เล่ห์รักนายซาตาน

บทที่ 39 คุณเกลียดผมไหม



เธอมองไปตรงไหล่อันกว้างและดูแข็งแรง ของเขา เป็นหุ่นของผู้ชาย ผู้หญิงทุกคนฝันว่า อยากจะได้เป็นคู่ครอง อีกอย่างเขายังมีตังค์มี อำนาจขนาดนี้

แต่กลับเป็นชายที่เธอเกลียด เงินและ อำนาจของเขา เธอไม่สนใจเลยสักอย่าง

แล้วเธอสนใจอะไรในตัวเขาล่ะ?

ชีวิตของเขา!

ตอนนี้เธอเหมือนคนไร้วิญญาณที่ดึง สายน้ำเกลือและยาออกจากหลังมือของเธอ แล้วยกเก้าอี้ที่อยู่ข้างหลังเขา และคิดจะพาดหัว เขา เขาก็คงจะตายได้

แต่ตอนที่เธอกำลังจะยกเก้าอี้ขึ้น กลับ หยุดลง เธอรู้ว่าไม่ควรทำแบบนี้

พาดเขาให้ตาย เธอจะต้องติดคุกอีก ถ้าวัน ไหนที่เธอไม่อยากมีชีวิตอยู่ต่ออีกต่อไป เธอก็ คงจะยกเก้าอี้พาดหัวเขา
“ทําไม กล้าๆหน่อยสิ?” เขาไม่ได้หันมา มองเธอ และมองหน้าต่างต่อ

น้ำเสียงดูนิ่งเฉย และไม่มีอารมณ์ความ

โกรธเลย

หน้าต่างสะท้อนเงาของคนสองคน คนหนึ่ง ดูสูงใหญ่และแข็งแรง อีกคนดูผอมเล็กและ เปราะบาง

เธอเอาเก้าอี้ข้างหลังเขา แล้วยื่นมือไปจับ แขนเขา “ยืนเมื่อยแล้ว นั่งเถอะ!”

เขาดับไฟตรงก้นบุหร แล้วหันมาอุ้มเธอ ขึ้น และกดกริ่งเรียกพยาบาล

พยายาลมาฉีดยาให้เธออีกครั้ง

ฉีดเสร็จ ในห้องก็มีแค่พวกเราสองคน

จู่ๆคีรินก็ดึงปลายผ้าห่ม แล้วตบหน้าที่เย็น เฉียบของเธอ “ฉีดอีกเข็มไม่เจ็บหรือไง?”
เธอคลื่ยมให้เขา “สําหรับฉันแล้ว แบบนี้จะ เรียกว่าเจ็บได้ยังไง ”

คําพูดของเธอมีความหมายโดยนัยแฝงอยู่

คีรินยิ้มและไม่พูดอะไร เขาคงจะติดบุหรี่ จริงๆ แต่ไม่ใช่ว่าตั้งใจทรมานเธอ เขาควักอีก มวนมาสูบ และอมไว้แต่ยังไม่ได้จุดไฟ จากนั้นก็ พูดกับเธออย่างฟังไม่ชัด

ระหว่างเราถือว่าน้อยครั้งมากที่จะสงบศึก

จู่ๆเขาก็ถามเรื่องสมัยเรียนของเธอ

“คุณเคยมีแฟนกี่คน” เขาถามแปลกมาก

เธอฝืนยิ้มแล้วตอบ “การคบหาดูใจกับใคร มันต้องใช้เวลานะคะคุณชาย”

ดูออกว่าเขาไม่เข้าใจคำพูดของเธอ
“คุณไม่มีเวลาไปจู่ กับใคร? ตอนเรียนคุณ เรียนหนักมาเลยหรือไง? ทำไมผมไม่รู้ จำได้ว่า ตอนผมเรียนก็สบายอยู่นะ” คีรินพูดขึ้น

“ชีวิตมหาลัยไม่ได้เรียนหนักเหมือนมอ ปลาย แต่ฉันไม่เหมือนคุณ ฉันต้องทำงาน ไม่ งั้นจะมีเงินใช้ได้ยังไง ค่าเทอมอีก?” ขึ้น ญาดาพูด

คีรินฟังแล้วจึงขมวดคิ้วขึ้น “พูดอะไรของ คุณ ค่าเทอมค่าใช้จ่ายที่ให้คุณยังถือว่าน้อยอีก หรอ!!!

“เรื่องที่คุณทำคุณยังไม่รู้อีกหรอ?” อย่าว่า แต่ตอนสมัยเรียนเลย ชีวิตที่ผ่านมาของเธอเป็น ยังไง บอกว่าไม่เจ็บใจไม่เสียใจก็คงจะเป็นเรื่อง โกหก

“ผมทำอะไร?” เขาทำหน้าตาใสซื่อ และ

เหมือนไม่มีพิษมีภัย
ญาดาเลยพูดขึ้น “คุณจําไม่ได้หรือไง ตอนที่ฉันเรียนมอปลาย ฉันบอกว่าฉันโตและ หาเลี้ยงตัวเองได้แล้ว และบอกกับพ่อคุณว่า บ้านคุณ ไม่มีหน้าที่ที่ต้องเลี้ยงดูฉันอีก เพราะ เลี้ยงมาสิบปีก็ถือว่าเป็นพระคุณอันใหญ่หลวง แล้ว จากนั้น ตอนที่ฉันอายุสิบกว่าปี ฉันก็หา เลี้ยงตัวเองตลอดมา

เขาเหมือนจะจำได้จึงทำหน้าแดงระเรื่อ “ใช่หรอ? มีเรื่องแบบนี้ด้วย? ผมจำไม่ค่อยได้ ทำไม คุณกำลังจะโทษบ้านผมหรือไง?”

เธอเลยรีบยิ้มอ่อนๆขึ้น ใครจะกล้า จะ โทษได้ยังไงล่ะ? ฉันไม่มีสิทธิ์หรอก ตระกูลสุข สำราญไม่ใช่ตระกูลของฉัน คุณเองก็ไม่ได้เป็น อะไรกับฉัน บ้านคุณกับคุณจะมีหน้าที่อะไรมา เลี้ยงดูฉันล่ะ ใช่ไหม?!

เขาจึงผงกหัวเห็นด้วยกับเธอ “ใช่ ไม่มี ภาระหน้าที่ แต่ยังไง ก่อนที่คุณยังเลี้ยงดูตัวเอง ไม่ได้ ตระกูลผมก็ให้คุณมีบ้านมีเงินที่เลี้ยงคุณ จนโต ยังไงคุณต้องรู้จักตอบแทนบุญคุณ”
แล้วตอบแทนบุญคุณ เขาหมายถึงอะไร

แต่เธอก็คงไม่ถาม เลยบอกเขา “แน่นอนสิ บ้านสุขสําราญมีพระคุณกับฉัน ฉันคงจะจำไว้ ตลอดชีวิต”

“แต่ผมกลับไม่เห็นความรู้สึกที่ซาบซึ้งใน บุญคุณผ่านนัยน์ตาของคุณ” คีรินพูดขึ้น

“ไม่งั้นคุณก็ลองควักหัวใจของฉันไปดูสิว่า ฉันมีจิตใจที่ขอบคุณผู้อื่นไหม?”

จากนั้นเขาก็หุบยิ้ม และพูดอย่างเฉยชา

“ไม่ต้องดูผมก็รู้ว่าใจของคุณมีดำ ”

เธอยื่นมือไปจับหน้าอกตรงตำแหน่งหัวใจ แล้วจ้องเขา “ถ้าใจฉันดำ แล้วใจคุณก็คงดำใช่ ไหม? ตอนนั้นฉันแค่ห้าขวบ ไม่รู้เรื่องอะไรทั้ง นั้นและไม่รู้ว่าตัวเองทำอะไรลงไป แต่คุณกลับ ใจ กับฉัน”

“จนตอนนี้คุณยังไม่เลิกรังควานฉันทรมานฉัน ทุกครั้งที่เห็นฉันเจ็บ คุณกลับไม่ แยแส แล้วต้องให้ฉันคลานมาขอร้องคุณตรง แทบเท้าคุณเหมือนหมาที่เชื่องและเชื่อฟัง เจ้าของ คุณทําแบบนี้ก็คงจะสะใจมากสินะ?”

คีรินจึงก้มหน้าลงแล้วมองมือของกดอยู่ ตรงแผงอกของเขา จากนั้นก็ยื่นมือมากด ตำแหน่งหัวใจไว้แน่นๆ ให้เธอได้สัมผัสถึงหัวใจ ที่กำลังเต้นรัวๆ

“ญาดา พูดมาตามตรงคุณ……..เกลียด

ผมใช่ไหม?”

“เหอะๆ……” เธอได้ยินจึงรู้สึกตลก

“คีริน ในสายตาของฉันคุณเป็นคนฉลาด นะ วันหลัง คำถามที่รู้คำตอบอยู่แล้วคุณไม่ จําเป็นต้องถาม มันทำให้ฉันรู้สึกตลก”

ความเกลียดชังที่เธอมีให้เขา คนโง่ยังดู ออก เธอคิดว่าเธอไม่จำเป็นต้องบอกเขาว่าเธอ ไม่เกลียดเขา
เพราะว่ามันจอมปลอมเกินไป เธอเกลียด หรือไม่เกลียดเขา เขาไม่ใช่คนโง่ที่ถึงกับไม่รู้ เรื่องอะไรเลย

เธอเกลียดเขาขนาดนี้ จะให้เธอบอกว่ารัก

เขางั้นหรอ?

คีรินจึงเอามือเธอออก และมองเธออย่าง หยิ่งผยอง “เกลียดแล้วทำไม ยังไงก็ไม่มีทาง ทําอะไรฉันอยู่แล้ว! ไม่ใช่หรือไง?”

เธอเลยถอนหายใจอย่างทนไม่ได้ และยัง คลี่ยิ้ม “ใช่สิ ฉันอ่อนแอไร้ทางสู้แบบนี้ ยังไงก็ ทําอะไรคุณไม่ได้หรอก!”

พอฉีดยาเสร็จ พวกเขาก็กลับวิลล่า เขา และเธอก็รู้สึกเหนื่อยมาก พวกเขาเลยเปลี่ยน เสื้อแล้วนอนขึ้นไปบนเตียง แต่พอนอนลงบน เตียงกลับไม่รู้สึกง่วง เธอเลยขยับเข้าไปในอ้อม กอดเขา “ฉันอยากจะไปอังกฤษสักครั้งหนึ่งใน ชีวิต ไม่สิ คุณพาฉันไปอังกฤษได้ไหม คนที่เป็น เมียเก็บ ได้บ้านได้รถ แถมยังได้เที่ยวบ่อย แต่ฉันกลับเป็นเมียเก็บที่ไม่ได้เรื่องจริงๆ”

เขาคงจะรู้สึกแปลกใจจู่ๆเธอก็เข้าไปอยู่ใน อ้อมกอดของเขาอย่างใกล้ชิดแบบนี้ เขาเลย ขมวดคิ้วมองเธอ “คุณไม่ได้เกลียดผมหรอ? นี่ เหมือนคนที่เกลียดควรทำไหม นี่คุณกำลังอ้อน ผมอยู่”

“คุณบอกไปแล้ว เกลียดคุณไปก็ไม่มีวิธี จัดการกับคุณ งั้นฉันลองชอบคุณดูดีกว่าไหม! ถึงแม้ว่าฉันไม่ได้ถือว่าเป็นคนสวย แต่ยังไง หน้าตาฉันก็พอใช้ได้ ฉันรู้ว่าคุณมีคู่หมั้นแล้ว แต่จริงๆฉันก็ไม่ได้สนใจถ้าฉันจะเป็นเมียน้อย”

คีรินไม่อยากจะเชื่อเธอ

“ญาดา คุณกำลังจะเล่นไม้ไหน ทำไมผม

ถึงรู้สึกว่าคุณมีลับลมคมใน?”

เธอเลยว่าเขาเข้าใจผิดเธอ “แค่อยากจะ ไปเที่ยวต่างประเทศ ฉันไม่มีเงิน เลยหวังว่าคุณ จะพาฉันออกไปเที่ยวหน่อย ได้ไหม?”
น้อยครั้งที่เธอจะออดอ้อนเขา เลยทําให้

เขารู้สึกตกใจ

รพีภัทรบอกเธอว่า คีรินทําการโอนเงิน หมุนเวียนของตัวเองบางส่วนไปที่อังกฤษอย่าง มากมายมหาศาล แต่จริงๆตัวเขาอยู่ในประเทศ บ้านก็อยู่แต่ในประเทศ แต่ทำไมต้องโอนเงินไป ต่างประเทศเยอะขนาดนี้ เงินพวกนั้นต้องเป็น เงินสกปรกแน่นอน

“ทำไม กับไอ้แค่เงินพาฉันไปเที่ยว คุณก็ ยังจะขี้งกอีกหรอ งั้นคุณก็ให้เงินฉันหน่อย จะ ได้ไปคนเดียวได้ไหม?” เขาเขย่าแขนเขาแล้ว อ้อนขึ้น เธอรู้สึกว่าตัวเองสู้กับเขาด้วยตาต่อตา ฟันต่อฟัน มันไม่ค่อยจะได้ประโยชน์สักเท่าไหร่

ลองใช้ไม้อ่อนดู จะได้ทำให้ตัวเองดีอยู่กิน

ดีหน่อย

ผู้ชายสายแข็ง งั้นผู้หญิงอย่างเธอก็ต้อง อ่อนข้อบ้าง จะได้บรรลุเป้าหมายที่เธออยาก ล้างแค้น195459006_336643741229864_5410577763389650559_n


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ