เล่ห์รักนายซาตาน

บทที่ 8 ไสหัวไป



บทที่ 8 ไสหัวไป

ฉันฝืนยิ้มขึ้นแล้วสายหัว

มาร์วินมองหน้าฉันและพูดกับคีริน “พี่ใหญ่ ผมรู้ว่า พี่ไม่ชอบญาดา ตอนนั้นผมยังเด็ก พี่ก็โตแล้ว ก็คงจะรู้ดี ว่าตอนนั้นเกิดอะไรขึ้น แต่ว่าความแค้นนั้นไม่ได้เกี่ยวข้อ งกับญาดาเลย พี่ใหญ่ ผมไม่เคยขออะไรจากพี่เลยวันนี้ ผมแต่งงานแล้ว และวันข้างหน้าผมก็ต้องดูแลครอบครัว ผมหวังว่าพี่จะดีกับญาดาหน่อยจะได้ไหม?”

คำพูดนี้มาร์วินไม่ได้บอกคีรินเป็นครั้งแรก แต่ว่ามีแค่ ครั้งนี้ที่คีรินไม่ได้ด่าเขา

“แกไปเถอะ อย่าให้คนในครอบครัวของพิมต้องรู้สึก ไม่พอใจแกเลย”

มาร์วินถูกคีรินไล่ ในห้องมีแต่เขาและฉันเพียงสอง คน ฉันยังอยากอ้วก เลยไม่ได้รักษาภาพลักษณ์ของตัว เอง เลยไปอ้วกลงตรงโถส้วมอีกรอบ

(ไม่ใช่ว่าจะแพ้ยานะ?” น้ำเสียงของคีรินเต็มไปด้วย ความสงสัย

ฉันไม่อยากจะอยู่ห้องเดียวกับเขา เลยพูดขึ้น ฉัน เป็นเพื่อนเจ้าสาวไม่ได้อีก คุณก็ออกไปเถอะ เดี๋ยวฉันอ้วกเสร็จแล้วจะตามไป”

ฉันพูดจบเลยอ้วกขึ้นอีกครั้งอย่างรุนแรง ตัวเองอาจ จะแพ้ยาคุมจริงๆ!

คีรินยื่นมือออกมาทุบหลังให้ฉันอย่างผิดปกติ “ทำไมอาการหนักขนาดนี้ ไปโรงพยาบาลไหม”

ฉันเลยบัดมือของคีรินออก และกัดฟันพูดขึ้น ไสหัว

ไป อย่ามาแตะต้องฉัน!”

นึกไม่ถึงเลยว่าฉันจะมีวันที่ได้พูดจาใส่อารมณ์กับคี

รินด้วย

ดังที่คาด สีหน้าตอนนี้ของคีรินทั้งบูดทั้งเบี้ยว “เหอะ! อุตส่าห์หวังดีกลับไม่เห็นค่า!”

ฉันได้ยินจึงยิ้มเยาะขึ้น “นี่หรอที่คุณบอกว่าหวังดี? คุณข่มขืนฉัน แล้วยังจะให้ฉันขอบคุณคุณงั้นหรอ คีริน คุณรู้ไหมตอนนี้ฉันเกลียดคุณจนอยากจะฆ่าคุณ”

คำพูดของฉันทำให้คีรินโมโหไปแล้วจริงๆ เขายื่นมือ ว่าจับคอของฉันแรงๆ “ข่มขืนหรอ? อันที่จริงคุณเป็นคน ยั่วผมเอง ยั่วผมไปถึงโรงแรม ญาดาคุณที่มันร้ายกาจจริงๆคุณเป็นฝ่ายยั่วยวนโจรให้ติดกับดักคุณ แล้วยังหาว่าโจร ร้ายทำร้ายคุณอีก”

เมื่อกี้แค่อ้วกก็รู้สึกทรมานมากพอแล้ว ตอนนี้กลับถูก เขาบีบคอแบบนี้ น้ำตาจึงไหลพรากไม่หยุด ตอนนี้ฉันก็ เหมือนดอกแพร์ที่เต็มไปด้วยหยาดน้ำฝนที่น่าสงสารน่า เห็นใจ แค่คุณรู้ดีว่าต่อให้ฉันเป็นดอกแพร์ที่น่าสงสารแค่ ไหน คีรินก็คงจะไม่รู้สึกเห็นใจฉัน

ฉันถูกเขาบีบคอไว้จนพูดไม่ได้ คีรินเป็นคนชำนาญ ในการต่อสู้มากๆ แรงมือของเขาก็ใหญ่ยิ่งนัก นี่เขา ต้องการจะทรมานฉัน ถ้าเขาต้องการบีบคอฉันจนตาย เขา ก็คงออกแรงได้เยอะกว่านี้

ฉันเห็นตัวเองในนัยน์ตาของโหดเหี้ยมของเขา สีหน้าของฉันค่อยๆเปลี่ยนจากขาวซีดกลายเป็นสีหน้าที่ แดงก่ำ กระแสเลือดกำลังไหลวนอยู่ตรงใบหน้าของฉัน จึงทำให้ฉันหน้าแดงได้ขนาดนี้

ฉันค่อยๆปล่อยมือจากมือของเขา และกำลังหมด เรี่ยวแรงที่จะดิ้นให้ออกจากมือใหญ่ๆของเขา หรืออาจจะ เป็นเพราะว่าฉันได้ตายใจไปแล้ว เลยไม่คิดอยากจะมีชีวิต เพื่ออยู่ต่อไปในโลกใบนี้
ตอนนี้ฉันกำลังคิดว่า ถ้าฉันตาย พี่ชายคนที่สองที่ฉัน รักมากที่สุด จะร้องไห้เสียใจเพื่อฉันไหม แค่หยดน้ำตา เพียงหยดเดียวก็ยังดี อย่างน้อยก็เป็นเครื่องพิสูจน์ว่าฉัน ไม่ได้เกิดมาอยู่บนโลกนี้อย่างเปล่าประโยชน์

ฉันค่อยๆหลับตาลง วินาทีที่ฉันรู้สึกว่านี่เป็นจะเป็นลม หายใจสุดท้ายของฉัน ฉันจึงค่อยๆวางมือลงบนตักของคี

ริน

ตอนที่ฉันกำลังจะหมดสติไป ภาพของพ่อที่ดูเมตตา จึงค่อยๆลอยขึ้นมา พ่อของฉันกำลังอุ้มฉัน หอมแก้มที่เต็ม ไปด้วยรอยยิ้มของฉัน ฉันเห็นพี่ชายคนรองของฉันได้แบ กมาร์วินไว้อยู่ข้างหลัง และแอบเอาเงินธนบัตรมาหนีบ หนังสือของฉันไว้

ฉันเห็นแม่ของฉันจูงมือฉันไว้แล้วพูดกับฉัน ญา ต้องเป็นเด็กดี เชื่อฟัง อย่าได้ทำให้พี่ใหญ่ของหนูต้องไม่ พอใจหนู”

เห็นภาพพวกนี้กำลังจะเริ่มกลายเป็นภาพขาวๆ และ กำลังจะจางหายไป มือใหญ่ๆของคีรินก็ปล่อยออกจากคอ ของฉัน

ฉันลืมตาขึ้น แล้วได้มาเห็บโลกที่โหดร้ายอีกครั้งอับยังไม่ได้ตาย แต่กลับไม่ได้รู้สึกดีใจ และได้จับหัวของตัว เองไว้แล้วร้องทุกข์ออกมา

จากคีรินจึงกระชากผมของฉันและดึงหัวของฉันขึ้น มาจากตักของเขา นัยน์ตาของฉันจึงจับจ้องไปยังกระตุกที่ เผยความโหดเหี้ยมออกมา “ญาดา คุณกลัวตายใช่ไหม? งั้นก็เชื่อฟังฉัน ไม่งั้น ต้องมีสักวันที่ผมจะฆ่าคุณ คุณเชื่อ ไหม”

คีรินพูดจบ ก็หันหลังออกจากห้องน้ำ

ฉันทั้งหัวเราะทั้งร้องให้ เขาเห็นฉันร้องไห้ แล้วนึกว่า ฉันกลัวว่าฉันจะตายหรือไง สิ่งที่เขาไม่รู้คือ สิ่งที่ฉันญาดา ไม่กลัวที่สุดในโลกก็คือความตาย เพราะว่าวิญญาณของ ฉันได้ตายไปแล้ว

เจ้าสาวถูกรับไปแล้ว ฉันยังไม่ได้ไป แม่ฉันก็โทรจิก ฉันอยู่นั่นแหละ ฉันจนฟังไม่ไหวจึงต้องรับสายของเธอ แค่พึ่งจะรับสายขึ้น แม่ของฉันก็ตะคอกเสียงดังใส่ งาน แต่งเริ่มแล้ว แกอยู่ไหน แกไม่ได้เป็นเพื่อนเจ้าสาวหรือ ไง? แกไปตายที่ไหนแล้ว แกรู้ไหมว่าลุงสุชาติเขาไม่ พอใจแค่ไหน? แกรีบมาแล้วมาขอโทษลุงเขาเดี๋ยวนี้”

แม่ฉันยังไม่รู้ว่าเมื่อวานลูกสาวของตัวเองข่มขืน ชำเราขนาดไหน ให้ฉันไปขอโทษลุงสุชาติ ทำไม? ก็แค่ เหตุผลที่ว่าฉันไม่ได้ไปเป็นเพื่อนเจ้าสาวให้กับลูกสะใภ้ ของเขางั้นหรอ? งั้นเมื่อคืนลูกชายคนโตของเขาข่มขืน ฉัน วันนี้เกือบจะบีบคอฉันตาย มีใครไหมที่จะมาขอโทษ ฉัน

โลกนี้ไม่มีความเที่ยงธรรมจริงๆ ฉันเผชิญหน้ากับ

มันไม่ไหวอีกแล้ว แล้วทำไมไม่ให้ฉันตายๆไปจากโลกนี้ ทำไม?

ฉันจึงตะคอกใส่แม่ผ่านลำโพง “แม่จริงๆลุงสุชาติ

ไม่ได้รักแม่เลย ออกจากชีวิตเขาได้ไหม?”

ฉันพูดจบอีกฝั่งเหมือนไม่ให้สุ่มไม่ให้เสียงใดๆ ฉัน คิดว่าแม่ของฉันคงปรี๊ดแตกเพราะคำพูดพวกนี้ของฉัน!

ผ่านไปสักพัก เสียงของแม่จึงอ่อนลง “ยัยเด็กบ้า

แกพูดอะไรเรื่อยเปื่อย ลุงสุชาติของแกต้องรักฉันอยู่แล้ว ไม่งั้นเขาคงไม่รับพวกฉันสองแม่ลูกมาใช้ชีวิตที่ติดหรูใน เมืองหรอก หลังจากที่ฉันตายไป ศพของฉันก็คงจะถูกฝัง ไว้ในสุสานของตระกูลสุขสำราญ ฉันเกิดมาเพื่อตระกูลสุข สำราญ ตายไปฉันก็จะเป็นผีเฝ้าตระกูลนี้ ฉันไม่มีทางออกจากชีวิตของคนในตระกูลสุขสำราญแน่นอน

สำหรับคำพูดแบบนี้ของแม่ฉัน ฉันไม่อยากพูดอะไร อีกต่อไป แม่ งั้นแม่ก็ดูแลตัวเองดีๆด้วย! หนูก็จะดูแลตัว เองดีๆเหมือนกัน หนูจะไม่มีวันไปเหยียบบ้านสุขสำราญ อีก แม่ ถ้าในใจของแม่ยังมีลูกอย่างหนู อย่าบังคับให้หนู กลับไปบ้านที่ทำให้หนูต้องทนทุกข์ทรมานอีกได้ไหม แค่ นี้แหละ” พูดจบฉันก็วางสายไป

จากนั้นฉันจึงส่งข้อความให้พี่คนรอง “ขอบคุณที่เคย ดูแลกันมา ฉันจะจำบุญคุณนี้ไว้ตลอดชีวิต ขออวรพรให้ คุณมีความสุขกับชีวิตคู่

พอพิมพ์คำพูดพวกนี้เสร็จ ฉันก็ลบและพิมพ์ใหม่ไป หลายรอบ น้ำตาของฉันไหลริน ฉันได้แก้ไขข้อความไป

หลายรอบกว่าจะส่งออกไป

พอออกจากโรงแรมจึงได้ขึ้นรถไฟกลับเข้าเชียงใหม่

ฉันไม่มีความกล้าพอที่จะกลับไปเจอศัตรูและคนที่ฉัน

รัก

พอกลับถึงเชียงใหม่ ฉันก็รู้ที่จะตั้งใจทำงาน และเอา แรงทั้งหมดทุ่มกับงานอย่างเดียว และรับโปรเจคจากผู้
พอกลับถึงเชียงใหม่ ฉันก็รู้ที่จะตั้งใจทำงาน และเอา แรงทั้งหมดทุ่มกับงานอย่างเดียว และรับโปรเจคจากผู้ จัดการเฉลิมมาทำหลายโปรเจคติดต่อกัน ในโปรเจคยากๆ ของอหังริมทรัพย์ ฉันก็ทำได้สำเร็จทุกโปรเจค จนในที่สุด เงินเดือนของฉันก็ได้ทะลุเกือบสามแสนภายในสามเดือน

พอฉันได้เห็นการพัฒนาการของตัวเอง ฉันก็รู้สึกดีใจ

มากๆ

“ญาดา มีแขกรายใหญ่มา เธอเป็นสถาปนิกที่เก่ง ที่สุดในกลุ่มของพวกเรา เธอไปพบปะกับบริษัทยักษ์ใหญ่ กับฉันหน่อย ไปแย่งโปรเจคนี้มาทำให้ได้”

ผู้จัดการเฉลิมจึงตบไหล่ของฉันเบาๆแล้วพูดขึ้น
ปกติได้ทำโปรเจคสร้างวิลล่าขนาดใหญ่ ฉันยังไม่ เคยเห็นผู้จัดการเฉลิมดีใจขนาดนี้มาก่อน คิดว่าโปรเจค ครั้งหน้าน่าจะใหญ่จริงๆ

ในรถผู้จัดการก็ได้บอกกับฉัน บริษัทนี้ต้องการสร้าง โรงงานขนาดใหญ่ มันอาจจะเป็นโปรเจคที่ปกติเราไม่เคย ได้ทำ แต่โปรเจคใหญ่มากจริงๆ พวกเราต้องลอง

ดีไซด์โรงงานฉันไม่เคยทำแม้แต่ครั้งเดียว ปกติฉัน แค่เคยทำแต่โปรเจคดีไซด์วิลล่าและออฟฟิศเท่านั้น

ในใจของฉันจึงรู้สึกตื่นเต้นเบาๆ “ผู้จัดการค่ะ ฉัน กลัวว่าฉันจะทำออกมาได้ไม่ดี ยังไงโปรเจคสร้างโรงงาน ดิฉันยังไม่เคยทำเลย! ถึงเวลาไม่รู้ว่าควรพูดยังไง”

ผู้จัดการเฉลิมตบไหล่ของฉันแล้วพูดขึ้น “อย่ากังวล เลย เราไม่ได้เป็นคนควบคุมงานดีไซด์ทั้งหมด ทางบริษัท ของเขาก็มีกลุ่มดีไซด์อีกกลุ่มหนึ่งมาด้วย เราแค่ได้มี ส่วนร่วมในโปรเจคเล็กๆบ้าง ก็สามารถทำเงินได้มากมาย มหาศาลแล้ว”

รอได้เจอบริษัทที่เป็นลูกค้ารายใหญ่ พอได้เห็นผู้ ที่จะมาร่วมโปรเจคนี้มีแต่บริษัทยักษ์ใหญ่ ทำให้ฉันรู้ว่า บริษัทนี้ต้องไม่ใช่บริษัทธรรมดา
ฉันจึงถามผู้จัดการ บริษัทนี้ชื่อว่าบริษัทอะไรค่ะ ดูๆ แล้วไม่ธรรมดาจริงๆ เห็นแค่สิ่งก่อสร้างก็ใช้ก็พรีเมี่ยม มากๆ”

เธอที่เรียนเกี่ยวกับการออกแบบบ้าน พอเห็นวัตถุ ก่อสร้างพวกนี้ก็รู้สึกคุนชินมากๆ

ผู้จัดการเฉลิมจึงพูดขึ้น แน่นอนสิ บริษัท QS ที่มีชื่อ

เสียงที่สุดในกรุงเทพ ต่อให้เป็นแค่บริษัทลูก บริษัทธรรม

ดาๆก็ไม่สามารถเทียบได้”

พอฉันได้ยินคำว่า บริษัทQSที่มีชื่อเสียงที่สุดใน กรุงเทพ ฉันจึงตกตลึงมาก ฟ้าสวรรค์รู้ว่าตอนนี้ฉันไม่ได้ จะเกี่ยวข้องด้วยที่สุดก็คือตระกูลสุขสำราญ

ทันใดนั้นท่าทีของฉันจึงเปลี่ยนไป ผู้จัดการค่ะ โปร เจคสร้างโรงงานฉันกลัวว่าจะฉันทำได้ไม่ดี คุณหาสถา ปนิกคนอื่นมาทำดีกว่า!”

เฉลิมใช้สายตาที่แปลกประหลาดมองฉัน “ญาดา เมื่อกี้ตอนอยู่ในบริษัทถึงไม่บอกว่าทำไมได้ตั้งแต่แรก ตอนนี้มาถึงที่นี่แล้ว เธอกลับบอกว่าทำไม่ได้ อีกอย่าง บริษัทเรานอกจากสถาปนิกรุ่นแก่แล้ว รุ่นใหม่ๆที่ไฟแรงมอบเ••wornever wirepeless • Primersery

เท่าเธอยังมีใครอีก”

ฉันยังอยากจะปฏิเสธผู้จัดการเฉลิม แต่เขาไม่ให้ โอกาสฉันได้พูดเลย และพนักงานของบริษัทฝ่ายตรง ข้ามจึงเข้ามาถามพวกเขา “พวกคุณทั้งสองคือมาจาก บริษัทFX Design ใช่ไหมคะ?”

ผู้จัดการเดินไปแล้วพยักหน้าให้พนักงานสาวสวยคน นั้น ใช่ครับ พวกผมมาจากบริษัทFX Design ผมเป็นผู้ จัดการฝ่ายออกแบบชื่อเฉลิมครับ”

เฉลิมชี้มาทางฉันแล้วแนะนำขึ้น นี่เป็นสถาปนิก ที่อายุน้อยที่สุดในบริษัทผมครับ ชื่อว่าญาดา เธอมี ประสบการณ์และทำโปรเจคมาเยอะครับ”

พนักงานสาวสวยคนนั้นจึงพยักหน้าใส่พวกเรา “บริษัทที่มาร่วมโปรเจคนี้ต้องขึ้นไปประชุมที่ชั้นสิบเอ็ดนะ คะทั้งสองท่านเชิญตามดิฉันมาค่ะ”

ฉันถูกผู้จัดการเฉลิมลากตัวและเดินตามพนักงานสาว สวยคนนั้นไปที่ชั้นสิบเอ็ด

สิ่งที่ทำให้ฉันรู้สึกโล่งอกก็คือไม่ได้เจอไอ้คนที่ฉันเกลียด ในห้องประชุมมีคนนั่งเต็มไปหมด มีบางคนที่ ฉันรู้จัก เป็นทีมงานออกแบบที่ได้ประสิทธิภาพที่สุดใน เชียงใหม่

บริษัทแม่ของQSส่งทีมงงานออกแบบพวกนี้มา พวก เขาอยากจะหาบริษัทออกแบบในท้องถิ่น เพื่อที่จะช่วยอีก

แรง

ถึงแม้งานที่ตกมาอยู่ในมือของพวกเขาจะไม่เยอะ แต่ บริษัทQS ก็ถือว่าเป็นบริษัทยักษ์ใหญ่ในแทบเอเซีย ยังไง แค่ได้รับงานเล็กๆจากบริษัทนี้มาทำ แต่รายได้ก็คงเยอะ กว่างานโปรเจคสร้างวิลล่าหลายโปรเจคอยู่แล้ว

ดังนั้น พอบริษัทQSอยากจะหาบริษัทออกแบบใน เชียงใหม่ หลายบริษัทออกแบบต่างก็มาแย่งงานนี้ทำกัน ใครไม่อยากจะร่วมงานกับบริษัทที่มีชื่อเสียงขนาดนี้

ฉันจึงนั่งฟังแต่บริษัทได้ทำการเสนอโปรเจคนี้ ผู้ จัดการเฉลิมได้แต่จดโน้ตไม่หยุด เพราะเดี๋ยวก็ตาบริษัท เราได้ทำเสนอ เขาเป็นคนให้ฉันเตรียม แต่ฉันกลับไม่ได้ จดอะไรไว้สักอย่าง นัยน์ตาดูอ้างว้างและตอนนี้ตัวเอง เหมือนกระดาษแผ่นเปล่าที่ไม่มีไอเดียอะไรเลย

เฉลิมจึงสะกิดไหล่ของฉันเบาๆ ญาดา เธอกำลังคิดอะไรอยู่รีบเขียนไอเดียของเธอเร็ว มาเอาไอเดียของฉัน ไปรวมกันด้วย เดี๋ยวจะได้นำเสนอแล้ว”

ฉันมองเฉลิมด้วยสีหน้าที่ไม่มีชีวิตชีวา “ดิฉันบอก แล้วว่าดิฉันไม่เคยทำงานออกแบบโรงงาน จะมีไอเดียมา จากไหน!”

ท่าทีของฉันทำให้ผู้จัดการฉันไม่พอใจมากๆ เขาจึง พูดขึ้น นี่เธอกำลังจะทำให้ฉันเสียหน้า กลับไปฉันจะหัก โบนัสของเธอ”

ฉันพยักหน้าอย่างไม่แคร์ แล้วแต่คุณผู้จัดการ เลยค่ะ หักก็หักไปเลย โปรเจคนี่ดิฉันไม่อยากจะเข้าร่วม

จริงๆ”

ท่าทีที่ชัดเจนของฉัน ทำให้เฉลิมเอาฉันไม่อยู่จริงๆ ก่อนหน้านี้เธอทำสำเร็จไปหลายโปรเจค บริษัทบอกว่าจะ ให้ฉันได้พักร้อน แต่ฉันกลัวว่าพอฉันว่าง ฉันก็จะคิดอะไร ไปเรื่อยเปื่อย ดีเลยครั้งนี้จะได้พักผ่อนบ้าง จะได้ไม่ต้อง ร่วมทำงานโปรเจคนี้

ช่วงนี้ทำงานหนักเกินไปจริงๆ ทั้งร่างกายของเธอ เหนื่อยหน่ายมาทั้งวัน เหมือนไม่มีเรี่ยวแรงและไม่มีชีวิต ชีวา
ตอนเฉลิมลุกขึ้นมาพูดไอเดียของตัวเอง ห้องประชุม ได้ถูกคนเปิดออกจากข้างนอก ทันใดนั้น ทั้งห้องประชุม เต็มไปด้วยความชื่นชมยินดี ฉันและคนอื่นก็ได้หันไปมอง ตรงหน้าประตูทางเข้าห้องประชุม จึงเห็นคีรินที่สวมใส่ชุด สูทสีดำที่ดูเรียบหรู มือข้างหนึ่งได้สอดเข้าไปในกระเป๋า กางเกง ใบหน้าของเขาดูเด่นมาก ร่างของเขาสูงประมาณ 1.8 เมตร ทำให้เขาดูเหมือนท่านประธานที่บ้าอำนาจใน ละครน้ำเน่า

คนมากมายในห้องประชุมต่างก็ทำท่าทางแทบจะ

สยบในแทบเท้าของเขา

นิ้วมือของฉันได้จับฝ่ามือไว้แน่นๆ ทำไมฉันถึงได้ เฮงซวยแบบนี้ ยิ่งกลัวอะไรก็ยิ่งได้เจอ ฉันพยายามจะกัม หน้าลงไม่ให้เขาเห็น และหวังว่าเขาจะไม่สังเกตเห็นตัว

เอง

สายตาของเธอจับจ้องไปยังที่นั่งหลักของคีริน ทันใด นั้นทุกคนก็เงียบลง แล้วก็ฟังผู้จัดการเฉลิมพูดขึ้นต่อ

การประชุมครั้งนี้เมื่อไหร่จะจบ ฉันรู้ เพราะว่าฉันนับ เวลาทุกนาทีและทุกวินาทีที่ผ่านไป ทำไมมันจึงผ่านไปช้า จัง ชีวิตนี้คนที่ฉันเกลียดที่สุด อยู่ใกล้ฉันไม่ถึงเมตร
พอการประชุมได้จบลง คีรินจึงลุกขึ้นและเดินออกมา ก่อน ช่วงเวลาที่ผ่านมา เขาไม่ได้มองฉันแม่แต่แวบเดียว ระหว่างเราก็ควรเป็นแบบนี้ ทั้งสองคนที่ต่างฝ่ายก็เกลียด กัน ในใจมีความเกลียดที่ซ่อนอยู่ ตอนที่เจอหน้ากันใหม่ก็ ควรเป็นแบบนี้ ต่างฝ่ายก็ทำเป็นไม่รู้จักกัน

ฉันนึกว่าฉันกับคีรินคงจะไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันอีก ถ้า หากได้เจอกันครั้งหน้า

แต่ผ่านไปไม่กี่วัน เฉลิมกลับบอกฉันว่า บริษัทQSเลือกบริษัทเราร่วมงาน

บริษัทQSก็เจาะจงมาว่าต้องให้ฉันเป็นรองหัวหน้า สถาปนิก พอเฉลิมบอกเรื่องนี้กับฉัน ฉันจึงรู้ว่าเรื่องนี้คีวิน ต้องเป็นคนบงการแน่นอน

ทำไมเขายังคงมายุ่งกับฉันแบบนี้ด้วย แต่ก่อนเขา เกลียดฉันขนาดไหน เกลียดจนไม่อยากจะเจอหน้าฉัน แต่ ทำไมวันนี้กลับเป็นแบบนี้

ฉันรู้ดีว่าคีรินโหดเหี้ยมต่อฉันมากๆ แน่นอนว่าเขา ตั้งใจชี้ตัวว่าฉันต้องเป็นรองหัวหน้าออกแบบโปรเจคครั้งนี้

เขาต้องสร้างกับดักนี้ไว้ให้ฉันแน่นอน
เฉลิมมองฉันด้วยสีหน้าที่คาดหวังมากๆ และรอคำ ตอบจากฉันอยู่ ฉันคงต้องทำให้เขาผิดหวังแล้วแหละ จึง พูดขึ้นว่า “ขอโทษนะคะผู้จัดการ ดิฉันไม่อยากทำโปร เจคนี้จริงๆ รบกวนคุณไปแจ้งทางโน่นหน่อยนะคะ ว่าส่ง สถาปนิกคนอื่นไปได้ไหม?”

เฉลิมได้ยินแบบนี้จึงทำหน้าบูดขึ้นมา จากนั้นก็โยน เอกสารเกี่ยวกับการวางแผนโปรเจคครั้งนี้ลงบนโต๊ะของ ฉัน จนเอกสารปลิวกระจายไปหมด “ญาดา เธอคิดว่า บริษัทเรามีแค่สถาปนิกที่ได้เรื่องนั้นมีแค่เธอคนเดียวใช่ ไหม นี่เธอกำลังต่อล้อต่อเถียงกับฉันอยู่ใช่ไหม?”

พอฉันสบตากับเฉลิม นัยน์ตาของเขาไม่ได้ดูโกรธ เคืองเหมือนครั้งก่อนๆ แต่ฉันกลับนิ่งเฉย ผู้จัดการคะ ช่วงนี้ฉันไม่ค่อยสบาย โปรเจคใหญ่เกินไป ดิฉันไม่ทำ แน่นอนค่ะ เพราะว่าร่างกายของฉันทนไม่ไหวกับแรง กดดันขนาดนี้ รบกวนคุณหาคนอื่นทำแทนฉันด้วยค่ะ!”

เฉลิมได้ยินจึงยิ้มเยาะขึ้นมา ฉันว่าเธอตั้งใจจะมา เล่นลิ้นกับฉัน ตอนนี้เธอมีแค่สองทางเลือกหนึ่ง รับโปรเจ คนี้ไปทำ สองคือลาออก”


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ