ภรรยาคนที่เจ็ดของประธาน

ตอนที่ 247 ตอนจบ



ตอนที่ 247 ตอนจบ

เวลานั้นปลายสายเงียบไปครู่หนึ่ง ปยุตจึงเอ่ยขึ้นว่า “ผมเป็นคนสั่งพวกเขาไว้เองครับ ผลิน นี่เป็นคำสั่งของ ผมเอง

ผลินอึ้งไป ถามด้วยความโกรธปนสงสัย “ทําไมละ คะ? คุณทำแบบนี้ทำไม?”

“คราวก่อนหลังจากที่คุณถูกทัตดาลักพาตัวไปต้อง พักอยู่ที่โรงพยาบาลเพราะว่าเกือบจะแท้งลูก ผมแค่ไม่ ได้บอกคุณเท่านั้น คุณหมอบอกว่าคุณควรจะใช้ชีวิต อยู่อย่างสงบ ทั้งโทรศัพท์เอย คอมพิวเตอร์เอย ต่าง มีรังสีทั้งนั้น เพื่อลูกของเราจะได้แข็งแรง คุณควรจะ หยุดใช้มันสักระยะหนึ่ง”

“แล้วหนังสือพิมพ์ละคะ? มันมีรังสีด้วยไหม?”

“คุณหมอยังบอกอีกว่า คุณไม่ควรรับรู้อะไรมากเกิน ไป ถ้าเกิดวันไหนคุณเห็นในหน้าหนังสือพิพ์ว่าบริษัทรัก ผลินหุ้นตกขึ้นมาละก็ ไม่แน่คุณอาจจะกังวลใจขึ้นมาอีก ก็ได้นี่ครับ”

“คุณกำลังหลอกเด็กอยู่หรือยังไงคะ? ฉันโตเป็น ผู้ใหญ่แล้ว คุณทำแบบนี้มันไม่เกินไปหน่อยหรือคะ ฉัน ไม่คิดว่าคุณทำแบบนี้เพื่อลูกของเราหรอก แต่ฉันคิดว่า คุณกำลังกักขังฉันอยู่ คุณจะต้องปิดบังอะไรบางอย่าง ไว้แน่ๆ? เกิดอะไรขึ้นหรือเปล่าคะ?”
“เปล่านี่ครับ ถ้าเกิดอะไรขึ้นผมจะโทรหาคุณได้ยังไง ล่ะ? คุณคิดมากเกินไปอีกแล้วนะ ผมถึงจำเป็นต้องใช้ มาตรการขั้นเด็ดขาดกับคุณไง ก็แค่สามเดือนเท่านั้น แหละ รอให้คลอดเด็กออกมาก่อน ผมจะรีบรับคุณกลับ บ้านทันทีเลย”

“แต่ว่าฉันไม่คุ้นเคยกับชีวิตแบบนี้นี่คะ พวกเธอเอา เงินของฉันไปด้วย ทำอย่างกับเป็นขโมยแน่ะ!”

“คุณอยากได้อะไรก็บอกพวกเธอไปสิ พวกเธอจะไป ซื้อให้คุณเอง”

“ฉันไม่ต้องการอะไรทั้งนั้น คุณช่วยบอกให้พวกเขา เอาโทรศัพท์มาคืนให้ฉันหน่อยสิคะ!”

“ไม่ได้ครับ ถ้าเอาโทรศัพท์คืนให้คุณ คุณก็จะโทรหา

ผมทุกวันน่ะสิ รังสีจากโทรศัพท์อันตรายมากนะครับ”

“ฉันไม่โทรหาคุณหรอกคะ

“ผมไม่เชื่อหรอกครับ”

“ปยุตคะ ทำอย่างนี้ฉันก็สติแตกกันพอดี!”

“ลองนึกถึงลูกของเราที่กำลังจะเกิดมาสิครับ อดทน อีกหน่อยนะครับ”

ผลินน้อยใจไม่พูดด้วยแล้ว ปยุตรอสักพักหนึ่ง “ถ้า คุณไม่พูดผมขอวางสายแล้วนะครับ”
“อย่าเพิ่ง….”

เธอรีบเอ่ยปาก “คุณช่วยบอกพวกเขาให้เอากระเป๋า สตางค์คืนให้ฉันหน่อยไหมคะ ฉันจะเชื่อฟังคุณทุก อย่างเลยคะ”

ปยุตครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง : “ก็ได้ครับ งั้นคุณส่ง โทรศัพท์ไปให้แม่บ้านหน่อย ผมจะบอกพวกเขาให้ ครับ”

ผลินไหนเลยจะยอมจบบทสนทนากับเขาแบบนี้ เธอ กำโทรศัพท์ไว้แน่นถามว่า “คุณสบายดีไหมคะ? เร็วๆนี้ ทัตดายังแอบมาสอดแนมคุณอีกไหมคะ?”

“เธอซื่อตรงมากขึ้นแล้ว ดังนั้นผมก็สบายใจได้

“จริงหรือคะ? คุณไม่ได้โกหกฉันนะ?”

“จริงสิครับ เอาละ ผมยังมีงานต่อ คุณช่วยส่ง โทรศัพท์ไปให้แม่บ้านหน่อยครับ”

ผลินเอาโทรศัพท์ยื่นให้แม่บ้านที่คอยอยู่ข้างๆเธอ แม่ บ้านเมื่อรับโทรศัพท์แล้วจึงลงไปชั้นล่าง ตอนเย็นในวัน เดียวกันนั้น กระเป๋าสตางค์ของเธอกลับมาอยู่ที่เดิมแล้ว

เธอเริ่มคิดหาทางว่าทำอย่างไรจึงจะหนีออกไป โทรศัพท์ได้ พูดตรงๆก็คือเธอจะกำจัดแม่บ้านที่คอย ติดตามเธอทุกฝีก้าวราวกับแมลงวันที่น่ารำคาญออกไป ได้อย่างไร เพื่อโทรไปหาชื่นใจ เธอไม่เชื่อคำพูดของปยุตเลยแม้แต่คำเดียว เธอมั่นใจว่า เขาจะต้องปิดบัง อะไรเธออยู่อย่างแน่นอน

ตั้งแต่เธอตั้งท้อง ปยุตเป็นห่วงว่าเธอจะรู้อะไรมาก เกินไป แต่ตามความเข้าใจที่เธอมีต่อเขา ถึงแม้จะเป็น ห่วงมากขนาดไหน ก็ไม่สมควรที่ต้องทําถึงขนาดนี้ ทั้งหมดนี้ทำยังกับว่าเธอนั้นเป็นนักโทษ

ในที่สุดโอกาสนั้นก็มาถึง วันนี้ คนรับใช้ทั้งสองได้รับ แจ้งว่าให้ไปเซ็นต์สัญญาอะไรสักอย่างที่บริษัทแม่บ้าน เธอรอเขาออกไปก่อน แล้วจึงแอบออกไปที่ร้านค้าเล็กๆ แถวๆนั้นร้านหนึ่งโทรตรงไปหาชื่นใจ

หัวใจของเธอเต้นตุบๆ กังวลใจว่าชื่นใจจะบอกข่าว ร้ายอะไรให้เธอได้รับรู้ ใจหนึ่งก็อยากให้ปลายทางรีบ รับสาย อีกใจหนึ่งก็กลัวปลายทางจะรับสาย

ท่ามกลางความขัดแย้งในใจเธอ ปลายทางรับสาย แล้ว เป็นเสียงที่เธอคุ้นหูเป็นอย่างดี : “ฮัลโหล? ”

“ชื่นใจ นี่ฉันเอง ผลิน”

“ผลิน?” ชื่นใจรู้สึกแปลกใจ “ทำไมเธอใช้เบอร์นี้โทร หาฉันล่ะ โทรศัพท์ของเธอล่ะ?”

“มีเรื่องนิดหน่อยนะ ฉันถามอะไรเธอหน่อยสิ ช่วงนี้ เธอเจอปยุตบ้างไหม?”

ชื่นใจทิ้งระยะนิดหน่อย “อืม เจอบ้าง
เขามีปัญหาอะไรบ้างไหม?”

“ไม่มีนะ ทำไมหรือ?”

ผลินถอนหายใจอย่างโล่งอก “ไม่มีอะไร ฉันแค่รู้สึก ไม่ค่อยสบายใจนิดหน่อย เหมือนว่าเขามีเรื่องอะไรบาง อย่างปิดบังฉันอยู่………

“อ๋อ เธอคงคิดมากเกินไปน่ะ เขาสบายดี

ชื่นใจตอบออกไปอย่างมีความนัย แต่ผลินกลับฟังไม่ ออก “อืม เธอว่าไม่มีอะไร งั้นฉันก็สบายใจได้แล้ว”

เธอถอนหายใจออกมายาวๆ “เธอสบายดีไหม?”

“สบายดี ก็เหมือนเดิมนั่นแหละ เธอล่ะ? อยู่คนเดียวที่ นั่นเริ่มชินบ้างหรือยัง?”

“โอ้ย อย่าไปพูดถึงมันเลย ถ้าบอกว่าชินแล้วฉันก็คง พูดโกหกน่ะ ถึงไม่ชินก็จำต้องชิน”

“ทำไมล่ะ? ที่เวียนนาดีออก ฉันอยากไปบ้างแต่ยัง ไม่มีโอกาสเลย”

ผลินถอนหายใจ “ยากที่จะพูด ทำไมเธอถึงไม่มี โอกาสล่ะ? ไวภพไม่อนุญาตให้เธอไปไหนมาไหนคน เดียวหรือ?”

“ก็ไม่ใช่อีกนั่นแหละ ตอนนี้ฉันรู้สึกเสียใจที่แต่งงานกับเขาแล้วล่ะ เธอว่าไหมทีแรกฉันหลงเขาหัวปักหัวป่า เลย? ฉันชอบเขาเข้าไปได้ยังไงเนี่ย? เมื่อก่อนตอนที่ ยังไม่ได้แต่งงานกับเขาฉันก็อยากเหลือเกิน ตอนนี้สิ ทุกเรื่องฉันต้องเป็นผู้นำการตัดสินใจ ที่โรงเรียนก็ฉัน ที่บ้านก็ยังเป็นฉันอีก ฉันแทบจะไม่มีเวลาส่วนตัวเลย ผลิน ฉันเข้าใจแล้วล่ะ ที่ว่าการแต่งงานเป็นเหมือนหลุม ศพของความรัก ประโยคนี้ช่างมีเหตุผลจริงๆ

ชื่นใจบ่นไปเรื่อย ผลินหัวเราะจนท้องแข็ง อยากจะ แซวเธออีกสัก2-3ประโยค แต่ได้ยินเสียงกริ่งอันคุ้นเคย ดังขึ้นพอดี เธอต้องไปสอนแล้ว ทั้งสองวางสายลงอย่าง ไม่ค่อยเต็มใจ

หลังจากที่แม่บ้านกลับมาจากบริษัทแล้ว เธอนั่งลง อย่างสงบอยู่ที่หน้าต่างในห้องนอน ถือดินสอร่างภาพ คนขึ้นมาภาพหนึ่ง ดูเหมือนจิตใจจะสงบดั่งสายน้ำที่ หยุดไหล

เวลาผ่านไปวันแล้ววันเล่า ตั้งแต่ได้คุยโทรศัพท์กับชื่น ใจแล้ว เธอรู้สึกสบายใจขึ้นมาก มีเพียงความอึดอัดใจ เล็กน้อยที่ตัวเองต้องถูกขังอยู่แบบนี้

ปยุตโทรหาเธอทุกสัปดาห์ นี่เป็นการปลอบขวัญที่ยิ่ง ใหญ่ที่สุดของเธอ ถึงแม้เธอจะไม่ค่อยเข้าใจสักเท่า ไหร่ ขอเพียงเขาโทรมาตรงเวลาทุกครั้งเธอก็พอใจแล้ว

เป็นเวลาสุดสัปดาห์อีกครั้งหนึ่ง เธอรับสายของปยุต คุยกันได้2-3ประโยค เธอเริ่มอ้อนวอนเขา “ปยุตคะ คุณ ควรจะมาเยี่ยมฉันได้แล้วนะคะ? ไหนว่าจะมาบ่อยๆไงคะ นี่ก็ปาเข้าไป 1 เดือนแล้ว คุณก็ยังไม่มาอีก?”

“ตอนนี้ที่บริษัทยุ่งมากครับผมไปไม่ได้ รออีกหน่อย นะครับ?”

“ยังต้องรอถึงเมื่อไหร่ละคะ? 1 เดือน หรือว่า 2เดือน?”

“รอผมเสร็จงานสักพักหนึ่งก่อนครับ ผมจะรีบไปหา คุณทันที ผลิน เด็กดี เชื่อฟังผมนะครับ”

ผลินอย่างเซ็ง ปยุตนับวันจะยิ่งดูแลเธอเหมือนลูก ไปแล้ว “ก็ได้ค่ะ ฉันให้เวลาคุณอีก 1 อาทิตย์ ถ้าอีก 1 อาทิตย์คุณยังไม่มาเยี่ยมฉันอีกละก็ ฉันจะกลับไปหา คุณเอง”

หลังจากวางสายแล้ว ผลินนั่งนับวันนับคืน เวลา 1 อาทิตย์ผ่านไปอย่างรวดเร็ว แต่หลังจากผ่าน 1 อาทิตย์ ไปแล้ว คนที่เธอรออยู่กลับไม่ใช่ปยุต แต่เป็นคุณแม่ สามีและปาณี

“พี่สะใภ้ พี่ชายบอกว่าพี่คิดถึงพวกเราค่ะ บอกให้พวก เรามาเยี่ยมหน่อย

ปาณีเมื่อเจอเธอเข้า ก็กอดเธออย่างกับตุ๊กตาหมีตัว ใหญ่

เธอส่ายหน้าอย่างผิดหวัง “ฉันคิดถึงพวกคุณ แต่ไม่ ได้บอกว่าให้พวกคุณมาหาสักหน่อย”
“อ้าว?”

ปาณีทําอะไรไม่ถูก มองสบตากันกับแม่ แกล้งทำ เป็นกลบเกลื่อน “ไม่จริงมั้ง หรือว่าพี่ชายของฉัน โกหก?”

“เธอเอาโทรศัพท์มาให้ฉันสิ จะได้รู้ว่าใครที่โกหกกัน แน่”

เธอพูดพลางหยิบโทรศัพท์ในกระเป๋าของปาณี ปาณี รีบไกล่เกลี่ย “เอาล่ะ เอาล่ะ ฉันแค่พูดเล่น ที่จริงคือฉัน กับแม่คิดถึงพี่น่ะ พวกเราก็เลยมาเยี่ยม

“พี่ชายเธอล่ะ? ทำไมเขาไม่มาด้วย?”

“เขาหรือ? ยุ่งน่ะ เขายุ่งมาก”

ผลินชักจะโมโหขึ้นมาแล้ว “จะยุ่งสักแค่ไหนกันเชียว ยุ่งจนไม่มีเวลามาเยี่ยมฉันบ้างเลยสักนิดหรือยังไงกัน ห้ะ?”

“ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันคะ รู้แต่ว่ายุ่งมาก”

ขณะเดียวกันคุณแม่สามีรีบเปลี่ยนประเด็น “เอาล่ะ ยังไงพวกเราก็มาถึงแล้ว อย่าไปพูดถึงผู้ชายคนนั้น เลย รีบเล่าให้แม่ฟังสิว่าเธออยู่ที่นี่มาเดือนกว่าแล้วเป็น อย่างไรบ้าง?”

ผลินไม่มีอารมณ์จะเล่า “จะเป็นยังไงได้ละคะ ถูกกักขังอย่างกับนักโทษ!”

“นี่ เธอพูดเกินไปหน่อยหรือเปล่า….

“แม่คะ ไม่เกินไปหรอกคะ ฉันจะบอกให้…..” ผลินเริ่ม เล่าความอัดอั้นตันใจให้แม่สามีฟัง

เมื่อหญิงชราแห่งตระกูลทรัพยสานฟังจบ ก็ถอน หายใจเฮือกใหญ่ กลับช่วยลูกชายเจรจา : “จริงๆแล้ว ปยุต เขาก็ทำเพื่อหนูนั่นแหละจ้ะ สุดท้ายเขาก็แค่อยาก ให้หนูคลอดลูกอย่างปลอดภัยเท่านั้นเอง”

“หนูแทบจะบ้าตายอยู่แล้ว” ขืนเป็นแบบนี้ต่อไป ลูกยัง ไม่ทันคลอด หนูคงตายก่อน

“พี่สะใภ้คะ ไม่ร้ายแรงขนาดนั้นมั้งคะ ฉันกับชนัยก็ เพิ่งจะแต่งงานกันยังไม่อยากจะอยู่ด้วยกันทั้งวันทั้งคืน เลยคะ พวกคุณสองคนแต่งงานกันมาก็นานมากแล้ว ไม่ใช่หรือคะ?”

“เธอจะไปรู้อะไร” เธอค้อนขวับ “ฉันขอยืมโทรศัพท์ เธอหน่อยสิ”

“ทำอะไรคะ?” ปาณีปกป้องกระเป๋าของเธอไว้

“โทรศัพท์น่ะสิ”

“โทรหาใครคะ?”
“เธอคิดว่าใครล่ะ?”

“ถ้าโทรหาพี่ชายฉันละก็ฉันไม่ให้ยืมคะ ไม่อย่างนั้น ฉันโดนฆ่าตายแน่ๆ

เฮ้อ ผลินทั้งหัวเราะและร้องไห้ “ตกลงฉันสำคัญ หรือ ว่าเธอสำคัญกว่ากันแน่? อย่ามาทำเป็นรู้ดีว่าฉันยืม โทรศัพท์เธอเพราะฉันจะโทรหาปยุต ฉันจะโทรแล้วจะ ทำไม? ฉันกับเขามีปัญหากันหรือยังไง? เขาถึงปฏิเสธ ฉันแบบนี้?”

“เออ ไม่ใช่อย่างนั้นคะ….ช่างเถอะ ให้พี่ยืมก็ได้คะ……….

ปาณีเอาโทรศัพท์ส่งให้เธอ เธอหันหลังเดินปิงปังขึ้น ข้างบนไป ปาณีบอกตามหลังมาว่า “อย่าคุยนานนะคะ ค่าโทรทางไกลแพง สามีของฉันบอกว่า เป็นผู้หญิงก็ ต้องอยู่กับบ้าน…..

ผลินขึ้นมาที่ชั้นบนแล้ว ปิดประตูห้องนอน รีบต่อสาย หาคุณลุงทันที ปลายทางรับสายหลังจากรอไม่นาน “ฮัลโหล? ใครน่ะ?”

“คุณลุงคะ หนูเอง ผลินคะ….”

เมื่อได้ยินเสียงคนที่รัก น้ำเสียงที่รู้สึกไม่เป็นธรรมก็ เปลี่ยนไป

“ผลินหรือ หนูนึกยังไงถึงโทรมาหาลุงจ้ะ? หนูอยู่ต่าง ประเทศสบายดีไหม? ลูกในท้องแข็งแรงดีใช่ไหม? จะกลับมาเมื่อไหร่ล่ะ……..

“คุณลุงคะ ปยุตตอนนี้เขามีเรื่องลำบากใจอะไรหรือ เปล่าคะ?”

เธอตัดบทประโยคที่คุณลุงถาม เอ่ยถามอย่างรีบร้อน

ตีรณตอบอย่างงุนงง : “ไม่มีนะ เป็นอะไรหรือเปล่า?”

“หนูรู้สึกว่าหมู่นี้เขาดูแปลกๆไปคะ เขาไม่ให้หนูโทร หาเขา และเขาก็ไม่ยอมมาหาหนูด้วย”

อ่อ ตีรณอมยิ้มปลอบใจ “ผู้ชายก็อย่างนี้แหละ หักโหมทำงานหนัก หนูก็ต้องปล่อยวางลงบ้างถึงจะดี”

“แต่ว่าเขารับปากหนูแล้วนี่คะว่าจะมาหาบ่อยๆ ตอนนี้

เกือบสองเดือนแล้ว หนูยังไม่ได้เห็นหน้าเขาเลยคะ”

“ก็แค่สองเดือนเท่านั้นเอง เมื่อก่อนตอนที่พวกเธอ แยกกันอยู่ทั้งสองปีก็ไม่เห็นจะเป็นอะไรนี่นา”

“มันไม่เหมือนกันคะ…..

“ไม่เหมือนตรงไหนล่ะ? เป็นเพราะหนูคิดมากเกินไป เอาละ อย่าคิดมากไปเลย ป้าเขาฝากมาบอกว่า ตอน ท้องถ้าอารมณ์ไม่ดีลูกออกมาจะไม่น่ารักนะ จำเอาไว้ ค่าโทรศัพท์ทางไกลมันแพงด้วย ลุงไม่พูดมากแล้วนะ รอให้เธอกลับมาแล้วค่อยคุยกันใหม่ บ๊ายบาย………


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ