ตอนที่ 122 ความรักคือความจริงใจ(3)
“ฉันเหรอ ฉันสบายดีมาก
คิดถึงจันทร สายตาของผลินอมทุกข์
ตอนนี้จันทรเหมือนหนามแท่งหนึ่ง ที่แทงใจเธอ แม้ว่า ไม่ได้แตะสัมผัส แต่พอนึกถึงก็ทำให้เธอเจ็บปวดทรมาน
“ใช่หรือ แต่ที่ผมได้ยินมาคุณไม่ค่อยมีความสุขมากนัก
“คุณได้ยินใครพูดอีกล่ะ ชื่นใจหรือ”
นอกจากชื่นใจแล้ว ผลินก็คิดไม่ออกว่าจะมีใครบอกคน ของไวภพได้อีก
“อืม”
“คุณอย่าฟังเธอ เธอพูดเหลวไหล”
“ผมมีตามองเห็นได้ด้วยตัวเองไวภพปิดเมนูพูดว่า “ผม แอบสำรวจแววตาของคุณมาตลอดสามปี สายตา ของ คุณ บอกผมรู้ว่ามีความสุขหรือทุกข์
“วันนี้พวกเราออกมาเพื่อทานข้าว อย่าเอ่ยถึงเรื่องส่วนตัว นี้เลยได้ไหม”
ผลินไม่อยากบอกกับผู้ชายที่ชอบเธอว่าตอนนี้เธอมีความสุขหรือทุกข์
“เรื่องบางเรื่องไม่ใช่หลบหนีก็หลบหนีได้พ้น ไม่ใช่เพราะ ผมอิจฉาปยุตถึงพูดออกมาแบบนี้ เขาเดิมทีไม่คู่ควรกับ คุณ ก่อนหน้าคุณ เขาเคยรักลึกซึ้งกับผู้หญิงคนหนึ่ง แม้ว่าตอน นี้เขาจะอยู่ข้างกายคุณ คุณกล้ารับรองไหมว่าในใจ เขาไม่ เคยคิดถึงผู้หญิงคนนั้นเลยสักนิด
ผลินหน้าซีดทันที พูดว่า“คุณรู้ได้ยังไง”
“ชอบใครสักคนอย่างจริงใจ เป็นธรรมดาที่ต้องสนใจเรื่อง ของเธอ ผมไม่ได้พูดไม่ได้สรุปว่าผมไม่ชัดเจน ผมพูด ไป แล้วก็ไม่ได้หมายความว่าผมจะจู่โจมตอนที่อ่อนแอ ผมแค่ อยากบอกคุณว่า ผมชอบคุณจริงๆ ผมคู่ควรกับคุณ มากกว่า เขา เพราะว่าในใจผมไม่มีผู้หญิงคนอื่น มีเพียงคุณคนเดียว เท่านั้น”
“ไม่ต้องพูดอีกแล้วค่ะ”
ผลินตัดบทสนทนาอย่างเย็นชา พูดว่า “ความรักไม่ใช่ เรื่องของความเหมาะสม แต่เป็นเรื่องความรู้สึกของหัวใจ ฉันกับผอ.คุณไม่มีความรู้สึกที่หัวใจเต้นรัวแบบนั้น แม้ว่าคุณ จะคู่ควรกับฉันเพียงใด ก็ไม่ได้ช่วยอะไร
“ชินล่ะกับการปฏิเสธที่ไร้หัวใจของคุณ ผมเคยชินมานาน แล้ว”
ไวภพชี้ไปที่กับข้าวที่บริกรมาเสริฟบนโต๊ะ พูดว่า “พอล่ะทานข้าวกันเถอะ”
ผลินถอนหายใจเล็กน้อย เอาช้อนซุปตักซุปเบญจมาลี ตรงหน้ารับประทาน ระหว่างรับประทานทั้งสองไม่รู้จะพูด อะไรกัน หลังจากทานเสร็จ ไวภพลุกขึ้นพูดว่า”กลับกันเถอะ เดี๋ยวผมไปส่งคุณ
ทั้งสองคนคนหนึ่งเดินอยู่ข้างหน้า อีกคนเดินตามอยู่ ข้างหลังออกจากภัตตาคาร ทันใดนั้นผลินหยุดก้าวเดิน เจ็บ ปวดทรมานจนย่อตัวลงกับพื้น
ไวภพไม่ได้ยินเสียงฝีเท้าของคนข้างหลัง เขาหันกลับ มาอย่างประหลาดใจ มองเห็นผลินเหมือนเจ็บปวดทรมาน มาก รีบถามกลับไปว่าเป็นยังไงบ้าง
“ฉันเหมือนจะแพ้อาหาร
ผลินกำลังจุกเสียดท้องพูด
“แพ้ แพ้อะไร”
“ฉันแพ้วาซาบิ ในอาหารของพวกเขาอาจจะใส่วาซาบิ
ไวภพรีบตะโกนหาคนรับผิดชอบของภัตตาคาร ถาม อย่างโมโหว่า ในอาหารของพวกคุณมีใส่วาซาบิไหม”
คนที่รับผิดชอบตะโกนเรียกคนในห้องครัวมายืนยัน ที่แท้ในซุปเบญจมาลีใส่วาซาบิลงไป ผลินจ้องผู้รับผิดชอบ ภัตตาคารคนนั้นแล้วพูดว่า ครั้งก่อนฉันมาทานข้าวที ร้านพวกคุณที่นี่ วาซาบิไม่ใช่ให้ปรุงรสเองตามรสชาติของ แต่ละคนหรือ ทําไมตอนนี้เป็นคนในห้องครัวใส่เอง”
“ปกติพวกเราก็ทําแบบนี้ วันนี้คนในครัวอาจจะสะเพร่า ต้องขอประทานโทษด้วย ขอโทษด้วย วันนี้ไม่คิดเงินค่า อาหารที่คุณสองคนทาน นอกจากนี้พวกเราจะรับผิดชอบค่า รักษาพยาบาลของพวกคุณ”
ผลินปวดแสบร้อนไปหมดทั้งตัว ขี้เกียจที่จะเอาเรื่องกับ พวกเขา บอกไวภพว่า“พาฉันไปโรงพยาบาล
ไวภพพยุงสองขาที่หมดแรงของเธอ รีบเร่งก้าวออกจาก ร้านด้วยกัน ผลินรู้สึกวิงเวียนศีรษะ จึงพิงที่ตัวไวภพ ขณะ ที่สองคนกำลังก้าวออกจากประตูร้าน เจอปยุตอยู่ตรงหน้า พอดี
ผลินจ้องมองเขาอย่างตกใจ ไม่รู้จะอธิบายยังไง ไวภพ ก็แปลกใจมากเช่นกัน สามคนเผชิญหน้ากันสักครู่”เธอ แพ้ อาหาร ต้องไปโรงพยาบาลทันที”
ปยุตสีหน้าเย็นชา แต่ไม่วู่วามที่จะถามว่าทำไมทั้งสอง คนถึงอยู่ด้วยกัน แต่พูดอย่างสงบนิ่งว่า “ให้ฉันพาไป เถอะ”
เขารับผลินจากมือของไวภพแล้วอุ้มเธอนั่งในรถ แล้วก็ สตาร์ทเครื่องยนต์ ปรื้น แล่นออกไป
“คุณมาที่นี่ได้ยังไง”
ผลินถามอย่างอ่อนแอ เปลือกตาทั้งสองกำลังต่อสู้กัน อยากลืมตาแต่ก็ลืมตาไม่ขึ้น
“มีคนโทรมาที่ห้องเลขา บอกว่าคุณไม่ค่อยสบาย ให้ผม มารับคณ”
ปยุตมองตรงไปที่ฝ่ายตรงข้าม ตอบอย่างใบหน้าได้ ความรู้สึก
พอพูดจบ เห็นผลินนิ่งไป เปลี่ยนเป็นกวาดสายตามอง เธอ ปรากฏว่าเธอง่วงหลับไปแล้ว
ไวภพยืนที่หน้าประตูร้านด้วยสีหน้าแปลกใจ เขาดู เหมือนกำลังคิดเรื่องอะไร เดิมที่กำลังจะก้าวเดินออกไป แล้ว เปลี่ยนใจทันทีกลับไปอีก เข้าไปในร้านหาผู้รับผิด ชอบแล้วถามอย่างจริงจังว่า ห้องครัวไม่ระวังเผลอใส่วาซา บิจริงหรือ หรือว่ามีใครบงการให้ทำ
ผู้รับผิดชอบคนนั้นทันทีที่ได้ยินเขาถามแบบนี้ แววตาส่อ พิรุทพูดว่า “เมื่อครู่พวกเราได้อธิบายไปแล้ว ไม่ระวัง เผลอ ใส่จริงๆ เพราะว่ามีคนจำนวนมากที่แพ้เครื่องปรุงชนิดนี้ ดัง นั้น พวกเราปกติระมัดระวังมาก
“ไม่ยอมรับใช่ไหม งั้นดี ผมจะให้กรมตรวจสอบอาหารมา สำรวจหน่อย ผมตอนนี้สงสัยอย่างยิ่งว่า พวกคุณตั้งใจ ทำ อันตรายต่อสุขภาพผู้อื่นอย่างน่าสงสัย
ไวภพที่กำลังพูดจะโทรศัพท์ ผู้รับผิดชอบคนนั้นรีบขัดขวางก่อน มองไปรอบด้าน บีบเสียงนาสิกพูดว่า”ขอพูด อะไรหน่อย”
หลังจากออกจากร้าน ไวภพมาแม่ที่วิลล่าเพิ่มสิน กดกริ่ง ที่ประตู แม่มาเปิดประตู พูดว่า“โอ้ พวกเธอทานกัน เสร็จแล้ว ใช่ไหม”
ไวภพไม่ได้ตอบทันที แต่จ้องมองแม่เงียบๆสักครู่ ถึง เอ่ยปากถามว่า“คุณตั้งใจใช่ไหม”
“ตั้งใจอะไร”
“ให้ปยุตเข้าใจผิดผมกับผลินกำลังพลอดรักกัน”
ทัตดาสีหน้าขรึมลง พูดว่า “นี่พูดอะไรออกมา
“แม่ไม่ต้องปฏิเสธ ผมถามละเอียดแล้ว แม่บงการให้ร้าน นั้นใส่วาซาบิลงไปในซุปเบญจมาลี เพราะแม่รู้ว่าผลิน แพ้วา ซาบิ แต่ ซุปเบญจมาลีนี้ผมไม่ได้สั่ง พวกเขาใส่เครื่องปรุง ผิดแล้วยังส่งซุปผิดด้วยหรือ”
ทัตดาเงียบไปสักพัก“ใช่ แม่เป็นคนบงการ ลูกไม่ใช่ชอบ ผลินหรือ แม่ตอนนี้ก็กำลังช่วยให้ลูกได้คนที่ลูก ต้องการ”
“ต้องให้ผมบอกแม่กี่ครั้ง ผมชอบเธอ ผมจะใช้วิธีของผม จีบเธอ ไม่ต้องการให้แม่ใช้เล่ห์กลอุบายอยู่เบื้องหลัง แม่ คิดว่าปยุตปัญญาอ่อนหรือ เพราะแค่เรื่องเล็กแค่นี้ก็ทำให้ แยกทางกับผลิน”
ไวกพค่อยๆพูดจนจบ เตือนแม่ว่า”หวังว่าต่อไปจะไม่ทำ เรื่องแบบนี้ให้ผมไม่พอใจอีก มิฉะนั้นผมจะผิดหวังในตัว แม่ มากครับ”
ตอนที่ผลินพักอยู่โรงพยาบาลตื่นมา ปยุตกำลังนั่งหน้า เตียงผู้ป่วยเฝ้าเธอ ทันทีที่เห็นเธอตื่นแล้ว เขาถามด้วย เสียงอู้อี้ว่า“รู้สึกดีขึ้นแล้วยัง
เธอขยับตัวลุกขึ้นมานั่ง“ดีขึ้นแล้ว ไม่เป็นไรแล้ว”
“งั้นพักผ่อนต่ออีกหน่อย สี่ทุ่มกลับบ้าน”
“ไม่ต้องแล้ว พวกเราไปกันเลยตอนนี้”
ผลินยืนยันที่จะไปทันที เพราะว่าเธอไม่ชอบโรง พยาบาลสถานที่นี้ ไม่ชอบกลิ่นฉุนฉุนของน้ำยาฆ่าเชื้อโรค นั้น อย่างมาก
ปยุตเห็นเธอยืนยัน ก็ไม่พูดอะไรอีก จูงมือเธอออกจาก โรงพยาบาลแล้ว
มาถึงลานจอดรถด้านนอก เขาเปิดประตูรถให้เธอ ผลิน ชำเหลืองตามองเขาลึกๆ อยากจะพูดอะไรแล้วก็หยุดจะ พูด อะไร แต่ก็พูดไม่ออกอีก จำเป็นต้องนั่งเข้าไปก่อน
หลังจากคอยปยุตขึ้นรถแล้ว เธอในที่สุดก็เอ่ยปาก ว่า“ขอโทษ จริงๆแล้ว
เธออยากจะอธิบาย อันที่จริงตอนแรกเธอนัดกับแม่ของ ไวภพทานข้าวด้วยกัน แต่แม่ของเขามีนัดกะทันหัน ดังนั้น
ไวภพถึงมาตามนัดแทนแม่ของเขา
“ไม่เป็นไร ไม่ต้องอธิบาย”
“คุณไม่ได้เข้าใจผิดใช่ไหม ตอนที่ฉันกับไวภพอยู่ด้วยกัน”
ผลินคาดไม่ถึงอย่างมาก ทุกครั้งที่ปยุตมองเห็นเธอกับ ไวภพอยู่ด้วยกันต้องโกรธสายฟ้าฟาด เพิ่งจะเห็นภาพแบบ นั้น เขาไม่ควรอยู่เฉยแบบนี้
“ระหว่างพวกคุณมีอะไรกันหรือเปล่า”
“ไม่มีอะไรกัน”
“นั่นก็ดีแล้ว”ปยุตยื่นมือติดคอเสื้อคลุมให้เธอ พูดว่า “ความ รักคือความจริงใจ เข้าใจและไว้ใจซึ่งกันและกัน ดังนั้นไม่ จำเป็นต้องกล่าวคำขอโทษ”
“ยุต คุณ”
ผลินอยากจะร้องไห้ออกมาทันที
“คุณเต็มใจเชื่อใจผมอย่างไม่มีเงื่อนไข ผมก็เต็มใจเชื่อ ใจคุณด้วยเหมือนกัน ความรักเป็นของกันและกัน เข้าใจ กัน ช่วยเหลือกัน นี่ถึงเป็นบททดสอบการแต่งงาน
“แต่ในอดีตคุณ”
“แต่ก่อนเพราะว่าจดยืนไม่ตรงกัน ไม่มีใจเดียวกัน หลัง จากผมกับจันทรพบกัน ผมเริ่มเข้าใจสิ่งที่เมื่อก่อนไม่ เข้าใจ”
ผลินเริ่มคลายความกังวลลง เธอขอบตาแดงยิ้มพูด ว่า หากรู้แต่แรกว่าคุณไม่ได้เข้าใจผิด ฉันก็ไม่กังวลแล้ว ทําให้ฉันกังวลแทบแย่”
“อ่า แม้ว่าไม่ได้เข้าใจผิด แต่มองเห็นเจ้าหมอนั่นยิ่ง เกลียดชังมาก”
ปยุตสตาร์ทเครื่องยนต์ มุ่งหน้าไปที่คฤหาสน์ริมทะเล ระหว่างทาง ผลินอยากชวนปยุตย้ายกลับไปอยู่ที่บ้านแต่ คิดว่าโอกาสยังไม่เหมาะสมเพียงพอ
จวนจะถึงคฤหาสน์ มือถือของเธอก็ดังขึ้น พอเห็นเบอร์ ของไวภพ เธอลังเลจะรับสายหรือไม่รับสาย
“ใครโทรมา ทําไมถึงไม่รับสาย
ปยุตถามเฉยๆ
“ไวภพ”
ขนตาเรียวยาวของเขากระพริบๆ พวกคุณไม่มีอะไรกัน อีก ก็แค่รับสาย”
ผลินถึงจะรับสายพูด“ฮัลโหล”
“หายดีแล้วยัง ”น้ำเสียงไวภพเต็มไปด้วยความห่วงใย ผลินตอบช้าๆว่า“ดีขึ้นแล้ว”
“เขา ไม่ได้เข้าใจผิดนะ
มองปยุต แล้วพูดว่า”อืม ไม่มี”
“ไม่มีก็ดีแล้ว จําคำพูดที่ผมบอกคุณคืนนี้”
“เรื่องไหน”
ไวภพเกือบจะอ้วกเป็นเลือด ผ่านไปไม่นานนี้ก็ลืมแล้ว
หรือ”
“โทษทีนะคะ คุณพูดเยอะมาก ฉันไม่รู้ว่าคุณหมายถึง ประโยคไหนจริงๆ”
“ผมชอบคุณอย่างจริงใจ จริงใจมาก”
ผลินพูดไม่ออก มีปยุตอยู่ข้างๆ เธอพูดอะไรได้
“อ้อ รู้แล้ว”
“ไม่ใช่ต้องการให้คุณรู้ แต่ต้องการให้คุณจดจำไว้
“อ้อ จำได้แล้ว งั้นฉันวางสายแล้วนะ”
“ดี ราตรีสวัสดิ์”
ผลินกำลังวางสาย ปยุตเอามือถือไป แล้วพ่นลมหายใจ พูดกับมือถือว่า”ไม่ต้องมักคิดถึงภรรยาของคนอื่น อยาก คิดถึงก็แต่งงานหาภรรยาของตัวเอง”
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ