ภรรยาคนที่เจ็ดของประธาน

ตอนที่ 245 ตอนจบ



ตอนที่ 245 ตอนจบ

“ฮาฮา เธอยังพูดเล่นเป็นเด็กอยู่ได้ นี่มันแค่ความ คิดเธอคนเดียว เธอคิดว่าสามีเธอจะปล่อยฉันไป ง่ายๆอย่างนั้นหรือ? เขาเกลียดฉันเข้ากระดูกซะ ขนาดนั้น เกลียดขนาดว่าถึงฉันตายเขาก็ยังไม่ พอใจอยู่ดี!”

“คุณสบายใจได้ ฉันรับประกัน ขอเพียงคุณปล่อย ฉัน เรามาตกลงกันดีๆดีกว่า……

ผลินสำลัก “สำหรับฉันแล้ว ไม่มีอะไรจะสำคัญยิ่ง ไปกว่าลูก สำหรับสามีของฉันแล้ว ไม่มีอะไรสำคัญ ยิ่งไปกว่าฉันและลูก ขอเพียงคุณปล่อยฉันและลูก ไป พวกเราจะเอาทรัพย์สินที่มีทั้งหมดยกให้คุณ ก็ได้ไม่เห็นเป็นไร นี่คือความแตกต่างระหว่างคุณกับ ฉัน ฉันเองเสียสละทุกสิ่งทุกอย่างได้เพื่อปกป้องลูก ของฉัน ส่วนคุณกลับทอดทิ้งไวภพไปตั้งแต่เขายัง เด็ก เขาเป็นเด็กที่ดีคนหนึ่ง ถึงแม้คุณจะทำกับเขา อย่างนี้ เขาก็ไม่เคยเกลียดคุณเลย จนกระทั่ง2-3วัน มานี้เขากินไม่ได้นอนไม่หลับเมื่อเห็นคุณต้องเผชิญ กับสถานการณ์ที่ยากลำบากอย่างนี้ ลูกที่ดีแบบนี้ ทำเพื่อแม่ คุณยังไม่รู้สึกเห็นอกเห็นใจเขาบ้างเลย หรือ?”

ทัตดาหลังจากที่ได้ฟังคำพูด2-3ประโยคของผลิน แล้วถึงกับรู้สึกสิ้นหวังในทันที เธอพึมพำกับตัวเอง ขึ้นมาว่า “ในสายตาของคนอื่นฉันเป็นแม่ที่ไม่ได้เรื่องเลย ถึงแม้ฉันอยากจะทำดีกับลูกบ้าง แต่ก็ไม่มี ใครคิดว่าฉันจริงใจเลยสักครั้ง..…….

“เรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดนี้เป็นเพราะตัวคุณเองทั้ง นั้น ถ้าคนอื่นมองว่าคุณดีคุณก็จะทำดี แต่ถ้าคนอื่น มองว่าคุณไม่ดีคุณก็จะทำไม่ดี อย่างนี้เรียกว่าเส แสร้ง ความไว้วางใจนั้นจะมากจะน้อยมันอยู่ที่ความ สัมพันธ์ ก่อนอื่นคุณต้องสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับ ลูกชายของคุณก่อน คนอื่นถึงจะเชื่อมั่นว่าคุณรัก ลูกของคุณจากใจจริง”

ทัตดาแทบจะสิ้นหวัง มือของเธอค่อยๆคลาย ออกโดยไม่ตั้งใจ ผลินรู้สึกผ่อนคลายเล็กน้อย ถือ โอกาสตอนที่เธอไม่ได้ระวังตัวนี้ เขยิบเข้าไปใกล้ ประตูของชั้นดาดฟ้า พลางพูดต่อไปว่า “คุณเกลียด พ่อของสามีฉัน แต่ตอนนี้เขาตายจากไปแล้ว ทำไม คุณยังไม่ยอมปล่อยวางอีก? คุณล้มละลายแล้วยัง ไงล่ะ? ในโลกนี้ความรักไม่สามารถวัดกันได้ด้วยเงิน ทอง สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการปกป้องคนที่คุณรักซึ่ง กันและกัน…..

ภายใต้ท้องฟ้าอันมืดมิด เสียงแตรของรถดังขึ้น จนแสบแก้วหูไม่เหมาะเลยที่จะส่งเสียงดังในเวลา นี้ ราวกับระเบิดปะทุขึ้น ทัตดาที่เกือบจะคล้อยตาม ผลินไปแล้วสะดุ้งตื่นจากภวังค์ในทันที

เธอกลับมามีสีหน้าที่น่าหวาดกลัวในทันที ใน ตาแดงก่ำจ้องมองที่หน้าผลิน “แกอยากจะเบี่ยงเบนความสนใจฉันหรือ มันไม่ง่ายอย่างนั้นหรอก! ยังไง ซะฉันตัดสินใจแล้วว่าจะมีชีวิตอยู่แค่วันนี้ แต่ก่อนที่ ฉันจะตายฉันต้องให้แกรับเคราะห์แทนก่อน เพียง เท่านี้ถึงจะสามารถชำระล้างความอดสูในชีวิตของ ฉันได้!”

ผลินคิดไม่ถึงเลยว่าตัวเองพูดออกไปมากมาย ขนาดนั้นแล้วทัตดากลับยังไม่เปลี่ยนความคิดอีก ทันใดนั้นเธอเริ่มเบื่อแล้วจึงพูดเสียดสีออกไปว่า : “คุณนี่มันน่าสมเพชจริงๆ ชั่วชีวิตมีแต่เรื่องผู้ชาย ตอนสาวๆทิ้งลูกทิ้งผัวก็เพื่อผู้ชาย พอแก่แล้วยังไม่ สนใจความรู้สึกของลูกชายตัวเอง ยังจะทำทุกอย่าง ไปเพราะผู้ชายอีก คุณไม่รู้สึกสมเพชตัวเองบ้างหรือ ไงต๊ะ? ชีวิตของผู้หญิงคนหนึ่งกลายเป็นแบบนี้ ที่ จริงแล้วตายไปได้ซะก็ดีหรอก”

ทัตดากัดฟันแต่กลับแสดงท่าทีเย็นชาอย่างน่า อัศจรรย์ เธอยิ้มพลางกล่าวว่า “เธอไม่น่าสมเพชเลย งั้นสิ? เธอคิดว่าเธอดีกว่าชั้นตรงไหนไม่ทราบ? ฉัน จะบอกความลับอะไรให้เธอฟังอย่างหนึ่ง เธอรู้ไหม ว่าพ่อสามีของเธอตายยังไง?”

ผลินถามด้วยน้ำเสียงเรียบๆ “ตายยังไงหรือ?”

“โมโหฉันจนตายน่ะสิ เพราะว่าฉันเล่าเรื่องจริงที่ เขาไม่สามารถยอมรับได้ ฉัน….ขึ้นครูลูกของเขา เอง ฮาฮาฮา……..
เสียงหัวเราะของเธอน่าขยะแขยง ผลินนิ่งตะลึง งัน พูดอะไรไม่ออก “แก แกพูดอะไรออกมา?

“ยังฟังไม่ชัดเจนหรือจ้ะ? ได้ ถ้างั้นฉันจะเล่าให้ เธอฟังอย่างละเอียดเลย คืนนั้นที่ลูกชายของเขาถูก วางยา ฉันเป็นคนวางแผนเอง ลูกชายของเขาเป็น เพราะรับไม่ได้กับเรื่องความผิดปกติทางเพศ เมื่อ ครอบครัวทรัพยสานตัดสินใจแน่นอนแล้ว นี่ก็คือ ผลลัพธ์ที่ทรยศต่อฉันในปีเดียวกัน เขาขึ้นครูพี่น้อง ของฉัน ฉันก็ขึ้นครูลูกชายของเขา ฮาฮาฮา ไม่มี ทางใดจะแก้แค้นได้สาสมเท่านี้อีกแล้ว? ฮาฮาฮา เขาจึงกลับมาเตะปีบดังได้อีกครั้ง ส่วนเธอก็แค่หมา หัวเน่าไม่รู้อิโหน่อิเหน่อะไรเลย ใช้ผู้ชายคนเดียวกัน กับผู้หญิงอย่างฉันสาวพันปี ตอนนี้ยังคิดว่าฉันน่า สมเพชอยู่อีกไหมล่ะ? ฮาฮาฮา……

“แกโกหก หลอกลวง ฉันไม่เชื่อแกหรอก ฉันไม่ เชื่อ…….. เมื่อนึกถึงว่าปยุตเกลียดเธอยังกับอะไรดี และวันนั้นที่บนภูเขาเป่ยหลิว เขาสั่นไปหมดทั้งตัว ทำอะไรไม่ถูก ผลินเข่าอ่อนลงทั้งสองข้าง ทรุดลง ไปนั่งที่พื้น.………

ขณะที่ในสมองของเธอนั้นว่างเปล่า เสียงปังดัง ลั่นขึ้นมา ประตูกระจกที่อยู่ด้านหลังถูกทุบทำลาย ปยุตนัยน์ทั้งสองแดงก่ำจ้องหน้าผลิน โอบไหล่ของ เธอไว้พลางกล่าวว่า “ผลิน คุณเป็นอะไรไหมครับ? เธอทำอะไรคุณหรือเปล่าครับ?”
ผลินสับสนไปหมด แม้ว่าเขาเขย่าเธอเบาๆเธอก็ พูดอะไรไม่ออก หัวใจของปยุตถูกทิ่มแทงอย่างลึก ด้วยความหวาดกลัวในสายตาของเธอ พลางเอามือ บีบคอทัตดา กัดฟันพูด “ฉันเคยเตือนแกแล้วไม่ใช่ หรือ แกก็ยังไม่เชื่อ…….

เขาตอนท้ตดาทีละก้าวทีละก้าวจนถึงขอบตึก

“ปยุต อย่าค่ะ….”

ผลินตะโกนสุดเสียงเพื่อเตือนสติเขา ทันใดนั้น สายตามืดลงฉับพลัน ร่างของเธอค่อยๆทรุดลงไป ที่พื้น ภายใต้สติที่มีอยู่เพียงน้อยนิด เธอได้ยินเพียง เสียงเรียกชื่อของเธอจากปยุต พร้อมกับบอกกับทัต ดาด้วยความโกรธ : “ฝากไว้ก่อนเถอะ

เมื่อผลินฟื้นขึ้นมา เธอพบว่าตัวเองนอนอยู่ที่โรง พยาบาล เธอจ้องมองเพดานสีขาวด้วยสายตาที่ อ้างว้าง พยายามนึกถึงเรื่องเกิดขึ้นทั้งหมดก่อนที่ เธอจะเป็นลมไป แต่ไม่ว่าเธอจะพยายามเท่าไหร่ ก็ กลับนึกอะไรไม่ออกเลย

บางครั้งเรื่องบางเรื่อง ไม่ใช่ว่าคิดไม่ออก แต่ว่าไม่ อยากจะคิดถึงมันมากกว่า

มือของเธอเลื่อนลงมาอยู่ที่ท้อง ยังอยู่ ลูกๆของ เธอยังอยู่ นี่คือทั้งหมดของชีวิตเธอ
เสียงประตูห้องคนไข้ถูกผลักออกดังขึ้น ปยุตเดิน เข้ามาเห็นว่าเธอรู้สึกตัวแล้ว เขารีบถามด้วยความ เป็นห่วง : “คุณฟื้นแล้ว เจ็บตรงไหนบ้างหรือเปล่า ครับ?”

เธอส่ายหัวทันที ดันตัวเพื่อลุกนั่ง ปยุตช่วย ประคองเธอ ช่วยดูแลผมเผ้าที่ยุ่งเหยิงของเธอให้ดู เรียบร้อย

“เขาเป็นยังไงบ้างคะ?”

สายตาของปยุตหม่นหมองลงทันที ตีหน้าซื่อ “ใคร ครับ?”

“ทัตดาไงคะ”

“ก็ไม่มีอะไรนี่ครับ”

“คุณไม่ได้ผลักเธอตกลงไปใช่ไหม?”

“ถ้าคุณไม่ห้ามผมไว้ละก็

ผลินส่ายหน้า “อย่าค่ะ ปยุต ขอร้องล่ะ พวกเรา ไม่ควรถูกฟ้องร้องเพราะผู้หญิงพรรณนั้นนะคะ มือ ทั้งสองข้างของพวกเราไม่ควรจะแปดเปื้อนเลือด สกปรกของผู้หญิงคนนั้นแม้แต่นิดเดียว…….”
ปยุตจ้องมองเธออย่างเจ็บปวดใจ สักครู่หนึ่งจึง รับปาก “ก็ได้ครับ”

เขาลุกขึ้น “คุณหมอบอกว่าคุณต้องการความสงบ คุณพักผ่อนก่อนละกัน ผมจะไปรอข้างนอก”

“เดี่ยวสิคะ”

ผลินจับมือเขาเอาไว้ ลังเลใจอยู่หลายครั้งจึงถาม ออกไป “เธอบอกว่าเคยมีอะไรกับคุณ เป็นเรื่องจริง หรือเปล่าคะ?”

ไม่มีใครรู้ว่าต้องใช้ความกล้าหาญมากขนาดไหน ถึงจะกล้าถามคำถามนี้ออกมา เธออยากจะเสแสร้ง ทำเป็นไม่จริงจังถ้าเกิดว่าเรื่องนั้นไม่เป็นความจริง แต่ว่าเธอทำไม่ได้ คำพูดแบบนั้นของทัตดา ราวกับ ยาพิษที่ทิ่มแทงหยั่งรากลึกลงในหัวใจ กัดเซาะ อวัยวะภายในของเธอ

“ไม่ใช่เรื่องจริงหรอกครับ คุณอย่าไปฟังหญิงชรา คนนั้นพูดจาเหลวไหล”

“ปยุตคะ ไม่เป็นไรค่ะ คุณไม่ต้องกลัวว่าฉันจะรับ ไม่ได้และยอมรับเอาความทุกข์ทรมานนั้นไว้คน เดียว ถึงแม้ในใจฉันจะเสียใจ แต่ฉันก็จะค่อยๆลืม มันไป คุณบอกฉันสิคะ ใช่เรื่องจริงไหม?”
ปยุตจับบ่าของเธอไว้อย่างมั่นคง มองตรงไปยัง ดวงตาของเธอ พูดออกมาช้าๆทีละคำ “ผลิน คุณฟัง ผมให้ดีนะ ผมไม่ได้โกหกคุณ นั่นเป็นคำพูดหลอก ลวงของเธอเอง ทีแรกผมก็เข้าใจว่าเป็นความจริง ตอนนั้นผมเสียใจอยู่พักใหญ่ จนกระทั่งเมื่อวานตอน เย็นผมถึงได้รู้ความจริง จันทรเป็นพยานคนเดียวที่ อยู่ในเหตุการณ์คืนนั้น เธอเล่าให้ผมฟังตั้งแต่ต้นจน จบ ในห้องนั้นไม่มีใครอื่นเลยนอกจากเธอเพียงคน เดียว ดังนั้น เรื่องทั้งหมดทัตดาแต่งขึ้นมาเอง เธอ ตั้งใจสร้างเรื่องโกหกขึ้นมาเพื่อที่จะแก้แค้นพ่อของ ผม”

“ดังนั้น2-3ครั้งก่อนหน้านี้ที่คุณนัดเจอกับจันทร ก็ เพื่อให้เธอยืนยันเรื่องนี้ใช่ไหมคะ?”

“ครับ ทีแรกเธอไม่ยอมพูด คุณก็รู้ว่านอกจากเธอ แล้วไม่มีพยานคนอื่นในเหตุการณ์นั้นเลย ตราบใดที่ ความจริงยังไม่ได้รับการยืนยัน ผมก็ไม่อยากให้คุณ รับทราบเรื่องนี้ เพราะแม้แต่ตัวผมเองยังรับไม่ได้ น่า ขยะแขยงซะขนาดนั้น”

ผลินโอบกอดเขาด้วยความดีใจ ซบไหล่ของเขา น้ำตาไหลออกมา “ฉันรู้อยู่แล้วค่ะว่าเธอโกหก ดี จริงๆเลย มันไม่ใช่เรื่องจริง..…………….

“ครับ มันไม่ใช่เรื่องจริง งั้นคุณพักผ่อนเถอะ ไม่ ต้องคิดมากอีก”
ปยุตห่มผ้าห่มให้เธอแล้ว จึงค่อยๆเดินออกไปจาก ห้อง

เมื่อฟ้าสางผลินก็กลับบ้านไปพร้อมปยุต พอถึง บ้านแม่สามีดึงเธอไปถามอย่างเป็นห่วงเป็นใยอยู่ ราวครึ่งชั่วโมง ได้ยินว่าเธอถูกทัตดาจับตัวไปเกือบ จะถูกฆ่าตาย หญิงชราถึงกับหน้าซีด

“ผลิน นี่ก็ใกล้เวลามากแล้ว เราไปกันเถอะครับ”

ผลินที่นั่งอยู่ในห้องรับแขกเงยหน้าขึ้นทันใด รู้สึก แปลกใจ ปยุตกำลังหิ้วกระเป๋าเดินทางของเธอลง บันไดมา

“ไปไหนคะ?”

“เวียนนาไงครับ”

เธอขมวดคิ้วแน่น ลืมเสียสนิท วันนี้เธอต้องเดิน ทางออกจากเมือง B เพื่อไปยังประเทศที่ไกลโพ้น

“จำเป็นต้องให้เธอไปด้วยหรือ?”

แม่สามีถามแทนเสียงในใจของลูกสะใภ้

“แม่ครับ แม่จะรอให้เรื่องแบบเมื่อคืนนี้เกิดขึ้นอีก หรือยังไงครับ?”
ปยุตย้อนถาม หญิงชรานิ่งเงียบ

ผลินตามปยุตมาจนถึงสนามบิน ยังเหลือเวลาอีก 15 นาทีประตูเครื่องถึงจะเปิด ผลินนั่งอยู่ในห้อง พักผู้โดยสารไม่พูดไม่จา ปยุตออกไปแล้ว เธอไม่รู้ ว่าเขาไปไหน เธอเอาแต่นั่งก้มหน้าก้มตามองปลาย รองเท้าของตัวเอง

สักพักหนึ่ง ปยุตกลับมาแล้ว เอาอาหารเช้าอุ่นๆ ยื่นให้เธอ “ทานสักหน่อย น้ำเต้าหู้กับแพนเค้กของ โปรดคุณเลยนะ”

“ฉันไม่ค่อยหิวคะ”

“ตอนนี้คุณกำลังตั้งท้องเด็กอยู่สองคนเลยนะ จะ ไม่กินอะไรเลยได้ยังไง?”

เมื่อเอ่ยถึงลูก แม้ว่าจะไม่อยากกิน ผลินก็พลันรับ มา ต่อมาก็เอาเข้าปากไปอย่างไม่ค่อยเต็มใจ

“เที่ยวบินที่จะออกเดินไปทางยังประเทศออสเตรีย พร้อมแล้วที่ออกเดินทาง ขอเชิญผู้โดยสารทุกท่าน เตรียมตัวให้พร้อมก่อนขึ้นเครื่องคะ..………….

เสียงประกาศเตือนดังขึ้นในห้องพัก ผลินกินไม่ ลงแล้ว เธอกอดคอของปยุตเอาไว้ “ปยุตคะ ฉันไม่ อยากแยกจากคุณเลย”
หยดน้ำตาไหลลงมาไม่ขาดสายมาที่คอของปยุต ปยุตถอนหายใจ ราวกับพูดกับเด็กน้อย “ผมรู้อยู่ แล้วเชียวว่าคุณต้องเป็นแบบนี้ ไปเถอะ ไปขึ้นเครื่อง พร้อมกัน”

เธอถลึงตา ไม่เข้าใจความหมายของเขานิดหน่อย ปยุตชูตั๋วเครื่องบินสองใบในมือขึ้นมา “สดสดร้อน ร้อน ผมไปส่งคุณเอง รอจนกว่าคุณจะคุ้นเคยกับ สภาพแวดล้อมที่นั่นแล้วผมค่อยบินกลับมา”


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ