เล่ห์รักนายซาตาน

บทที่ 3 ทะเลาะ



บทที่ 3 ทะเลาะ

ฉันที่ได้ยินสิ่งที่พวกเขาพูดกันนั้น ก็ทำหน้านิ่งแล้ว

หลับตาลง

หลังจากที่เครื่องบินจอดลง คีรินกับมาร์วินและพิมนั่ง รถคันหน้า ส่วนฉันกับพนักงานคนอื่นๆนั่งคันหลัง

เมื่อไปถึงบ้านของตระกูลสุขสำราญ คุณลุงสุชาติกับ คุณหญิงศิรินดาพาแม่ของฉันและสาวรับใช้ในบ้านมายืน ต้อนรับลูกสะใภ้อยู่หน้าบ้าน

ฉันอยากจะหายไปจากที่นี่จริงๆ อยากจะตรงไปที่ ห้องของตัวเอง แต่สถานการ์ตอนนี้ฉันทำแบบนั้นไม่ได้

มิหนำซ้ำฉันร้องไห้ตอนอยู่บนเครื่อง ตอนนี้ตาของ

ฉันคงจะแดงมาก

แล้วแม่ของฉันก็ยังมาดึงตัวฉัน ไปสวัสดีคุณลุงสุชาติ

กับคุณหญิงศิรินดาอีก

ฉันได้แต่ยอมทำตามแต่โดยดี “คุณลุงสุชาติ คุณ

หญิงศิรินดา สวัสดีค่ะ”

ฉันไม่สามารถเรียกคุณหญิงว่าคุณย่าเหมือนคีรินกับ มาร์วินได้ เพราะท่านไม่อนุญาติ
ฉันเองก็ยินดี เพราะฉันก็ไม่ได้อยากจะเรียกเท่าไหร่

คุณลุงสุชาติยิ้มอย่างอบอุ่นให้กับฉัน “กลับมาแล้ว หรอหนูญาดา เข้าไปพักด้านในก่อนสิ ! ”

ฉันเดินตามแม่เข้าไปในห้องเล็กๆที่ฉันอยู่

แม่จับหน้าของฉันแล้วพูดขึ้นด้วยความเป็นห่วง “เป็นอะไรไปลูก ทำไมผอมแบบนี้ แล้วทำไมตาของลูกถึง แดง ลูกร้องไห้หรอ?”

ฉันรีบคิดหาข้ออ้างอื่น “ไม่ได้ร้องค่ะ ช่วงนี้หนู

ทำงานหนักไปหน่อยค่ะ ตาก็เลยอักแสบ เดี๋ยวไม่นานก็ งีบค่ะ”

หายค่ะ แม่รีบออกไปเถอะ ! หนูเหนื่อยอยากนอนพักสัก

“แม่คะ เดี๋ยวตอนกินข้าวไม่ต้องเรียกหนูนะคะ หนูไม่ อยากกิน แม่ก็บอกพวกเขาไปว่าหนูเมาเครื่อง”

ฉันไม่อยากเผชิญหน้ากับคนใสครอบครัวนี้จริงๆ

“ทำแบบนั้นได้ยังไงลูก คุณลุงสุชาติจะเสียใจเอานะ เชื่อฟังแม่นะคนดี”ลุงสุชาติแค่คนเดียว แม่ไม่เคยถามว่าฉัน คนที่เป็นลูกสาว ว่ารู้สึกยังไงบ้าง

สุดท้าย ฉันก็ไปร่วมโต๊ะอาหารค่ำกับพวกเขา

คุณลุงสุชาตินั่งอยู่หัวมุมของโต๊ะ ตอนนี้เขาดูมีความ สุขมาก เพราะลูกชายคนที่สองแต่งงานกับผู้หญิงที่มา ฐานะเท่าเทียมกับครอบครัว อีกทั้งยังตั้งท้องด้วย

เขาหันไปบอกกับคีริน “น้องชายของแกกำลังจะ แต่งงานมีลูกแล้ว แกต้องเร่งมือเข้า ตอนนี้แกก็อายุไม่ใช่

น้อยๆ สามสิบเอ็ดแล้วนะ”

คีรินยิ้มแล้วตอบ “ผู้หญิงที่เหมาะสมกับครอบครัวเรา และเราสองคนต้องรักกัน หาไม่ได้ง่ายๆนะครับ”

ฉันที่นั่งฟังอยู่อยากจะหัวเราะ แล้วกินข้าวในจานของ

ตนเองต่อไป

“มาร์วินตักกับข้าวที่พิมชอบให้เธอด้วยสิ อย่ามัวแต่

นั่งเหม่อ”

เสียงของคิรินดังขึ้น
“มาร์วินฉันอยากดื่มน้ำซุป คุณช่วยตักให้ฉันหน่อย ได้ไหมคะ” พิมพิชาทำเสียงหวาน

ฉันรู้สึกเหมือนมีดกำลังกรีดหัวใจของฉันอยู่

“วรรณ ญาดาเองก็ไม่เด็กแล้วใช่ไหม ! )

คุณลุงสุชาติถามแม่ของฉัน

ฉันรู้สึกว่ากำลังจะมีเรื่องไม่ดีเกิดขึ้น อย่าบอกนะว่า อยากจะหาสามีให้ฉันอีกคน

“ปีนี้ญาดาอายุยี่สิบสามแล้วค่ะ เธอไม่เด็กแล้วค่ะ วรรณเองก็อยากให้คุณกับคุณหญิงท่านแนะนำคนดีๆให้ เหมือนกันค่ะ”

แม่ของฉันบอกกับคุณลุงสุชาติเสียงหวาน

“ลูกชายของพ่อครัวที่บ้าน อายุพอๆกับลูกสาวของ เธอ ฉันว่าเด็กหนุ่มคนนั้นกับลูกสาวเธอเหมาะสมกันดี เป็น ผู้หญิงเป็นนาง พออายุมากแล้วมาอาศัยบ้านคนอื่นคงจะ ไม่ดี อีกอย่างที่บ้านยังมีผู้ชายทั้งสองคนทั้งคีรินกับมาร์วิน การที่มีผู้หญิงที่ไม่ใช่ญาติมาอยู่บ้านเดียวกัน คงไม่เหมาะ เท่าไหร่”
คุณหญิงหันไปบอกกับแม่ฉัน

ทั้งคุณหญิงและคิรินต่างก็เหมือนกัน พวกเขาเอาแต่ ดูถูกฉันกับแม่

สีหน้าของแม่ไม่ดีเท่าไหร่นัก ทั้งที่เธออยากถือ โอกาสนี้ให้คุณลุงสุชาติหาผู้ชายดีๆมาให้ลูกสาว แต่กลับ ไม่คิดว่าคุณหญิงท่านจะให้ฉันแต่งงานกับลูกชายพ่อครัว

“คุณย่าครับ น้าวรรณครับ ญาดายังเด็กอยู่เลย อีก อย่างตอนนี้ก็ยุคสมัยไหนกันแล้ว ถ้าญาดาเจอคนที่รักและ ชอบ เธอก็คงคบกับเขาแล้ว คุณย่ากับน้าวรรณไม่ต้องเป็น ห่วงหรอกครับ”

มาร์วินหันมามองฉัน แล้วพูดขึ้น

แต่ฉันกลับไม่รู้สึกดีแต่อย่างใด

ฉันรู้สึกว่าตนเองน่าสงสาร เขาต้องแต่งงานกับผู้ หญิงมีฐานะ ส่วนฉันกลับเหมาะสมกับลูกชายพ่อครัว

มาร์วินดีกับฉันมาก และนี่ทำให้คุณหญิงกับคีรินไม่

ชอบใจ

หลังจากกินอาหารค่ำเสร็จ ทุกคนในครอบครัวนั่งอยู่ในห้องรับแขก พวกเขานั่งล้อมกันแล้วพูดคุยกับเด็กใน ท้องของพิมพิชา

ส่วนฉันกับแม่ ไม่ว่าเราจะอยู่ที่นี่มานานแค่ไหน ก็เป็น

ได้แค่คนนอก

ฉันเดินขึ้นไปบนชั้นสาม กลับไปยังห้องนอนเล็กๆ ของตนเอง แต่สายตาเหลือบไปเห็นโทรศัพท์สีดำเครื่อง หนึ่ง ดูแล้วไม่น่าใช่ของแพงอะไร ฉันเลยคิดว่าเป็นของ คนรับใช้ในบ้าน ฉันเก็บมันขึ้นมาแล้วจะเอาไปให้พ่อบ้าน เพื่อถามว่าคนรับใช้คนไหนทำตกเอาไว้

หันหลังเดินลงบันไดก็เห็นน้าแก้ว เธอทำหน้าดุแล้ว มองมาที่ฉัน “โทรศัพท์ของคุณชายใหญ่มาอยู่ในมือเธอ

ได้ยังไง”

คิดไม่ถึงว่าโทรศัพท์เครื่องสีดำที่ไม่มีโลโก้นี้จะเป็น

ของคีริน

ดูแล้วคงไม่ใช่โทรศัพท์เถื่อน แต่เป็นโทรศัพท์ที่สั่ง ทำพิเศษขึ้นมา

“หนูเก็บได้หัวบันไดชั้นสอง ที่แท้ก็เป็นของคุณคีริน นี่เอง นี่ค่ะ เดี๋ยวน้าแก้วเอาให้คุณคีรินทีนะคะ !”
ฉันบอกแล้วยื่นโทรศัพท์ให้น้าแก้ว

น้าแก้วรับมันไว้ ประจวบเหมาะกับที่คีรินเดินมาพอดี เขาหันไปพูดเสียงเรียบกับน้าแก้ว “เอาซิมออกมาให้ผม ส่วนโทรศัพท์ก็โยนทิ้งไปเลย”

ฉันหัวเราะในใจ ต้องทำกันถึงแบบนี้เลยหรอ ฉันก็แค่ แตะต้องโทรศัพท์ของเขาก็เท่านั้น แต่เขาคิดที่จะทั้งมัน

เลย

สำหรับเขา ฉันคงสกปรกมากสินะ

ฉันนึกถึงคำพูดที่ได้ยินตอนลงจากเครื่อง เขาบอก กับเลขา “เปลี่ยนเก้าอี้ทุกตัวบนเครื่องซะ ถึงแม้เขาจะไม่ ได้พูดเสียงดัง แต่ฉันก็ได้ยินชัดเจน

ดังนั้นตอนที่นั่งร่วมโต๊ะอาหารกับครอบครัวเขาเมื่อ ตอนค่ำ ไม่ว่ากับข้าวอะไรที่เขาตัก ฉันก็จะไม่มีวันตักมากิน ไม่อย่างนั้นคุณชายคนนี้คงไม่ยอมกินอาหารที่ฉันเคยตัก แน่ๆ

ฉันที่กำลังจะเดินขึ้นบันได
เขาก็พูดขึ้น “เธอลืมไปแล้วหรอ ว่าควรใช้บันไดตัว

ไหน ! ”

บ้านหลังนี้ใหญ่มาก บันไดขึ้นไปชั้นบนจึงมีสองทาง ทั้งทางซ้ายและทางขวา

บันไดทางขวา เป็นฝั่งที่เจ้านายใช้ขึ้นลง ส่วนบันได ทางซ้าย เป็นฝั่งที่คนงานใช้

ความเกลียดที่เขามีต่อฉัน นี่มันไม่แสดงออกชัดเจน

ไปหน่อยหรอ

ฉันอยู่หอตั้งแต่มัธยมต้น และพยายามจะไม่กลับบ้าน ทุกครั้งที่กลับมาก็ไม่เจอเขา พอเวลาผ่านไปฉันจึงไม่คิด ว่าตนเองคือคนรับใช้ของครอบครัวนี้ และแน่นอนฉันก็ไม่ เคยคิดว่าฉันคือเจ้าของบ้านหลังนี้

วันนี้คำพูดของเขา มันย้ำเตือนให้ฉันรู้ว่า สำหรับ ครอบครัวนี้ พวกเขาดูถูกฉันเสียยิ่งกว่าคนรับใช้

ฉันเดินไปตรงหน้าของเขา นี่เป็นครั้งแรกในรอบสิบ ปี ที่ฉันกล้ามองหน้าเขาตรงๆแบบนี้ “ขอโทษด้วยนะคะ คุณชายใหญ่ ฉันลืมตัวค่ะ”

นี่คือประโยคแรกที่ฉันพูดกับเขาในรอบสิบปี


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ