ภรรยาคนที่เจ็ดของประธาน

ตอนที่ 243 ตอนจบ



ตอนที่ 243 ตอนจบ

ชื่นใจที่เอาแต่เงียบมาตลอดเอ่ยขึ้นบ้าง “แม่คะ ไวภพ พูดถูกนะคะ แม่อย่าฝืนต่อไปอีกเลยค่ะ ยังไงแม่ก็ไม่มี ทางชนะปยุตได้แล้วล่ะค่ะ ตอนนี้ยังมีโอกาสทั้งคุณพ่อ และปยุตร่วมมือกันยินดีช่วยคุณสะสางปัญหาทั้งหมด แม่ ก็ไปอยู่ที่ฝรั่งเศสได้อย่างสบายใจ ถ้าจะรอให้สายเกิน กว่าจะแก้ ถึงเวลานั้นใครก็ช่วยคุณไม่ได้แล้วนะคะ”

“หุบปากเดี๋ยวนี้นะ!”

ทัตดาเดิมทีก็ไม่ค่อยชอบลูกสะใภ้คนนี้อยู่แล้ว วันนี้ได้ ฟังคำพูดที่สะกิดแผลในใจเธอเข้าอย่างจัง จึงปะทุความ โกรธขึ้นทันที : “แกกล้าดียังไงบังอาจมาสั่งสอนฉันต่อ หน้า? ถึงฉันมันจะน่าเวทนาขนาดไหนยังไงก็เป็นแม่ผัว แกก็แล้วกัน ฉันเท่านั้นที่สั่งสอนแกได้! ไม่รู้จักที่ต่ำที่ สูง!”

“แม่ อย่าว่าชื่นใจแบบนี้นะครับ!” ไวภพไม่พอใจคุณแม่ ที่กำลังโกรธอยู่

“พวกแกออกไปได้แล้ว ออกไปสิ ถึงฉันตายก็ไม่เกี่ยว กับพวกแกสักหน่อย! ออกไป มาทางไหนกลับไปทางนั้น เลย! !”

ทัตดาเห็นว่าลูกชายไม่ยอมเข้าข้างตน แถมยังพยายาม ปกป้องเมียตัวเองอีก ในใจยิ่งรู้สึกโกรธ ขับไล่พวกเขาให้ ออกไป

ไวภพอดทนจนถึงขีดสุดแล้ว จึงตะโกนออกมาด้วยความโกรธ “ผมไปก็ได้ ถ้าแม่ยังดื้อรั้นจะทาอ ตั้งใจไว้ละก็ ผมก็จะไม่สนใจแม่อีก แม่ก็ดูแลตัวเองด้วย ก็แล้วกัน ผมจะถือว่าแม่ของผมได้ตายจากไปตั้งแต่ผม อายุ 7 ขวบ!”

พอเขาพูดจบก็จับมือของชื่นใจ

“เราไปกันเถอะ”

ตลอดทางจนกลับมาถึงอพาร์ทเม้นต์ที่ทั้งคู่อาศัยอยู่ ไว ภพไม่ได้พูดอะไรแม้แต่คำเดียว เมื่อจอดรถแล้ว ชื่นใจ ค่อยๆปลดเข็มขัดนิรภัยออก เธอเห็นไวภพหันหน้าไปอีก ด้านหนึ่ง จึงถามออกไปว่า “คุณไม่ลงจากรถหรือคะ?”

“คุณขึ้นไปก่อนเถอะ ผมขออยู่คนเดียวสักครู่หนึ่ง”

ชื่นใจฟังน้ำเสียงของเขาแล้วรู้สึกว่าไม่ปกติ จึงดึงตัว เขาเข้ามาใกล้ ให้เขาเผชิญหน้ากับเธอ แต่พอได้เห็น ใบหน้าของเขาแล้ว เธอตกตะลึงอ้าปากค้าง ผู้ชายที่เธอ รักไม่รู้ว่าร้องไห้น้ำตานองหน้าตั้งแต่เมื่อไหร่

ณ เวลานั้น หัวใจของชื่นใจราวกับถูกสิ่งของบางอย่าง ชนเข้าอย่างจัง เสียใจอย่างมาก เธอยื่นมือออกไปโอบ กอดเขาไว้แน่น กัดริมฝีปากปลอบเขาว่า “ไวภพคะ อย่า เสียใจไปเลย คุณได้พยายามอย่างที่สุดแล้ว”

เธอเคยเห็นทั้งใบหน้าของไวภพที่สุภาพอ่อนโยนและ โกรธแค้น แต่นี่เป็นครั้งแรกที่เธอเห็นใบหน้าของเขาเต็ม ไปด้วยความเสียใจจนต้องหลั่งน้ำตา ครั้งนี้เธอกลับไม่รู้ สึกดีใจที่เห็นสีหน้าที่ต่างออกไปของเขา

“ชื่นใจ ผมมันไอ้ขี้แพ้ใช่ไหม ทำไมผมรู้สึกว่าไม่มีเรี่ยวแรงเลย…..

“เปล่าเลยค่ะ คุณเป็นผู้ชายที่ดีที่สุดในโลก ไม่ว่าคนอื่น จะมองคุณยังไง คุณดีที่สุดแล้วในสายตาฉัน”

“คุณรักผมไหมครับ?”

“รักสิคะ”

“งั้นคุณอยากรู้ไหมว่าผมรักคุณหรือเปล่า?”

ชื่นใจอึ้งไป ราวกับว่าตั้งแต่พวกเขาแต่งงานกันมาจนถึง ตอนนี้ ไวภพไม่เคยพูดคำว่ารักอันละเอียดอ่อนนี้เลย มี แต่เธอที่แสดงความในใจที่ชัดเจนต่อเขาฝ่ายเดียวมา โดยตลอด ในใจเขารู้สึกอย่างไรเธอก็ยังไม่ค่อยแน่ใจ เธอเองอยากจะถามเขาอยู่หลายครั้ง แต่กลัวว่าคำตอบที่ ได้นั้นจะไม่ตรงกับที่ใจต้องการเลยจำต้องทำเป็นเพิกเฉย ไป

“คุณเลือกได้เลยคะว่าจะรักฉันหรือไม่รักฉัน แต่สำหรับ ฉันแล้วเลือกได้เพียงรักคุณหรือรักคุณมากแค่นั้นค่ะ”

เธอตอบด้วยความมั่นใจ บอกเล่าความในใจออกมา อย่างชัดเจน ถึงแม้ว่าเขาจะไม่ได้รักเธอ แต่ความรักที่ เธอมีต่อเขาจะไม่มีวันเปลี่ยนแปลง

“ผมรักคุณครับ ชื่นใจ คุณได้ยินชัดเจนหรือยังครับ? ผม ไวภพ ตั้งแต่นี้เป็นต้นไป จะรักชื่นใจเพียงคนเดียว เท่านั้น”
ชื่นใจจมอยู่ในความสับสนอันยิ่งใหญ่ ความสุขใ อย่างฉับพลัน เธอมือไม้สั่นทำอะไรไม่ถูก รู้สึกราวกับว่า ฝันไป “คุณ…..พูดจริงๆหรือคะ?”

“ครับ”

แต่ว่าทำไม จู่ๆคุณถึงได้พูดความในใจออกมาล่ะคะ?” “

ไวภพจ้องมองเธอด้วยความรู้สึกเสียใจ ก้มหน้าลง ชิดหน้าผากของเธอ กล่าวด้วยน้ำเสียงสะอึกสะอื้น “แม้แต่แม่ของผมเองยังไม่สนใจผมเลย ทำให้ผมรู้สึกน่า ขยะแขยง แต่คนอย่างผมกลับเป็นที่ชื่นชอบของคุณ ผม เพิ่งจะเริ่มเข้าใจหัวใจของตัวเอง ยังไม่มีผู้หญิงคนไหน มองว่าผมเป็นผู้ชายที่ดีที่สุดในโลกอย่างนี้เลย”

ชื่นใจหลั่งน้ำตาออกมาด้วยความดีใจ ความรู้สึกที่แท้ จริงของไวภพนั้นเสมือนเมล็ดพันธุ์ที่งอกงามในใจเธอ ใน ไม่ช้าก็ออกดอกดังที่วาดหวังไว้ เธอกอดศีรษะของเขา มาแนบอก พลางกระซิบว่า “ไวภพคะ เรามีลูกด้วยกันสัก คนเถอะค่ะ”

“ดีครับ……

เธอรีบจับมือเขาแน่น ตอนนี้เธออยากจับมือของเขาเอา ไว้อย่างเดียว บางทีอนาคตข้างหน้า คนที่เดินอยู่เคียง ข้าง อาจจะเป็นคนอื่นก็ได้

หนึ่งวันก่อนที่ผลินจะไปเวียนนา เธอนัดชื่นใจออกมาดื่มกาแฟ

สองคนพี่น้องที่รักใคร่กันดีนั่งอยู่ที่โต๊ะริมหน้าต่างของ ร้านกาแฟเจ้าประจำ ต่างจ้องมองซึ่งกันและกัน แสง ไฟเหนือศีรษะส่องลงมาบางๆที่ใบหน้าของคนทั้งสอง สายตาของทั้งคู่เห็นการแสดงออกซึ่งกันและกันแตกต่าง ออกไปจากตัวเอง

ทำไมเธอทำหน้ามุ่ยอย่างนั้นล่ะ?”

“แล้วเธอล่ะทำไมถึงหน้ามุ่ยอย่างนั้น?”

เฮ้อ

ทั้งสองคนยิ้มออกมาพร้อมกันอย่างเสียมิได้

“ถ้าไม่ใช่เพราะสามีของเธอ ต้อนแม่สามีของฉันซะจน มุม แม่สามีฉันยังดื้อรั้นไม่ยอมหยุด ไวภพอุตส่าห์เตือน เธอให้ไปฝรั่งเศสซะตอนนี้ แต่เธอไม่ยอมฟัง จนกระทั่ง วันนี้หัวใจจึงปวดร้าวเพราะเรื่องของแม่ของเขา อารมณ์ เขาไม่ค่อยดีนัก ทำให้ฉันพลอยทุกข์ใจตามไปด้วย

“ถ้าแม่สามีของเธอถูกจับขึ้นมาจริงๆล่ะ เธอคงไม่ เกลียดฉันหรอกใช่ไหม?”

ชื่นใจเบ้ปาก : “พูดอะไรอย่างนั้นล่ะ ฉันแสดงจุดยืนที่ ชัดเจนตั้งนานแล้วนะ ไม่ว่าจะเกิดเรื่องอะไรขึ้นฉันจะ อยู่ข้างเธอเสมอ ถึงไวภพจะไม่ให้ฉันคบหากับเธอ ฉันก็ จะไม่ทอดทิ้งเพื่อนอย่างเธอหรอก ความสัมพันธ์ของเรา ไม่ใช่แค่เพิ่งคบกันวันสองวันนะ”
“เธอดีจริงๆ”

ผลินรู้สึกสะเทือนใจจนขอบตาเริ่มแดง “เดิมทีฉันรู้สึก กังวลเพราะเรื่องของแม่สามีเธอว่าพวกเราจะเป็นปรปักษ์ ต่อกันหรือไม่ ตอนนี้ได้ฟังเธอพูดอย่างนี้แล้ว ฉันก็โล่งใจ แล้วล่ะ”

“ใช่ สถานการณ์ช่างน่าอึดอัดใจจริงๆ โชคดีที่แม่สามี ไม่ค่อยถูกชะตากับฉันสักเท่าไหร่ ถ้าเป็นอย่างแม่สามี เธอรักใคร่เอ็นดูเธออย่างนั้น คงจะพูดยากอยู่

ชื่นใจร้องอุทานออกมา “เออนี่ ช่วงนี้เธอระวังตัวหน่อย นะ แม่สามีของฉันตอนนี้กำลังถึงขีดสุด ฉันกลัวว่าเขาจะ ทําร้ายเธอเข้า

“วางใจเถอะ เดี๋ยวฉันก็ไปแล้ว”

“ไปแล้ว? ไปไหนหรือ?”

ชื่นใจค่อนข้างแปลกใจ

“ไปเวียนนาน่ะ เป็นการตัดสินใจของปยุต ฉันจำเป็น ต้องทำตาม”

“ทำไมเขาถึงให้เธอไปเวียนนาล่ะ?”

“อาจจะเหมือนที่เธอคิดไว้นั่นแหละ กังวลว่าแม่สามี ของเธอจะทำร้ายฉันได้ ฉันยังเหลือเวลาอีก 4 เดือนก็จะ คลอดแล้ว มันไม่ง่ายเลยกว่าจะผ่านพ้นมาได้ถึงวันนี้ ฉัน ก็ไม่อยากให้มีอะไรเกิดขึ้นอีกในช่วงเวลาที่สําคัญ ”
“ก็ดีเหมือนกัน ไปอยู่ต่างประเทศสักพักหนึ่ง จะ เดยุง เกี่ยวกับคนอื่นน้อยๆหน่อย

ชื่นใจเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดเพียงคนเดียวของผลิน เธอรู้ ดีว่าสองปีที่ผ่านมาผลินใช้ชีวิตอย่างยากลำบากขนาด ไหน และยิ่งเข้าใจอย่างชัดเจนว่าเด็กในท้องของเธอมี ค่ามากแค่ไหน ดังนั้นเมื่อได้ฟังข่าวว่าเธอต้องไปอยู่ต่าง ประเทศ ทีแรกอาจจะตกใจ แต่ต่อมาเธอกลับสนับสนุน อย่างแข็งขัน

ทันใดนั้นเสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น ชื่นใจกดรับสาย “ฮัล โหล……ฉันอยู่ข้างนอกคงะ……ตอนนี้เลยหรือ…….ได้คงะ ฉันจะกลับไปเดี๋ยวนี้ค่ะ..

เธอวางสายแล้ว “ไวภพน่ะ เขาบอกว่าพ่อเขาเรียกพวก เราไปหามีเรื่องนิดหน่อย ทำยังไงดี? ฉันต้องไปแล้วล่ะ”

“ไม่เป็นไร เธอไปเถอะ”

“แล้วเธอล่ะ? จะไปหรือยัง?”

“ฉันรอปยุตมารับน่ะ เขาไปพบลูกค้า เดี๋ยวก็กลับมา”

“ดีแล้วล่ะ” ชื่นใจยังไม่พร้อมที่จะไป “เออนี่ เธอจะไป เวียนนาเมื่อไหร่ล่ะ”

“พรุ่งนี้แล้วล่ะ”

“เร็วจังเลย? ถ้างั้นพรุ่งนี้เช้าฉันไปส่งเธอที่สนามบินนะ”
“ไม่ต้องหรอก ฉันไปไม่นาน แค่2-3เดือนเท่านั้น

“ไม่กี่เดือนก็เป็นเดือนนะ”

“ไม่ต้องจริงๆ เวลานี้เธอเจอหน้าปยุต ไม่รู้สึกอึดอัดใจ บ้างหรือ?”

“งั้นก็ได้ เธอถึงที่นั่นแล้วโทรหาฉันหน่อยละกัน ดูแลตัว เองดีดีนะ ฉันจะคิดถึงเธอ”

เธอโอบกอดผลิน โบกมืออำลา แล้วค่อยๆออกจากร้าน กาแฟไป

เธอออกไปได้ไม่นาน ผลินก็รับสายของปยุต “ผลิน คุณยังอยู่ที่ร้านกาแฟเบอร์6นั่นไหม?”

“ใช่ค่ะ คุณจะมากี่โมงคะ?”

“ตอนนี้ผมไม่สะดวกแล้วล่ะ เรื่องความร่วมมือมีปัญหา นิดหน่อย ยังตกลงกันอยู่ ผมโทรไปบอกให้ชนัยมารับ คุณกลับบ้านแล้ว”

“อย่าลำบากเลยค่ะ พวกเขาเพิ่งจะแต่งงานกันให้เขา อยู่เป็นเพื่อนคอยดูแลภรรยาเถอะ ฉันเรียกรถกลับเองได้ ค่ะ”

“ไม่ได้ครับ คุณกำลังตั้งท้องผมไม่สบายใจ เอาอย่างนี้ ดีกว่า ผมให้คนขับรถที่บ้านมารับคุณก็แล้วกัน”

“ฉันติดต่อไปเองได้ค่ะ คุณทำงานต่อเถอะ
“ได้ครับ ถึงบ้านแล้วโทรหาผมด้วยนะ

ผลินโทรหาคนขับรถที่บ้าน แต่ว่าโชคไม่เข้าข้าง คนขับ รถกำลังพาคุณแม่สามีไปร่วมงานเทศกาลอะไรสักอย่าง เธอจึงไม่ได้ให้เขามารับ สะพายกระเป๋าเดินออกจากร้าน ไป ยืนอยู่ริมถนนยื่นมือออกไปเตรียมจะโบกเรียกรถ แท็กซี่

ค่ำคืนในฤดูหนาวท้องถนนเงียบสงบอย่างมาก บนถนน มีคนเดินอยู่เพียงไม่กี่คน รถราก็เรียกได้ไม่ง่ายนัก ขณะ ที่รถกำลังเตรียมจะออกตัว ทันใดนั้นรถตู้คันหนึ่งจอดลง ตรงหน้ารถเธอ

เธอยังไม่ทันตั้งตัวว่าเกิดอะไรขึ้น ประตูรถก็ถูกเปิด ออก เธอถูกจับตัวขึ้นรถไป

“ทำอะไรน่ะ? พวกแกเป็นใคร?!”

เธอถามตรงๆด้วยความตกใจ นานมากแล้วที่เธอเคย เจอกับเหตุการณ์อย่างนี้มาก่อน ดังนั้นสัญชาตญาณแรก ของเธอจึงรู้ว่าเป็นการลักพาตัว

“มีคนอยากพบคุณ เดี๋ยวก็ได้เจอแล้ว”

ผลินพยายามสงบสติอารมณ์ “ใครกันที่อยากเจอฉัน?”

“ก็บอกแล้วไงว่าเดี๋ยวก็รู้เอง อย่าถามมากได้ไหม? หุบปากซะ!”
ยิ่งกังวลใจยิ่งเกิดเรื่อง วางแผนไว้ว่าพรุ่งน ประเทศแล้ว สุดท้ายกลับโชคร้ายถูกลักพาตัวซะนี่ ใน ชีวิตนี้จะมีอะไรน่าเศร้าไปกว่านี้อีกไหมนะ?

“พี่ชาย พวกคุณฟังฉันให้ดีนะ พวกคุณอยากได้เงินเท่า ไหร่ฉันหามาให้ได้ทั้งนั้น แต่อย่าทำร้ายฉันเลยนะ ฉันก็ เป็นแค่ผู้หญิงท้องคนหนึ่ง ในท้องของฉันมีเด็กที่โชคร้าย อยู่2คน…….”

“อย่ามาพูดจาไร้สาระกับพวกเราหน่อยเลย พวกเรา มีหน้าที่แค่พาเธอไปส่งเท่านั้น คำพูดร้องขอชีวิตเหล่านี้ เก็บเอาไว้พูดกับเจ้านายของเราเถอะ”

“เจ้านายของพวกแกเป็นใครล่ะ?”

เห็นได้ชัดว่าชายทั้งสองคนนั้นเหลืออดเต็มทีแล้ว “จะ ให้เราบอกเป็นครั้งที่สามอีกไหม? ถ้าไม่อยากถูกปิดปาก ละก็หุบปากของแกลงซะเดี๋ยวนี้!”

ผลินไม่กล้าใส่อารมณ์กับผู้ถูกจ้างวาน เธอรู้ดีแก่ใจว่า ถ้าเธอยังไม่ยอมหยุดจะเกิดอะไรขึ้นต่อไป สายตาของ เธอเหลือบมองไปที่กระเป๋าตัวเอง ซึ่งขณะนี้ตกอยู่ในมือ ของผู้จ้างวานคนหนึ่ง เธอจึงลองเอ่ยปากดู “ฉันขอกระ เป๋าของฉันคืนได้ไหม?”

“ต๊ะ เอากระเป๋าคืนเธอเนี่ยนะ เธอจะได้โทรให้คนมา ช่วยนะหรือ? พวกเราไม่ใช่ไอ้โง่นะ!”

“ฉันไม่ได้จะโทรศัพท์ ฉันเชื่อว่าพวกคุณไม่ทำร้ายฉัน หรอก ถ้าฉันเดาไม่ผิด เจ้านายของพวกคุณคือทัตดาใช่หรือไม่?”

ชายทั้งสองคนสบตากัน ไม่ได้พูดอะไร รถยังคง เคลื่อนที่ไปข้างหน้าอย่างต่อเนื่อง

“พี่ชาย ทัตดาให้เงินพวกคุณเท่าไหร่ล่ะ? ฉันจะบอก สามีฉันให้จ่ายพวกคุณสามเท่า ที่จริงพวกคุณทำอย่าง นี้ไม่ค่อยคุ้มเท่าไหร่นะ เธอใกล้จะถูกจับกุมตัวแล้ว พวก คุณยังก่อเรื่องเพิ่มอีก คุณรู้ไหมว่ากำลังช่วยเธอทำผิด กฎหมายอยู่น่ะ? พวกคุณกลับลำตอนนี้ยังทันนะ อายุยัง น้อยกันอยู่เลยนี่ อย่าให้การพลาดพลั้งเพียงครั้งเดียว ทำให้เสียใจไปตลอดชีวิตเลยนะ…..


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ