ตอนที่ 227 ตามหาลูกชายให้คนอื่น
ผลินฟังที่ปยุตเล่าแล้วรู้สึกตื่นเต้นทันที ถามอย่างรีบ ร้อน“แผนการณ์อะไรคะ?”
ปยุตมองเธอครั้งแล้วครั้งเล่าด้วยสายตาที่อ่อนโยน เอามือจิ้มที่หัวของเธอหนึ่งที”ผมไม่บอกคุณหรอก”
“อ้าว ทำไมทำแบบนี้ล่ะ? รีบบอกมาเถอะนะคะ?”
“ก็ยังไม่บอกอยู่ดี”
“คุณจะพูดหรือไม่พูด? ”
เธอเริ่มจั๊กจี้เขา ปยุตแข็งทื่อไปทั้งตัว หัวเราะพลาง บอกว่า“พอแล้วครับ คุณปลุกไฟในตัวผมขึ้นมา เดี๋ยวถ้า ผมหยุดไม่อยู่แล้ว คุณอย่ามาอ้างว่าเจ็บท้องอีกนะ”
“งั้นคุณก็บอกมาสิคะ?”
ปยุตส่ายหน้า น้ำเสียงจริงจังหนักแน่น“ตอนนี้คุณตั้ง ท้องอยู่อย่ามาถามเรื่องธุรกิจพวกนี้เลย ถ้าเครียดมากๆ จะคลอดลูกที่น่ารักให้ผมได้อย่างไรครับ
“สำหรับคุณแล้วฉันมีคุณค่าแค่นี้เองใช่ไหมคะ?” ผลิน หันหลังให้อย่างโกรธๆ ไม่สนใจเขาอีก
ทําไมอีกล่ะ?”
“ตอนนี้คุณมีเรื่องปิดบังคันอีกแล้วหรอ
ยุดทำท่างๆ ทำให้ผมต้องมีเรื่องกับคุณด้วยละ?”
“คุณชอบเอาเรื่องตั้งท้องมาเป็นอย่างตลอดเวลา ไม่ ยอมให้ฉันมีส่วนร่วมบ้างเลย
เฮ้อ ปยุตหัวเราะบ่นร้องให้นมไม่ให้คุณมีส่วนร่วม ในชีวิตเลย ผมจะเล่าเรื่องท่านนมันคงตามหาลูกชายให้ คุณฟังทำไม?
“ที่ท่านนภันต์ตามหาลูกชายก็เรื่องหนึ่ง ฉันไม่สนใจ หรอกว่าเขาจะตามหาลูกชายสองหรือไม่ ฉันสนใจแค่ว่า คุณจะจัดการบังทัตตานั่นอย่างไรต่างหาก”
“คุณวางใจเถอะ มีข่าวดีเมื่อไหร่จะก็ผมจะบอกคุณ เป็นคนแรกเลย
ผลินยังคงไม่ค่อยพอใจ ช่างและถ้าคุณไม่อยากให้ ฉันถามเรื่องนี้อีก งั้นฉันย้ายไปอยู่ที่เมือง F เลยก็แล้ว
“คุณจะไปเมือง F ทำไมล่ะ?”
ปยุตถามด้วยความสงสัย
“จะให้ไปทำอะไรได้ล่ะ? ฉันก็จะไปเยี่ยมคุณลุงกับคุณ ป้าของฉันน่ะสิ”
“จะไปเยี่ยมนมนต์นั่นด้วยน่ะสิ?”
“ต๊ะ คุณรู้ได้ยังไงเนี่ย?
“คุณยังคิดจะไปเยี่ยมมันอีกหรือ?” ปยุตขมวดคิ้ว ความโกรธเริ่มจะปะทุขึ้นในใจ
แน่นอน นภนต์สองวันก่อนโทรหาฉัน ถามว่าเมื่อไหร่ ฉันจะไปเมือง F อีก ถ้าจะไปให้บอกเขาด้วย เขาจะพา ฉันไปกินร้านไก่ย่าง
“โอ้โห ผู้ชายคนนี้ช่างเอาใจใส่คุณดีจริงๆ
“ก็ใช่น่ะสิ เขารู้จักฉันมาสองปีกว่าแล้ว ใส่ใจฉันมา โดยตลอด”
“เอาแต่พูดถึงนภนต์ อะไรๆก็นภนต์ คุณเสียดายหรือ เปล่านี่ คุณน่าจะเลือกนภนต์ตั้งแต่แรกจะดีกว่าไหม ครับ?”
“ก็มีลูกกับคุณไปแล้วนี่ไง ยังจะพูดมากมายทำไมอีก เนี่ย”
“ทำไมผมฟังที่คุณพูดแล้วเหมือนรู้สึกว่าคุณเสียดายยังไงก็ไม่รู้?”
“ให้พูดจริงๆ ถ้าตอนแรกเลือกนภนต์ ก็คงจะดีอยู่ หรอก”
“ผลิน!”
ปยุตโกรธขึ้นมาแล้ว”ผมไม่ยอมให้คุณที่อุ้มท้องลูก ของผม แต่มัวไปคิดถึงผู้ชายคนอื่นหรอกนะ!”
“ฉันไม่ได้คิดถึงเขาสักหน่อย คุณนั่นแหละที่เปิด ประเด็นเรื่องนี้ขึ้นมาก่อน…..
“ผมเปิดประเด็นนี้ไม่ใช่เพื่อให้คุณพูดนอกเรื่องไป เรื่อย ทั้งเอาใจใส่ ทั้งตัวเลือกที่ไม่เลว คุณอยากให้ผม อกแตกตายหรือยังไงกันบ๊ะ?”
“ก็คุณอยากโมโหเองนี่คะ นภนต์เขา..
“ยังจะพูดถึงมันอีก!”
ในที่สุดปยุตก็ทนไม่ไหวอีกต่อไป จับเธอนอนลงบน เตียง จูบเธอที่ริมฝีปากเพื่อยับยั้งไม่ให้เธอพูดอะไร ออกมาได้อีก
กลางดึกคืนนั้นผลินฝัน เธอฝันว่าปยุตหาตัวลูกชาย ของท่านนภันต์เจอแล้ว นั่นคือเด็กผู้ชายที่หล่อเหลาเอาการเลยทีเดียว แต่ว่าเห็นแต่เพียงด้านหลังเท่านั้น ไม่เห็นหน้าเขาชัดๆ ยิ่งเธออยากจะเห็นหน้าเขาเท่าไหร่ คนคนนั้นยิ่งหลบหน้าเธอ เธอไล่ตามเขาอยู่ทั้งคืน จน กระทั่งรุ่งเช้าฟ้าสางสะดุ้งตื่น สุดท้ายก็ไม่เห็นใบหน้าที่ ชัดเจนของเขา
“คุณคะ เมื่อคืนฉันฝันค่ะ”
“ฝันถึงใครอีกล่ะ?”
“ฝันถึงลูกชายของท่านนภนต์ค่ะ”
“เห็นไหมว่าผมไม่ควรเล่าอะไรให้คุณฟังเลยจริงๆ เพิ่งจะเล่าเรื่องลูกชายของท่านนภันต์ไปหยกๆ คุณก็ เก็บเอาไปฝันเป็นตุเป็นตะแล้ว ผมก็รู้อยู่แล้วว่าสมอง ของคุณไม่ควรรับรู้อะไรมากเกินไป ยิ่งเล่าให้คุณฟัง มากๆ คุณก็จะยิ่งคิดมาก”
ผลินเป็นคนอย่างนั้นจริงๆ เธออยู่ที่ทำงานทั้งวัน เอาแต่หาเบาะแสเรื่องลูกชายของท่านนภันต์ ตอนบ่าย ชนัยเข้ามาหาปยุต เห็นเธอนั่งอยู่ที่ห้องเลขาด้วยท่าที งุนงง จึงเข้าไปทักเสียหน่อย“ผลิน คุณคิดอะไรอยู่?”
“อ่อ? เอ่อ เปล่าค่ะ”
ผลินตั้งสติได้ ย้อนถามไปว่า”มาหาประธานปยุตหรือ
คะ?”
“ใช่ครับ เขาอยู่ไหม?”
“อยู่ค่ะ เข้าไปเถอะค่ะ”
ชนัยพยักหน้า หันหลังกลับเดินตรงไปยังห้องทํา งานของปยุต เธอจ้องมองเบื้องหลังของเขา พลันคิด เชื่อมโยงถึงความฝันเมื่อคืนทันที ยิ่งคิดไปไกลถึงการ เป็นเด็กกําพร้าของชนัยแล้ว ทันใดนั้นเธอนึกขึ้นมาได้ ว่า ชนัย ใช่ลูกชายของท่านนภันต์หรือไม่……..
ยิ่งคิดยิ่งรู้สึกว่ามีความเป็นไปได้มาก เธอรอคอยเขา ออกมาอย่างวิตกกังวล หลังจากเวลาผ่านไป20กว่า นาที ชนัยก็ออกมาจากห้องทำงานของประธานปยุต เธอรีบวิ่งเข้าไปหาเขา”ฉันขอยืนยันเรื่องหนึ่งกับคุณ หน่อยได้ไหมคะ คือว่า….
“มีอะไรหรือ?”
ชนัยเห็นเธอพูดครึ่งๆกลางๆ แถมขมวดคิ้วแปลกๆ
ผลินกลืนน้ำลายแล้วกลืนน้ำลายอีก คำพูดติดอยู่ที่ริม ฝีปากเธอ รู้สึกว่าลำบากใจที่จะถามเขาว่าคุณมีไฝแดง ที่ต้นขาขวาด้านในหรือไม่
“ช่างเถอะ ไม่มีอะไรค่ะ คุณไปเถอะ”
เธอโบกไม้โบกมือ ไม่กล้าที่จะเอ่ยปากถาม ชนัยจ้องมองเธอด้วยความสงสัย แล้วก้าวเข้าลิฟท์ไป
รอจนประตูลิฟท์ปิดสนิทแล้ว ผลินรีบตรงไปหาปยุต ที่ห้องทำงาน พอเข้าห้องได้รีบบอก”ปยุต ฉันสงสัยว่า ชนัยอาจจะเป็นลูกชายของท่านนภันต์ค่ะ”
ปยุตกำลังเซ็นต์เอกสารอยู่ เขาถามโดยไม่ได้เงย หน้าขึ้นมา“คุณแน่ใจได้อย่างไรครับ?”
“ชนัย เป็นเด็กกำพร้า”
“ในโลกนี้ไม่ได้มีชนัยเป็นเด็กกำพร้าคนเดียวนี่ครับ”
“อายุของเขาไล่เลี่ยกับอายุของลูกชายท่านนภันต์
เลยค่ะ”
“คุณลักษณะที่ชัดเจนขนาดนี้ท่านนภันต์ไม่น่าจะ พลาดการตรวจสอบนะครับ”
เธอพูดประโยคหนึ่ง เขาแก้ต่างประโยคหนึ่ง เธอชัก จะเริ่มโมโหแล้ว ไม่ว่าจะใช่หรือไม่ใช่ เราก็ต้องยืนยัน ให้ชัดเจนอีกทีค่ะ”
ทำอย่างไรละครับ?”
“คุณโทรศัพท์หาชนัยเดี๋ยวนี้เลย ถามเขาว่ามีไฝที่ขา
ไหม”
“เมื่อกี้ผมเพิ่งจะถามไปเอง ไม่มีครับ
ผลินอึ้งไป เธอไม่ยอมแพ้บอกว่าเป็นไปไม่ได้ ชนัย จะต้องรู้สึกไม่สบายใจจึงไม่ยอมรับ ถ้าให้แฟร์ให้เขากับ ท่านนภันต์ไปตรวจ DNA กันตรงๆจะได้รู้กันไปเลย ทั้ง ง่ายและแม่นยำด้วย”
ปยุตเซ็นต์เอกสารฉบับสุดท้ายเสร็จ เงยหน้าขึ้นมาพูด ว่า”ชนัยก็จะคิดว่าคุณน่ะบ้าไปแล้ว
“ถ้าเขาจะหาว่าฉันบ้าก็ไม่เป็นไร ฉันจะบอกคุณให้ก็ได้ ว่าลางสังหรณ์ของฉันนั้นแม่นยำ ฉันรู้สึกว่าชนัยจะต้อง เป็นลูกชายของท่านนภันต์แน่ๆ เบื้องหลังในความฝัน ของฉันเมื่อคืนนี้คล้ายคลึงกับเบื้องหลังของเขามาก”
“พอได้หรือยัง”
ปยุตเริ่มไม่สบอารมณ์“สถานะคุณตอนนี้คือกำลังตั้ง ท้อง ไม่ใช่เชอร์ล๊อคโฮม ดังนั้นไม่ต้องพยายามคาด เดาอะไรทั้งนั้น เรื่องของลูกชายท่านนภันต์ ผมเป็น คนจัดการเอง ถ้าคุณยังไม่เชื่อฟังผมละก็ ตั้งแต่พรุ่งนี้ เป็นต้นไปก็เชิญอยู่ที่บ้านดูแลตัวเองให้สบายใจ ไม่ต้อง มาทํางานอีก”
ผลินหมดหนทางที่จะทำให้ปยุตเข้าใจเธอได้ ในใจ รู้สึกไม่ค่อยพอใจ เธอจะไม่ยอมหยุดแค่นี้แน่ ตอนเย็น กลับถึงบ้าน เธอเข้าไปหาคุณหนูเล็ก
“ปาณี ฉันขอถามเรื่องที่ค่อนข้างส่วนตัวหน่อยได้ไหม จ๊ะ”
“ค่ะ เรื่องอะไรคะ พี่ถามมาสิคะ”
“ที่ต้นขาขวาด้านในของชนัย มีไฟสีแดงขนาดเท่าเล็บ มือบ้างไหมจ๊ะ?”
คุณหนูเล็กหน้าแดงยันไปถึงใบหู พูดอย่างอายๆว่า “พี่ สะใภ้คะ คุณถามคำถามที่น่าอับอายขนาดนี้ ฉันจะไปรู้ ได้อย่างไรละคะ”
“อย่ามาหลอกพี่หน่อยเลย คิดว่าพี่ไม่รู้หรือยังไงว่า เราสองคนพัฒนาไปถึงขั้นไหนกันแล้วน่ะ เธอไม่ได้ กลับบ้านตั้งหลายวัน ยังมีหน้ามาพูดอีกหรือว่าไม่ได้ไป อยู่กับชนัยนั่นน่ะ?”
ปาณีถูกต้อนจนเกือบจนมุม ทันใดนั้นเธอรู้สึกอับอาย มากขึ้นไปอีก ตอบออกมาแบบกลืนไม่เข้าคายไม่ ออก“ค้างคืน……..ใช่ค่ะค้างคืน แต่ฉันก็ไม่รู้จริงๆว่าที่ขา ของเขามีสิ่งนั้นหรือไม่ ฉันไม่ได้สังเกตตรงนั้นเลยค่ะ”
“ไม่เคยเห็นสักครั้งเลยหรือ?”
“คะ ปกติพวกเรามักปิดไฟ…..
ผลินถอนหายใจ“ดูเหมือนว่าจะต้องรบกวนให้เธอช่วยยืนยันเรื่องนี้ให้แล้วล่ะ”
“อะไรนะคะพี่สะใภ้?”
ปาณีไม่ค่อยเข้าใจว่า ทำไมเธอถึงมาถามเรื่องที่ขา ของชนัยมีไฝหรือไม่
“เรื่องมันเป็นอย่างนี้……
ผลินไม่ได้ปิดบังคุณหนูเล็ก เธอเล่าเรื่องลูกชายของ ท่านนภันต์ให้ฟังรอบหนึ่ง เมื่อปาณีฟังเธอเล่าจบแล้ว ก็ ตกตะลึงทำตาโตอ้าปากค้าง“คุณหมายความว่า ถ้าชนัย เขามีไฝนั้นที่ต้นขาละก็ เขาก็จะไม่ใช่เด็กกำพร้าอีกต่อ ไปใช่ไหมคะ?”
“ใช่”
“สวรรค์ทรงโปรด ฉันจะโทรไปถามเขาเดี๋ยวนี้แหละ!”
ปาณีรีบกระตือรือร้นหยิบโทรศัพท์ออกมา โทรไปหา ชนัยทันที แต่ว่ากลับติดต่อไม่ได้”แปลกจัง ทำไมถึง โทรไม่ติดนะ..
เธอโทรอีกครั้งหนึ่ง ก็ยังติดต่อไม่ได้อยู่ดี ผลินยัก ไหล่“ช่างเถอะ ก็ไม่ได้รับขนาดนั้น ยังพอมีเวลาที่จะ ยืนยัน”
“ท่านนภันต์อะไรนั่นเขาเป็นคนอย่างไรคะ?”
“พี่ก็ยังไม่เคยเจอนะ ได้ยินพี่ชายหนูบอกว่าคนคนนี้ก็ ไม่เบานะ อยู่ทั้งฝ่ายธรรมและอธรรม”
“ร้ายกาจขนาดนั้นเลยหรือคะ?” คุณหนูเล็กสายตา เป็นประกาย ถ้ามีคุณพ่อสามีแบบนั้นจริงๆละก็ อำนาจ ล้นหลามเลยล่ะ.………..
ตอนเย็นทานข้าวเสร็จแล้ว ทุกคนในบ้านพร้อมหน้า พร้อมตากันคุยเรื่องสัพเพเหระอยู่ที่ห้องรับแขก บังเอิญ ชนัยมาพอดี ปาณีดีใจรีบวิ่งเข้าไป“อ้าว คุณมาทำไม คะ?”
“ผมมีเอกสารให้พี่ชายคุณฉบับหนึ่ง เขาอยู่ไหม ครับ?”
“อยู่ข้างบนค่ะ เมื่อตอนเย็นฉันโทรหาคุณ ทำไม ติดต่อไม่ได้คะ?”
ชนัยนึกอยู่ครู่หนึ่ง “ตอนนั้นผมน่าจะอยู่ในศูนย์บริการ สปาเท้า อาจจะไม่มีสัญญาณมั้งครับ”
“ศูนย์บริการสปาเท้า?” ปาณีชักจะไม่ค่อยพอใจ”คุณ ไปทำอะไรที่ศูนย์บริการสปาเท้าละคะ? ไปให้ผู้หญิง นวดเท้าให้หรือยังไงกันคะ?”
“ไม่ใช่ครับ ไปรับรองลูกค้าครับ”
“รับรงรับรองอะไรกัน ทำไมต้องไปรับรองที่ศูนย์ บริการสปาเท้านั่นด้วย? ทำไมไม่ไปโรงแรมหรือKTVล่ะ คะ?”
“ลูกค้าร้องขอมาครับ เราต้องตามใจลูกค้าสิครับ”
“คุณโกหก……
เธอปล่อยแขนเขาอย่างหงุดหงิด ยืนหน้าบึ้งตึงอยู่ ข้างๆ
“เอาละ ปาณี การไปรับรองที่ศูนย์บริการสปาเท้า นั้นเป็นเรื่องธรรมดามาก จะโมโหไปทำไมกันในเมื่อ ที่ไหนๆก็เป็นไปได้ทั้งนั้นแหละ เธอกลัวว่าเขาจะไป ที่ศูนย์บริการสปาเท้านั้นหาผู้หญิง แล้วที่ KTV หรือ โรงแรมล่ะไม่มีผู้หญิงนั้นหรือ?”
ผลินพูดขึ้นมาในเวลาที่เหมาะสมพอดี หญิงชรา ต่อ“ใช่ เห็นด้วย ชนัยเขาไปทำงานแทนพวกเรา แทนที่ แกจะขอบคุณเขากลับไปต่อว่าเขาเสียนี่
เธอโบกไม้โบกมือมาทางที่นั่งข้างๆเธอ”ชนัย นั่งก่อน สิ” ชนัยนั่งลงที่ข้างๆหญิงชรา
“เธอคิดว่าจะแต่งงานกับปราณีเมื่อไหร่ดี?”
ขณะนี้ปาณีกำลังนั่งอยู่ข้างๆพี่สะใภ้ อยู่ตรงข้ามกับ ชนัยและคุณแม่ซึ่งๆหน้า ได้ยินคำถามที่คุณแม่ถาม ออกไป ใบหน้าของเธอแดงขึ้นเล็กน้อย นัยน์ตาทั้งสอง ข้างส่งสายตารอคอยคำตอบจากชนัยอย่างมีความหวัง
อันนี้ต้องแล้วแต่ปาณีเลยครับ ถ้าเธอพร้อมที่จะ แต่งงานกับผมละก็ ผมมาขอได้เลยครับ”
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ