เล่ห์รักนายซาตาน

บทที่ 138 ถ้าคุณชอบ ฉันจะทําตาม



บทที่ 138 ถ้าคุณชอบ ฉันจะทําตาม

ทีแรกคีรินตัดสินใจว่าจะไปเชียงใหม่ในวันพรุ่งนี้ เพราะเช้าวันมะรืนจะมีงานเปิดพิธีที่ต้องไปร่วม พรุ่งนี้เช้า พอไปถึงก็ต้องมีธุระให้จัดการมากมาย แต่เพราะว่าเธอยัง คงฉีดน้ำเกลืออยู่ คีรินจึงต้องเลื่อนเวลาไปเป็นตอนบ่าย

เพราะว่าเรื่องที่เกิดขึ้นในบ้านสุขสำราญ สองสามวัน มานี้ เขาไม่ได้เป็นฝ่ายคุยกับเธอก่อน เขาไม่พูดไม่จากับ เธอ เธอเองก็คงไม่มีทางเป็นฝ่ายเริ่มคุยกับเขาก่อน พวก เขาอาศัยอยู่ในหลังคาเรือนเดียวกัน ตอนกลางคืนที่เป็น เวลาพักผ่อน พวกเขานอนอยู่บนเตียงเดียวกัน แต่กลับ นอนห่างจากมากๆ คิดว่าเขาคงโกรธที่เธอว่าเขาเป็นตัว สร้างปัญหาของครอบครัว

สังคมมักจะตราหน้าว่าผู้หญิงเป็นเพศที่เห็นแก่ได้ ถึงเธอจะไม่ใช่ผู้นำของกลุ่มสตรี แต่เธอก็อยากจะออก หน้าออกตาแทนผู้หญิงทุกคน และอยากจะเรียกความเป็น ธรรมให้กับผู้หญิง จริงๆแล้วโลกนี้ได้ทำดีกับผู้ชายมาก เกินไป จนบางครั้งทุกอย่างที่ทั้งชายและหญิงได้กระทำ ผิดไป ก็มักจะเป็นผู้หญิงที่เป็นฝ่ายผิดมาตลอด

อย่างเช่นหนึ่งปีก่อนที่เกิดเรื่องขึ้นระหว่างเธอกับเขา และได้รายงานในโซเชียล จริงๆมันผิดกันทั้งสองฝ่าย แต่ เธอกลับถูกยัดยอกว่าเป็นมือที่สามโดยไม่ได้ตั้งใจ แล้วคน ที่ถูกสังคมตราหน้าว่าเป็นฝ่ายผิดกลับเป็นเธอคนเดียว
จริงๆว่า เธอได้มีความสัมพันธ์กับเขาก่อนหน้าที่เขา จะมีภรรยา มันก็เป็นเรื่องที่น่าอับอายมากแล้ว การที่เธอถูก ด่าก็เป็นเรื่องที่สมควร ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใด เธอที่เป็นมือ ที่สามถูกสังคมเหยียดหยามก็สมควรแล้ว แต่ว่าคีรินที่เป็น ไอ้ผู้ชายหลายใจก็สมควรโดนด่าด้วยไม่ใช่หรือไง? ทุก คนที่ไม่รู้ว่าความจริงเป็นอย่างไรก็ว่ากล่าวตำหนิเธอขึ้นว่า เป็นคนที่ยั่วผู้ชายที่แต่งงานแล้ว แต่กลับไม่ได้ด่าฝ่ายชาย เพราะว่าเขามีเงิน เขาหล่อ ทุกอย่างที่เขาทำก็สมควรให้ อภัย

ต่อให้เขาฆ่าคนจนตาย มันก็คงไม่มีวันถูกรับโทษ

คนที่ค่าเธอไม่เข้าใจคำว่าตบมือข้างเดียวไม่ดังหรือ ไง? เธอสมควรโดนด่า เพราะเธอไม่เคยนึกว่าตัวเองไม่ สมควรโดนด่าอยู่แล้ว

ช่วงบ่ายของวันที่สอง เครื่องบินส่วนตัวของคีริน เอาไปซ่อม เธอเลยต้องนั่งเครื่องบินโดยสารกับเขา บน เครื่องบินเธอไม่ได้เจอหน้ามาร์วิน เธอคิดว่ามาร์วินไม่ได้ ไปเชียงใหญ่หรือเปล่า เพราะว่าตอนนี้คีรินเป็นคนที่ขี้หึง หวง ไม่ยอมแม้แต่จะให้เธอกับมาร์วินอยู่ด้วยกัน และถ้า มาร์วินไม่มา แผนต่างๆที่เธอวางไว้ก็คงเป็นไปได้ยาก

จนกว่าคนขึ้นเครื่องครบและเครื่องบินกำลังจะบิน เธอจึงไม่สบายใจเบาๆ เพราะว่าแผนของเธอกำลังจะล่ม
ถ้าเรื่องพวกนั้นพระเอกไม่ปรากฏตัว งั้นคีรินที่เป็น ท่านผู้ชม จะได้เห็นละครตบตาดีๆหรือไม่?

ไม่มีศัตรูที่เป็นศัตรูกันตลอดกาล และไม่มีเพื่อน ตลอดกาลด้วย อย่างน้อยตอนนี้เขาต้องการเธอ งั้นเขา ก็คือเพื่อนของเธอ และหลายปีที่ผ่านมา คีรินถือว่าเป็น ผู้นําธุรกิจของเชียงใหม่ ไม่เพียงแต่รพีภัทรเกลียดเขา นำ ธุรกิจหลายคนต่างก็รู้สึกเคียดแค้นเขา แต่เธอไม่ยอมร่วม มือกับคนพวกนั้นแน่นอน

พอลงเครื่องไป คีรินก็ได้เรียกรถของบริษัทมารับ พวกเขานั่งอยู่บนรถ คีรินคุยโทรศัพท์ “ตอนกลางคืน เตรียมตัวไปงานเลี้ยงกับฉัน คนที่มาร่วมงาน มีเรื่องบุคคล ที่สามารถช่วยเหลือโปรเจคใหม่ของเรา แกเลยต้องไป ร่วมงานกับฉัน เพราะว่าเรื่องพวกนี้ แกมีความรู้มากกว่า ฉัน”

ถึงแม้คีรินจะรับทำโปรเจคที่ใหญ่ที่สุดในเชียงใหม่ ไปแล้ว แต่เขาต้องผลักผันสร้างอสังหริมทรัพย์แบบใหม่ที่ ต้องอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมมาเกี่ยวข้องด้วย

โลกธุรกิจทางด้านอสังริมทรัพย์ก็เหมือนฟองสบู่ ที่ สามารถแตกตัวได้ตลอดเวลา เขาเลยต้องคิดค้นอะไร ที่แปลกใหม่ เขาถือว่าเป็นคนที่ฉลาดมากๆ ทีแรกตอนที่ ไทยยังไม่มีใครบุกเบิกธุรกิจผลิตเครื่องใช้ไอทีที่ทันสมัยเขาก็เป็นคนริเริ่มก่อน และตอนนี้เทรนรักษ์โลกกำลังมา แรง เขาจึงต้องรีบเรียกตัวมาร์วินกลับมา เพื่อเป็นผู้นำทาง ด้านทีมวิจัยที่จะประดิษฐ์สินค้าใหม่ขึ้น เขาจึงต้องคว้า โอกาสที่จะนําสู่ตลาดนี้ก่อน

ไม่ยอมรับไม่ได้ว่าเขามีหัวธุรกิจจริงๆ เพราะว่าเขา อัจฉริยะเกินไป จนทำให้ใจของเขาซับซ้อน

ดังนั้นเธอเลยไม่เคยเดาใจเขาออก สิ่งที่เธอเดามัก จะตรงข้ามกับสิ่งที่เขาคิดตลอด

พอคุยโทรศัพท์ไป น้ำเสียงของเขาก็ฟังดูไม่ค่อยดี “แกก็ไม่ใช่เด็กแล้ว ควรรู้จักแบ่งเบาภาระของที่บ้าน อีก อย่างฉันไม่ได้ให้แกทำเรื่องอะไรที่ยุ่งยากซับซ้อน การ ทํางานวิจัยทางด้านวิทยาศาตร์ ชื่อเสียงของแกก็โด่งดัง ในประเทศตั้งนานแล้ว ถ้าแกไปเจรจากับพวกเขา พวกเขา ก็จะไว้วางใจบริษัทเรามากขึ้น

พูดจบเขาก็วางสายลง

แล้วมองเธอ “กลางคืนผมต้องไปร่วมงานเลี้ยง คุณ ไม่ค่อยสบายก็อยู่บ้านเถอะ ให้คนใช้ดูแลคุณที่บ้าน ผมยุ่ง กับธุระเสร็จแล้วจะกลับมา”

บ้านที่เขาหมายถึงเป็นบ้านของเขา ไม่ใช่บ้านของเธอ

พอถึงวิลล่าของเขาก็ประมาณห้าโมงเย็นแล้ว นั่ง เครื่องทำให้รู้สึกเหนื่อยมาก เพราะว่าคีรินต้องไปร่วมงาน ตอนกลางคืน เขาเลยรีบอาบน้ำแล้วนอนพักไปสักพัก

และถามเธอว่าเหนื่อยไหม จะนอนด้วยกันไหม เธอ บอกว่าตอนค่ำไม่มีอะไรทำ ค่อยนอนทีหลัง

เขาบอกให้เธอลงไปดูหนังข้างล่าง เขาจะได้พักผ่อน

ดีๆ

เธอเลยพยักหน้าแล้วออกจากห้องนอนและปิดประตู

ลง

จากนั้นเธอเคยส่งข้อความหารพีภัทร บอกเขาว่าอย่า พึ่งลงมา รอให้เธอแน่ใจก่อน

พรุ่งนี้ตารางการทำงานของคีรินเธอรู้หมดแล้ว ตอน เช้าเขากับมาร์วินจะได้ร่วมพิธีเปิดงาน ตอนเที่ยงมีประชุม และตอนบ่ายก็มีงานประชุมอีก แล้วหัวค่ำก็ไปร่วมงาน เลี้ยง ทั้งวันของเขามีธุระต้องทำเยอะมาก และมาร์วินเอง ก็แค่ร่วมงานเปิดพิธี หลังจากนั้นก็ไม่มีอะไรอีก ตอนบ่าย เขาคงกลับกรุงเทพ
เธอจะต้องใช้เวลาว่างของเขาให้มีประโยชน์ที่สุด และพาเขาไปคอนโดที่เธอเคยเช่า

เธอมีของบางอย่างจะให้เขาดู หวังว่าของพวกนั้นจะ ให้เขารื้อฟื้นความทรงจำที่ดีระหว่างพวกเขา

คีรินตื่นมาอีกทีก็หกโมงครึ่งแล้ว เขาบอกว่างานเลี้ยง เริ่มตอนทุ่มครึ่ง

จากนั้นเขาก็ตะโกนเรียกเธอจากชั้นสอง “ญา ขึ้นมา

หน่อย”

เธอขึ้นไปที่ห้องนอนแล้วถามเขา “คุณเรียกฉันมี

อะไร?”

เขาจึงเอาเทคไนสีน้ำเงินออกจากห้องแต่งตัว

“ผูกเนคไทให้ผมที ต้องฝึกไว้ก่อน การเป็นภรรยา ต้องผูกเนคไทให้สามีก็เป็นเรื่องที่ไม่เกินเลย”

เขาจึงยื่นเนคไทที่ถือไว้มาให้เธอ เธอจึงสังเกตมอง เนคไนนั้นคงไม่ใช่ของถูกแน่นอน อย่างน้อยก็เป็นแสน คนมีเงินนี่ฟุ่มเฟือยจริงๆ และเนคไทเส้นเดียวก็ซื้อรถได้ แล้ว
“เธอเลยก้มหน้าลง!” จากนั้นก็ผูกไทให้เขาอย่าง

เชื่อฟัง

พอเขาเห็นว่าเธอสมยอมเลยรู้สึกดีใจ สีหน้าของ เขาเต็มไปด้วยรอยยิ้ม เขายกมือขึ้นและลูบหน้าเธอ “คุณ ปฏิบัติตัวแบบนี้ไม่ดีหรือไง? ถ้าวันข้างหลังคุณทำตัวน่า รักแบบนี้ ผมเชื่อว่าเราจะใช้ชีวิตไปด้วยกันได้อย่างสงบ สุขไปได้”

เธอเลยยิ้มอ่อนใส่เขา “ใช่หรอ? ไหนๆคุณชอบงั้น ฉันก็จะพยายามทำตามแล้วกัน”

เธอเลยออกแรงมือผูกเนคไทให้แรงขึ้น อยากจะรัด คอเขาให้ตายไปเลย


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ