เล่ห์รักนายซาตาน

บทที่ 228 คีรินรู้สึกขายขี้หน้า



บทที่ 228 คีรินรู้สึกขายขี้หน้า

พอเขาเอาเสื้อผ้าของเขาออกมาเสร็จ จากนั้นก็ กําลังจะเสียบปลั๊กเครื่องทําความร้อน เธอเลยรีบไปขัด ขวางเขา “คีริน เครื่องทําความร้อนนี้อย่าใช้เลย เดี่ยว มันจะทำให้หม้อแปลงของหมู่บ้านระเบิด

ตอนนี้ที่บ้านหลังนี้ก็ไม่มีใครอยู่สักคน ถ้าเธอไม่ กลับบ้านบ่อยๆ เดี๋ยวทางหมู่บ้านตัดไฟบ้านเธออีก

คีรินจึงมองเครื่องทำความร้อนแล้วพูดขี้ร “เครื่อง ใช้ไฟฟ้ามันก็ 220 วัตต์กันหมอไม่ใช่หรอ? ทำไมถึง ทำให้หม้อแปลงระเบิดได้ล่ะ?”

เธอยังไม่ทันได้อธิบาอะไรออกไป เขาก็เสียบปลั๊ก แล้ว จากนั้นก็พูดขึ้นอย่างภูมิใจ “ที่บ้านมีผู้ชายอยู่ก็ดี แบบนี้นี่เอง ไม่อย่างนั้นคุณก็คงต้องหนาวตาย”

ทีแรกเธออยากจะตำหนิเขา แต่เพราะรู้ว่าเขาเป็น คุณชายผู้มีฐานะ ยังไงชีวิตก็ไม่เคยลำบากแบบนี้ แต่ สําหรับเธอ หนาวนิดหนาวหน่อยก็คงไม่เป็นไร

“ทำไม่หมุนแล้วล่ะ” คีรินมองไปยังเครื่องทำความ ร้อน เธอเลยเหลือบตามองบนใส่เขา “หม้อแปลงระเบิด สิท่า ฉันบอกคุณแล้ว ไฟฟ้าที่เขาดึงมาใส่บนเขาไม่ ได้ประสิทธิภาพ แต่คุณก็ไม่เชื่อฉัน ตอนนี้ไม่มีแม้แต่ ไฟฟ้าให้ใช้แล้ว เราจะทำกับข้าวยังไง

แต่ก่อนย่าของเธอทำกับข้าวก็มักจะใช้ฟืน ตอนที่เธอกลับมาเยี่ยมย่าของเธอ เธอยังซื้อเตาแม่เหล็ก ไฟฟ้ากลับมาจากกรุงเทพ เลยใช้ทำกับข้าวได้

ตอนนี้เธออยากจะเข้าไปตบหัวของคีรินมาก เขา เหมือนเด็กหัวดื้อคนหนึ่งที่ไม่ยอมฟังคำพูดของผู้ใหญ่

“มันอยากจะเด้งหรือเปล่า ไหนหม้อแปลงอยู่ไหน เดี๋ยวผมไปดู” คีรินดึงปลั๊กออก

เธอส่ายหน้า “คุณไม่ได้กลิ่นไหม้หรือไง?

คีรินลองดมกลิ่นดู “เหมือนมีกลิ่นไหม้จริงๆ”

เธอเลยพูดขึ้นอย่างทนไม่ไหว “คุณพี่ นี่คุณมาที่ นี่แค่สองวันก็ทำให้หม้อแปลงบ้านฉันระเบิดแล้ว ตอนนี้ เราคงต้องทนกับความหิวแน่ๆ”

คีรินพูดขึ้น “ผมจะลองไปซ่อมดู”

อไม่ได้รู้สึกมีความหวังกับคีรินเลย เพราะแค่ต้ม เธอ โจ๊กเขายังต้มไม่อร่อย บางครั้งเธอยังสงสัยว่าคีรินจะ ต้มน้ำเป็นหรือเปล่า

“ช่างเถอะ ฉันไปดูเองดีกว่า คุณเป็นคุณชายจะ ทำอะไรเป็น”คำๆนี้ของเธอไม่ได้พูดเล่น แต่เธอพูดจาก ใจจริง
คีรินก็เหมือนเด็กโง่ในการใช้ชีวิตที่เขาอะไรคน เดียว เพราะเธอไม่ได้รู้จักเขาแค่วันสองวัน เธอรู้จักเขา เป็นยี่สิบปีแล้ว รู้ว่าเขาทำอะไรเป็น ทำอะไรไม่เป็น

แค่เธอไม่รู้ตัวว่าน้ำเสียงของเธอไม่เสนาะหู สีหน้า ของคีรินเลยดูแย่ “หรือในสายตาของคุณ ผมดูโง่ ขนาดนั้นเลยหรือไง”

“ไม่ ฉันไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้นนะ”

“คุณแค่มีความสามารถเฉพาะด้านเฉยๆ เพราะ ยังไงเรื่องหาเงิน ไม่มีใครเทียบคุณได้หรอก เราไปดูกัน ว่าสายไฟฟ้าเส้นไหนที่มีระเบิด” เธอพูดก็ลงจากเตียง แล้วเขาก็เดินตามเธอไปอย่างไม่พอใจ

“คุณพูดผิด ผมทำไม่เป็นจริงๆ แต่ผมก็คิดว่าคุณก็ ทำไม่เป็นเหมือนกัน ไม่งั้นเราไปตามช่างมาซ่อมเถอะ”

“ช่วงนี้เป็นช่วงตรุษจีน ที่ไหนเขาจะเปิดร้านล่ะ ไป ซ่อมเองดีกว่า ฉันเคยต่อสายไฟอยู่ คิดว่ามันน่าจะไม่ ยาก” เธอเลยไปปิดระบบควบคุมไฟก่อน

เธอใช้ชีวิตอยู่ตัวคนเดียวมาหลายปีขนาดนี้ ยัง มีอะไรที่เธอทำไม่ได้อีก จากนั้นเธอก็เริ่มหาสายไฟที่ ระเบิด เธอนั่งอยู่ตรงเก้าอี้ คีรินนั่งอยู่ตรงพื้นแล้วเงย หน้ามองเธอ “คุณทำเป็นจริงๆหรอ”
เธอตอบกลับ “นี่มันยากตรงไหน ก็แค่ต่อสายไฟ แค่ไฟขั้วลบกับขั้วบวกอย่าสลับกันก็พอ เอาไฟแช็กให้ ฉันที”

คีรินจึงยื่นไปให้เธอ “ของพวกนี้เป็นหน้าที่ผู้ชาย ทำไมผมถึงรู้สึกว่าคุณไม่ต้องผู้ชายคอยอยู่เคียงข้าง ล่ะ”

เรื่องง่ายๆแค่นี้ เขาทำไม่เป็น เลยรู้สึกขายขี้หน้า จริงๆไม่ใช่แค่เขาที่ทำไม่เป็น มีคนอีกมากมายที่ใช้ชีวิต ในเมืองใหญ่ๆก็ทำไม่เป็นเหมือนกัน แต่ว่าคนที่อาศัยอยู่ บ้านนอกก็มักจะทำได้

เธอทําเรื่องพวกนี้ได้ก็เพราะตอนที่ตัวเองเริ่มทํา งานใหม่ๆ เธอไม่มีเงินเช่าบ้านดีๆ เลยเช่าบ้านเก่าๆ พวก ระบบไฟเลยชอบมีปัญหา เธอก็ไม่อยากไปรบกวน เจ้าของบ้านบ่อยๆเลยฝึกทําเอง

ของบางอย่างเราไม่จำเป็นต้องมีความสามารถ แค่ ฝึกทําบ่อยๆ

จากนั้นเธอถึงเอาเทปพันสายไฟสีดำที่เธอซื้อกลับ มาจากกรุงเพท กลัวว่าที่นี่จะหาซื้อยาก

พอทำเสร็จ คีรินจึงอุ้มเธอลงจากเก้าอี้ เธอจึงไป เปิดสวิตซ์ไฟ จากนั้นไฟฟ้าจึงใช้งานได้ปกติ
คีรินจึงมองเธอด้วยสายตาที่ดูนับถือเธอ

“นึกไม่ถึงว่าผู้หญิงตัวคนเดียวอย่างคุณก็ทำแบบ นี้ได้” คีรินพูดขึ้น

เธอพูดขึ้น “ยังมีอีกเยอะที่ฉันเป็น แล้วคุณนึกไม่ ถึง นี่เป็นทักษะการใช้ชีวิต พวกคุณเป็นคนมีเงิน ไม่ เป็นเรื่องพวกนี้ก็เป็นเรื่องธรรมดา เพราะมีคนรับใช้อยู่ ตลอด คุณแค่มีหน้าที่จ่ายเงินก็พอ แต่คนจนอย่างฉัน ไม่สามารถพึ่งพาใครได้!”

พอเธอพูดจบ ก็เห็นเขาเหมือนไม่ค่อยพอ “คุณ เป็นอะไรอีก?”

คีรินจึงพูดขึ้นอย่างไม่พอใจ “คุณอย่าแบ่งแยก เรื่องคนจนคนรวยได้ไหม พูดอย่างกับเราอยู่กันคนละ โลก”

เธอจึงเถียงกลับ “เราอยู่คนละโลกกันแต่แรกแล้ว คุณมีทุกอย่าง ส่วนฉันไม่มีอะไรสักอย่าง

คีรินจึงมะเหงกใส่หัวเธอ “ใครเกิดมาก็มีเพียบ พร้อมทุกอย่าง ยังไงก็ต้องพยายามทำให้ได้ทุกอย่าง มา”

คำพูดของคีรินมันกึ่งพูดกึ่งผิด ใครบอกว่าคนเรา เกิดมาจะไม่มีอะเพียบพร้อมทุกอย่าง อย่างเช่นเขา เกิดมาก็ได้รับการศึกษาที่ดี ไปเรียนต่างประเทศ แต่คนจน เกิดมาและโตประมาณ 7-8 ขวบถึงจะเรียนได้ แต่เรียน ในโรงเรียนในชนบท ยังไงมันก็ต่างกันอยู่แล้ว

พอเขาเรียนจบมาก็มารับช่วงต่อที่บริษัทในตระกูล แต่เด็กที่จนๆ ก็พยายามสอบเข้ามหาลัยในฝัน และ พยายามหางานที่ชอบและดี และส่วนมากงานดีๆก็อยู่ ในกรุงเทพ เลยต้องมีค่าจ่ายในการใช้ชีวิตในเมืองใหญ่ เยอะกว่าปกติ

แต่เรื่องจริงที่เขาต้องเหนื่อยและยุ่งกับงานไปทุก วัน เธออยู่ในบ้านสุขสำราญมายี่สิบปี คีรินต้องออก ไปทำงานแต่เช้าและกลับบ้านดึก แล้วยังต้องวิ่งดูงาน หลายเมืองหลายประเทศในเวลาแค่สองสามวัน

บางครั้งเขาเหนื่อยจนไม่อยากอาบน้ำแล้วหลับไป แต่เพราะเขาเป็นคนรักสะอาดมากๆ เลยทำให้เขาเหนื่ อกว่าคนปกติ

“เดี๋ยวฉันจะไปขนฟืนจะบ้านเก่ามา กลางวันเรา เผาไฟกันเถอะ ฉันกลัวว่าสายตามันจะระเบิดอีก” ที่ไม่ ไกลจากตัวบ้านที่พวกเขาอาศัยอยู่มีบ้านเก่าๆที่ทำจาก หญ้าคา ตอนนี้ใช้สำหรับเก็บของ


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ