ภรรยาคนที่เจ็ดของประธาน

ตอนที่ 152 เราหย่ากันเถอะ(2)



ตอนที่ 152 เราหย่ากันเถอะ(2)

หลังจากเปลี่ยนชุดในห้องแต่งตัวเรียบร้อยแล้ว รู้สึก อารมณ์ดีมาก เลยเกล้าผมขึ้นเป็นมวย เมื่อเสร็จแล้วโดย รวม ยังคงไม่สูญเสียเสน่ห์ที่เป็นเอกลักษณ์ของผู้หญิง และไม่สูญเสียเสน่ห์ของผู้หญิงไป จนปยุตปากเอ่ยชื่นชม “ภรรยาของผมช่างสวยมากจริง ๆ”

เวลาสิบโมงเช้า ผลินและแม่สามีก็ออกมาจากบ้าน คน ขับรถพาทั้งสองคนไปยังงานเลี้ยง งานเลี้ยงวันเกิดของ ภรรยาผู้มั่งคั่งนั้นช่างหรูหรา นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ผลินได้เข้า ร่วมงานเลี้ยงแบบนี้ ดังนั้นจึงไม่พบอะไรที่แปลกใหม่

เธอคล้องแบนแม่สามีเดินเข้าไปในห้องโถง ผู้หญิง ร่ำรวยที่มาล้วนแต่แต่งตัวดี พูดทักทายกันตามมารยาท ทั้งหมดคือคําเยินยอประจบสอพลอ

ในตอนนี้ ผู้หญิงที่ดูภูมิฐานเดินเข้ามาหา ยิ้มและพูดว่า “ดนุชา ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ”

คุณนายท่านและผู้หญิงคนนั้นกอดกันอย่างอบอุ่น “วัน เกิดแรกหลังจากที่เธอกลับมาบ้าน ฉันไม่มีเหตุผลอะไรที่จะ ไม่มา”

เธอแนะนําให้กับลูกสะใภ้ “นี่คือคุณเศวยาภรรยาของ ท่านประธานบริษัทแองจี้จ้ะ เธอเรียกว่าคุณป้ายาก็ได้”

ผลินพยักหน้าอย่างสุภาพ

“สวัสดีค่ะคุณป้ายา”
เศวยามองเธอขึ้นลง และเดาว่า “นี่คือผลินลูกสะใภ้ที่ เธอมักจะชื่นชมให้ฟังทางโทรศัพท์ใช่ไหม”

คุณนายท่านยิ้มและพยักหน้า “ใช่จะ

“โอ้โห พอได้เห็นตัวจริงแล้วช่างดีกว่าที่ได้ยินมากนะ ทั้ง สวยทั้งฉลาด เธอได้รับพรแห่งความสุขที่แท้จริงแล้ว”

“เปล่าๆ ลูกสะไภ้ของเธอก็ไม่เลวเหมือนกันนั่นแหละ”

เศวยาโบกมือไปทางซ้ายของห้องจัดเลี้ยง หญิงสาวที่ งดงามคนหนึ่งซึ่งกำลังสนทนากับแขกของเธอเดินเข้ามา หาพวกเขา “คุณแม่คะ มีอะไรเหรอคะ”

“อยากแนะนำเธอให้รู้จัก นี่คือน้าธัญพร และนี่ลูกสะไภ้ ของน้าธัญพรชื่อผลิน”

สาวสวยทักทายอย่างอบอุ่น “สวัสดีค่ะคุณป้าพร สวัสดี ค่ะคุณผลิน”

“อืม สวัสดีค่ะ”

ผลินยิ้มตอบกลับไปอย่างสุภาพ กำลังมองไปที่ผู้หญิง ตรงหน้า ทันใดนั้นก็มีเด็กชายอายุห้าหรือหกขวบวิ่งมาหา พวกเขา “คุณแม่ครับ คุณย่าครับ”

ทันทีที่เศวยาเห็นเด็กน้อยก็ยิ้มตามใจ แนะนำกับคุณนาย ท่านว่า “นี่คือหลานชายของฉัน”
เธอก้มลง “กวีนจ๊ะ เรียกคุณย่าเร็วเข้า

เด็กชายตัวน้อยนั้นฉลาดมาก มือทั้งสองข้างประสานกัน โค้งเก้าสิบองศา “สวัสดีครับคุณย่า สวัสดีครับคุณป้า”

“โอ๊ะ เด็กคนนี้ฉลาดเสียจริง ไหนมาให้คุณย่าดูซิ”

คุณนายไม่สามารถซ่อนความเอ็นดูของเธอที่มีต่อเขาได้ ก้มลงไปกอด “หนูชื่ออะไรจ๊ะ

“ผมชื่อนันทินครับ ชื่อเล่นว่ากวีนครับ”

“หืมม อืม ชื่อดีจริง ใครตั้งให้หนูจ๊ะ”

“คุณปู่ของผมตั้งให้ครับ ท่านต้องการให้ผมเมื่อเติบโตขึ้น มีจิตใจที่เหมือนจักรวาล กว้างใหญ่และไม่มีที่สิ้นสุดครับ”

ฮ่า ๆ ๆ คำพูดที่กล้าหาญนั้นทำเอาทุกคนหัวเราะ ใน บรรดาคนที่หัวเราะนั้น มีเพียงแค่ผลินที่หัวเราะไม่ออก ความรักของแม่สามีที่มีต่อเด็กในอ้อมแขนนั้น เป็นครั้งแรก ในชีวิตที่เธอรู้สึกด้อยค่า

คุณนายท่านเพิ่งตระหนักว่าการกระทำของเธออาจจะ เป็นการทิ่มแทงความเจ็บปวดให้กับลูกสะใภ้ จึงปล่อยเด็ก ในอ้อมแขนไปทันที แล้วเอ่ยกับเศวยาว่า “มัวแต่เล่นกับ เด็กเพลินจนลืมไปเลย ขอให้เธอมีความสุขในวันเกิดมาก ๆ นะ”
เศวยาพยักหน้า “ขอบใจจ้ะ ขอบใจมากนะ

ผู้หญิงสวยคนนั้นพาลูกชายของเธอไป ผลินกลืนความ ขมขื่นลงไปในหัวใจ และชี้ไปข้างหน้า “คุณแม่คะ ฉันขอไป หาอะไรดีมหน่อยนะคะ”

“ได้จ๊ะ”

อาการเศร้าสร้อยนั้นทำให้คุณนายท่านรู้สึกโกรธตัวเอง เธอไม่ควรแสดงความปราถนาที่อยากมีเด็กต่อหน้าลูกสะไภ้ แต่ว่า…เมื่อมองไปที่เด็กน่ารักที่อยู่ห่างออกไปคนนั้น เธอ เองก็อยากจะมีหลานชายเหมือนกับกวีนแบบนั้นเหมือนกัน

ปกติเธอไม่ค่อยอิจฉาคนอื่น แต่เธออิจฉาเจ้าของงานวัน เกิดในวันนี้อย่างยิ่ง

เพียงเพราะ เศวยามีหลานชายที่น่ารักมาก

ผลินถือแก้วแชมเปญในมือ นั่งอยู่ที่มุมห้องด้วยสายตา ว่างเปล่า แม่สามีเดินเข้ามาหาเธอ และพูดขอโทษ “หนูลิน ฉันขอโทษนะ คงไม่ทําให้เธอไม่มีความสุขหรอกใช่ไหม

ผลินส่ายหน้าทันที พยายามที่จะฝืนยิ้ม “ไม่มีอะไรหรอก ค่ะคุณแม่ คุณไม่ต้องเป็นห่วงนะคะ ฉันไม่ได้ไม่มีความสุข หรอกค่ะ”

“ฉันไม่รู้ว่าหลานชายของเศวยาก็กลับมาบ้านเหมือนกัน มิเช่นนั้นฉันจะไม่พาเธอมาที่นี่เลย”
เธอต้องอธิบายให้ลูกสะใภ้ฟัง ไม่อย่างนั้นลูกสะใภ้ ต้องคิดว่าเธอตั้งใจจะทำให้เธอรู้สึกแย่เป็นแน่

“ไม่เป็นไรค่ะคุณแม่ เพียงเพราะฉันไม่สามารถมีลูกได้ ฉัน ก็จะถือว่าเด็กทุกคนบนโลกใบนี้เป็นศัตรูน่ะเหรอ หยุดโทษ ตัวเองได้แล้วค่ะ เด็กคนนั้นน่ารักมากจริง ๆ ค่ะ”

เมื่อคุณนายท่านได้ยินลูกสะใภ้พูดอย่างนั้น ความรู้สึก ผิดก็ลดลงไปเล็กน้อย

งานเลี้ยงวันเกิดเริ่มขึ้นอย่างเป็นทางการ เศวยายืน อยู่หน้าเค้ก เพื่อกล่าวคำขอบคุณ ในเวลานั้น หลานชาย ของเธอก็เดินเข้ามา “คุณย่าครับ สุขสันต์วันเกิดครับ ขอ ให้มีบุญวาสนาเหมือนกับทะเล อายุยืนยาวเสมือนดั่งภูเขา ครับ”

เสียงปรบมือจากฝูงชนดังก้อง เศวยานั่งยอง ๆ ลง พูด ขอบคุณหลานชาย หลานชายกอดคอของเธอ และจูบหนัก บนแก้มของเธอ

เฮ!…บังเกิดเสียงกรีดร้องของความสุข เศวายาอุ้มหลาน ชายขึ้นไว้ในอ้อมแขน

“คุณย่าครับ วางหนูลงก่อนครับ หนูต้องไปแสดงแล้ว”

เศวยาวางหลานชายลง จากนั้นก็โพสท่าทันที “ผมอยาก จะแสดงเพลง Remember the time ของไมเคิล แจ็คสัน เพื่อคุณย่าครับ”
เฮ!…เสียงกรีดร้องจากผู้คนดังขึ้นมาอีกครั้ง เศวยา หัวเราะอย่างหนักจนแทบจะปิดปากไม่ได้ ดื่มฉ่ำไปกับช่วง เวลาแห่งความสุขอย่างเต็มที่

กวีนแสดงอย่างแข็งขันเต้นด้วยท่วงท่าละเมียดละไม แม้ว่าจะไม่สามารถเปรียบเทียบกับต้นตำรับได้ แต่สําหรับ เด็กอายุหกขวบ มันเป็นความท้าทายที่ยากยิ่ง

ผลินมองไปที่แม่สามี แม่สามีกำลังจ้องมองกวีนเต้น อย่างตั้งใจ ความรักความเอ็นดูในสายตาของเธอเสียด แทงหัวใจที่อ่อนไหวของผลิน

ถอนตัวออกจากฝูงชนอย่างเงียบ ๆ โดยไม่ได้พูดอะไร กับแม่สามี เธอทิ้งความเศร้าโศกไว้เบื้องหลัง

เดินบนท้องถนนอย่างว่างเปล่า หัวใจเหมือนถูกควักออก มา ไม่รู้ว่าจะไปที่ไหน และไม่รู้ว่าต้องทำยังไง ทันใดนั้น โทรศัพท์มือถือในกระเป๋าก็ดังขึ้น แม่สามีโทรเข้ามาหา เธอ หายใจเข้าลึก และกดตอบ “ค่ะ คุณแม่”

“หนูลินเธออยู่ที่ไหนจ๊ะ งานเลี้ยงอาหารกลางวันจะเริ่ม แล้วนะ”

“ขอโทษนะคะแม่ ฉันมีเรื่องด่วนต้องรีบกลับก่อน…

“กลับแล้วเหรอ” คุณนายท่านตกใจ “กลับไปได้ยังไง “อืม ชื่นใจมีเรื่องบางอย่างกับฉันนิดหน่อยค่ะ ขอโทษด้วยนะคะ ขอโทษจริง ๆ ค่ะ”

เกิดความเงียบขี้นครู่หนึ่ง คุณนายท่านถอนหายใจ “งั้น ก็ได้จ้ะ แล้วเจอกันที่บ้านตอนบ่ายนะ”

วางสายไป ในความเป็นจริงแล้วความรู้สึกในหัวใจของ ลูกสะใภ้นั้นชัดเจนกับเหตุผลที่จากไป เหตุผลที่ไม่ต้อง ไต่ถาม และไม่อยากกดดันเธอ

ผลินยังคงเดินเหม่อ ไม่รู้ว่านานเท่าไร เมื่อเงยหน้าขึ้นมา อีกที ก็ตระหนักว่าได้มาถึงหลุมฝังศพของแม่แล้ว เห็นรูป แม่บนหลุมศพน้ำตาก็ทะลักออกมา เธอทรุดลงคุกเข่าที่หน้า หลุมฝังศพของแม่ มือสั่นลูบใบหน้าของแม่ และเอ่ยด้วย ความเศร้า “คุณแม่คะ หนูจะทำยังไงดี คุณแม่บอกหนูหน่อย สิคะ ว่าหนูควรจะทำยังไงดี…”

น้ำตาหยดลงมาจากดวงตาของเธอ รินรดลงผืนหญ้าอ่อน นุ่มด้านล่าง บางทีปีหน้า ดอกไม้แห่งความเศร้าอาจจะเบ่ง บานขึ้น

“เมื่อหลายปีก่อน คุณแม่บอกว่าเมื่อน้องลินโตขึ้น จงให้ กำเนิดลูกสาวที่ฉลาดและว่าง่ายเหมือนน้องลิน แต่ว่าตอน นี้ หนูทำดีที่สุดแล้ว หนูพยายามอย่างหนักแล้ว แต่ท้องของ หนูก็ยังไม่แข็งแรงพอ คุณแม่คะหนูเหนื่อย ต้องกัดฟันอีกกี่ ครั้งต่อกี่ครั้ง หนูก็ไม่สามารถเอาชนะชะตากรรมที่น่าเศร้านี้ ได้เลย…

“ครอบครัวนั้นดีกับหนูมาก คุณแม่สามีบอกว่าไม่เป็นไรแม้ว่าจะไม่มีลูกก็ไม่เป็นไร พวกเขาไม่ได้ไม่ต้องการฉัน เพียงเพราะฉันไม่สามารถมีลูกได้ ฉันรู้ว่ามันเป็นแค่คำพูด ปลอบใจ ให้มีชีวิตอยู่ในโลกมายาไปเรื่อย ๆ หลอกตัวเองไป เรื่อย ๆ คุณแม่สามีที่เคยบอกว่ามันไม่สำคัญ แต่ในวันนี้…

เธอก้มศีรษะลง ร้องไห้อย่างขมขื่น “วันนี้เห็นคุณแม่สามี อุ้มลูกคนอื่น ที่ถึงจะไม่ได้ตั้งใจแสดงความปรารถนาที่อยาก มีเด็ก แต่มันกลับทำร้ายจิตใจของหนูมากเหลือเกิน หนูเริ่ม คิดว่ามันเห็นแก่ตัวเกินไป ที่จะอยู่ในบ้านหลังนี้…

ลมกระโชกพัดมา เหมือนสัมผัสของแม่ พัดน้ำตาออกจาก ตาของเธอ แต่แล้วน้ำตาระลอกใหม่ก็ไหลออกมาอีกครั้ง เมื่อคิดว่าปยุตยังไม่รู้อะไรเกี่ยวกับการเป็นหมัน เธอก็หวัง ว่าพื้นดินจะเปิดช่องว่างออก ปล่อยให้เธออยู่ที่นี่นอนกับแม่ ของเธอตลอดไป บางทีการทิ้งปยุตอาจจะเจ็บปวด แต่มัน จะเจ็บปวดมากกว่าหากไม่ทิ้งเขา

โทรศัพท์มือถือในกระเป๋าดังขึ้นอีกครั้ง เธอมองด้วย สายตาที่พร่ามัวไปด้วยน้ำตา เป็นเบอร์แปลก และน้ำเสียงที่ ไม่คุ้นเคย

“ออกมาเจอกันข้างนอกหน่อยสิ”

“มีอะไรเหรอ”

เธอสูดจมูก แกล้งทำเป็นถามอย่างใจเย็น

“มันเป็นเรื่องของเธอ ถ้าไม่มีเรื่องอะไรกับเธอฉันก็คงไม่ไปหาเธอหรอก”

ผลินเช็ดน้ำตาจากหางตา “ขอโทษด้วย ฉันไม่ว่าง”

“แล้วพรุ่งนี้ล่ะ ถ้าเธอว่างเธอจะบอกฉันหรือไง”

“ถ้าเธอมีอะไรก็พูดทางโทรศัพท์เถอะ ฉันไม่ได้ว่างทุกวัน

คนที่โทรมาคือจันทร และผลินก็รู้ ว่าเธอไม่ได้มาดีแน่

“งั้นเหรอ งั้นฉันจะไปหาเธอที่คฤหาสน์นภาก็แล้วกัน ฉัน เคยไปที่นั่นหลายครั้งแล้ว คุ้นเคยกับถนนหนทางเป็นอย่าง ดี”

เมื่อได้ยินว่าเธอจะไปคฤหาสน์นภา ผลินก็ประนีประนอม “จะให้เจอที่ไหน” “ร้านกาแฟMadii

วางสายของจันทรไปด้วยความสิ้นหวัง ผลินมองลึกเข้าไป ในดวงตาแม่ ก่อนที่จะลุกขึ้นและลงจากภูเขาไป

แม้ว่าชีวิตจะไม่เป็นไปตามที่ต้องการ แม้ว่าอารมณ์จะแย่ สักแค่ไหน แต่ก็ไม่สามารถแสดงมันออกมาแม้เพียงครึ่ง หนึ่งให้คู่แข่งได้เห็น ดังนั้นเธอจึงมาที่ร้านกาแฟMadii ไม่มีการสูญเสียหรือความเจ็บปวดที่สามารถเห็นได้บน ใบหน้า ยกเว้นร่องรอยเพียงเล็กน้อยรอบดวงตา ไม่มีใคร สามารถบอกได้ว่าเธอเพิ่งผ่านการร้องไห้

จันทรรออยู่ที่นั่นแล้ว ผลินนั่งลงตรงข้ามกับเธอ เอ่ยถามตรง ๆ “พูดมาสิ เธอต้องการอะไรจากฉัน

“ดูเหมือนว่าเธอจะแข็งแกร่งกว่าที่ฉันคิดนะ เกิดเรื่องที่น่า เศร้าแบบนี้ แต่ยังแกล้งทำเป็นว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นได้

“เธอหมายถึงอะไร

“ฉันรู้ทุกอย่างแล้ว” จันทรโน้มตัวไปข้างหน้า “เธอไม่ สามารถมีลูกได้”

ใบหน้าของผลินซีดเผือดลงทันที เล็บของเธอจิกลงไปใน ผิวเนื้อ “เธอรู้ได้ยังไง”

“เธอไม่ต้องสนใจว่าฉันรู้ได้ยังไง ที่สำคัญคือฉันรู้ก็แล้ว กัน”

“เธอรู้แล้วยังไง”


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ