ตอนที่ 206 เกลี้ยกล่อมคุณ
“รอสักครู่”
เธอกังวลว่า “ถ้าเกิดว่า….มันเหมือนวันก่อนๆขึ้นมาล่ะก็ ฉันไม่อยากทนทุกข์อีกแล้วล่ะ”
ความปรารถนาอันร้อนแรงของปยุตดูเหมือนว่าจะโดน นําเย็นราดรดลงไป เมื่อสักครู่เขาลืมเรียงลําดับเรื่องราว พูด จี้ไปที่ใจ ของเธอ ทําให้เสียบรรยากาศ
“เอ่อ…” ผลินอดไม่ได้ที่รู้สึกประหลาดใจ “ปยุต คุณนี่ เยี่ยมจริงๆ ครั้งนี้พวกเราต้องทำสำเร็จแน่
พอเธอพูดจบ ก็พบว่ามีบางอย่างผิดปกติ เธอรู้สึกถึง ความหนาวเหน็บ หัวใจของเธอเต้นไม่เป็นจังหวะ พอคิด ทบทวนแล้ว ก็รู้สึกผิดหวังอีกครั้ง
ผลินตั้งตารอจนเผลอกัดลิ้นตัวเองไปทีหนึ่ง ทำไมเธอ ถึงบอกว่าพวกเราจะต้องทำสำเร็จแน่ เธอควรจะรู้ว่า ยิ่งปยุต รู้สึกถึงแรง กดดันภายในใจเขามากยิ่งขึ้นเท่าไหร่ เขาจะยิ่ง เป็นกังวลมากยิ่งขึ้นว่าจะทำให้เธอผิดหวัง แต่เมื่อเกิดความ ตึงเครียดขึ้น สิ่งที่ ควรจะประสบความสำเร็จก็อาจจะกลาย เป็นความล้มเหลวได้
เมื่อเห็นชายหนุ่มที่ด้านข้างก้มหน้าลงท้อใจ เธอรู้สึกผิด และเคลื่อนตัวเข้าไปหา “ปยุต ฉันขอโทษ ครั้งนี้ฉันผิดเอง ฉันพูดมากเกินไป เรามาเริ่มกันใหม่นะคะ”
ปยุตโอบที่ไหล่และอุ้มเธอขึ้น จากนั้นจึงก้าวเดินออก จากห้อง วางเธอลงบนเตียง เตือนเธออย่างเร่าร้อน “ครั้ง หน้าถ้าคุณกล้าเบรคผมอีกล่ะก็ ผมจะโยนคุณออกไปนอก หน้าต่างเลย! ”
เขาหันตัวกลับอย่างอารมณ์เสียแล้วเดินไป เธอมองไป ที่ประตูห้องที่ถูกปิดลงอย่างแรง ผลินม้วนพันผมของเธอ เธอกำลังทำอะไรน่ะ ช่วยเขาอย่างนั้น หรือว่าจะทำให้เสีย เรื่อง เห็นได้ชัดว่าอีกนิดเดียวก็จะสำเร็จแล้วเชียว…
ในวันหยุดสุดสัปดาห์ ผลินตัดสินใจออกไปช้อปปิ้งกับ แม่สามี อารมณ์ของแม่สามีดีขึ้นมากเพราะว่าเธอได้ให้อภัย เธอแล้ว
ปยุตเดินลงมาที่ชั้นล่าง เธอโบกมือให้อย่างรวดเร็ว “วัน นี้คุณว่างไหมคะ ฉันกับคุณแม่ว่าจะออกไปซื้อของกัน คุณ ขับรถพาพวกเราไปได้ไหมคะ”
“บ้านนี้ไม่มีคนขับรถหรือยังไง” เขากรอกตา
“ฉันกลัวว่าคุณอยู่บ้านคนเดียวอาจจะเบื่อน่ะ”
ผลินอธิบาย
“ถ้าไม่เห็นผมลงมา ก็จะออกไปข้างนอกกันเองอยู่ดีใช่ ไหมล่ะ”
“จะไปไหนกันล่ะ
“ไม่เกี่ยวอะไรกับคุณสักหน่อย”
ปยุตยังไม่หายเคืองเธอที่เมื่อคืนทำเสียเรื่อง การพูดคุย กับเธอก็เหมือนกับกำลังถือปืน ได้กลิ่นคราบดินปืนอยู่ทั่ว
“แม่คะ เราไปกันเถอะค่ะ”
ผลินควงแขนแม่สามีมั่น ทั้งสามคนทยอยเดินออกจาก บ้านตามกันไป
รถยนต์สองคันขับออกจากหน้าประตูใหญ่ตามกันไป แต่ ในทันใดรถคันหน้ากลับหยุดชะงักกระทันหัน
“เกิดอะไรขึ้น”
คุณนายบ้านทรัพยสานถามคนขับรถด้วยความตกใจ
“ไม่ทราบครับ อยู่ๆคุณหนูก็หยุดรถครับ ผมจะลงไปดูว่า เกิดอะไรขึ้น”
“ไม่ต้องหรอก หนูไปเองค่ะ”
ผลินเปิดประตูออก เดินไปข้างหน้าได้สองก้าว ทันใดนั้น ดวงตาเธอก็เบิกโตยิ่งกว่าไข่ห่าน “ปาณี…
เธอตกใจยกมือขึ้นปิดปาก ทันใดนั้นก็หันมาตะโกน “แม่ คะ ปาณีค่ะ ใช่ปาณีจริงๆ ปาณีกลับมาแล้วค่ะ!”
ปยุตได้ลงจากรถแล้ว เดินไปตรงไปที่เบื้องหน้าของ น้องสาว ยื่นแขนกางออกกอดน้องสาวของเขา
เมื่อหญิงชราได้ยินชื่อของปาณี ยังหลงคิดไปว่าหูตัว เองแว่วไป จนกระทั่งคนขับรถให้สติเธอ “คุณผู้หญิงครับ คุณหนูกลับมา แล้วครับ”
เธอกระโดดลงจากรถอย่างบ้าคลั่ง มองเห็นลูกสาวที่โต เต็มที่แล้วอยู่ห่างไปเพียงไม่กี่เมตรเท่านั้น เธอร้องไห้ด้วย ความเสียใจ “ปาณี ลูกสาวของแม่!”
แม่และลูกสาวกำลังจับมือกันร้องไห้ ผลินเห็นภาพการก ลับมาพร้อมหน้าครอบครัวเช่นนี้ก็อดที่จะน้ำตาไหลซึมตาม ไปด้วยไม่ ได้ ทั้งครอบครัวพากันกลับมาที่ห้องนั่งเล่น หญิง ชรายังคงร้องไห้กับลูกสาวของเธอ ปาณีก็ร้องไห้เช่นกัน ถึงระยะเวลาสองปีจะ ไม่ได้นานมาก แต่ความคิดถึงคนใน ครอบครัวที่ต้องห่างกันนั้นกลับรู้สึกยาวนานเหลือเกิน
หลังจากที่ปาณีร้องไห้อยู่เป็นเวลานาน ก็เงยหน้าขึ้น มอง “พ่อของหนูล่ะคะ”
ทันใดนั้นบรรยากาศก็ตึงเครียด ผลินค้อนควับไปที่ปยุต ใบหน้าของเขาดำคล้ำเหมือนถูกปกคลุมไปด้วยก้อนเมฆ และแล้วแม่ สามีก็นําตาไหลริน
ปาณีรู้สึกตื่นตระหนก มีลางสังหรณ์ใจที่ไม่ดีขึ้นมา เธอ จับมือของคุณแม่และพูดว่า “แม่คะ พ่อหนูเป็นอะไรไปคะ”
หญิงชราไม่พูดเอาแต่ร้องไห้ เธอจึงหันไปถามปยุต “พี่ พ่อล่ะคะ พ่อหนูไปไหนคะ”
ปยุตไม่พูดจา ทําให้ปาณียิ่งรู้สึกตื่นตระหนกขึ้นไปอีก “เกิดอะไรขึ้นกับพ่อคะ พ่อหนูประสบอุบัติเหตุอะไรหรือ เปล่าคะ”
น้ำตาของผลินถูกกลั้นไว้ไม่อยู่ ไหลรินออกจากทั้งสอง ตา เธอสะอื้นและพูดว่า “พ่อของเธอ เสียชีวิตแล้ว….
ป้ง ปาณีเป็นลมล้มลงกองกับพื้น คนที่เธอคอยคิดถึงอยู่ ทุกวัน ในที่สุดเมื่อถึงเวลาที่เธอสามารถปล่อยวางและกลับ มาหาเขาได้ กลับบอกลาเธออย่างโหดร้าย ไม่มีชีวิตอยู่บน โลกนี้แล้ว
หลังจากที่เธอฟื้นขึ้นมาก็ร้องไห้ไม่หยุดหย่อน เธอร้อง โดยไม่คํานึงถึงความอ่อนแอในร่างกาย ไม่คำนึงถึงว่าความ ตายไม่สามารถหวนคืน เธอตั้งใจที่จะไปที่สสานของพ่อ หญิงชราไม่สามารถห้ามเธอไว้ได้ จำต้องให้คนขับรถพาทั้ง ครอบครัวไปเยี่ยม ที่หลุมศพคุณท่านเวทน
เธอเดินไปที่หน้าหลุมศพของพ่อ ปาณีร้องไห้อยู่สักครู่ก็ รู้สึกโกรธขึ้นมา สิ่งที่น่าเศร้าที่สุดในชีวิตคือคนที่เธอรักผู้ซึ่ง สุขภาพดีและเธอก็เชื่อมาตลอดว่าเขายังคงดำเนินชีวิตอยู่ อย่างปกติได้จากโลกนี้ไปเสียแล้ว
“ปาณี คนตายไปแล้วไม่อาจฟื้นคืน ฉันเสียใจด้วยจริงๆ”
ผลินทนไม่ได้ เห็นปาณีเศร้าโศกอยู่อย่างนี้ เธอเข้ามา ปลอบใจด้วยน้าตานองหน้า
“ใช่แล้วลูกสาวเอ๋ย สิ่งที่พ่อของลูกกลัวมากที่สุดตั้งแต่ ลูกยังเล็กจนโตก็คือการเห็นลูกร้องไห้ อย่าร้องไห้อีกต่อไป เลย พ่อเขาคงจะปวดใจ…
“แม่คะพวกคุณกลับกันไปก่อนได้นะคะ หนูอยากอยู่พูด อะไรบางอย่างกับพ่อก่อนค่ะ”
“พวกเราอยู่เป็นเพื่อนที่นี่แหละ”
“ไม่ต้องค่ะ หนูเป็นลูกสาวที่อกตัญญู หนูอยากอยู่ที่นี่ สารภาพบาปกับพ่อหนูค่ะ”
ปาณีรู้สึกผิดที่ไม่ได้ไปร่วมงานศพของพ่อ ไม่ว่าทั้ง ครอบครัวจะโน้มน้าวเธออย่างไร เธอก็ปฏิเสธที่จะลุกขึ้นจาก หลุมศพของพ่อ เธอต้องการที่จะอยู่เพื่อแสดงความกตัญญู ต่อพ่อของเธอ
ด้วยความสิ้นหวัง ครอบครัวจึงต้องยอมกลับไปและ ปล่อยเธอไว้คนเดียว
คืนนั้นทั้งคืน ปาณีใช้เวลาทั้งหมดไปกับการพร่ำพรรณา ความคิดถึงของเธอตลอดระยะเวลาสองปีที่ผ่านมาให้พ่อ เธอได้ฟัง
เมื่อฟ้าสาง ชนัยขับรถไปที่สุสาน ผลินเป็นคนโทรศัพท์ไปบอกเขา เขาจึงขับรถไปรับปาณีกลับจากที่นั่น
เห็นเงาทางด้านหลังจากที่ไกล หุ่นผอมบางแต่ดื้อรั้น ไม่ใช่น้อย ชนัยรู้สึกแปลกๆภายในใจ เขาค่อยๆเดินเข้าไป และเอ่ยทักทายขึ้น “ปาณี คุณกลับมาแล้ว
ร่างกายของปาณีแข็งทื่อไม่ได้หันหน้ากลับไปมอง “อื้อ” เสียงของเธอฟังดูแหบแห้ง
“คุณอยู่ที่นี่มาทั้งคืนแล้ว ผมมารับคุณกลับนะ”
เขาพยายามเอื้อมมือออกไปเพื่อช่วยประคองเธอแต่เธอ กลับปฏิเสธและลุกขึ้นด้วยตัวเอง
ระหว่างที่เธอนั่งอยู่ในรถของชนัยนั้น เธอไม่พูดจาอะไร เลยสักคํา จนรถเข้าจอดที่คฤหาสน์นภา ขณะที่เธอลงจาก รถ ชนัยจึง พูดขึ้น “ความตายของคุณท่านเวทนนั้นทำให้ พวกเราทุกคนเศร้ามาก แต่เมื่อเศร้าโศกเสียใจเสร็จแล้วเรา ก็ต้องเผชิญหน้ากับ ความจริง คุณอย่ามัวแต่โทษตัวเอง นี่ ไม่ใช่ความผิดของคุณ วันนี้คุณควรพักผ่อนให้เต็มที่ พรุ่งนี้ ผมว่างเลยจะตามคุณไปด้วย ทุกที่”
“ไม่ต้องหรอก”
ปาณีสายศีรษะเบาๆและมองไปที่ตาของเขา เธอกล่าว “ถึงแม้ตอนนี้ฉันจะเสียใจมากแต่ว่าฉันจะผ่านมันไปได้ นี่ ไม่ใช่เรื่องน่าเศร้าเรื่องแรกที่ฉันต้องเผชิญ สองปีที่ผ่านมา ฉันพบกับปัญหามากมาย ฉันต้องอยู่ตัวคนเดียว ไม่ได้ทำสิ่งใดที่ยิ่งใหญ่แต่นับว่าโชคดีที่ฉันสามารถปล่อยวางความ รู้สึกที่มีต่อคุณได้แล้ว”
เมื่อพูดจบเธอก็เดินจากไปโดยไม่หันกลับไปมองอีกเลย
ผลินได้รับโทรศัพท์จากคุณลุง เธอจึงได้รู้ว่าป้าของเธอ เข้าโรงพยาบาล ในใจเธอรุมเร้า เก็บกระเป๋าสัมภาระอย่าง รวดเร็วเตรียมพร้อมที่จะไปเมือง F
ขณะที่เธอกำลังจะเดินจากชั้นบนลงไปชั้นล่างนั้น เธอก็ เดินสวนกับปยุตที่เต็มไปด้วยความใส่ใจ
ปยุตเห็นเธอหอบหิ้วกระเป๋าเดินทาง เขาขมวดคิ้วแล้ว ถาม “คุณจะไปไหน”
“คุณป้าของฉันป่วย ฉันต้องรีบกลับไปที่เมือง F”
เมื่อได้ยินว่าเธอกำลังจะไปที่เมือง F เขาก็ทำหน้าขมึง ตึง “นี่เป็นแค่ข้ออ้างรึเปล่า จุดประสงค์ที่แท้จริงคือต้องการ ไปหาคนรักล่ะสิทา
ผลินไม่ต้องการที่จะต่อความยาวกับเขา เธอวิ่งลงจาก บันไดพร้อมกระเป๋าเดินทาง แต่มันกลับถูกดึงรั้งไว้โดยปยุต “ผมไม่ให้คุณไป” เขาพูดอย่างฉะฉาน
“ฉันต้องกลับไปวันนี้!
ตำแหน่งที่ยืนของผลินได้เปรียบกว่าเขา
“ผมเป็นสามีคุณ คุณต้องเชื่อฟังผมสิ ! ”
“ถึงคุณเป็นสามีฉัน คุณก็ไม่มีสิทธิ์มาจำกัดสิทธิเสรีภาพ ของฉัน ! ”
ปยุตโมโห ตะโกนขึ้น “นี่คุณ…
ผลินชูคอขึ้น “ฉันทำไมคะ หรือจะบอกว่าถ้าฉันไปก็ไม่ ต้องคิดกลับมาอีกคะ ! ”
ปยุตสงบสติอารมณ์และหายใจเข้าออกก่อนกลับคำพูด ของเขา “ผมจะไปส่งคุณที่สนามบิน !”
ผลินจ้องไปที่ปากของเขาที่ไม่ตรงกับใจและอดไม่ได้ที่ จะนําออกมา
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ