ภรรยาคนที่เจ็ดของประธาน

ตอนที่255ตอนพิเศษ ชื่นใจ VSไวภพ



ตอนที่255ตอนพิเศษ ชื่นใจ VSไวภพ

ลูกชายของชื่นใจและสามีเพิ่งจะอายุได้หนึ่งสัปดาห์ เช้าหลังจากวันเกิดขณะทานอาหารเช้า ไวภพกำลัง ทานโจ๊ก อยู่ๆหล่อนก็พูดขึ้นมา “สามี ฉันท้องแล้ว”

ไวภพสำลักโจ๊กออกมา เขาตกใจ “คุณ คุณล้อเล่นใช่ มั้ย”

ชื่นใจถลึงตาใส่ด้วยความโกรธ “ฉันกินอิ่มแล้วไงถึง ล้อเล่น”

“ผมป้องกันตลอดไม่ใช่หรอ จะท้องได้ยังไงกัน

“ป้องกันก็ไม่ได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ นอกจากนั้น ยังมีครั้ง หนึ่งที่คุณไม่ได้ป้องกัน

“ครั้งไหน”

“ก็คืนหนึ่งเมื่ออาทิตย์ก่อนที่คุณเมา กลับมาก็ถอด เสื้อผ้าฉัน แล้วฉันก็ยอมให้ทำไง”

“ผมเมาหรอ”

“ใช่”

“ถ้าผมเมาคุณก็ควรจะเตือนสติผมสิ ถ้าผมไม่ได้ป้องกันคุณก็ควรจะกินยาสิ อย่าบอกผมนะว่าไม่ ยา!” ทาน

“เปล่า”

“ทําไม”

ชื่นใจตอบไม่ตรงใจ “ลืม”

ไวภพบีบคิ้วแน่นพูดเสียงเข้ม “ลืมได้อย่างไร นี่เรื่อง ใหญ่นะ”

“เรื่องใหญ่อะไร ก็แค่ท้องไม่ใช่หรอ ถ้าไม่อยากได้ฉัน

ไปเอาออกก็แล้วกัน ทำเป็นเรื่องใหญ่ไปได้ “ทำอะไร คุณคิดว่าเด็กจะมาก็มาอย่างนั้นหรอ แล้ว

คิดจะไปก็ไปอย่างนั้นหรอ”

“อ้ออย่างนี้เอง”

ไวภพมองดูเธอแล้วถอนหายใจ “ช่างเถอะ ถ้าท้อง ก็ เก็บไว้แล้วกัน”

“ฉันไม่เก็บ”

“ทำไมไม่เก็บ”

“ฉันไม่ได้อยากได้ เห็นใบหน้าผิดหวังของคุณแล้ว ฉันไม่อยากเก็บไว้”
ชื่นใจหยุดหงิดเล็กน้อย ไวภพเกาะบ่าเธอไว้ “ยังไง ลูกของผม ผมจะไม่ต้องการได้ยังไง ผมแค่สงสารคุณ”

“สงสารฉันเรื่องอะไร อย่าพูดจาเหลวไหล

“ผมไม่ได้หลอกคุณ ผมพูดจริงๆ” ท่าทางของไวภพขึงขังขึ้นมาราวกับเป็นเรื่องร้ายแรง

ตลอดเวลาที่ผ่านมาผมรู้สึกว่าลำบากคุณมาก บ้านคน อื่นเมื่อคลอดลูกออกมาก็มีย่ายายคอยช่วย แต่คุณไม่มี ลูกเราเป็นคุณเลี้ยงเพียงคนเดียว คุณต้องลำบากมาก ถ้าหากมีลูกอีกคน คุณก็ยิ่งต้องลำบากขึ้นไปอีก ผม ผู้ชายตัวคนเดียว ผมทนเห็นไม่ได้คุณเข้าใจไหม”

ชื่นใจตกตะลึง อมยิ้มขึ้นมา “บอกว่าฉันโง่คุณนั่นแห ละงี่เง่า ใครขอให้ย่ายายมาช่วยล่ะ แค่คุณดีกับฉันก็ พอแล้วค่ะ ฉันไม่เคยคิดอิจฉาคนอื่นที่มีย่ายายคอย ช่วย เลี้ยงลูกแล้วยังไง ถึงว่าจะลำบากแต่ก็มีความสุข แม่ของฉันให้กำเนิดลูกสามคน ฉันมีพี่ชายสองคน สามี คะไม่ต้องเป็นห่วง ฉันยินดีมีลูกให้คุณหลายคนเลย ขอ แค่คุณต้องการเท่านั้นล่ะ”

“ดี งั้นก็มีเลย”

ไวภพยิ้มและกอดเธอ จูบไปที่แก้มของเธอ “คราวนี้ ให้ลูกสาวผมนะ”
ชื่นใจตั้งครรภ์สี่เดือนแล้ว ผลินไปทำอัลตราซาวดเป็น เพื่อนเธอ ผลออกมาเป็นที่น่าพอใจ เป็นลูกสาวจริงๆ พอ ไวภพกลับมาตอนกลางคืน เธอก็บอกข่าวดีกับเขา ไว ภพดีใจยิ้มไม่หุบ นั่งลงหน้าคอมพิวเตอร์ “ผมต้องรีบหา ชื่อลูกสาวก่อน”

“สามีคะ อย่าตั้งชื่อที่ลึกซึ้งเกินไปนะคะ ความจริงฉัน ชอบชื่อที่ปยุตตั้งให้ตุ๊กตาน้อยสองคนที่บ้านเขา เข้าใจ ง่ายและรู้สึกเป็นกันเองดี”

“ตุ๊กตาสองตัวบ้านเขาชื่ออะไร”

“ฮีฮี กับ ฮาฮา”

“อ้อ ที่แท้ไม่ได้จริงจัง เป็นสไตล์ของเขานั่นเอง”

“ใครบอกว่าไม่จริงจังคะ เด็กๆควรจะตั้งชื่อสดใส หน่อย เจียงเฉินห่าว ไม่น่ารักเลย ฟังเหมือนชื่อผู้ใหญ่”

“ถ้างั้นชื่อลูกสาวให้คุณตั้งก็แล้วกัน”

ชื่นใจส่ายหัว “ฉันตั้งชื่อไม่เป็นค่ะ”

ไวภพยิ้มอย่างอ่อนโยน “เอาล่ะ ผมรู้แล้ว คราวนี้ผม จะตั้งให้น่ารักหน่อยดีมั้ย

“โอเค แล้วฉันจะคอยดูค่ะ”

“คุณไปดูทีวีที่ห้องนั่งเล่นก่อน ผมขอคิดชื่อดีๆก่อนสักครู่แล้วจะตามออกไป”

“อื้อ”

ชื่นใจดูละครทีวีจนจบ เธอเริ่มมีอาการง่วงนอนเล็ก น้อย คนท้องง่วงนอนบ่อย ขณะที่เธอนอนอยู่บนโซฟา และกำลังหมอบตัวลง นมร้อนแก้วหนึ่งก็ถูกส่งถึงตรง หน้าเธอ

“ลืมดื่มนมอีกแล้ว

เธอกระดกลิ้นอย่างซุกซน “ขอบคุณค่ะสามี”

“ตั้งชื่อเสร็จรึยังคะ”

เธอถามอย่างสงสัยขณะดื่มนม

“อื้อ”

“ชื่ออะไรคะ”

“ซาร่า”

“ลูกหนัง” ชื่นใจขมวดคิ้ว “นี่มันชื่ออะไรกันคะ ไม่น่า รักเลย อ่านย้อนหลังยังดีกว่า เรียกฟุตบอล ค่อยน่ารัก หน่อย

“ไม่ใช่ฟุตบอลแต่เป็นลูกปิงปอง”
“ไม่ว่าลูกอะไรก็ช่าง แต่ฉันว่ามันไม่เพราะ คุณ พยายามคิดแล้วรึยังเนี่ย คุณเป็นถึงครูใหญ่ ครูใหญ่ อะไรเนี่ย รีบกลับไปคิดใหม่เลย

ไวภพระเบิด “ชื่อนี้อาร์ทดีคุณไม่ชอบหรอ”

“ไม่ชอบ ไม่ชอบมากๆ

“แวววัยล่ะ”

“แวววัย”

“อื้อ สาวงาม ความหมายคือสามารถอยู่กับครอบครัว ได้อย่างอบอุ่น”

ชื่นใจแววตาสดใสเป็นประกาย “แวววัย สาวงาม ไม่ เลวไม่เลว ชนัยคุณพัฒนาแล้ว ครูใหญ่ท่านนี้ฉัน ขอรับรองให้อีกพันกว่าปี

สมภพมีรอยยิ้มบนใบหน้า

ชื่นใจตั้งครรภ์แล้วเป็นเวลาเก้าเดือน สมภพได้เรียน รู้จากในอดีต โดยการให้เธออยู่ที่โรงพยาบาลล่วงหน้า หนึ่งสัปดาห์ มองการณ์ไกล เมื่อตอนที่คลอดลูกชายนั้น ทั้งสองกำลังอยู่ที่บ้าน อยู่ๆก็ต้องลุกขึ้นกลางดึกเพราะ เจ็บท้องมาก รถดันมาเสีย กลางคืนก็เรียกรถไม่มี ใน ที่สุดก็ต้องโทรหาพ่อเขย พ่อเขยขับรถตำรวจมาพาไป ส่งโรงพยาบาล ฉากนั้นทุลักทุเลมาก
ลูกชายนั้นคลอดโดยธรรมชาติ แต่แพทย์แนะน การคลอดของลูกสาวให้ทำการผ่าตัด เวลาปีแรกนั้น สำคัญมาก เธอไมให้กินก็ให้นอนตลอดเวลา เลี้ยงดูลูก อย่างมืออาชีพ จนน้ำหนักเธอเกินร้อยห้าสิบปอนด์ จาก อัลตราซาลด์เห็นว่าทารกในท้องหนักแปดปอนด์กว่า เป็นเรื่องยากที่จะคลอดธรรมชาติ ทั้งสองสามีภรรยา จึงเห็นด้วยกับการผ่าคลอด

ก่อนเข้าห้องคลอดชื่นใจจับมือสามีของเธอ น้ำมูก น้ำตาไหล “คุณตั้งใจจะให้หมอเอามีดผ่าท้องฉันจริงๆ หรอคะ”

ไวภพปลอบใจ “แน่นอนผมทนไม่ได้ แต่ลูกสาวเรา เธอต้องออกมานี่นา”

“เมื่อลูกสาวเราออกมาแล้ว แล้วท้องฉันมีรอยแผลเป็น

เมื่อมีคนเห็นท้องฉันเขาก็จะรู้ว่าคลอดลูกมา….”

“คุณคิดว่าถ้าคนอื่นไม่เห็นท้องคุณเขาก็จะไม่รู้ว่าคุณ มีลูกอย่างนั้น”

ไวภพมองดูที่หน้าท้องของเธอ

“สามี คุณหมายความว่ายังไง ทำไมฉันไม่เข้าใจ…

พยาบาลเลื่อนรถชื่นใจเข้าไปในห้องคลอด เธอจับ มือไวภพไว้และถามไม่หยุด

“เอาล่ะ เสร็จแล้วเดี๋ยวผมบอกนะ สู้!”
หลังจากนั้นครึ่งชั่วโมง ชื่นใจให้กำเนิดทารกเพศหญิง สำเร็จ น้ำหนัก 4100 กรัม แข็งแรงมาก สวยมากตาม ชื่อของเธอ แวววัย มนุษย์ตัวน้อยผู้น่ารัก

หลังจากนั้นสามชั่วโมง ชื่นใจและเด็กออกจากห้อง คลอดพร้อมกัน เปลี่ยนไปที่ห้องเนอสเซอรี่ ไวภพอุ้ม สาวน้อยอย่างทะนุถนอม หลงรักอย่างหมดใจ ลืม ภรรยาของเข้าไว้อยู่ข้างๆ ชื่นใจกัดฟัน ทั้งอิจฉาและ หมั่นไส้

“ถามหน่อยครับนี่เป็นห้องของคุณชื่นใจใช่รึเปล่า ครับ”

คนส่งเอกสารมายืนอยู่ที่หน้าประตู ขอให้เซ็นต์รับ ของลงทะเบียน

ชื่นใจกระพริบตา “ฉันเอง ว่าไงคะ”

คนส่งของยื่นดอกกุหลาบแดงช่อใหญ่ให้ในทันที “นี่ เป็นดอกกุหลาบที่มีคนส่งให้คุณครับ ช่วยเซ็นต์รับด้วย ครับ”

“ใคร ใครกัน”

ชื่นใจรู้สึกปลื้ม ปกติสามีไม่ให้ดอกไม้ ในใจคิดว่าเป็น ใครกันแน่

“เรื่องนี้ผมก็ไม่รู้ ในนั้นมีการ์ดอยู่ คุณลองเปิดดูเองสิ
คนส่งของออกจากวอร์ดไป ชื่นใจหยิบการดขึ้นมา ทันใดใบหน้านั้นก็ยิ้มสวยกว่าดอกกุหลาบ บนการ์ด เขียนเอาไว้ว่า “เมียจ๋า ลำบากคุณแล้ว ผมรักคุณ ตราบ ชั่วชีวิต”

เธอฝังใบหน้าตัวเองลงในดอกไม้ หอมจริง หวานมาก มีกลิ่นหอมถึงหัวใจและหวานไปถึงปอด

“สามี คุณโรแมนติกมาก โรแมนติกซะจนฉันอายไป หมดแล้ว”

“ภรรยา ผมตั้งใจให้คุณอาย คุณจะได้ไม่คิดโน่นคิดนี่ ว่าผมมีลูกสาวแล้วจะไม่รักคุณ”

ในคืนพระจันทร์เต็มดวง ชื่นใจส่งเด็กสองคนให้พี่ เลี้ยงพาพวกเขาออกไป

ชื่นใจอุดอู้อยู่บ้านเป็นเวลาหนึ่งเดือน อยากออกไป สูดอากาศ อยากแค่ไหนคงไม่ต้องบอก เหมือนนกที่เพิ่ง หลุดออกจากกรง เธอควงแขนไวภพและถามว่า “สามี คุณจะพาฉันไหนคะ”

“ทานข้าว”

“ทำไมต้องออกมาทานข้าวล่ะ”

“วันสำคัญทั้งทีก็ต้องฉลองหน่อย”
เธอพยายามคิด วันสำคัญ วันนี้คือวันอะไร วันเกิดเธอ ไม่ใช่ วันเกิดเขา ก็ไม่ใช่ ครบรอบแต่งงาน ก็ไม่ใช่อีก วันนี้วันอะไรกันแน่…

ไวภพเห็นเธอทำหน้าสับสน เขาจึงยิ้ม “อย่าเพิ่งงง วัน นี้เป็นวันปลดปล่อยชื่นใจ”

“วันนี้คุณอยู่เดือนครบแล้ว มีอิสระแล้ว ไม่ควรฉลอง หรือไง”

เธอหัวเราะคิกคักตีเขา “น่าเบื่อ แค่บอกดีๆก็หมดเรื่อง ฉันคิดว่าวันสำคัญอะไร

ทานอาหารค่ำเสร็จ ทั้งสองก็ไปดูหนัง ดูเสร็จก็เดิน เล่นบนถนนกว้างเป็นเวลาชั่วโมงหนึ่ง ถนนสายนั้นยาว มาก ชื่นใจรู้สึกเหนื่อย ไวภพก็อุ้มเธอ หวานเหมือนคู่รัก ที่เพิ่งจีบกัน

ชื่นใจอยู่บนหลังของเขา มองไปที่ดวงจันทร์ที่แขวน อยู่บนท้องฟ้า รู้สึกว่าชีวิตนี้เป็นสิ่งที่เธอต้องการ เธอมี ความสุขมาก การแต่งงานครั้งนี้ใช้ทั้งชีวิตเป็นเดิมพัน ตอนนั้นไม่รู้ว่าผลลัพธ์จะเป็นเช่นไร แต่ผลที่ได้กลับน่า ยินดีมากราวกับถูกรางวัล

“สามี คุณจะอุ้มฉันนานแค่ไหนคะ”

“ทั้งชีวิต”
“คุณไม่เหนื่อยหรอคะ”

“ไม่เหนื่อย”

“คุณจะเบื่อมั้ยคะ”

“ไม่เบื่อ”

“งั้นฉันก็ไม่ค่ะ”

“คุณไม่อะไร”

“ไม่เบื่อ ไม่เหนื่อย และไม่เสียใจ”

“เมียดีจริงๆ มา หอมทีนึง”

“อื้อ หอมทีนึง สามี”

ทั้งคู่คุยกันสนุกสนานกว่าจะกลับบ้านก็ดึกมาก เด็ก ทั้งคู่หลับไปแล้ว ชื่นใจอาบน้ำอุ่น เธอตั้งใจจะออกกำลัง กายเป็นเวลาหนึ่งเดือน ร่างกายฟื้นตัวได้ดีมาก เธอออก มาจากห้องน้ำ ไวภพจ้องมองเธอ ดวงตาคู่นั้นเหมือน โดนแผดเผา อารมณ์มีสีสันอย่างบอกไม่ถูก

“สามี มองอะไรคะ ฉันเขินไปหมดแล้ว”

ไวภพค่อยๆขยับตัวไปหาเธอ พ่นลมหายใจอันอบอุ่น ไปที่ใบหน้าเธอ “คุณว่าผมมองอะไร แน่นอนผมมองคุณ อยู่ เมียจ๋า คุณตอนนี้น่ะ ดูยังไงก็สวย”
“เมื่อก่อนฉันไม่สวยหรอคะ”

“เมื่อก่อนก็สวย แต่ผมไม่เคยได้ตั้งใจมองดีๆ ไม่เคย เห็นเหมือนในวินาทีนี้ ที่รู้สึกว่าคุณสวยมาก”

“คุณไม่ต้องมาปากหวานกับฉันหรอกค่ะ ฉันไม่ใช่ หญิงสาววัยรุ่นแล้วนะคะ ที่จะมาหว่านเสน่ห์ใส่หวังที่จะ นอนด้วยน่ะ”

“ถ้าคุณเป็นหญิงสาววัยรุ่นผมก็คงไม่กล้าแตะต้องตัว คุณ แต่ว่าคุณเป็นภรรยาผมผมเลยกล้ามากขึ้น”

ไวภพกอดเธอ เธอร้องออกมาและรีบปิดปากตัวเอง เขายิ้มและจับไปที่บ่า “ปล่อยฉันลงเดี๋ยวนี้นะ เดี๋ยวพี่ เลี้ยงได้ยินอายเขา

“พี่เลี้ยงอยู่ตั้งไกลจะได้ยินได้ยังไง แล้วคุณก็ร้อง เสียงเล็กนิดเดียว”

“ร้องอะไร ปล่อยฉันลง คนลามก

“ไม่ปล่อย คุณว่าผมเป็นคนลามก ผมก็ต้องทำให้ สมจริงหน่อย”

ดวงจันทร์ที่ส่องสว่างอยู่นอกหน้าต่าง ซ่อนตัวอยู่ อย่างขี้อายภายใต้เงาเมฆ ในฤดูใบไม้ผลิที่อบอุ่น ทั้ง สองคนโอบไหล่และมือจับกัน เขาพูด“ภรรยาที่รัก ร้อง เพลงให้ผมฟังหน่อย”
ภรรยาพยักหน้าและร้องช้าๆ “น้ำลดเลี้ยวเขียวขจ เพาะเช่นเสียงคลื่นฟังแล้วชื่นใจ

ถึงฟ้าฝนล่มสบาย แต่ชุ่มฉ่ำดวงใจและชีวา…


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ