต่ ภายในใจกลับรักหญิงอีกคนหนึ่ง ความรักอย่างนี้ ผม มั่นใจว่าเป็นความรักที่คุณก็ไม่ต้องการเช่นกัน”

“อืม ฉันเข้าใจเรื่องนี้ดี

ผลินสะกดกั้นความโศรกเศร้าภายในจิตใจไว้ ยิ้มออกมา อย่างเข้มแข็งแล้วพูดว่า : “สั่งอาหารเถอะ ฉันหิวมาก

“โอเค”

ปยุตรู้ดีว่าผลินปวดร้าวอย่างมาก กลับไม่สามารถปลอบ ใจเธอได้ เพราะว่าในมุมมองของเขาแล้ว คำปลอบใจ เป็นเพียงแค่สิ่งจอมปลอม
ปยุคสั่งอาหารมาเป็นจำนวนมาก ผลินหยิบตะเกียบขึ้น มาแล้วหัวเราะอย่างข่มขืน พูดว่า : “ คุณไม่ชอบฉันจริงๆ อาหารที่สั่งมา ส่วนใหญ่แล้วเป็นอาหารที่ฉันไม่ชอบกิน แทบทั้งนั้น”

ปญฺตรู้สึกอึดอัดใจขึ้นทันที : “อย่างนั้นผมจะเรียกให้พวก

เขาเอากลับไป”

“ไม่ต้องหรอก รับประทานต่อไปเถอะ

อาหารมื้อนี้ทั้งสองคนรับประทานโดยไม่พูดจะกันเลยสัก คำ บางครั้งเงยหน้าสบตาฝ่ายตรงข้าม แล้วก็ละสายตายก ลับในทันที

ด้วยเหตุนี้ ผลินคิดว่า ไม่มีความห่างเหินใดๆในโลกนี้

ที่ไกลไปกว่านี้อีกแล้วล่ะ ? สายตาที่มองซึ่งกันและกัน กลับ ไม่มีหนทางที่ได้โคจรมาบรรจบกัน

“คุณวางแผนจะทำอะไรต่อไปหลังจากนี้ ? ยังจะอาศัยอยู่ ที่บ้านของพวกเราอีกหรือไม่ ? ”

“ถ้าคุณไม่ไล่ฉันไปไหน ฉันก็จะอยู่ที่นี่ ”

“หมดสิ้นแล้วเยื่อใยก็ได้ ? ” ปยุตสอบถามอย่าง ระมัดระวัง

“3 เดือน ที่ผ่านมาก็อยู่อย่างไม่มีเยื่อใยต่อกัน ซึ่งก็เหมือน

กันไม่ใช่”
ใช่ คู่สมรสทุกคู่ ไม่ใช่เป็นเพราะความรักถึงใช้ชีวิต ร่วมกัน ได้ ความรักของคนสองคน ผ่านความรักมาระยะ หนึ่งถึงจะแต่งงานร่วมกัน หรือว่าคุณกล้าพูดว่า ระหว่าง พวกเขาทั้งสองคนมีเยื่อใยลึกซึ้งเพียงไหนล่ะ ?

เพราะด้วยเหตุผลต่างๆนานาระหว่างการแต่งงานของ คู่สามีภรรยานั้น สักกี่คู่กันเชียวที่มีความรักใครกันอย่าง แท้จริง ? ไม่ใช่เพราะว่าอยู่ๆกันไปก็อาจเพราะว่ากล้ากลืน ฝืนทน แต่ที่มากที่สุดก็เป็นเพราะความเหมาะสม

เพราะความเหมาะสมทำให้ได้อยู่ร่วมกันเป็นสิ่งที่ดีไม่ใช่ 3 ลิ้นกับฟันกระทบกระทั่งกันไปทั้งชีวิต ในเมื่อบางครั้ง ในยามที่พระอาทิตย์ตกดิน อาจจะมีความเสร้าโศรกเกิดขึ้น ได้ เพราะอะไร ถึงไม่เป็นเพราะความรักถึงได้ครองรักร่วม กัน กลับเป็นเพราะความเหมาะสมถึงได้อยู่ร่วมกัน

“กลับบ้านหรือยัง ?

ออกจาก ร้าน35°C ปยุตได้ถามผลินที่ยืนอยู่ข้างๆ

“ยังค่ะ คุณกลับไปก่อนเถอะ ฉันธุระที่จะต้องทำอีก หน่อยคะ”

ห้ผมไปส่งมั้ย ? ”

“ไม่ต้องค่ะ ใกล้แค่นี้เองคะ”

ปยุตผงกศรีษะ ตอบรับ : “โอเค นั้นเดินทางระมัดระวังนะครับ”

รอให้รถของปยุต ค่อยๆวิ่งออกไป ผลินเดินไปถึง โรงภาพยนต์ที่อยู่ใกล้ๆ หลังจากนั้นดูหนังเรื่องหนึ่งที่ดู ไม่เข้าใจ สายตามองไปรอบๆ พบเห็นหลายคู่พรอดรักกัน ถึงเข้าใจในทันทีว่าความอ้างว้างคืออะไร

ชุดามองดูเวลาได้ผ่าน 3 เดือนแล้ว ผลินกลับยังคงอยู่ที่ บ้านตระกูลทรัพยสาน เป็นนายหญิงน้อยอย่างปกติสุข ใน ที่สุดก็ได้ ทำลายเสียงที่เล่าลือกันในสังคม ว่าการแต่งงา นของปยุตผู้โหดเหี้ยมจะไม่มีใครอยู่เกิน 3 เดือน ไฟริษยา ก็ได้เริ่มปะทุขึ้นมา ชุดาตัดสินใจไม่เฝ้ารออีกแล้ว ไม่ว่าจะ ใช้วิธีไหน จะต้องเปิดเผยคำโกหกของผลินให้จงได้

คิดไปคิดมา ยังคงตัดสินใจที่ใช้ เจ้าหน้าโง่คนนั้น ป็นเครื่องมือ แต่ว่าพ่อแม่ของเจ้านั้นเอ็นดู ผลินอย่าง ชัดเจน ดูไปเธอควรหาคนอื่นมาเป็นเครื่องมือแทน แต่ ว่าจะหาใครมาดีน ? ชุดาจัดแจงรายชื่อบุคคลที่เกี่ยวข้อง สุดท้ายเป้าหมายของเธอก็ล๊อคไว้ที่ ตีรณ

ตีรณรู้จักชุดาอย่างแน่นอน เพียงแต่ว่าทั้งสองไม่เคย ไปมาหาสู่กันเลย ดังนั้นการเชื้อเชิญอย่างกระทันหันของ เธอ ซึ่งจะดูน่าประหลาดใจอย่างเห็นได้ชัด

“หาผมมีเรื่องอะไร ? ”

น้ำเสียงของเขาไม่เป็นมิตรเลย เต็มไปด้วยน้ำเสียงที่

เป็นปรปักษ์
ชุดายิ้มแย้ม แล้วพูดว่า : “ท่านลุงเหตุใดถึงได้เย็นชา กับหนูถึงขนาดนี้ ? ถึงแม้ว่าระหว่างเราทั้งสองไม่มีความ สัมพันธ์ทางสายเลือด แต่ว่าหนูกับหลานของท่านลุงก็มี อยู่นะ หากว่ากันไปตามสถานะภาพของพี่สาวของหนูแล้ว ท่านลุงก็ไม่ควรจะเย็นชากับหนูถึงเพียงนี้ ? ”

“เหอะ ดูตามสถานภาพน้องสาวของฉันที่ตายไป ลง ไม่รู้สึกเลยว่าจะทำตัวเป็นมิตรกับเจ้าไปทำไม มิหนำซ้ำ ใจร้ายอีกสักนิดก็ยังไม่เกินกว่าเหตุ”

“ป้าพรธวัลเจ็บป่วยเสียชีวิต ไม่ได้มีอะไรเกี่ยวข้องกับ พวกเรา ลุงก้าวร้าวกันหนูอย่างนี้เพื่ออะไรคะ”

ตีรณใช้ฝ่ามือตบลงบนโต๊ะ คำรามออกมาด้วยเสียงอัน โกรธเคืองว่า : “ปากยังไม่สิ้นกลิ่นน้ำนม อย่ามาพูดเรื่อง มโนธรรมจิตสำนึก เหล่านี้ ระวังจะถูกสวรรค์ลงโทษ

ชุดาตกใจในการกระทำที่มุทะลุของเขา ผงกศรีษะ กลับมาคุยกันดีๆดีกว่าคะ”

งกๆเงินๆ : “โอเคโอเคโอเค หยุดพูดแล้ว พวกเรา

“ที่หนูนัดคุณลุงมาครั้งนี้ เพื่อคิดที่จะคุยเรื่องพี่สาวของ หนูสักหน่อย ลุงทำไมถึงขายพี่สาวของหนู ? ”

“เจ้าพูดไร้สาระอะไร ? ลงไปขายนางตั้งแต่เมื่อไหร่ ? ”

“เจ้าโง่ที่ชื่อ ธาตรี ท่านลุงไม่ใช่หรือที่ ขายพี่สาวของหนู ให้กับครอบครัวของพวกเขาในราคา 1 แสนบาท ? ”
ตีรณตกตะลึงงัน คิ้วขมวดเข้าหากัน : “เจ้ารู้เรื่องนี้ได้

อย่างไร ? ”

“พูดอย่างนี้

“ลุงไม่รู้”

แววตาที่ตกตะลึงของลุงตีรณเมื่อครู่ ชุดาก็พอจะปะติด ปะต่อเรื่องจริงได้อย่างไม่ยาก เห็นลุงไม่ยอมรับในที ชุดา ถอนหายใจแล้วพูดว่า :

“ลุงอย่าปกปิดอีกเลย ได้ทำด้วยมือของลุงเอง ใจร้ายได้ขนาดนี้

พี่สาวได้บอกหนูแล้ว เรื่องนี้ลุง หนูคิดไม่ถึงเลยว่า ท่านลุงจะ

คนที่ใจร้ายก็คือพวกเจ้า ตอนนั้นแม่ของพวกเจ้าไม่

ใช่รึที่ใจจืดใจดำกับพ่อของพวกเจ้าเอง ผลินถึงได้ถูกบีบ บังคับให้ตกอยู่ในสภาพอย่างนี้ ? เป็นครอบครัวเจริญมาศ ที่ทำลายชีวิตของเธอ น้องสาวของลุงในปรภพรับรู้เป็น อย่างดี สักวันหนึ่งจะแปลงร่างเป็นซาตานเพื่อแก้แค้น แทนตนเองและลูกสาวของนาง ! ”

“ไอหย่า ท่านลุงเหตุใดถึงพูดได้สามคำก็หาเรื่องชวน ทะเลาะกับหนูได้ตลอดเลยล่ะ ? หนูมาครั้งนี้ ก็มาเพื่อคิด หาหนทางตอบโต้ ยกเลิกการแต่งงานครั้งนั้นให้ได้ ถึง แม้ว่าหนูและพี่สาวของหนู จะมีพ่อต่างแม่ แต่ว่าหนูก็ไม่ ใจไม้ไส้ระกำให้เอต้องแต่งงานกับเจ้าหน้าโง่อย่างนั้น”

หมายความว่าเป็นเรื่องจริงใช่มั้ย ? ”
ชุดาได้เรียก บริการ : “จัดแจงอาหารขึ้นมาได้แล้ว นำ สุรามาเสริฟด้วยล่ะ

ตีรณชักสีหน้าพูดว่า กันกับเจ้า ” : “ลุงไม่มีอารมณ์ที่จะกินข้างด้วย

“ถึงจะไม่มีอารมณ์ ยังไง ข้าวก็ต้องกิน พวกเราวันนี้ไม่ ต้องคุยเรื่องอื่นแล้ว หาวิธีแก้ปัญหาเรื่องของพี่สาวหนูกับ เจ้าหน้าโง่คนนั้นได้มั้ยค่ะ ? ”

เจ้าอย่ามาเสแสร้งทำเป็นคนมีจิตใจเมตตาเลย เจ้าใส่ใจ

ในตัวจันทรด้วย ? เฮอะ เว้นแต่ว่าพระอาทิตย์ขึ้นทางทิศ ตะวันตกเท่านั้นแหละ!

“ความสัมพันธ์ระหว่างหนูกับพี่สาวของหนูไม่ได้เลวร้าย อย่างที่ลุงคิดหรอกนะ ความสัมพันธ์ของพวกเราถ้าไม่ดี ต่อกันจริง หนูจะรู้เรื่องธาตรีได้อย่างค่ะ ? พี่สาวของหนู ตอนนี้ปวดหัวไปหมด ฝั่งหนึ่งก็เจ้าหน้าโง่ธาตรี อีกฝั่ง หนึ่งก็เจ้าคนบ้าบอปยุต ไม่ว่าฝั่งไหนล้วนดั่งตกนรกทั้งนั้น ใช้ชีวิตแต่ละวันล้วนอยู่อย่างไร้ความสุข


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ