ภรรยาคนที่เจ็ดของประธาน

ตอนที่ 232 ความจริงอันลึกลับซับซ้อน



ตอนที่ 232 ความจริงอันลึกลับซับซ้อน

“มีอะไรเหรอ”

“วันนี้ฉันไม่เห็นธินิดาที่บ้าน”

“บางทีอาจจะอยู่ที่อื่น

“เป็นไปไม่ได้ ชุดากลับมาเธอจะต้องกลับมา แต่ฉัน กลับไม่เห็นเธอวันนี้ มันแปลกจริง ๆ”

“ไม่เห็นก็ไม่เห็น ทำไม คุณไม่ได้ถูกเธอรังแกมานาน คิดถึงเธอเหรอ”

ปยุตที่ง่วงนอนแล้ว มีน้ำเสียงที่อ่อนนุ่ม

“ไม่ใช่ ฉันกำลังคิดว่า ไม่ใช่ว่าเธอขึ้นสู่สรวงสวรรค์ไป แล้ว….

“คุณมีความคิดที่ชั่วร้ายเกินไปแล้ว…..

“ซดาบอกว่า ฉันทำลายครอบครัวของเธอให้ตาย ใคร กันที่ตาย ที่เธอเรียกว่าครอบครัวไม่ได้หมายถึงพ่อแม่ ของเธอหรอกเหรอ”

“ตายแล้วก็ดี ก่อกรรมทำเข็ญไว้ไม่ควรมีชีวิตอยู่
“ถ้าคุณมีเวลาพรุ่งนี้ไปถามท่านนภันต์หน่อยสิ เขาจะ ต้องรู้แน่”

“ได้ นอนเถอะ มันดึกมาแล้ว….

วันต่อมาเขาได้พบกับท่านนภันต์ นอกจากจะถามเรื่อง ธินิดาแล้ว ยังพูดคุยกับเขาในเรื่องของลูกชายของเขา

กลับบ้านมาตอนกลางคืน ผลินแทบรอไม่ไหวที่จะ ถามเขา “เป็นยังไงบ้าง คุณได้เรื่องแล้วใช่ไหม”

ปยุตพยักหน้า “อืม ได้เรื่องแล้ว”

“ธนิดาอยู่ที่ไหน”

“คุณพูดถูกแล้ว”

“ขึ้นสวรรค์ไปแล้วเหรอ” ผลินปิดปากด้วยความ ประหลาดใจ

“อืม”

“บอกฉันมาเร็วว่าเกิดอะไรขึ้น”

ถึงแม้ว่าจะคาดการณ์เอาไว้แล้ว แต่เมื่อมาได้ยินว่าธินิ ดาตายไปแล้วจริง ๆ เธอก็ยังรู้สึกไม่อยากเชื่อ
“เธอตายไปแล้วเมื่อสองปีก่อน ในเวลานั้นแม่และ ลูกสาวทั้งสองคนไปที่เมือง M คืนหนึ่ง ท่านนภันต์กับ พวกลูกน้องเกิดข้อพิพาทระหว่างแก๊ง ธินิดาที่ผ่านไปที่ นั่นถูกยิงตายโดยบังเอิญ ท่านนกันต์เป็นคนมีมโนธรรม เมื่อเห็นว่า ดาเหลือตัวคนเดียวจึงพาเธอไปด้วย ห้า เดือนต่อมา ชุดาเสนอที่จะแต่งงานกับเขา ตอนแรก รู้สึกว่ามันไม่ถูกต้อง แต่เพราะท่านนภันต์รู้สึกผิดต่อแม่ ของเธอจึงตกลง”

เมื่อได้รู้ที่มาที่ไป ทันใดนั้นผลินถึงได้เข้าใจ ตอน แรกยังไม่เข้าใจ ว่าชุดาไปรู้จักกับคนเช่นท่านนภันต์ได้ อย่างไร แล้วทำอย่างไรถึงทำให้แต่งงานกับเธอได้ การแต่งงานที่แปลกประหลาดนี้ถูกสร้างขึ้นบนพื้นฐาน ตัวแปรของชีวิตคน

“เธอคงคิดว่าถ้าฉันไม่บังคับให้พวกเขาออกจากเมือง B แม่ของเธอก็จะไม่ตาย

“ผมคิดว่ามันเป็นเพราะบาปกรรมของเธอ”

“ฉันก็คิดอย่างนั้นเหมือนกัน…

ชีวิตของปยุตยังคงวุ่นวาย ด้านหนึ่งต่อสู้กับทัตดา ด้านหนึ่งสืบหาลูกชายให้กับท่านนภันต์ ทางด้านทัตดา ก็เหมือนกัน นอกจากสู้กับปยุตด้วยปืนที่เปิดเผยและลูก ศรในที่ลับแล้ว และยังตามหาลูกชายของท่านนภันต์ เมื่อเปรียบเทียบกับปยุตแล้ว เธอมีการปฏิบัติอย่างเอิกเกริกกว่า

เธอใช้สถานีโทรทัศน์ หนังสือพิมพ์ สื่อออนไลน์ ตราบใดที่มีการประกาศในทุกสถานที่ที่ผู้คนสามารถพบ ได้ ตราบใดที่มันเป็นคนที่เธอกำลังมองหาหรือคนที่ให้ เบาะแส พวกเขาทั้งหมดจะได้รับรางวัลอย่างดีเป็นสิ่ง ตอบแทน

ในวันนี้ ปยุตมีแขกที่ไม่คาดคิดเข้ามาในสำนักงาน อีกสองสามวันต่อมา ปยุตเรียกชนัยให้เข้าบริษัท “ประธานยุต คุณต้องการให้ผมมาที่นี่ทำไมเหรอครับ”

ปยุตละออกจากหน้าจอคอมพิวเตอร์ ชี้ไปที่โซฟา “นั่ง ก่อนสิ”

ชนัยชะงักไป เห็นได้ชัดว่าเขาไม่ตอบสนองต่อคำว่า นั่งก่อนนั่น เขาเคยแต่มาแล้วได้รับคำสั่ง เมื่อได้รับงาน แล้วก็ไป วันนี้เป็นพฤติกรรมที่ผิดปกติ

เขานั่งอึดอัดอยู่บนโซฟา หลังจากนั้นไม่นาน ปยุต มานั่งลง

เขาถือสำเนาแฟ็กซ์ในมือข้างหนึ่งมาด้วย ชนัยยังไม่ เห็น ดังนั้นจึงไม่รู้ว่าเนื้อหาข้างในคืออะไร
“นายเคยผ่าตัดศัลยกรรมด้วยเลเซอร์”

คำพูดในประโยคนั้นทำให้เกิดคลื่นนับพันในจิตใจของ ชนัย เขาเงยหน้าขึ้นมองด้วยความตกใจ คลื่นสมอง ใคร่ครวญ ถามไม่เต็มเสียง “คุณรู้ได้ยังไงครับ”

ปยุตส่งแฟกซ์ในมือของเขา มันเป็นข้อมูลที่เขาเก็บ รวบรวมเกี่ยวกับช่วงเวลาใดและการผ่าตัดประเภทไหน ในโรงพยาบาล

“ตอนนี้ฉันสงสัย ว่าทำไมนายถึงปิดบังเรื่องนี้

ชนัยเงียบ เขาจึงพูด “งั้นฉันจะบอกเอง เพราะเมื่อปีที่ แล้วนายได้รู้ว่าตัวเองเป็นลูกชายของท่านนภันต์ และรู้ ว่าเขากำลังตามหานาย นั่นเป็นเหตุผลที่นายแอบไปเอา ปานออก”

“ฉันพูดถูกไหม” ชนัยไม่ปฏิเสธ

“คุณรู้ได้ยังไง”

“ธารีแฟนเก่าของนายมาหาฉันเมื่อไม่กี่วันก่อน เธอ เห็นที่ทัตดาลงประกาศ คิดได้ว่านายเคยมีปานที่ขา ผู้ หญิงคนนั้นจึงคิดว่าเป็นนาย รู้ว่าทัตดามีปมกับฉัน กลัว ว่าทัตดาจะทำร้ายนาย จึงรีบมาเพื่อถามถึงเรื่องที่เกิด ขึ้น ตอนแรกเธอตั้งใจจะถามนายเป็นการส่วนตัว แต่ กลัวว่านายจะเกลียดที่ถูกเธอทรยศแล้วปฏิเสธที่จะพบเธอ ก็เลยไม่อยากสร้างความลำบากใจให้

ชนัยไม่พูด สีหน้าไม่ค่อยดี

“เธอขอให้ฉันส่งข้อความถึงนาย ว่านายเป็นคนเดียว ที่เธอรัก เธอจะจดจำานายตลอดไป”

“อย่าพูดถึงเธออีกเลยครับ”

ชนัยไม่อยากพูดถึงความสัมพันธ์ที่ล้มเหลวในอดีต โบกมือไปมาอย่างหมดความอดทน

“ได้ งั้นบอกฉันมา ว่าทำไมนายถึงโกหกฉัน ถ้าฉันจำ ไม่ผิด ตั้งแต่นายอยู่กับฉันมาเป็นสิบปี นี่เป็นครั้งแรกที่ นายโกหก”

ปยุตคิดถึงเมื่อบ่ายวันนั้น ตอนที่เขาถามชนัยว่ามีปาน ที่ขาหรือไม่ เขาไม่ทันได้คิดก็ตอบว่าไม่มี ไม่ได้ถามว่า ทำไมเขาถึงถามคำถามแปลก ๆ ตอนนั้นไม่คิดอะไร แต่ เมื่อลองคิดดูก็พบว่ามันผิดปกติจริง ๆ

อย่างน้อย มันก็ไม่ใช่ลักษณะของชนัย

“เพราะผมไม่ต้องการพ่อแบบนั้น”

ชนัยเงียบมานาน ได้พูดประโยคนั้นออกมา
“ทำไม”

“ผมคุ้นเคยกับการเป็นเด็กกำพร้า”

“หยุดโกหกได้แล้ว นายเข้าใจผิดอะไรท่านนภันต์กัน แน่ ไม่มีใครคุ้นเคยกับการเป็นเด็กกำพร้า

“ถ้าเป็นคุณล่ะ คุณได้รู้ว่าคนคนนั้นเดินบนเส้นทาง ของอิทธิพลมืด สูญเสียลูกตัวเอง ภรรยาถูกทำร้ายจน พิการทางสายตา แล้วก็ไปแต่งงานกับผู้หญิงที่อายุ น้อยกว่าตัวเองยี่สิบปีจนแทบแก่คราวพ่อของภรรยาล่ะ”

ปยุตเข้าใจถึงความเสียใจของชนัยที่มีต่อท่านนภันต์ “นายรู้เรื่องการแต่งงานของ ชุดากับท่านนภันต์เมื่อ หนึ่งปีก่อนเหรอ”

“ใช่ ผมขอโทษ พิจารณาความสัมพันธ์ของผมกับเขา ผมจึงไม่ได้บอกข่าวให้คุณทราบตั้งแต่แรก เพราะนั่น ไม่ใช่งานที่คุณมอบหมายให้ผมทำ คณบดีของสถาน เลี้ยงเด็กกำพร้าบอกผม ว่ามีคนกลุ่มหนึ่งมาที่สถาน เลี้ยงเด็กกำพร้าเพื่อถามว่าพวกเขาเคยมีเด็กผู้ชายที่มี ปานที่ขาหรือไม่ คณบดีเห็นว่าคนเหล่านั้นเหมือนไม่ใช่ คนดี จึงไม่บอกพวกเขา แล้วมาบอกผม แล้วผมก็เริ่ม ที่จะตรวจสอบประวัติของตัวเอง จนแน่ใจว่าตัวเองคือ คนที่ท่านภันต์ตามหา เมื่อผมได้รู้เรื่องของผู้ชายคนนั้น ผมไม่ลังเลที่จะลบปานออก ผมไม่ต้องการพ่อแบบนั้น ดังนั้นผมจะทำให้เขาไม่มีวันได้พบผม”
“ไม่สงสัยเลยว่าทำไมทุกครั้งที่ฉันขอให้นายไปกับฉัน เพื่อพบท่านนภันต์ นายมักจะมองหาเหตุผลที่จะเลี่ยง มันเสมอ”

ปยุตถอนหายใจพลางพยักหน้า “ภรรยาฉันเป็นเทพ ตัวน้อยจริง ๆ เธอเชื่อเสมอว่านายเป็นลูกชายของท่าน นภันต์ แถมยังเสนอที่จะให้นายและท่านภันต์พิสูจน์ DNA”

“ประธานยุต ในเมื่อคุณรู้แล้วว่าทำไมผมถึงปิดบัง คุณ จะไม่บอกใครเกี่ยวกับมันได้ไหมครับ”

“สําหรับทัตดาไม่ว่ามันจะยากแค่ไหนในการค้นหา ถ้าเธอรู้ว่าสิ่งที่เธอยุ่งวุ่นวายอยู่นานทั้งหมดเป็นการ ช่วยฉัน เธอจะต้องออกท่าอย่างเต็มที่แน่”

“คุณจะไม่เสียสละผมเพื่อเอาชนะยายแกนั่นใช่ไหม ครับ”

ชนัยมีความตึงเครียดในแววตา

“ที่จริงแล้ว นายอาจจะกำลังเข้าใจพ่อของนายผิด ถึง แม้ว่าเขาจะอยู่บนเส้นทางอิทธิพลมืด แต่ไม่ได้เป็นคน ชั่วร้าย”

“ถ้าอย่างนั้น คุณยังตั้งใจที่จะให้ผมสารภาพ แล้วใช้ ท่านนภันต์กำจัดทัตดาเหรอครับ”
“ฉันดีใจที่นายได้พบพ่อ แดทำไมถึงเป็นท่าน นภันต์…. ” ปยุตนวดหน้าผาก “ถ้ามันเป็นความจริง ทั้ง นายและน้องสาวของฉันจะต้องเรียกชุดาผู้หญิงที่น่า รังเกียจคนนั้นว่าแม่ น้องสาวของฉันเกลียดผู้หญิงคน นั้นมาก ถ้าเธอต้องเรียกชุดาว่าแม่ เธอจะไม่แต่งงานกับ นาย แต่ถ้าเธอรักนายมากพอก็จะยอมอดทนกับความ อัปยศอดสู แล้วซดากับภรรยาของฉันยังเป็นพี่น้องกัน ถ้าอย่างนั้นฉันกับท่านนภันต์ก็จะเป็นพี่น้องกัน พวก นายสองคนเรียก ดาว่าแม่ ก็ต้องเรียกฉันและภรรยา ของฉันว่าลุงกับป้า ความสัมพันธ์นี้มันยุ่งเหยิงไปหมด มันยากเกินไปสําหรับพวกนาย มันทำให้ฉันปวดหัวจริง


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ