ตอนที่ 199 ซ่อนเร้น
ผลินกอดปยุตมาเป็นเวลานาน ทั้งสองคนไม่ได้พูดอะไร ต่อกันสักคํา จนกระทั่งฝนหยุด ไวน์หมดไป ปยุตลุกขึ้นเดิน โซซัดโซเซออกจากสุสานเหมือนศพเดินได้
เธอตามเขาไปเหมือนเงาของเขา แต่เขาไม่เคยหันมอง กลับไปที่เงาของเขาเลย
เข้าไปนั่งในรถของเขา เขายังคงไม่พูด ในเวลานี้เขาแค่ อยากอยู่คนเดียวเงียบ ๆ โดยไม่ถูกรบกวน ผลินเข้าใจ ความรู้สึกของเขา ดังนั้นทั้งสองจึงต่างคนต่างเงียบ
เข้าไปในเมือง ปยุตถามอย่างไม่แยแส “คุณจะไปไหน”
เธอมองไปที่เขา “คณไม่เป็นไรนะ”
“ไม่เป็นไร จะลงที่ไหน”
เสียงนั้นเย็นชาไม่ต่างจากท่าทีของเขา ผลินกัดริมฝีปาก “ตรงนี้ก็ได้”
ปยุตเบรกรถให้หยุด เมื่อเธอลงจากรถ เขาก็ออกรถไป โดยไม่มีการลังเล
มองดูทิศทางที่รถของเขาหายลับไป หัวใจของผลินรู้สึก สูญเสีย มันไม่ใช่ว่าเธออวดดีเกินไป แต่แม้แต่ในเวลานี้ เขา ก็ยังไม่ต้องการเธอ…..
เดินเตร็ดเตร่ตกต่ำดำดิ่งไปบนถนน โทรศัพท์มือถือใน กระเป๋าดังขึ้น เป็นชื่นใจที่โทรเข้ามา
“ฮัลโหลลิน เธอยังอยู่ในเมือง B หรือเปล่า”
“ยังอยู่ มีอะไรเหรอ”
“พวกเรามาเจอกันนะ ฉันรอเธออยู่ที่ร้านกาแฟที่เราเจอกัน ครั้งก่อน”
“ได้”
เธอวางสายไป โบกรถแท็กซี่ และมาถึงยังสถานที่ที่นัดกับ
ชื่นใจ
ทันทีที่ชื่นใจพบเธอก็ถามด้วยความกังวล “ปยุตยังคงเย็น ชากับเธออยู่ไหม”
“อืม”
เธอพยักหน้าอย่างหมองเศร้า
“นี่ คนที่อยู่ในเกมไม่เห็นแต่คนที่อยู่นอกเกมจะเห็นได้ ฉัน ลองคิดดูแล้วนะ สิ่งที่ปยุตทำกับเธอ มันต้องมีอะไรซ้อนเร้น อยู่ในนั้นว่าไหม”
ทันใดนั้นผลินก็มึนงง “ซ่อนเร้นเหรอ เธอหมายถึงอะไร”
“ฉันหมายถึงว่า เขาไม่ได้มีปัญหาใด ๆ นั่นไม่ใช่เหตุผล ว่าทำไมถึงโหดร้ายกับเธอหรอกเหรอ ลองคิดดูสิ เขาเคย รักเธอมากนะ มันเป็นไปได้ยังไงที่จะเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง หลังจากผ่านไปแค่สองปี ถึงแม้ว่าผู้คนจะเปลี่ยนไป แต่ ความรู้สึกจะเปลี่ยนแปลงเหรอ”
“บางทีเขาอาจจะโกรธที่ฉันทิ้งเขาไว้คนเดียว ตอนนั้นเขา ก็พูดว่าถ้าคุณไปแล้วก็ไม่ต้องกลับมาอีก
“ถ้าเป็นคนอื่นฉันอาจจะเชื่อ แต่กับคนอย่างปยุตฉันไม่เชื่อ อย่างนั้น ปยุตเป็นคนที่จริงจังกับความรัก ตอนที่จันทรทรยศ เขา เขาไม่สามารถลืมเธอได้เลย แล้วตอนนี้เขาจะลืมเธอได้ ยังไง ถ้าเขาเกลียดเธอจริง เขาจะไม่ตามหาเธออีกตั้งนาน หลังจากที่เธอจากไปหรอก”
ผลินจมอยู่กับความคิด คำพูดของชื่นใจให้แสงสว่างกับ เธอ ที่จริงแล้วเธอก็ไม่เข้าใจ ว่าพบกับปยุตในอีกสองปีต่อ มา ทำไมถึงได้เย็นชากับเธอ ทั้งทั้งที่เห็นได้ชัดว่าเขาแคร์ เธอ
“เป็นไง เธอพยายามคิดออกไหม แม้ว่าเธอสองคนอาจจะ ไม่ได้กลับมาอยู่ด้วยกันอีกแล้ว แต่อย่างน้อยก็ต้องเลิกกัน อย่างชัดเจนนะจริงไหม”
“อื้ม!”
ผลินพยักหน้าหนัก
ในคืนนั้น เธอโทรศัพท์หานานต์
“ฮัลโหล เกิดอะไรขึ้นกับคุณ ถึงไม่เปิดเครื่องทั้งวันเลย”
เสียงบ่นของนภนต์ดังมาจากทางปลายสาย
“ฉันอยู่ในเมือง B ฉันคิดว่ามันดีกว่าที่ฉันจะรับผิดชอบ โครงการที่ร่วมกับบริษัทรักผลิน”
“ว้าว คุณเป็นประธานแล้ว โอนงานได้อย่างอิสระ คุณไม่ ต้องรายงานผมแล้วเหรอ”
นภนต์ถามอย่างไร้อารมณ์
“ไม่ใช่ เมื่อเช้านี้คุณไม่ได้อยู่ที่บริษัท ที่นี่มีบางอย่างผิด ปกติ ดังนั้นฉันจึงต้องรีบมา”
“ธนชัยไม่อยู่ที่นั่นเหรอ”
“ผลิตภัณฑ์นี้ฉันเป็นคนเริ่มตั้งแต่ต้น เธอไม่คุ้นเคยกับ อะไรหลายอย่าง ฉันจะให้เธอกลับไปในวันพรุ่งนี้”
“เป็นเดือนแล้วยังไม่คุ้นเคยอีกเหรอ คุณกำลังจะบอกว่า ผมเลือกคนไม่ดีเหรอ”
“แน่นอนว่าไม่ใช่ ที่จริงแล้วฉันต้องการให้ความร่วมมือครั้ง นี้สำเร็จลุล่วงด้วยตัวเอง คุณไม่รู้หรอกว่าฉันมีความรู้สึกที่ อยากจะรับผิดชอบมากแค่ไหน ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ก็อยากจะทำให้ดีที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้”
นภนต์ถอนหายใจ “แล้วผมก็จะไม่ได้เจอคุณไปอีกสักพัก ใช่ไหม”
“คุณมาที่เมือง B ได้เมื่อคุณว่าง ฉันก็จะกลับไปที่เมือง
F เมื่อฉันว่าง”
“แล้วเรื่องขอแต่งงานล่ะ คุณบอกว่าจะพิจารณา คิดเกี่ยว กับมันแล้วหรือยัง”
“รอจนกว่าผลิตภัณฑ์ใหม่จะประสบความสำเร็จในตลาด”
“อ่า คุณเป็นมืออาชีพมากกว่าเจ้านายอย่างผมเสียอีก….
วันต่อมาผลินมาถึงบริษัทรักผลิน เดินตรงไปที่ห้องของ ประธาน ปยุตชะงักไปชั่วครู่ จากนั้นจึงถามด้วยใบหน้าที่ไร้ อารมณ์ “คุณมาที่นี่อีกทำไม”
“ฉันมาที่นี่เพื่อทำงาน งานวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ จะยังคงเป็นความรับผิดชอบของฉัน คุณไม่มีปัญหาใช่ไหม”
“การตัดสินใจทั้งหมดเป็นของบริษัทคู่ค้าอย่างพวกคุณ ผมจะมีปัญหาอะไรได้
“ไม่มีปัญหาอะไรก็ดี หวังว่าพวกเราจะมีความร่วมมือที่ดีใน อนาคต”
ผลินเหลือบมองเขาอย่างมีความหมาย แล้วจึงเดินออกไป
เธอเริ่มให้ความสนใจกับปยุตเป็นพิเศษ ถ้ามีโอกาสก็จะ ถามเพื่อนร่วมงานในบริษัทเกี่ยวกับเรื่องของปยุต ถามว่า เขาชอบไปที่ไหน ชอบติดต่อกับใครบ้าง ทีละน้อย ๆ จนทุก คนคิดว่าเธอตกหลุมรักปยุต
ในตอนเที่ยงวันนั้น เธอยืนอยู่ในห้องน้ำชาและโทรหา ชนัย เป็นการยากที่จะได้รับข้อมูลที่เป็นประโยชน์ใด ๆ จากผู้คนในบริษัท พวกเขาทุกคนรู้เรื่องเกี่ยวปยุตน้อยมาก
“ฮัลโหล คุณชนัย ฉันไม่ได้อยู่ที่นี่สองปี นอกจาก เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นระหว่างปยุคกับจันทร มีอะไรเกิดขึ้นอีก ไหม”
“ยกเว้นเรื่องที่ทะเลาะกับนายท่านและหลังจากนั้นก็ย้าย ออกไป ดูเหมือนว่าจะไม่มีอะไรเกิดขึ้นนะครับ
“แล้วทำไมเขาถึงกลายเป็นคนเย็นชาละ คุณไม่คิดเหรอ ว่าเขาอาจจะเก็บความลับอะไรไว้
“เรื่องนั้น….……
ชนัยถอนหายใจ “ผมไม่รู้จริง ๆ ครับ ตอนนี้ประธานยุต แปลกไปจริง ๆ เขาเคยบอกผมทุกอย่าง แต่ตอนนี้ไม่ค่อย
เปิดเผยอะไรกับผมเลย
“แล้วเขามีพฤติกรรมอะไรแปลก ๆ อีกไหม
“ผมก็ไม่ค่อยได้สังเกต”
“ดังนั้นต่อไปนี้คุณต้องจับตาดูให้ดีนะ คุณจะต้องแจ้งให้ ฉันทราบทันทีเมื่อเขาได้พบกับใครหรือเขามักจะไปที่ไหน”
“ได้ครับ แต่ว่า คุณอยากรู้ไปทําไมเหรอครับ”
“ฉันแค่อยากจะเข้าใจ ว่าอะไรคือเหตุผลที่ทําให้เขาเป็น แบบนี้”
“อืม ผมเข้าใจแล้ว”
วางสายไป ผลินหันไปเตรียมน้ำชา แต่ต้องประหลาดใจ เมื่อพบว่าวารียืนอยู่ข้างหลังเธอ
เธอพยักหน้าอย่างสภาพให้เธอ เดินตรงไปข้างหน้าเธอ แล้ววารีก็เริ่มพูดขึ้น ไม่ต้องแอบมองเข้าไปในชีวิตของคน อื่น ตัวตนปัจจุบันของคุณไม่ได้อยู่ในตำแหน่งที่จะสามารถ ถามเกี่ยวกับความเป็นส่วนตัวของคนอื่นได้
ผลินชะงักไป จากนั้นจึงหันหลังกลับไปถามอย่างเย็นชา “แล้วคุณอยู่ในตำแหน่งไหนถึงได้มาพูดกับฉันแบบนี้ คุณ เป็นใครสำหรับคุณปยุต”
“ฉันเป็นคนเดียวที่รู้เรื่องที่เกิดขึ้นกับเขาในช่วงสองปีที่ ผ่านมา คุณผลิน ถ้าทำได้ ได้โปรดอย่าพยายามเข้ามาใน ชีวิตของประธานยุตอีกเลย เพราะความอยากรู้อยากเห็น ของคุณ มันอาจจะทำให้เขากลับไปสู่ความเจ็บปวดอีกครั้ง”
“คุณหมายถึงอะไร ฉันจะทําให้เขาเจ็บปวดได้ยังไง”
“ฉันจะไม่บอกอะไรกับคุณมากหรอกนะ ฉันแค่อยากจะ เดือนคุณ ถ้าคุณไม่อยากเห็นเขาเจ็บปวด ก็อยู่ให้ห่างจาก เขา”
คําพูดของวารีทําให้หัวใจของผลินตีบตัน แต่มันกลับยิ่ง ทําให้เธอต้องการที่จะเข้าใจความคิดภายในใจของปยุตมาก ขึ้นไปอีก
เย็นวันที่สี่ในเมือง B เธอเจอไวภพที่ประตูของบริษัท ไว ภพเดินมาหาเธอ ถามขึ้นแผ่วเบา “คุณว่างไหม ไปกินข้าว ด้วยกันหน่อย
ผลินคิดทบทวนแล้วพยักหน้าตกลง “ได้
ทั้งสองคนมาที่ร้านอาหารตะวันตก หลังจากสั่งอาหาร เสร็จ ไวภพแกล้งทำเป็นถาม “สองปีผ่านไปด้วยดีไหม
“ก็ดี”
“ผมไม่คิดว่าคุณจะเปลี่ยนอาชีพ เป็นไง น่าสนใจมากกว่า การเป็นครูไหม”
“ไม่ขนาดนั้น ไม่ใช่ว่าน่าสนใจหรือไม่ ฉันแค่คิดว่ามันเป็น งาน งานที่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้
ทั้งสองเงียบลง ไวภพเข้าประเด็นหลัก “ผมได้ยินชื่นใจพูด ว่าคุณมีคนรักใหม่เหรอ”
ผลินไม่ปฏิเสธ “อืม”
“คุณชอบเขาเหรอ”
“ถ้าไม่ชอบแล้วจะคบได้ยังไง”
มีร่องรอยของการบาดเจ็บในสายตาของไวภพ “ยกเว้นแค่ ผมใชไหม แต่จะเป็นใครก็ได้
ผลินไม่รู้จะตอบกลับไปว่ายังไง จึงเปลี่ยนเรื่อง “ฉันหิว แล้ว ทานอะไรก่อนเถอะ”
ห์ ไวภพพูดแดกดัน “ตอนแรกผมคิดว่าที่คุณไม่ยอมรับผม เพราะผมไม่ดี ปยุตเป็นคนที่โชคดีมาก แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่า ไม่ใช่ว่าเขาโชคดีมาก ทุกคนยกเว้นผมต่างหากที่อาจเป็น คนโชคดี”
เมื่อผลินได้ยินคำพูดของเขา ก็ถอนหายใจหนัก แล้วพูด อย่างจริงจังว่า “ครูใหญ่ไวภพ คุณกับชื่นใจได้แต่งงานกัน ไปแล้ว อะไรคือจุดประสงค์ของเรื่องนี้งั้นเหรอ ไม่ว่าคุณจะ ดีหรือไม่ และไม่ว่าคนอื่นจะโชคดีกว่าคุณหรือเปล่า มันก็ไม่ สามารถเปลี่ยนความจริงได้ ว่าระหว่างพวกเรามันไม่มีโชค ชะตา”
ไวภพหัวเราะให้กับตัวเอง “คุณไม่ต้องคิดมาก ผมไม่ได้ พูดแบบนั้นเพื่อจะบ่นอะไร ชื่นใจเป็นผู้หญิงที่ดี ผมจะทำดีกับเธอ วันนี้ผมชวนคุณออกมาแค่อยากจะบอกคุณ ว่าหลัง จากนี้เรายังคงเป็นเพื่อนกัน เมื่อใดก็ตามที่คุณมีปัญหา คุณ สามารถขอความช่วยเหลือจากผมได้
ผลินพยักหน้าขอบคุณ “ได้ ขอบคุณนะ”
จบมื้อเย็น ไวภพส่งผลินกลับไปที่อพาร์ตเมนต์ แล้วจึงขับ รถกลับบ้าน ในห้องมืดมาก เขาเปิดไฟและพบว่าชื่นใจนั่ง อยู่บนโซฟา เขาเดินเข้าไปด้วยความประหลาดใจและถาม ว่า “เกิดอะไรขึ้น”
ชื่นใจเงยหน้าขึ้นมองช้า ๆ ถามเขาอย่างเศร้าสร้อยว่า “คุณยังไม่สามารถลืมลินได้ใช่ไหม”
“ไม่ใช่ คุณกำลังพูดเรื่องอะไร”
ไวภพรีบย่อตัวลงและจับมือเธอไว้
“ฉันได้ยิน ยกเว้นแค่ผมใช่ไหม แต่จะเป็นใครก็ได้….. ประโยคนี้”
ไวภพสีหน้าแข็งทื่อ “คุณได้ยินมันได้ยังไง”
“ฉันตามคุณมาตั้งแต่ออกมาจากโรงเรียนช่วงบ่าย ฉันเห็น คุณไปหาลิน คุณทานอาหารที่ร้านอาหารVictorian ฉันนั่ง อยู่ข้างหลังคุณ”
“ผมคิดว่าคุณกำลังเข้าใจผิด ผม….”
“ตั้งสองปีแล้ว ฉันยังไม่เข้าใกล้หัวใจของคุณอีกเหรอ”
ชื่นใจขัดจังหวะคำพูดของเขา ถามคำถามด้วยความเศร้า โศก
“ใครบอกว่าคุณยังไม่เข้าใกล้หัวใจของผม
“คนคนหนึ่งสามารถถือครองหัวใจได้แค่ดวงเดียวเท่านั้น ถ้าฉันเข้าใกล้หัวใจของคุณจริง คุณจะไม่ไปหาผลินลับหลัง ฉัน คำพูดที่คุณพูด บางทีลินอาจจะไม่เข้าใจความหมาย ของมัน แต่ฉันสามารถบอกได้ ว่าคุณไม่เต็มใจว่าทำไมถึงมี แค่ตัวเองที่ไม่สามารถเดินไปด้วยกันกับเธอได้
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ