ภรรยาคนที่เจ็ดของประธาน

ตอนที่ 209 บอกความในใจ



ตอนที่ 209 บอกความในใจ

พยายามหลับตาให้สนิท ปยุตผล็อยหลับไป สองปีแล้ว ในที่สุดเขาก็สามารถนอนหลับได้สนิท

ในตอนรุ่งสาง เขาพลิกตัว และโอบผู้หญิงเอาไว้ด้วย สัญชาตญาณ แต่พยายามโอบอยู่ตั้งนานแต่ก็ไม่พบตัวผู้ หญิงคนนั้น เขาตกใจรีบกดเปิดไฟโคมไฟที่ข้างเตียง ผลิน อยู่ที่ไหนถึงไม่ได้นอนอยู่บนเตียง ข้างกายของเขาว่าง เปล่า

ปยุตเปิดผ้าห่มและลุกขึ้นจากเตียง เขาเดินตรงไปที่ ห้องนอนของผลิน คลายเกลียวที่จับประตูและมองหา หัวใจ ของเขาห่อเหี่ยวลง ที่บนเตียงขนาดใหญ่กลางห้องนอน นั้น มีคนคนหนึ่งนอนอยู่ซึ่งมีจังหวะการหายใจสม่ำเสมอ ใบหน้าเงียบสงบ…

ความกดดันในใจที่สะสมมาอยู่เป็นเวลาสองปีก็หายไป ปยุตเป็นเหมือนสายลมในฤดูใบไม้ผลิ ในที่สุดใบหน้าที่เย็น ชาของเขาก็ปรากฏรอยยิ้มขึ้นเล็กน้อย

วันจันทร์เป็นวันที่ผลิตภัณฑ์ใหม่ออกสู่ตลาด บริษัทรัก ผลินทุกคนล้วนปลาบปลื้มตั้งแต่ผู้บริหารจนถึงพนักงาน การเปิดตัวผลิตภัณฑ์นั้นราบรื่นมาก งานเลี้ยงในตอนกลาง วันได้จองโรงแรมเอาไว้แล้ว ปยตไม่เห็นผลินมาร่วมงาน

เขาสงสัยเลิกคิ้วขึ้น เขาถือแก้วไวน์ดื่มพร้อมไปกับผู้คน แต่จิตใจของเขากลับล่องลอยไม่อยู่กับเนื้อกับตัว หัวหน้าทีมวิจัยและพัฒนาได้เข้าไปถาม “ประธานปยุต มองหาใคร หรือครับ”

“คุณผลินทำไมไม่อยู่ที่นี่

เขาแกล้งทำเป็นถามอย่างสบายๆ

“อ้อ คุณผลินบอกว่าติดธุระครับ หลังจากประชุมผล ประกอบการปีที่แล้วเสร็จเรียบร้อยแล้วเธอก็ออกจากบริษัท ไป”

หัวใจของปยุตปรากฏความไม่สบายใจขึ้นเล็กน้อย แต่ มันกลับไม่ปรากฏขึ้นบนใบหน้า เขาพยักหน้า “เอาล่ะ ผมรู้ แล้ว”

งานเลี้ยงฉลองดำเนินไปตั้งแต่เที่ยงจนถึงเย็น ในตอน ท้ายของงาน ปยุตแอบหลบกลับบ้านไป เขาวิ่งขึ้นไปที่ชั้น บนและตะโกนเรียก “ผลิน ผลิน คุณอยู่บ้านรึเปล่า”

ไม่มีใครตอบเขา เขาผลักประตูห้องนอนเปิดออก ไม่มี คนอยู่ด้านใน เขาลองเรียกเธอดู โทรศัพท์หาเธอ แต่ได้รับ การแจ้งว่าปิดเครื่อง

ความวิตกกังวลใจของปยุตนั้นเริ่มมากขึ้นเรื่อยๆ เขากด ปุ่มอินเตอร์คอมเรียกแม่บ้านที่ห้องนั่งเล่น พ่อบ้านนำซอง จดหมายออกมาจากกระเป๋าเสื้อของเขาและมอบให้กับปยุต “นายน้อยครับ นี่คือสิ่งที่คุณผู้หญิงสั่งให้ผมมอบให้กับมือ นายน้อยครับ”
เขารีบรับมันไว้และแทบรอไม่ไหวที่จะเปิดอ่าน ไม่รู้ว่า เมื่อเห็นจดหมายอย่างนี้ คุณจะร้อนรนเรียกหาฉันหรือไม่ อาจจะไม่ ฉันคิดว่าน่าจะเป็นอย่างนั้น ฉันไปแล้ว ในเมื่อตอน นี้คุณไม่ต้องการฉันอีกต่อไปแล้ว ขอให้คุณมีอนาคตที่ดี เพราะฉันจะไม่กลับมาหาคุณอีกเป็นครั้งที่สาม

ปยุตโทรหาผลินอย่างบ้าคลั่ง เสียงอันอ่อนโยนของคุณ ในหัวบอกกับผมว่าอย่าเพิ่งท้อใจ แต่โทรศัพท์ของคุณก็ กลับปิดเครื่องอยู่

เขารีบรุดไปที่สนามบินอย่างรวดเร็ว แต่กลับพบว่าเที่ยว บินสุดท้ายที่จะไปเมือง F ได้ออกไปแล้วตั้งแต่ครึ่งชั่วโมง ก่อน

หัวใจของปยุตรู้สึกเหมือนกับโพรงที่เพิ่งถูกขุดออกมา เขายืนอยู่ที่สนามบินเป็นเวลาสองชั่วโมงใช้เวลาหมดไปกับ การสูบบุหรี่หนึ่งซอง

เช้าวันรุ่งขึ้น เขาไปที่สนามบินอีกครั้งและขึ้นเครื่องบิน เที่ยวบินที่เช้าที่สุดที่จะไปเมือง F

ทีปินาได้พบกับปยุตเป็นครั้งที่สอง ท่าที่ของเธอยังคง เฉยเมยต่อเขา แต่เมื่อเปรียบเทียบกับเมื่อครั้งแรกที่พบเจอ ระดับความประหลาดใจก็น้อยลงมาก

“คุณป้า ผลินกลับมารึเปล่าครับ”

“ผลินไม่ได้กลับมา
เธอตอบเขาไปอย่างไม่เต็มใจ สายตาของความไม่พอใจ นั้นเกินคําจะบรรยาย

ปยุตกลับไม่เชื่อ เขาพูดด้วยเสียงแหบแห้ง “คุณป้าครับ ผมรู้ว่าคุณป้ามีอคติกับผม แต่ได้โปรดบอกผมเถอะว่าผลิน อยู่ที่ไหน ผมมีบางอย่างอยากจะพูดกับเธอครับ”

“ฉันบอกแล้วว่าผลินไม่ได้กลับมา ถ้าเธอไม่เชื่ออยากจะ นั่งรอที่นี่ก็ได้”

น้ำเสียงของทีปินาค่อนข้างกระวนกระวายใจ ปยุตนั่งลง รอจริงๆ ก่อนลงจากเครื่องเขาได้โทรหากลุ่มบริษัททรัพย สานแล้ว และได้รับการยืนยันว่าผลินไม่ได้กลับไปทำงานที่ บริษัท

เขารออยู่ตลอดทั้งวัน ตีรณกลับมาจากท่าเรือในตอน เย็น เมื่อเห็นเขาก็แสดงท่าทางที่ไม่ดีออกมา และถามอย่าง เย็นชาว่า “คุณมาทำอะไรที่นี่”

“ตีรณ เขามาหาผลิน

ทีปินาชิงตอบไป

“ผลินไม่ได้อยู่กับคุณอย่างนั้น ทำไมอยู่ดีๆตอนนี้มาตา มหาที่บ้านเรา” ลุงตีรณก้าวไปข้างหน้าเพื่อคว้าปกคอเสื้อ เขาไว้ “คุณไปทำอะไรเข้าอีก ถึงทำให้เธอต้องหนีไป

ปยุตไม่ได้อธิบายอะไรและถามออกไปอย่างสงบนิ่ง “ได้โปรดบอกผมเถอะครับว่าเธออยู่ที่ไหน

“พวกเราไม่รู้! คุณออกไปจากบ้านเราเดี๋ยวนี้! ยังทรมาน หลานสาวเราไม่พอใช่ไหม!

ตีรณขว้างปยุตออกจากบ้านอย่างรุนแรง ปยุตมองไปที่ ประตูซึ่งปิดใส่หน้าเขา เขากลับไม่รู้สึกท้อแท้ หันหลังกลับ และเดินออกจากบ้านรถไป แต่เดินออกไปไม่ได้ไกล เขา แอบซุ่มดูอยู่ที่ซุปเปอร์มาเก็ตบริเวณใกล้เคียง

แน่นอนว่าเขาไม่ได้คาดหวังอะไร รอไปได้สักชั่วโมง หนึ่ง เขาก็เห็นตีรณและภรรยาออกจากบ้านไป

ปยุตเรียกรถแอบตามไปอย่างเงียบๆ รถไปหยุดที่ด้าน หน้าของอาคารแห่งหนึ่ง เขายืนแอบอยู่ในมุมมืด สายตาก็ มองเห็นว่ามีรถและภรรยากำลังเดินเข้าไป

คืนนี้เขาพักอยู่ที่โรงแรม เมื่อฟ้าสางเขาก็ออกจาก โรงแรมไปยังสถานที่ที่เขาติดตามพวกเขาไปเมื่อคืน เขา ผลักประตูไม้สีขาวให้เปิดออก และเดินเข้าไปยังลานด้านใน เขายกมือขึ้นและเคาะประตูที่อยู่ตรงหน้า

เคาะอยู่นานกว่าประตูจะเปิดออก คนที่ยืนอยู่เบื้องหน้า เป็นบุคคลผู้ซึ่งเขากำลังตามหา ผลินนั่งเอง

ผลินตกตะลึงที่เห็นเขา ในสายตาเธอมีความประหลาด ใจแต่มันก็หายวับไป ในไม่ช้าเธอก็สงบลงและถามอย่างนิ่ง เงียบ “คุณหาฉันเจอได้อย่างไรคะ”
“ถ้าหัวใจต้องการที่จะหาล่ะก็ ต่อให้ต้องแทรกแผ่นดิน หา ฉันก็จะหาจนเจอให้ได้”

“อ่า แล้วตามหาฉันทำไมคะ”

“เธอนี่ชอบหนีออกจากบ้านรึยังไง”

ปยุตถามอย่างประชดประชัน

ผลินหัวเราะราวกับได้ฟังเรื่องขำขัน “นี่คุณกำลังจะบอก ฉันว่า คฤหาส์นภาเป็นบ้านของฉันอย่างนั้นหรือคะ”

“ถ้าไม่ใช่บ้านเธอแล้วจะเป็นอะไร”

“ฉันเป็นเจ้าของบ้านในฐานะภรรยาหรือว่านายหญิงกัน แน่คะ ถ้าเป็นบ้านของภรรยาทำไมสามีและฉันถึงแยกกันอยู่ ถ้าหากเป็นบ้านของนายหญิงทำไมเมื่อมีคนอยากไล่ให้ฉัน ไปเมื่อไหร่ก็ต้องไป

“ไม่มีใครกล้าไล่เธอหรอก!”

ปยุตโกรธและคำราม

“ถ้าหากฉันจำไม่ผิด เมื่อคืนก่อนคุณยังถอนหายใจไล่ ฉันให้ไปอยู่ไกลๆคุณ ให้ฉันไปอยู่กับคนอื่นอยู่เลยนี่คะ”

“นั่นเป็นเพราะคุณอยู่ใกล้นภนต์มากเกินไป”
“นั่นไม่ใช่เพราะฉันสนิทสนมกับนานมากเกินไปแต่ เป็นเพราะว่าคุณไม่ไว้ใจฉัน ไม่เชื่อใจว่าฉันจะไม่มีความ สัมพันธ์ใกล้ชิดกับ ชายอื่นใดที่ไม่ใช่คุณ แล้วฉันล่ะ ถึง แม้ว่ามันจะชัดเจนอยู่แล้วว่าคุณมีความสัมพันธ์เช่นใดกับ วารี แต่ฉันก็ไม่เคยพยายามบี้หาคำ ตอบ นั่นเป็นเพราะฉัน เชื่อว่าระหว่างพวกคุณไม่ได้มีอะไร ฉันไม่ได้ถามไม่ได้แปล ว่าฉันไม่สนใจ ฉันไม่ถามเพราะว่าฉันเชื่อใจ คุณ หรือง่ายๆ คือฉันไว้ใจ แต่คุณกลับไม่มีสิ่งนี้ให้กับฉัน เมื่อเวลาที่ฉัน และนภนต์อยู่ด้วยกัน ความรู้สึกผิดและรู้สึกโทษตัวเองที่ ฉันมีนั้นคุณไม่สามารถเข้าใจมันได้เลย เพราะว่ารักคุณ เลย ทําให้ฉันกลายเป็นคนเห็นแก่ตัว ในสายตา ในหัวสมอง และ ในหัวใจ ทั้งหมดมีแค่คุณเพียงคนเดียว ถึงขนาดนี้แล้วคุณก็ ยังไม่เข้าใจอีก

นํ้าตาของผลินหยดลงเหมือนเม็ดฝน ที่จริงแล้วเธอรู้สึก ว่าหัวใจของเธอทำผิดพลาดไป มัวแต่คิดหมกมุ่นอยู่แต่เรื่อง ของปยุต ไม่ได้ดูแลความรู้สึกในใจของตัวเอง

น้าตาของเธอหยดไปที่หัวใจของปยุต เขาก้าวออกไป ข้างหน้าและกอดเธอเอาไว้ เธอกลับผลักเขาออกและผละ ไปทางด้านหลัง “อย่าเข้ามาค่ะ”

เมื่อเห็นว่าเธอผลักตัวหนีออกจากเขา หัวใจของป รู้สึกอึดอัดมากขึ้นเรื่อยๆ “ผลินไม่ใช่อย่างนั้น ผมไม่ได้ แสดงออกว่ารับรู้เพราะผมแสดงออกไม่ค่อยเป็น แต่ผมไม่ เคยสงสัยในตัวคุณ แต่เป็นเพราะผมอิจฉานภนต์ที่งอนคุณ ได้ เมื่อคืนนั้นพอผมรู้ว่าคุณจะไปจริงๆ ผมตกใจมาก ความ คิดเดียวที่ผมมีคือผมไม่มีคุณไม่ได้
“ไม่ต้องพูดอย่างนี้อีกแล้ว” ผลินขัดจังหวะด้วยความ โกรธ เธอพูดทั้งน้ำตา “ตั้งแต่กลับมาคืนดีกัน ฉันก็รู้สึกว่าฉัน ไม่ได้สำคัญกับคุณเท่าไหร่ ฉันต้องคอยหมุนรอบตัวคุณอยู่ ตลอดเวลา ตั้งแต่ต้นจนถึงตอนนี้ก็เป็นอยู่อย่างนั้น!

เธอกระแทกปิดประตูห้อง ไม่อยากต่อความยาวกับปยุต อีกต่อไป คำพูดบางคำยิ่งพูดยิ่งทำให้สถาณการณ์ยิ่งเลว ร้าย พูดออกมาแล้วยิ่งจะทำให้เจ็บปวดใจ

“ผลิน ที่จริงแล้วคุณไม่ได้รับรู้ถึงความรักที่ผมมีต่อคุณ เลยตั้งแต่เราคืนดีกันเลยใช่ไหม ใช่ ตอนแรกผมไม่สนใจ คุณ นั่นเป็น เพราะผมคิดว่าคุณได้พบคนที่ดีแล้ว และผมเอง ก็เป็นอย่างนั้นอีก ดังนั้นผมจึงไม่ต้องการทำลายความสุข ของคุณ แต่ผมก็ไม่ สามารถอดกลั้นความรักที่มีต่อคุณเอา ไว้ได้ ทุกครั้งที่บอกตัวเองว่าไม่ให้ไปยุ่งเรื่องของคุณ แต่ ผมก็ไม่สามารถห้ามใจตัวเองได้ วันนั้นที่คุณหาว่าผมกวนใจ คุณในคืนนั้น คุณก็อาจจะรู้ว่าผมกำลังสับสน ผมรู้สึกว่าไม่ สามารถทนรับได้อีก ผมถึงบอกคุณว่าให้ คุณเดินจากไป ผม คิดว่าถ้าคุณจากไปแล้วผมจะได้ไม่ต้องเจ็บปวด แต่เมื่อคุณ หันหลังกลับและกำลังจะเดินจากผมไปจริงๆ หัวใจของผมก็ เหมือนถูกเปิดออก ความรู้สึกนั้น เจ็บปวดยิ่งกว่าความตาย เสียอีก…

“ถ้าคุณไม่สำคัญกับผมแล้วจริงๆ ทำไมผมถึงต้องหึง ผม เข้าใจตลอดมาว่าระหว่างคุณกับผมเรารับรู้ถึงความรักที่เรา มีต่อกันเสมอ ถึงแม้ไม่ได้พูดออกมาให้คุณเข้าใจ…

“ผมทำเป็นเย็นชา ไม่ได้แสดงความรู้สึกใดๆ ถึงแม้ผมอยากจะพูดกับพ่อของผมอย่างจริงจังว่าผมรักเขา พอท่าน เสียแล้วผมถึงสามารถที่จะบอกคำพูดประโยคนี้กับเขา ได้ ผมมีเงินมาก มีภาพวาดที่มีราคามากมาย มีคนที่รักผม มากมาย มีเรื่องที่อยากจะทำอีกมาก แต่ในบรรดาสิ่งต่างๆ เหล่านี้ คุณเป็นสิ่งที่มีค่าที่สุดสำหรับผมเสมอ ไม่มีสิ่งใด ทดแทนได้

คำพูดจากใจของปยุตทั้งหมดไม่ได้เกิดผลกระทบอะไร ต่อหัวใจของผลินทั้งนั้น ประตูเหล็กทางด้านในยังคงไม่เปิด ออก เขายืนอยู่อย่างนั้นเป็นเวลานาน จนในที่สุดก็จากไป ด้วยความเงียบสงบ

หลังจากที่ปยุตไปแล้ว ผลินร้องไห้อยู่เป็นเวลานาน ไม่ใช่ไม่สามารถให้อภัยได้ แต่แค่ยอมรับไม่ได้ ทำไมเวลา ที่ดีๆก็มาสารภาพกับเธอ เวลาไม่ดีก็ผลักไสเธอออกไป เธอ คิดว่าความรักไม่ควรเป็นเช่นนี้ ความรักที่แท้จริง ไม่ว่าจะ เกิดอะไรขึ้นก็ตาม ควรที่จะร่วมทุกข์ร่วมสุขไปกับคนที่รัก ไม่ว่าจะดีร้ายอย่างไรก็ตาม

ผลินครุ่นคิดอยู่เป็นเวลานาน ในที่สุดเธอก็โทรหานานต์ เธอบอกที่อยู่ของตัวเองแก่เขา หลังจากนั้นไม่นานนานต์ก็ มาถึงที่พักชั่วคราวของเธอ

“คุณกลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่

เมื่อพบหน้ากัน นภนต์ก็รู้สึกประหลาดใจมากเพราะเขา คิดว่าเธอยังอยู่ในเมือง B
“กลับมาหลายวันแล้วค่ะ”

ผลินตอบและกระพริบตา เธอพาเขาไปที่ห้องนั่งเล่น และชี้ไปที่โซฟา “เชิญนั่งก่อนค่ะ”

เธอรีบเข้าไปในห้องครัวและนำบะหมี่ออกมาหนึ่งชาม เขายิ้มและแกล้งแซว “นี่ ผมไม่ได้บอกว่าผมหิวสักหน่อย”


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ