“ไม่ต้องกลัวหรอก เราต้องไม่เป็นอะไร ผม จะพาคุณออกมาที่นี่อย่างปลอดภัย!!
คีรินกอดเธอไว้
เธอเลยพยักหน้าขึ้นตอบกลับเขาด้วย ความเชื่อมั่น
ทันใดนั้น มีคนผิวดำคนหนึ่งที่ถือปืนไว้ แล้วกำลังจะเดินมาหาพวกเขา เธอรู้สึกตกใจจน สติหลุด เลยวิ่งพุ่งไปข้างหน้าเพื่อหนีให้พ้นจาก คนผิวดำที่ถือปืนคนนั้น แต่พอเธอวิ่งพุ่งไปข้าง ใน ก็วิ่งชนคีรินให้ล้มลง เธอเลยล้มตามไป
และตอนนี้ร่างเล็กๆของเธอได้ทับร่าง ใหญ่ๆของคีรินไว้ และพอกระสุนถูกยิงออกมา จากคนดำที่เดินตามพวกเขามา เลยทำให้ญา ดาที่อยู่ข้างหลังของคีรินถูกยิง
จริงๆเธอไม่ได้คิดอะไรมาก เพราะตอนนั้น เธอตื่นตระหนกจนต้องรีบวิ่งหนี แต่ไม่ได้มีใจ ที่อยากจะปกป้องคีรินจากกระสุนที่พุ่งมาจากข้างหลัง เพียงเพราะว่า คีรินที่เดินอยู่ข้างหน้า ไม่เป็นไร ก็เพราะเธอนอนทับตัวเขาไว้ เธอเลย ต้องกลายเป็นเกราะกำบังให้เขาโดยไม่ได้ตั้งใจ สุดท้ายเธอช่วยชีวิตเขาแบบไม่เต็มใจแบบนี้ เธอจะไม่โทษตัวเองได้ยังไง เธอบังเอิญช่วย ใครไม่ช่วย กลับไปช่วยศัตรูที่ตัวเองเกลียด ที่สุดในชีวิต
คนผิวดำที่ยิงเธอก็ถูกตำรวจจับและกดตัว ไว้กับพื้น คีรินจึงรีบลุกขึ้นมา แล้วอุ้มเธอไว้ใน อ้อมกอด เขาจับแผ่นหลังที่ญาดาที่เลือดไหล ออกมาไม่หยุด เธอมองออกมานัยน์ตาของเขา ดูกระวนกระวายมากๆ ตอนที่ตัวของเธอถูกยก ขึ้นมาในรถฉุกเฉิน เขาจับมือของเธอไว้ และ พูดกับเธออยู่ตลอดเวลา เขาบอกเธอว่าจะกังวล เลย คุณต้องไม่เป็นไร
จริงๆเธอยังมีสติอยู่ ถึงแม้ว่าเธอจะรู้สึกเจ็บ แผ่นหลังของตัวเองมากๆ จริงๆเธออาจจะสลบ ไปโดยเร็ว แต่สมองของเธอก็สั่งการให้เธอต้อง ตื่นตัวอยู่ตลอดเวลา
เธอรู้ว่าจริงๆกระสุนโดนแค่กระดูกหัวไหล่ แค่เอากระสุนออกจากร่างกาย ก็คงจะหลุดพ้น จากอันตรายแล้ว เวลานี้ สีหน้าของคีรินเต็มไป ด้วยความกังวลและความรู้สึกผิด เธอก็ควรที่จะ บีบเพื่อเรียกคะแนนความสงสารจากเขา และอยากบอกเขาว่าเธอเจ็บมากๆ ถ้าผู้ชายคน หนึ่งรู้สึกสงสารผู้หญิงคนหนึ่งมากเกินไป จน นานๆไปมันก็จะกลายเป็นความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้ง
เธอจับมือของคีรินไว้แน่นๆ และทำหน้าตา ที่ทนทุกข์ทรมาน “พี่ใหญ่ ฉันเจ็บ ฉันเจ็บ มากๆ!” พูดไปน้ำตาของเธอก็ไหลรินออกมา
ตอนที่กระสุนยิงเข้ามาในร่างกาย เธอไม่ ได้ร้องไห้ออกมา
เวลานี้เธอไม่รู้ว่าน้ำตาของเธอไหลเพราะ ว่ารู้สึกเจ็บตรงแผลที่ถูกยิง หรือว่าเรียกคะแนน ความสงสาร?
แต่ยังไงน้ำตาของเธอไหลพรากไม่หยุด เหมือนดั่งสายตา และคีรินเองก็ใช้ทิชชู่ซับนํ้าตาของเธอไม่หยุดเหมือนกัน
ตอนที่ส่งถึงโรงพยาบาล ตอนที่เธอกำลัง จะเข้าห้องผ่าตัด เธอก็ดึงมือของคีรินไว้แน่น และไม่ยอมปล่อย ทีแรกเธอนึกว่าคีรินจะสะบัด มือเธอออก แต่เขาไม่ได้ทำอย่างนั้น เขาได้แต่ พูดกับเธอด้วยสีหน้าที่จริงใจ “ผมไม่ไป ผมจะ รอคุณที่หน้าห้องผ่าตัดนะ คุณแค่เข้าไปผ่าตัด เอากระสุนออกกับคุณหมอแล้วออกมา ทุก อย่างจะผ่านไปด้วยดีนะ”
เธอที่ไม่ยอมปล่อยมือ ก็คงจะทำให้คีริน รู้สึกแปลกใจ ทำไมเธอแค่โดนยิงนัดเดียว กลับ ทําให้เธอกลายเป็นคนขี้อ้อนแบบนี้
“นี่คุณเป็นอะไร?” คีรินถามเธอด้วยความ สงสัย
เธอเลยพูดขึ้นอย่างน่าสงสาร “คุณเข้าไป ในห้องผ่าตัดกับฉันหน่อยได้ไหม ฉันก็ไม่รู้ว่า เป็นอะไร ฉันแค่รู้สึกรอบข้างของฉันไม่มีคน รู้สึก แค่รู้สึกใจหวิวๆ พี่ใหญ่ พี่ใหญ่เข้าไปเป็นเพื่อนกับฉันหน่อย!
พอคีรินฟังเธอพูดจบ เลยถามหมอว่าเขา สามารถเข้าไปในห้องผ่าตัดได้ไหม หมอบอกว่า ได้ จากนั้นเขาเลยเปลี่ยนชุดผ่าตัดที่ได้ทำการ ฆ่าเชื้อแล้ว และเข้าไปพร้อมกับหมอ
ตอนที่หลังของเธอถูกฉีดยาชาเสร็จ หมอ ก็เริ่มฆ่าเชื้อรอบๆแผลของเธอ จากนั้นก็ดึง กระสุนออก เธอรู้สึกตื่นเต้นจนต้องบีบมือของคี ริน คีรินรู้ว่าเธอตื่นเต้น เลยตบมือของเธอเบาๆ และพูดขึ้นอย่างอ่อนโยน “หมอบอกแล้วว่า กระสุนไม่ได้โดนจุดสำคัญ แค่ผ่าตัดเอากระสุน ออกพอไม่เป็นไรแล้ว คุณไม่ต้องตื่นเต้นขนาด นั้น”
ญาดาเลยพยักหน้า “อืม ฉันไม่กลัวแล้ว เพราะว่ามีพี่ใหญ่มาอยู่เป็นเพื่อน ฉันรู้ว่าพี่ใหญ่ เป็นยอดมนุษย์ ฉันต้องไม่เป็นไรแน่นอน”
คีรินเลยรู้สึกตลกกับคำพูดของเธอ เลย ยิ้มอ่อนๆขึ้น จากนั้นก็ยื่นมือมาจับจมูกของเธอ”อะไรยอดมนุษย์? คุณน่ะชอบพูดเกินจริงๆ”
“ฉันเคยพูดเกินจริงสักที่ไหน พี่ใหญ่เป็น ยอดมนุษย์จริงๆ ไม่มีอะไรที่พี่ทำไม่ได้” เธอพูด อย่างจริงใจ ฟังดูเหมือนกำลังชื่นชมเขาอยู่ แต่ ในใจลึกๆมีแค่เธอที่รู้ดีว่าเธอกำลังประชดเขา อยู่ ชมว่าเขาเป็นยอดมนุษย์ ก็คือชอบเหยียด คนอื่นให้อยู่ภายใต้แทบเท้าของเขา
พอผ่าตัดเสร็จ เธอก็ถูกส่งตัวไปยังห้องผู้ ป่วย VIP
พยาบาลก็มาให้น้ำเกลือกับเธอ และคีรินก็ นั่งอยู่ข้างเตียงของเธอ
เธอจับใบหน้าเล็กๆของเธอ “พี่ใหญ่ พี่มอง ฉันแบบนี้ หน้าของฉันมีอะไรติดอยู่หรอ?”
คีรินส่ายหัว ไม่ หน้าของคุณสะอาดมา แค่ขาวซีดไปหน่อย วันหลังต้องบำรุงร่างกาย หน่อย”
เธอเลยตอบกลับแค่คำว่าอืม แล้วพยักหน้า จากนั้นเขาก็ยังมองเธออยู่อย่างนั้น
เธอก็มองหน้าเขาด้วยเช่นกัน ไม่มีใครพูด จาใดๆ จนในห้องผู้ป่วยได้ยินเสียงหยดของน้ำ เกลือได้อย่างชัดเจน
ผ่านไปสักพักเธอก็ได้ยินเสียงอันแทบของ คีริน “ทําไมถึงยอมต้านกระสุนเพื่อผม?”
สีหน้าของเขาดูนิ่งเฉยมาก มันนิ่งเฉยจน
เหมือนไม่ได้ถามคนอื่นว่าทําไมต้องช่วยเขา
เธอครุ่นคิดเหตุผลต่างๆในหัว แต่ก็ดู เหมือนไม่ค่อยสมเหตุสมผล ถ้าพูดไปตรงๆว่า เธอช่วยเขาเพราะไม่อยากให้เขาเป็นอะไร มันก็ ดูเหมือนจะเว่อร์ไปหน่อย
คำๆนี้ อย่าคิดเลยว่าเขาจะเชื้อ แม้แต่ตัว เองยังไม่เชื่อเลย!
จริงๆเธอช่วยเขาเพราะว่าสัญชาตญาณ ของเธอ แต่เพียงเพราะว่าสัญชาตญาณที่อยาก จะเอาตัวรอดของเธอ ไม่ได้ทำให้ตัวเองรอด กลับบังเอิญไปปกป้องคนอื่นแบบนี้ แล้วทำให้ ตัวเองต้องบาดเจ็บ ดังนั้นบางครั้งคนเรายิ่ง เกลียดอะไรก็ยิ่งต้องเจอแบบนั้น
“เพราะว่าฉันไม่อยากให้คุณต้องเป็น อะไร” ญาดาพูดขึ้น
เหตุผลนี้ทำให้คีรินฟังแล้วไม่พอใจนัก นัยน์ตาของเขาดูเย็นชาหน่อยๆ จนทำให้เธอไม่ กล้ามองตาเขา
จากนั้นเขาเลยจับคางเธอ แล้วกัดฟันพูด ขึ้น “ทำไมคุณถึงไม่อยากให้ผมเป็นอะไร? ถ้า ผมเป็นอะไรไป คุณก็เป็นอิสระแล้วหนิ!”
เขาไม่แค่เด็กอายุสามขวล เธอรู้ว่าเธอแค่ หาเหตุผลมาเรื่อยเปื่อยแบบนี้คงหลอกเขาไม่ ได้แน่นอน แค่ต่อให้เขาจะรู้ว่าเหตุผลพวกนี้เธอ แต่งขึ้นมาเอง เธอก็จะแต่งมันต่อไป
เพราะครั้งนี้ที่เธอถูกยิง นัยน์ตาของเขาก็ดู เป็นห่วงเธออยู่เหมือนกัน
“พี่ใหญ่ ทำไมพี่ไม่ลองคิดดูบ้าง ฉันมาดู บอลกับพี่ ถ้าพี่เป็นอะไรในสนามฟุตบอลขึ้นมา พี่คิดว่าฉันจะหลุดพ้นความผิดนี้ไปได้หรอ? ฉัน คิดว่าชีวิตของฉันก็คงอาภัพกว่าเดิม และคงจะ โดนหาว่าฉันเป็นสาเหตุให้พี่ตาย!”
ข้อมือของเธอจึงถูกเขาจับไว้แน่นๆ แล้ว เขาก็พูดขึ้นต่อ “ผมแค่อยากจะให้คนอื่นมาปก ป้องผมบ้าง ไม่ได้คิดอยากจะฟังเหตุผลอื่น คุณ ก็อย่าไปคิดว่าผมจะเป็นคนซับซ้อนขนาดนั้นได้ ไหม?”
บางอย่าง ความอ่อนแอของผู้หญิงนี่แหละ เป็นอาวุธที่เก่งกาจที่สุด แต่ก่อนเธอใช้อะไรใน ทางผิดๆมาตลอด ครั้งนี้ เธอไม่รู้เหมือนกันว่า เธอใช้ความอ่อนแอของตัวเองที่มี มันจะเป็นสิ่ง ที่ผิดอีกไหม แต่เธอไร้หนทางข้างหน้าที่จะเดิน ต่อไปจริงๆ เธอไม่มีทางเลือกอื่นจริงๆ
ถ้าสิ่งนี้ยังเป็นสิ่งที่ล้มเหลว งั้นเธอกับเขา ก็ตายไปพร้อมๆกันเถอะ! การตายไปพร้อมกัน เธอจะขอเลือกเป็นทางเลือกสุดท้าย ตราบใดที่ เธอยังสามารถคิดหาวิธีที่จะเอาชนะเขา เธอจะ ก็จะลอง
พอคีรินเห็นว่าทั้งใบหน้าของญาดาเต็มไป ด้วยคราบน้ำตา สีหน้าของเขาดูเคร่งเครียด และดูเหมือนเขาจะไม่เชื่อในคำพูดของเธอ
แน่นอนว่าเธอรู้ ถ้าเขาเชื่อในคำพูดของ เธอง่ายแบบนั้น เธอก็คงไม่ต้องเดินมาถึงจุดๆนี้ หรอก
“ถ้าคำพูดของคุณเป็นความจริง งั้นคุณ ลองอธิบายเหตุผลที่ทำไมคุณต้องไปผืนผ้า หลังวิลล่านั่น? คงจะคิดว่าที่นั่นมีความลับอะไร บางอย่างที่คุณต้องรู้ใช่ไหม?” คำพูดของคีริน เย็นชามากๆ
พูดไปพูดมาก็หนีไม่รอดประเด็นผืนป่านั่น!วันนี้สิ่งที่เธอทําพลาดที่สุดก็คือไม่ควรไปผืนป่า นั่น ข้ออ้างที่ว่ารู้สึกเบื่อและรู้สึกแปลกใจ เป็น ข้ออ้างที่ไร้สาระจริงๆ
“พี่รองเป็นคนที่วาดรูปได้ดีมาก!! ญาดา พูดขึ้น
จู่ๆ รินก็ขมวดคิ้วเป็นปม เขารู้สึกแปลกใจ ขึ้นมาทันทีว่าทําไมเธอต้องโยงไปถึงมาร์วิน
“คุณอยากจะพูดอะไรกันแน่?” คีรินถาม
ขึ้น
“ฉัน……ฉันเคยเห็นภาพวาดของพี่รอง ที่ วาดถึงผืนป่าแห่งนั้น ฉันเลยอยากจะไปดู ฉันก็ ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมถึงอยากไปดู ก็แค่อยาก จะไปดูเท่านั้นว่าข้างในมีอะไร”
จริงๆเธอไม่อยากจะพูดถึงเรื่องราวระหว่าง เธอกับมาร์วินอีกต่อไป เพราะทุกครั้งที่พูดถึง เธอก็เจ็บจนแทบจะขาดใจ แต่ว่าตอนนี้เธอไม่มี ทางเลือก จึงต้องเอามารวินมาเป็นข้ออ้าง ถ้าเป็นแบบนี้ ยังไงคีรินก็ต้องเชื่อบ้าง
คีรินจึงมองหน้าเธอด้วยสีหน้าที่โกรธเคือง
ยิ่งนัก
และมีบางอย่างที่เธอรู้สึกข้องใจ ทั้งๆที่เขา รักมาร์วินมากๆ ทำไมถึงต้องให้มาร์วินรู้เรื่อง ระหว่างเรา แล้วทำไมต้องใช้เรื่องนี้ไปทำร้าย เขาด้วย?
เขาแค่อยากจะให้มาร์วินมองเห็นธาตุแท้ ของเธอหรอ? แล้วแค่ไม่อยากให้มาร์วินเจ็บไป มากกว่านี้จริงๆหรอ? หรือมันก็แค่เหตุผลพวกนี้ จริงๆหรอ?
เธอก็คงไม่ถามเขาเหมือนแต่ก่อนอีกแล้ว คุณชอบฉันใช่ไหม!
เธอก็อยู่คลุกคลีกับเขามาสักระยะล่ะ บท เรียนหลายๆครั้งได้สอนเธอว่า เธอรู้ว่าคำบาง คำถ้าเก็บไว้ในใจได้ก็ดี ไม่จำเป็นต้องพูดออก มา
“ไสหัวออกไป!” จู่ๆเขาก็ตะคอกออกมา อย่างเสียงดัง
คำว่าไสหัวออกไป ถึงแม้จะฟังดูไม่เสนาะหู สักเท่าไหร่ แต่เธอก็รู้สึกดีใจมากๆ แสดงว่าไม้นี้ ที่เธอใช้มันได้ผล
ดังนั้น ครั้งนี้เธอจะพนันกับเขาอีกครั้ง นั่น ก็คืออารมณ์ที่ขึ้นๆลงๆของเขานั้นมันเกี่ยวกับ เรื่องของเธอกับมาร์วิน
หลังจากที่เธอออกจากห้องทำงาน เธอเลย ถอนหายใจออกมาแรงๆ เธอจำได้ว่าเธอเคย อ่านหนังสือจิตวิทยาเล่มหนึ่ง ข้างในเขียนไว้ ว่า ท่าทีของผู้ชายมีต่อรักแท้ของเขา ก็มักจะ มีIQและEQที่ต่ำมากๆ ต่ำจนสามารถเทให้คน ที่เขารักจนหมดใจ หรือพูดง่ายๆก็คือลุ่มหลง อย่างโง่เขลากับรักแท้ของเขา
ถ้าเธอสามารถทำให้คีรินตกหลุมรักเธอ งั้นเขาจะโง่เขลาจนเหมือนคนตาบอดหรือไม่?
แต่คีรินฉลาดเกินไป เธอจะเอาชนะเขาได้
อย่างไร
แต่เธอไม่มีวิธีอื่น ก็คงต้องเสี่ยงแค่วิธีนี้ ถ้า เธออยากจะหาหลักฐานอะไรมาจับเขา เธอก็ ต้องได้ใจเขาก่อน ทำให้เขารักเธอ แบบนี้เธอ ก็จะสามารถเข้าใจในส่วนลึกในจิตใจของเขา และสามารถเข้าใจความคิดของเขาได้
เธอได้พูดทุกอย่างไปตามแผนใหม่ที่เธอ กำลังจะเริ่มขึ้นในห้องทำงานของเขา และทุก อย่างที่เธอพูด มันไม่ได้เป็นความจริงเลย มีแค่ คำๆเดียวที่เป็นความจริง ก็คือเธอไม่อยากจะ ทนอยู่กับชีวิตที่ถูกคนอื่นรังแกแบบนี้อีกต่อไป
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ