ตอนที่ 174 ชีวิตที่กำลังจะเริ่มต้นใหม่ (2)
ภายใต้เรื่องราวระทมทุกข์ในใจที่เจ็บปวด ในที่สุดผลิน ไม่สามารถหาเหตุผลมากไปกว่านี้ได้เธอหยิบเสื้อคลุมขึ้น มาใส่เดินจําอ้าวไปทางประตูห้องรับแขก
ปยุตหลับตาทั้งสองข้างลงตลอด รู้สึกได้ถึงบททดสอบ ของฝนห่าใหญ่นี้ พายุฝนนี้ราวกับว่าตกลงมาในใจของเขา ชะล้างความอ่อนล้าในใจของเขาให้หมดไป เขาไม่รู้สึก หนาว และไม่รู้สึกเหนื่อย ยังคงยืนหยัดอย่างแน่วแน่ใน เวลานี้
ทันใดนั้นเม็ดฝนที่ตกลงบนหัวเค้ากลับมลายหายไป กลิ่นกายที่คุ้นเคยกลับเข้ามาใกล้ๆเขา เขาค่อยๆลืมตาขึ้น ตรงหน้าเขาคือผู้หญิงที่เขาคิดถึงมาโดยตลอด กางร่มสี เขียวให้เขา จ้องมองเขาตาเขม็ง
“กลับไปเถอะ ยืนอยู่ตรงนี้จะไปแก้ไขอะไรได้
ผลินพูดประโยคนี้กับเขาด้วยสีหน้าเรียบเฉยเตรียมจะจาก ไป เขากลับตอบว่า “แล้วคุณมาหลบๆซ่อนๆตัวอยู่ที่นี่ มันแก้ปัญหาได้หรือ?”
เธอหันหน้ามา : “ฉันไม่ได้หลบๆซ่อนๆ ฉันไม่ได้ทํ อะไรผิดนี่คะ ทำไมฉันต้องหลบๆซ่อนๆด้วย? ”
“ถ้างั้นคุณคิดจะอยู่อย่างนี้ไปตลอดชีวิตเลยหรือไง? มองดูผมยืนอยู่นอกหน้าต่างห้องคุณ ไม่ยอมเข้ามาหาตลอดไป”
“ฉันก็แค่รู้สึกว่าในใจตัวเองยังไม่เข้มแข็งพอที่จะเผชิญ หน้ากับคุณค่ะ”
“คุณจะให้ผมทำยังไงล่ะ? คุณถึงจะยอมยกโทษให้?”
“คุณไม่ต้องทำอะไรหรอกคะ ปัญหาระหว่างเราไม่ได้อยู่ ที่ให้อภัยหรือไม่ให้อภัย
ปยุคสั่นสะท้านไปทั้งตัว เขารู้ดีว่าผลินกำลังหมายถึง อะไร
ผลินหันหลังกลับ แสร้งทำใจเย็นพูดกับเขาว่า : “อย่า มาที่นี่อีก ในระหว่างที่ฉันยังคิดไม่ออกว่าจะเผชิญหน้ากับ เรื่องราวทั้งหมดนี้ได้อย่างไร อย่ามาทำเป็นชื่ออยืนตาก น้ำค้างอยู่ทุกคืนที่นี่
เธอก้าวเดินออกไปอย่างหนักแน่น อยากจะรีบออกไปให้ พ้นจากสายตาของปยุต สายตาเบื้องหน้าของเขาเริ่มพล่า มัวขึ้น เขามองเห็นเบื้องหลังของเธอไม่ค่อยชัด เห็นแต่ ร่มสีเขียวคันนั้นค่อยๆไกลออกไป ณ เวลานั้นหัวใจของ เขาเจ็บปวดแสนสาหัส ราวกับว่าหลังจากที่ร่มสีเขียวหาย ลับตาไป เท่ากับเขาได้สูญเสียของสำคัญที่สุดไปเสียแล้ว
ผลิน อย่าเพิ่งไปครับ อย่าไปจากผม”….
เขาแทบเป็นบ้ารีบวิ่งไปดักหน้าเธอ กอดผลินจากด้านหลังอย่างแน่น เอาหน้าแนบไว้ซอกคอของเธอ กล่าว อย่างเจ็บช้าว่า : “ผมไม่เคยคิดถึง ปตที่ไม่มีผลินอยู่ เคียงข้างเลย หากเป็นเช่นนี้ ผมไม่มีความมั่นใจหลง เหลือเลยแม้แต่นิดเดียว”…..
น้าตาของผลินเอ่อล้นเต็มสองตา รมที่อยู่ในมือกลับ หล่นลงไปที่พื้น คนทั้งสองที่รักกันอย่างเปิดเผยกลับไม่ สามารถปกป้องซึ่งกันและกันได้ ร้องไห้ออกมาอย่างโศก เศร้าในคืนที่ฝนตกนั้น
“ผมผิดเองครับ คืนนั้นผมไม่ควรลืมคำเตือนของคุณ แถมยังปล่อยให้จันทรทำสำเร็จด้วย เรื่องทั้งหมดสามารถ หลีกเลี่ยงได้ ผมประมาทเองที่เชื่อใจเขา ทำให้คุณได้รับ ความทุกข์ทรมานเช่นนี้ ผลินครับผมขอโทษ ในใจของผม ก็เป็นทุกข์อย่างมาก
“มาพูดอะไรตอนนี้มันสายไปแล้ว เรื่องมันเลยเถิดจากไม้ กลายเป็นเรือไปแล้ว คุณก็ควรจะรับผิดชอบในหน้าที่ที่ควร จะรับผิดชอบสิ
ต้องสิ้นหวังถึงขนาดไหนกันนะ ถึงจะพูดแบบไม่มีทาง เลือกแล้วอย่างนั้นออกไปได้..
ปยุตโกรธมาก : “ทุกคนต่างสามารถพูดประโยคนี้กับผม ได้ ยกเว้นคุณ คุณไม่รู้หรือว่าผมรู้สึกอย่างไรกับคุณหา?”
“ฉันรู้ว่าคุณรู้สึกอย่างไรกับฉันแล้วมีประโยชน์อะไร เพราะฉันรู้ชัดเจนว่าคุณรู้สึกยังไงกับฉันแต่เด็กคนนั้นก็เปลี่ยนไปเป็นคนอื่นได้หรือ?”
“คุณพิสูจน์ยังไงว่าเด็กคนนั้นเป็นลูกของผม?”
“ถ้างั้นคุณพิสูจน์ยังไงว่าเด็กคนนั้นไม่ได้เป็นลูกของ คณ?”
“ถึงยังไม่มีทางพิสูจน์ได้ในตอนนี้ ก็อย่าเพิ่งไปกังวล เรื่องของเด็กในท้อง ขอเพียงเราต่างฝ่ายรักกันอย่าง จริงใจ ก็ไม่มีเหตุผลอื่นใดที่จะทำให้เราเลิกรากัน
ผลินหัวเราะเยาะ : “หลบหนีได้หรือ? นั่นเป็นเด็กที่มี ชีวิตจิตใจนะ ไม่ใช่แค่ของเล่นชิ้นหนึ่ง คิดจะทิ้งก็ทิ้งได้ เลย”
“ถ้างั้นคุณจะเอายังไงกันแน่? ทุกวันเห็นผมทุกข์ทรมาน ใจคุณไม่สงสารบ้างหรือ?”
“คนที่ใจถูกมีดกรีดแทงคือคุณคนเดียวหรือ?”
ผลินร้องไห้พลางหันหลังกลับ : “ตอนนี้ไม่ใช่ว่าฉันคิด ยังไง? ฉันไม่มีทางเลือกใดๆ ชีวิตของฉันก็เป็นแบบนี้มา ตลอด”
“แต่ว่าอย่างน้อย ผมคิดว่าไม่ว่าจะยากลำบากเพียงใด คุณก็จะเผชิญหน้าไปด้วยกันกับผม คุณพูดบ่อยๆไม่ใช่หรือ ขอเพียงยืนหยัด ผลออกมาอย่างไรไม่สำคัญ ทำไมตอน นี้เรื่องเกิดขึ้นกับตัวเองแล้ว คุณกลับไม่ยืนหยัดเลยแม้แต่นิดเดียว? แม้ว่ามีความเป็นไปได้แค่ 0.1ที่จะไม่ใช่ลูกของ ผม คุณก็ควรแน่วแน่อย่างมีความหวังใน 0.1นั้น ไม่ใช่ หรือ….
น้ำเสียงของปยุตสั่นเครือแฝงไปด้วยคำขอร้องวิงวอน เขาหวังเป็นอย่างยิ่งว่า ในเวลาที่ยากลําบากเช่นนี้ ผลินจะ ยืนหยัดเคียงข้างเขา
แต่ว่าเขากลับผิดหวัง ผลินไม่พูดอะไร เดินกลับไปที่ คอนโด ปิดประตูบานนั้นลง ประตูที่ทำให้รู้สึกว่าระยะทาง ระหว่างคนทั้งสองนั้นห่างไกลกันนับพัน
ฝนยังคงตกลงมาไม่ขาดสาย เขาหยิบร่มที่ถูกทิ้งอย่าง เดียวดายอยู่ที่พื้นขึ้นมา ดึงขาทั้งสองข้างที่ชุ่มไปด้วยน้ำ เดินจากไปอย่างสิ้นหวัง
ผลินยืนพิงประตูร้องไห้ออกมาแทบขาดใจ ไม่ใช่ว่าเธอ ไม่อยากเผชิญชะตากรรมนี้ร่วมกับเขา แต่เธอยังไม่สามารถ ผ่านอุปสรรคที่มีในใจเธอเองได้ นั่นไม่ใช่ปัญหาทั่วๆไป นั่น คือเกียรติอันสูงสุดของความเป็นผู้หญิง
ถ้าการทรยศหักหลังเป็นความกล้าหาญอย่างหนึ่ง ถ้า อย่างนั้นผู้ที่ถูกหักหลังจะต้องมีความกล้าหาญเพิ่มขึ้นไปอีก คนแรกขอเพียงมีความกล้าที่มากพอก็ทําได้ หรือบางทีอาจ จะเป็นแรงกระตุ้น หรือเวลานั้นทำอะไรไม่ถูก แต่ว่าคนถูก หักหลังจะถูกทดสอบระดับของความใจกว้าง ไม่หุนหันพลัน แล่น ต้องใช้เวลาตัดสินใจสักพักหนึ่ง
ก๊อก ก๊อก
เสียงเคาะประตูดังขึ้น เธอประคองตัวลุกขึ้นยืน เปิดประตู ที่อยู่ด้านหลัง ที่ยืนอยู่ด้านนอกประตูนั้นแท้จริงแล้วคือปยุต ที่ได้จากไปแล้ว ผมที่ชุ่มไปด้วยน้ำหยดลงมา “ให้ผมเข้าไป อาบน้าร้อนหน่อยได้ไหมครับ? ตอนนี้ผมหนาวมาก”
เห็นเธอไม่พูดอะไร เขาจึงพูดต่อ : “ผมไม่อยากกลับ บ้าน ได้แต่นอนอยู่ในรถ สภาพเปียกโชกแบบนี้ ถ้าไม่อาบ นําเปลี่ยนเสื้อผ้าละก็ ผมกลัวว่าจะไม่สบายนะครับ” เขา อธิบายให้เธอฟังด้วยรอยยิ้มที่ไม่ย่อท้อ : “ตอนนี้ตกอยู่ใน สถานการณ์ที่ลำบาก ผมตัวคนเดียว จะยังไงก็แล้วแต่ผมจะ ไม่ยอมให้ตัวเองเป็นอะไรไปได้”
ผลินปรับช่องแอร์ทั้งสองแหงนขึ้น ยอมเปิดทางให้เขาใน ที่สุด ให้เขาเข้ามาในห้อง
ปยุตเดินตรงเข้าห้องอาบน้ำไป เสียงน้ำซ่าดังขึ้นใน ห้องน้าอย่างรวดเร็ว
เธอเข้าไปในห้องหยิบเสื้อผ้าชุดหนึ่งออกมาให้เขา ใน คอนโดแห่งนี้มีเสื้อผ้าของเธอและปยุตอยู่หลายชุด เอาไว้ เพื่อความสะดวกเผื่อว่าอยากจะมาอยู่สัก2-3วัน
เธอทรุดตัวนั่งลงที่โซฟาในใจรู้สึกสับสนวุ่นวายไปหมด เอามือข้างหนึ่งก่ายหน้าผาก อยากจะละทิ้ง ก็รู้สึกว่าไม่ เต็มใจ ไม่ละทิ้ง ก็รู้สึกว่าตัวเองนั้นไร้ศักดิ์ศรี เธอรู้สึกงุนงง ราวกับว่าคืนนั้นได้ยินที่ปยุตกระซิบที่ข้างหูของเธอว่า : ผมไม่เคยมีเรื่องปิดบังคุณเลยนะครับ หากว่าจะมีสักครั้งหนึ่ง ก็ ขอให้คุณให้อภัยผมด้วยนะครับ……
“อย่างน้อยผมคิดว่า ไหนๆก็มีความเป็นไปได้แค่ 0.1 คุณ ก็ควรจะยืนหยัดแน่วแน่
เสียงคำพูดของปยุตสะท้อนก้องอยู่ในหูซ้ำไปซ้ำมา เธอ สะดุ้งตื่นจากภวังค์ ณ เวลานี้ ปยุตอาบน้ำเสร็จออกมาแล้ว จ้องมองเขม็ง ถอนหายใจไม่รู้จะพูดอะไร : “ผมไปแล้วนะ”
เธอเดินไปส่งเข้าที่หน้าประตูจ้องมองไหล่ที่หนาของเขา ที่ที่เธอเคยพักพิงอย่างอบอุ่นที่สุด แต่ว่าในเวลานี้ไม่กล้า แม้เพียงนิดเดียวที่จะแตะต้อง
ปยุตพูดว่า แต่ไหนแต่ไรมาไม่เคยคิดถึงสภาพของตัวเอง จะเป็นอย่างไรหากไม่มีผลิน เธอเองก็เช่นกัน หากไม่มีปยุต ชีวิตของเธอจะเป็นเช่นไร บางทีที่แห่งนั้นอาจไม่มีอยู่จริง เพราะที่ที่มีเขาถึงจะเรียกว่าบ้าน
ทันใดนั้น เธอยื่นมือออกไปกอดเข้าที่เอวของเขาแน่น เอา ใบหน้าแนบลงที่แผ่นหลังของเขา พูดออกมาทั้งน้ำตา : “เอาละ เห็นแก่คุณ ฉันไม่ต้องการอะไรอีกแล้ว ไม่ต้องมี เหตุผลอะไรทั้งนั้น ยอมทิ้งศักดิ์ศรีของตัวเอง ไม่คิดติดใจ อะไรทั้งนั้น” ……
แม้ว่าจะรู้สึกไม่เต็มใจอยู่บ้าง แต่เธอนั้นไม่อาจฝืนใจปล่อย ให้เขาจากไปแบบนี้ได้ ความรักนั้นจำต้องมีการเสียสละ ป ยุตไม่มีอะไรจะสามารถเสียสละให้เธอได้อีกแล้ว เธอจึงต้องยอมเป็นฝ่ายเสียสละลงบ้าง
ปยุตก็ร้องไห้เช่นกัน นํ้าตาแห่งความสะเทือนใจ ซึ้งใจที่ ผลินไม่ทอดทิ้งเขาในเวลาที่หมดหวัง
สองคนโผกอดเข้าหากันแน่น ต่างฝ่ายต่างไม่ได้พูดอะไร น้ำตาไหลออกมาอย่างเงียบๆ พวกเขารับรู้ได้ถึงความรู้สึก ในใจของทั้งสองฝ่าย อยากที่จะดูแลปกป้องซึ่งกันและกัน ประคับประคองชีวิตคู่ที่ถูกข้าศึกโจมตี
ผลินกลับบ้านไปพร้อมกับปยุต เมื่อปยุตต้องการจะแก้ ปัญหาของจันทร กลับหาเธอไม่เจอ ราวกับว่าเธอได้หายไป จากโลกใบนี้แล้ว
ถึงเป็นเช่นนี้ เขาก็ไม่ล้มเลิกความพยายามที่จะหาเธอให้ พบ เขาส่งคนออกตามหาเธอทั่วทุกทิศในทุกวัน จนกระทั่ง วันหนึ่ง เขาได้รับอีเมลล์หนึ่งฉบับ
“พี่ยงคะ ไม่ต้องเปลืองแรงตามหาฉันหรอกคะ เพื่อรับ ประกันความปลอดภัยของชีวิตฉันและลูกในท้อง ตอนนี้ฉัน อยู่ในที่ที่ยังไงพี่ก็หาฉันไม่เจอหรอกคะ พี่คิดจะกำจัดส่วน เกินอย่างฉันเพื่อสมานแผลในใจกับผลิน นั่นไม่มีทางเป็น ไปได้อย่างแน่นอน ฉันจะไม่ยอมเสียสละตัวเองเพื่อให้ชีวิต คู่ของพี่สมบูรณ์หรอกคะ พวกเราจะเจอกันอีก 2 เดือนข้าง หน้า”
ปยุตกำหมัดทุบลงไปบนโต๊ะ เกือบกระแทกเข้ากับจอภาพ จันทรครั้งนี้ท้าทายไพ่ใบสุดท้ายของเขาอย่างไม่เกรงกลัวเขาสั่งให้เจียงโย่วหนานเพิ่มกำลังคนออกไปตามหาผู้หญิง คนนั้นมาให้ได้ ผลินถึงแม้ตอนนี้รับปากจะอยู่เคียงข้างเขา แต่เขารู้ดีว่าก็แค่ช่วงเดียวเท่านั้น ถ้าอยากให้เธออยู่เคียงคู่ เขาไปตลอดชีวิตละก็ เขาจําเป็นต้องพาจันทรตัวปัญหามา เคลียร์ซึ่งๆหน้าให้จบกับเธอ
ในวันเดียวกันนั้น ตอนที่ปยุตได้รับอีเมล์ของจันทร ผลิน ก็ได้รับอีเมล์เช่นเดียวกัน แต่เนื้อหาในจดหมายกลับแตก ต่างกัน———
“ตั้งแต่ครั้งแรกที่เห็นเธอ ฉันก็รู้ได้ทันทีว่าผู้หญิงคนนี้ไม่ ธรรมดา เมื่อความจริงปรากฏ เธอก็ไม่ธรรมดาจริงๆ แถม ยังมีจิตใจเข้มแข็งอีกด้วย สามีไปได้กับผู้หญิงคนอื่นจน มีลูกเธอยังสามารถให้อภัยได้ ไม่น่าเชื่อเลยจริงๆ แต่ว่า ฉันอยากจะเตือนเธอไว้หน่อยนะว่า ถ้าเธอยังอยากอยู่ใน สถานะปัจจุบันอย่างมั่นคงละก็ อย่าพยายามเป่าหูปยุตให้รู้ เรื่องจดหมายฉบับนี้ระหว่างเราเป็นอันขาด แล้วเราค่อยรอ ผลตรวจกันอีก 2 เดือน”
ตอนเย็นปยุตกลับมาถึงบ้าน ผลินนั่งรออยู่บนเตียง ถาม เขาเสียงเบาว่า : “คุณยังตามหาจันทรอยู่อีกหรือ?”
ปยุตทําหน้างงๆ : “อืม คุณรู้ได้ยังไง?”
“ถ้าหาเจอแล้ว คุณจะทำยังไงต่อคะ?”
“ให้เขาพาลูกหนีไป อย่ามาเหยียบที่เมืองBอีกตลอดไป”
“ถ้าเธอไม่รับปากละคะ? ปิดปากหรือ?”
ผลินเงยหน้าที่ไร้ความรู้สึกขึ้นมอง รอคำตอบของเขา
“ผมจะทำเรื่องแบบนั้นได้อย่างไรกัน ไม่ว่าเด็กคนนั้นจะ เป็นลูกของผมหรือไม่ ก็เป็นชีวิตของผู้บริสุทธิ์”
“ถ้างั้นก็ดีแล้ว ไม่ต้องไปตามหาเธอหรอก ตอนนี้ฉันเลือก ที่จะอยู่เคียงข้างคุณ ไม่ว่าท้ายที่สุดผลลัพธ์จะออกมาเป็น อย่างไร ฉันก็จะบอกกับตัวเองให้ยอมรับ อย่าเป็นกังวลถึง ความรู้สึกของฉัน จนทำให้คนท้องต้องอยู่อย่างหวาดระแวง เลยค่ะ”
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ