เล่ห์รักนายซาตาน

บทที่ 87 เอาออกหรือไม่เอาออก



บทที่ 87 เอาออกหรือไม่เอาออก

พวกครอบครัวคนรวยนั้น ต่างก็อยากได้เด็กผู้ชายมา สืบทอดตระกูล โดยเฉพาะครอบครัวของคีริน

ตอนนั้นที่พิมพิชาท้องนั้น พวกเขาต่างก็มีความสุข แต่สุดท้ายเธอกลับท้องกับคนอื่น

คีรินพูดจบแล้วเดินออกไป

คำพูดที่เขาบอกว่าให้เธอยกลูกในริษานั้น มันทำให้ เธอรู้สึกเจ็บไปหมดทั้งหัวใจ ทั้งที่เธอเป็นแม่ของลูกใน ท้อง แต่สุดท้ายคนที่จะได้เลี้ยงดูลูกของเธอกับเป็นริษา

ญาดาพึ่งรู้ว่า เธอกับคีรินเป็นหมู่เลือดอาร์เฮชเหมือน กัน ถ้าเขาท้องลูกของเขาขึ้นมานั้น จะเป็นอันตรายทั้ง แม่และลูก อีกอย่างคนเป็นแม่ก็จะเสียเลือดมาก ดังนั้น สำหรับคีรินแล้ว ญาดาจึงเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด

ญาดาอยากจะมีชีวิตที่ดีเหลือเกิน เธอเองก็ไม่รู้ว่า เพราะอะไร แต่เธอก็ไม่ได้พูดถึงเรื่องทำแท้งกับเขาอีก

เธออยากจะมีชีวิตที่เป็นอิสระ เธอขอแลกลูกชายของ เธอกับความสุขของชีวิตตนเอง

เธออยู่ที่โรงพยาบาลนานหนึ่งสัปดาห์ แล้วกลับมาที่

บ้านของคีริน
ที่นี่ถูกตกแต่งใหม่หมด บนพื้นจะมีพรมหนาหนา เอาไว้ ในห้องน้ำเองก็จะมีกันลื่นที่ดูปลอดภัยมากกว่าเดิม ห้องของคีรินที่ตอนแรกผ้าปูที่นอนเป็นสีดำนั้น ตอนนี้กลับ ถูกเปลี่ยนเป็นสีฟ้าคราม ทำให้ดูสบายตามากขึ้น

ส่วนคีรินนั้นแวะมาหาเธออยู่เป็นบางครั้ง เพราะเขา ต้องไปอยู่กับริษา !

ในหนึ่งสัปดาห์นั้นเขาจะมาเพียงหนึ่งถึงสองครั้ง และมาที่นี่เพื่อทำงาน เธอกับเขาจะพูดคุยเรื่องออกแบบ บ้างเป็นบางครั้ง

เธอกับเขาแยกห้องนอนกัน พอเวลาผ่านไป บท สนทนาก็เริ่มน้อยลง

ในตอนแรกริษาไม่ได้แพ้ท้องแต่อย่างใด แต่หลัง จากเดือนที่สี่ไปนั้น เธอก็แพ้ท้องหนักมาก ไม่ว่าจะกิน อะไรก็อาเจียนออกมา และในตอนกลางคืนเธอก็มักจะ นอนไม่หลับด้วย

พ่อบ้านจึงบอกเรื่องนี้กับคีริน นี่เป็นคืนแรกที่เธอได้ เจอกับเขาหลังจากที่ไม่ได้เจอกันนานเกือบเดือน

เขาผอมไปมากและแทนไปมากเหมือนกัน ญาดารู้ว่า โครงการบ้านกลางอากาศได้เริ่มดำเนินงานแล้ว เขาคงไปที่นั่นอยู่บ่อยๆ จึงทำให้เป็นแบบนี้

ตอนที่เขามาถึงนั้น ญาดากำลังกอดชักโครกแล้ว อาเจียน

ตอนนี้ญาดาแทบจะไม่มีแรง คีรินเดินมาจับที่หน้า ของเธอ “ทำไมผอมลงไปอีกแล้ว ไม่ยอมกินข้าวใช่ไหม”

สีหน้าของเขา เหมือนจะดุที่เธอไม่ยอมกินข้าว ทำให้ ลูกของเขานั้นต้องไม่ได้กินไปด้วย

ญาดาส่ายหน้า “เปล่าค่ะ ช่วงนี้แพ้ท้องหนัก ก็เลย ผอมไป”

คีรินอุ้มเธอขึ้นมา แล้วพาไปนอนบนเตียง จากนั้นก็ บอกให้พ่อบ้านเอาซุปไก่ตุ๋นมาให้เธอ

คีรินพยายามจะป้อนให้เธอกิน แต่เธอกลับปฏิเสธ

“ฉันไม่อยากกินค่ะ ได้กลิ่นแล้วอยากอ้วก ตอนนี้ฉันอยาก นอน ถ้าคุณงานยุ่งก็ไม่ต้องมาหรอกค่ะ ฉันจะดูแลเด็กใน ท้องให้ดี”

เธอรู้ว่าเขากำลังเป็นห่วง ห่วงว่าเธอจะทำให้ลูกของ เขาไม่แข็งแรง
สําหรับครอบครัวของเขานั้น ทายาทคือสิ่งที่สำคัญ

ที่สุด

พ่อบ้านที่ยืนอยู่ข้างๆจึงบอกกับคีริน “คุณคีรินครับ ถึงแม้ว่าคุณญาดาจะอาเจียน แต่เธอก็ทานไปเยอะเหมือน กันครับ ในเมื่อเธอไม่อยากกินซุปไก่ตุ๋น ก็กินตอนวลามื้อ เย็นได้ครับ”

พ่อบ้านบอกกับคีริน “งั้นยกกลับไป ! ”

ในห้องเหลือเพียงแค่เธอกับเขา เขาเอื้อมมือมาแตะ ที่ท้องของเธอ ซึ่งตอนนี้เริ่มโตขึ้นแล้ว น้ำเสียงของเขาดู เศร้า “ช่วงนี้งานของผมยุ่ง เลยไม่ได้สนใจคุณ ผมรู้ว่าการ ที่คุณท้องมันลำบากมาก ผมแค่อยากรีบทำงานให้เสร็จ ตอนที่คุณใกล้คลอดจะได้มีเวลาอยู่กับคุณและลูก”

ญาดารู้ดี ว่าทำไมคีรินถึงทำดีกับเธอ ซึ่งทั้งหมดก็ เพราะเด็กในท้อง

เธอยิ้มด้วยใบหน้าที่ซีดขาว “ไม่เป็นไรค่ะ คุณไป ทำงานของคุณเถอะ ที่นี่มีคนรับใช้คอยดูแลฉันมากมาย เด็กในท้องไม่เป็นอะไรหรอกค่ะ”

คีรินเมื่อได้ยินเธอพูดแบบนี้ เขาก็ไม่พอใจเท่าไหร่ เขาก้มหน้าลงแล้วจับที่ท้องของเธอ
ตอนนี้เด็กเริ่มที่จะแตะท้องแล้ว ตอนที่คีรินเอื้อมมือ มาแตะนั้น ลูกในท้องก็แตะทันที

คีรินพูดด้วยความดีใจ “ลูกแตะแล้วๆ ลูกแตะใช่

ไหม?”

เธอดูออกว่าคีรินนั้นดีใจมาก เธอไม่เคยเห็นเขาเป็น แบบนี้มาก่อน

จากนั้นเขาก็เอาหูแนบมาที่ท้องของเธอ แต่ว่า เด็กในท้องกลับไม่แตะแล้ว

คีรินรออยู่นาน แต่ก็ไม่มีท่าทีใดๆ เขาจึงถามขึ้นอย่าง ผิดหวัง “ทำไมลูกไม่ดิ้นล่ะ?”

“ฉันจะไปรู้ได้ยังไงคะ เด็กในท้องดิ้นหรือแตะนั้นเรา ไม่สามารถคาดเดาได้”

คีรินลูบที่ท้องของเธอ “ใกล้จะถึงวันที่หมอนัดแล้ว

ใช่ไหม ! ”

ครั้งที่แล้วคนที่ไปโรงพยาบาลกับเธอคือพ่อบ้านและ บอร์ดี้การ์ดของเขา ส่วนคีรินนั้นพาริษากลับไปที่กรุงเทพ เพราะคุณย่าป่วยหนัก
“ใช่ค่ะ วันจันทร์หน้าค่ะ ”

“แล้วคุณหมอได้บอกไหมว่าจะตรวจอะไร

ญาดาตอบ “ก็ตรวจสุขภาพของฉันกับเด็กในท้องว่า มีความผิดปกติหรือเปล่า ถ้าผิดปกติก็ไม่สามารถเก็บเด็ก ไว้ได้ ต้องคลอดก่อนกำหนด

คีรินขมวดคิ้ว “ผิดปกติ? คุณบอกว่าเด็กในท้องมี โอกาสที่จะผิดปกติหรอ?”

เขามองมาที่เธอ ญาดาอ่านสายตาของเขาไม่ออก

“ฉันบอกว่าไปตรวจดูก่อนค่ะ ใช่ว่าเด็กในท้องจะผิด ปกติสักหน่อย ! อาจจะแข็งแรงดีก็ได้ ! ” ญาดาอธิบาย

หลังจากที่ฟังเธออธิบาย เขาก็มองมาที่เธอ

เขาเงียบอยู่นาน “ทำไมคุณถึงต้องบอกว่าลูกอาจจะ ผิดปกติ และตอนที่คุณพูดน้ำเสียงของคุณไม่รู้สึกกังวล เลยสักนิด ถ้าลูกจะเป็นอะไรไป !! “


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ