เล่ห์รักนายซาตาน

บทที่ 2 การพบเจอ



บทที่ 2 การพบเจอ

หนึ่งเดือนผ่านไป

แม่ของฉันโทรมาขณะที่ฉันพึ่งนอนตื่น

แม่บอกกับฉันว่า เดือนหน้าวันที่สามพี่ชายของฉันจะ กลับมาจากต่างประเทศเพื่อจัดงานแต่ง เธอบอกให้ฉันลา งาน แล้วมาช่วยเตรียมงานที่บ้าน

เขาแต่งงานแล้วให้ฉันที่เป็นแฟนเก่าช่วยเตรียม

งาน?

มีอะไรที่มันจะแย่กว่านี้อีกไหม?

ฉันตอบแม่ด้วยเสียงที่ยังแหบเพราะพึ่งตื่นนอน “หนู

ไม่กลับไปค่ะ ช่วงนี้ยุ่งๆ”

เมื่อคนเป็นแม่ได้ยินก็พูดเสียงสูงทันที “แกจะไม่ กลับมาได้ยังไง ถ้าแกทำแบบนั้นคุณลุงสุชาติคงจะเสียใจ มาก อีกอย่างมาร์วินก็ดีกับแกมาก ถ้าแกไม่มาร่วมงานแต่ง ของเขา เขาคงเสียใจมาก”

ตอนที่แม่บอกว่าถ้าฉันไม่กลับไปจะทำให้มาร์วิน เสียใจ ฉันอยากจะตอกกลับไปจริงๆ ว่าถ้าฉันกลับไปร่วม งาน ทั้งฉันและพี่คงอึดอัดกันแน่
ตอนกลางคืนหลังจากเลิกงานแล้วนั้น เพื่อนๆชวน กันไปเที่ยวพักผ่อนเชียงรายสองสามวัน ฉันที่ตอนนี้ไม่มี อะไรทำ ก็เลยไปกับพวกเขา

ขณะที่กำลังเก็บกระเป๋าอยู่นั้น คุณลุงสุชาติก็โทรมา

เขาคือพ่อใหม่ของฉันเอง

“ญาดา พี่ใหญ่ไปดูงานที่เชียงใหม่ เราก็บินกลับมา

พร้อมกับพี่ใหญ่เลยสิ !

แต่เธอเกลียดผู้ชายคนนี้มาก สายตาของเขาที่มอง มาทุกครั้งเต็มไปด้วยการดูถูก ดูถูกทั้งฉันและแม่ของฉัน

ความสัมพันธ์ของฉันกับพ่อใหม่ก็ธรรมดา ฉันเคารพ

และให้เกียรติเขา

ครั้งนี้พ่อเลี้ยงเป็นคนโทรหาฉันด้วยตนเอง ฉันก็ไม่ สามารถปฏิเสธได้ “ได้ค่ะ”

เช้าวันที่สอง คนขับรถของคีรินก็มารับฉันไปที่ห้อง

รับรองพิเศษในสนามบิน เมื่อไปถึงทุกคนในห้องยืนขึ้นกัน หมด มีแต่คีรินที่นั่งเอาไว้

เขาสวมชุดสูทสั่งตัดสีดำ ในมือของเขาถือนิตยสารธุรกิจเอาไว้ ถึงแม้ว่าฉันจะเกลียดเขามาก แต่ก็ปฏิเสธไม่ ได้จริงๆ ว่าเขาเป็นผู้ชายที่หน้าตาดีและหุ่นก็ดีมากด้วย

ตอนนี้ฉันรู้สึกว่าตัวเองคือคนที่ซวยที่สุดแห่งปี ทั้งที่ เป็นวันหยุดยาวแต่กลับถูกแม่บังคับให้ไปงานแต่งผู้ชาย ที่ฉันรัก แค่นั้นยังไม่พอ ฉันยังต้องนั่งเครื่องกลับไปพร้อม กับคีริน และไม่ได้นั่งเครื่องบินธรรมดาทั่วไปแต่กลับนั่ง เครื่องบินส่วนตัวของเขากลับไป

ฉันกับเขาเราไม่เคยญาติดีกันมาก่อน เราเจอกัน ล่าสุดตอนวันปีใหม่ ถ้าเป็นเมื่อก่อน ฉันอาจจะยอมเรียก เขาว่าพี่ใหญ่ แต่ตอนนี้เรียกออกไปแบบนั้นไม่ได้จริงๆ เพราะฉันคงอ้วกแน่ๆถ้าต้องเรียกแบบนั้น อีกอย่างคีรินเอง ก็คงไม่อยากให้ฉันเรียกเขาแบบนั้นเหมือนกัน เพราะเขา เกลียดฉัน และฉันเองก็เกลียดเขามาก

ในเมื่อต่างก็เกลียดกัน ก็เลยไม่ต้องแสร้งมาทำดีต่อ

กัน

คีรินเงยหน้าขึ้นมองฉันโดยไม่พูดอะไร แววตาของ เขาเต็มไปด้วยความรังเกียจจากนั้นก็ก้มหน้าอ่านนิตยสาร ธุรกิจของตนเองต่อ

ฉันที่กำลังมองหาที่นั่ง แต่ไม่มีใครสนใจ และบังเอิญตอนที่ฉันหันกลับไปดันชนเข้ากับเลขาของคีรินซึ่งกำลัง ยกกาแฟมาเสริฟ กาแฟในมือเลขาจึงหก

เคราะห์ซ้ำกรรมซัดจริงๆ กาแฟนั่นดันหกใส่กางเกง

ของคีริน ฉันอยากจะประสาทกับเรื่องที่เกิดขึ้นจริงๆ

ฉันทำได้แค่บอกขอโทษเขาโดยไม่เต็มใจ

“ขอโทษ”

หันไปหยิบทิชชูเพื่อที่จะเช็ดให้เขา แต่เขากลับผลัก ฉันออก แล้วพูดสั้นๆด้วยน้ำเสียงเย็นชา “อย่าแตะต้องตัว

ฉัน ! )

” “อย่าแตะต้องตัวฉัน ! ” นี่คือคำเดียวที่เขาพูดกับ

ฉันตลอดสิบปีที่ผ่าน

ฉันจึงรีบชักมือกลับเดินไปนั่งด้านหลัง ปล่อยให้

เลขาของเขาจัดการ

ไม่นานเครื่องบินก็เคลื่อนตัวออกไป

สองคนแรกที่ฉันเห็น ทำให้ฉันหัวเสียมาก

มาร์วินผู้ชายที่ฉันรักมากที่สุด กำลังประคองภรรยาของเขาอยู่

ตอนที่เห็นภาพนั้น น้ำตาของฉันก็ไหลลงมาอย่าง ไม่รู้ตัว ฉันรีบเช็ดน้ำตาของตัวเอง เพราะไม่อยากให้เใคร เห็น

“คุณญาดา ! บังเอิญจังเลยนะคะ ! ” พิมพิชาตั้งใจ พูดเสียงดัง

ฉันไม่ได้เงยหน้าขึ้นตอบเธอ แต่ยังคงเล่นโทรศัพท์ ของตนเองต่อไป เพราะไม่อยากให้ใครเห็นว่าตอนนี้ตา ของฉันกำลังแดง

ส่วนคีรินนั้นดูหัวเสียที่ฉันเสียมารยาทกับน้องสะใภ้

ของเขา

ประโยคที่สองที่เขาพูดกับฉันกลับเป็นคำว่า “ไปนั่ง ด้านหลัง ! อยู่นี่เกะกะ ! ”

ฉันยังคงก้มหน้าดูโทรศัพท์ แล้วเดินไปด้านหลังสุด แต่น้ำตากลับไม่ยอมหยุดไหล

ท์ ! ทำไมฉันถึงอ่อนแอแบบนี้
ฉันไม่กล้าแม้แต่จะมองหน้ามาร์วิน เพราะกลัวว่าคน อื่นจะเห็นความอ่อนแอของฉัน

คีรินมองหน้าน้องชายคนเดียวของตนเองที่ตอนนี้ดู อารมณ์ดี เขาจึงยิ้มแล้วหันไปพูดกับมาร์วิน “นายนี่มันเก่ง จริงๆ ! กล้าแต่งงานมีลูกก่อนพี่ พี่ดีใจกับนายด้วยนะ”

แต่น้ำเสียงที่ตอบกลับของมาร์วินดูเศร้าๆ “พี่ใหญ่ ครับ งานแต่งของผมเอาเรียบๆธรรมดาๆก็พอแล้ว ผมไม่ ชอบอะไรที่วุ่นวาย !”

“งานแต่งของน้องชายคนเดียวจะธรรมดาได้ยังไง อีกอย่างถ้าเราจัดงานแต่งเล็กๆ คนที่บ้านของพิมคงไม่ พอใจ นายกับพิมเหมาะสมกันมาก และโชคดีที่คนที่แกรัก กับครอบครัวเราฐานะเหมาะสมกัน คุณย่ากับคุณพ่อเลย ไม่ว่าอะไร”

เสียงของคีรินไม่ดังมาก แต่ฉันรู้สึกว่าเขาจงใจพูดให้

ฉันได้ยิน

แต่เรื่องระหว่างฉันกับมาร์วิน ไม่มีใครรู้ ฉันคิดว่าคีริน ก็คงไม่รู้เหมือนกัน ที่ฉันรู้สึกแบบนี้คงเพราะคิดไปเอง
บทที่ 2 ก

แต่คำพูดของคีรินย้ำเตือนให้เธอรู้

มาร์วินพูดถูก ต่อให้พิมพิชาไม่ท้อง เรื่องระหว่างเรา ก็เป็นไปไม่ได้ ฉันเป็นแค่คนธรรมดาที่ฐานะยากจน แตก ต่างกับเขาที่เป็นลูกของคนในตระกูลใหญ่ และแม่ของฉัน ก็เป็นคนรักของพ่อเขา แม่ของฉันรักและอยู่กับพ่อเขามา สิบแปดปีแล้ว แต่พวกเขาก็ยังไม่เคยจดทะเบียนสมรสกัน

เวลานั้น ตอนที่คุณหญิงย่าอนุญาตให้ฉันกับเข้ามา อยู่ในบ้านได้ แต่มีเงื่อนไขอยู่อย่างหนึ่ง ซึ่งก็คือแม่กับคุณ ลุงสุชาติห้ามจดทะเบียนสมรสกัน และฉันกับแม่ก็เข้ามา ในฐานะคนรับใช้ของครอบครัวนี้

ฉันไม่ควรคิดอะไรกับมาร์วินตั้งแต่แรก ฉันรนหาที่

เอง

ฉันหยิบกระดาษทิชชู่ออกมาซับน้ำตา ร้องไห้แล้วจะ ทำให้อะไรดีขึ้น? มาร์วินก็ไม่มีวันกลับมาจริงไหม?

ตอนที่ฉันอยู่ในภวังค์ของตนเองนั้น พิมพิชชาก็เรียก

ชื่อฉัน

ฉันไม่ได้ตอบ เธอจึงเรียอีกครั้ง “ญาดา มานั่ง ข้างหน้าสิมาคุยกับทุกคน นั่งข้างหลังคนเดียวไม่เหงาหรอ !

ฉันเงยหน้าขึ้นมองเธอ แล้วตอบกลับไป “ไม่เป็นไร ค่ะ ฉันเหนื่อย อยากนั่งพักข้างหลัง”

สายตาที่คีรินมองมานั้นเต็มไปด้วยความสะใจ แต่มาร์ วินจนถึงตอนนี้เขาก็ยังไม่แม้แต่จะหันมามองหน้าฉัน

คีรินพูดขึ้น “น้องพิม เจ้านายกับคนรับใช้ต่างกัน ใคร นั่งที่ไหน เราต้องแบ่งแยกให้ชัดเจน”

พิมพิชาแกล้งทำใสซื่อ แล้วถามคีริน “ญาดา คือลูก

เลี้ยงของคุณพ่อไม่ใช่หรอคะ เป็นน้องสาวของพี่คีรินกับ มาร์วิน แล้วจะเป็นคนรับใช้ได้ยังไงคะ?”

คีรินมองมาที่ฉันแล้วส่งสายตาเหยียดมาให้

“เราไม่เคยรับเด็กผู้หญิงมาเลี้ยง น้องพิมคงเข้าใจ

ผิดแล้วครับ” คีรินตอบ

“จริงหรอคะ?”

“พอได้แล้ว หยุดพูดเถอะครับ” มาร์วินพูดขึ้น น้ำ เสียงของเขาดูโมโหเล็กน้อย


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ