ภรรยาคนที่เจ็ดของประธาน

ตอนที่ 168 แกะที่หลงทางไม่เคยกลับมา (1)



ตอนที่ 168 แกะที่หลงทางไม่เคยกลับมา (1)

หลังเลิกงานของปยุตกับผลิน มองเวลาแล้วเขาก็พูดกับ เธอ “ผมจะไปเยี่ยมยัยณีที่โรงพยาบาล คุณไปไหม”

ผลินพยักหน้า “ไปค่ะ แต่ฉันอยากกลับบ้านไปทำอาหาร อร่อย ๆ ให้เธอก่อน”

“งั้นผมไปที่นั่นก่อนนะได้ไหม”

“อืม ได้ค่ะ”

คนสองคนแยกกันไป คนหนึ่งรีบกลับบ้าน อีกคนหนึ่งรีบ

ไปโรงพยาบาล

ปยุตไปโรงพยาบาล มาที่ห้องของน้องสาว เห็นน้องสาว กำลังหลับอยู่ ชนัยนั่งอยู่ข้างเตียงของเธอ เขากระซิบว่า “ยัยณีเป็นยังไงบ้าง”

“อืม ดีครับ หมอบอกว่าการฟื้นตัวเป็นไปด้วยดี

ปยุตมีร่องรอยขอบคุณเกิดขึ้นในดวงตาของเขา ช็ออก ไปที่ด้านนอก “พวกเราไปคุยกันที่ดาดฟ้าเถอะ”

ชนัยละจากคนที่นอนหลับอยู่บนเตียง พยักหน้า “ครับ”

พวกเขาออกจากวอร์ดไปทีละคน ตรงไปที่ดาดฟ้าโรง พยาบาล ในวอร์ดผู้ป่วยที่เงียบสงบ ปาณีค่อย ๆ ลืมตาขึ้นที่จริงแล้วเธอยังไม่หลับ

อยู่ดี ๆ พี่ชายก็โผล่มา มันทําให้เธอไม่สบายใจ คิดเสมอ ว่าทีชนัยยอมรับความรู้สึกของเธอได้อย่างง่ายดายนั้น มัน ต้องมีความลับบางอย่างที่เธอไม่รู้

เธอเลิกผ้าห่มขน สวมรองเท้าแตะ ก้าวเดิมตามไปติด ๆ

อากาศในคืนฤดูร้อนเต็มไปด้วยกลิ่นของความชื้นและ ความร้อน เสียงร้องของจักจั่นเรไรอื้ออึงในโสตประสาท บางเวลาที่มีลมเย็นพัดผ่านจึงรู้สึกเย็นสบายขึ้นเล็กน้อย

ครึ่งหนึ่งของปยุตซ่อนอยู่ในความมืด มองไปที่ชนัย และเปิดปาก “ การผ่าตัดของยัยณีประสบความสําเร็จโดย สมบูรณ์นั้นต้องขอบคุณนาย ขอบคุณมากนะ

“ไม่เป็นไรหรอกครับ ถึงแม้ว่าผมจะไม่มีความสัมพันธ์ ทางสายเลือดกับเธอ แต่ในใจคิดว่าเธอเป็นน้องสาวของ ผม”

“ถ้าเธอออกจากโรงพยาบาลเมื่อไหร่ฉันจะส่งเธอไป เรียนต่อต่างประเทศ เมื่อถึงเวลานั้นอยากจะปฏิเสธความ สัมพันธ์ของพวกนายด้วยเหตุผลใดก็ตามนายก็ใช้มันได้ทั้ง นั้น”

ชนัยพยักหน้า “ครับ”

ทั้งคู่เงียบกันไปสักพัก ปยุตกล่าวต่อไปว่า “ที่จริงแล้วไม่ชอบเธอเลยเหรอ มันเป็นไปไม่ได้สักนิดเลยเหรอ”

“คุณณีเป็นผู้หญิงที่ดีครับ แต่ความรู้สึกไม่สามารถบังคับ กันได้ ความรักระหว่างพี่ชายกับน้องสาวไม่ว่าจะพยายาม อย่างหนักเพียงใดก็ไม่สามารถพัฒนาเป็นความรักได้หรอก ครับ”

ปยุตถอนหายใจยาว “อืม โอเค นายสัญญาว่าจะ ยอมรับความรู้สึกของยัยณีชั่วคราว นั่นก็เป็นสิ่งที่ดีมาก พอแล้วที่จะทำให้เธอรอดชีวิตมาได้อย่างปลอดภัย พวกเรา ไม่ควรเรียกร้องนายมากเกินไป”

คำพูดของเขาเพิ่งจบ โทรศัพท์มือถือในกระเป๋าก็ดังขึ้น “ฮัลโหล ใคร…อ้อ คุณฉีต่ง ตอนนี้เลย…อึมได้ครับ เดี๋ยวผม เข้าไป…ได้ แล้วพบกัน

ปยุตวางสายโทรศัพท์มือถือ ตบไหล่ชนัยแล้วพยักหน้า อย่างมีความหมาย “คุณฉีต่งของกลุ่มเทียนเหยี่ยนัดฉันเพื่อ ไปพูดคุยเกี่ยวกับเรื่องที่ดิน ฉันต้องไปที่นั่นก่อน

“ครับ”

ชนัยยืนนิ่ง ๆ ปยุตหันหลังแล้วเดินจากไป และเพราะเขา รีบไปดังนั้นจึงไม่พบใครที่กำลังตัวสั่นอยู่ในที่มืดเลยแม้แต่ น้อย

ใช่ เป็นปาณีที่กำลังตัวสั่น แต่เธอไม่ได้ร้องไห้ น้ำตา จะไหลก็ต่อเมื่อมันเศร้า แต่ระวังตอนที่ด้านชา ซึ่งจะลืมทุกอย่าง ลืมความเศร้า ลืมน้ำตา

เธอลากเท้าที่หนักอึ้งเข้าไป ก้าวไปสิบก้าวแล้วเอ่ยเรียก แผ่วเบา “พี่ชนัย”

เสียงนั้นทำให้สมองของชนัยปั่นป่วน คิดว่าตัวเองหูแว่ว แต่เมื่อเขาหันกลับมาด้วยความประหลาดใจ ก็ค้นพบว่ามัน ไม่ใช่ภาพลวงตา ปาณียืนอยู่ต่อหน้าเขา ในสถานที่ที่ไม่ คาดคิด

“คุณณี คุณมาที่นี่ได้ยังไง…

เขาสูดอากาศเย็น กังวลว่าเธอจะได้ยินการสนทนากับป ยุตหรือไม่

“ในวอร์ดมันอึดอัดเกินไป ฉันเลยออกมาสูดอากาศ” “ออกมานานแค่ไหนแล้ว เพิ่งออกมาเหรอ” ชนัยถามด้วยประกายดวงตาระยิบระยับ

ปาณีมองเขาด้วยใบหน้าที่ไร้อารมณ์ ตอบทุกคำถาม “นานมากแล้ว มาพร้อมกับพวกพี่”

ครึ่งนาทีที่ชนัยพูดไม่ออกแม้แต่คำเดียว พวกเขาจ้อง มองกันอย่างว่างเปล่า เขาเห็นความเจ็บปวดที่ไม่สามารถ อธิบายได้จากดวงตาของปาณี
“ถ้าอย่างนั้น…ได้ยินหมดทุกอย่างเลยเหรอ”

“อืม”

เธอพยักหน้าเบา ๆ จ้องมองไปบนพื้นและพูดว่า “ถึงแม้ ๆ จะรู้ว่าพี่ไม่ชอบฉัน แต่เมื่อพี่บอกฉันว่าจะลองคบกับฉันดู ฉัน ก็ยังเชื่ออยู่ เชื่อว่าเพราะพี่ประทับใจในตัวฉันบ้างแล้ว แต่ไม่ คิดว่าพี่จะมาอยู่กับฉันที่นี่เพราะอาการป่วยของฉัน…

พูดถึงตรงนี้เธอก็สะอึกสะอื้นอย่างแสนเศร้า

สูดจมูกแล้วจากนั้นเธอก็เงยหน้าขึ้น ดวงตาเต็มไปด้วย นําตา ท่ามกลางค่ำคืนที่มืดมิดกับแสงแห่งความสิ้นหวัง “ขอบคุณสําหรับที่พี่มาอยู่เป็นเพื่อนฉันในช่วงเวลานี้ ฉันมี ความสุขมาก”

เมื่อพูดจบเธอก็กำลังจะเดินกลับไป

หัวใจของชนัยเหมือนถูกฉีกอย่างโหดร้าย จับข้อมือเธอ ไว้และอยากจะพูดอะไรบางอย่าง เธอจ้องมองเล็กน้อย “ไม่ ต้องเป็นห่วงค่ะ ฉันจะไม่เป็นไร จะไม่ทิ้งชีวิตตัวเองเพราะ ความพ่ายแพ้ทางอารมณ์ ฉันไม่ใช่คนแบบนั้นพี่ก็รู้

ช่วงเวลาที่หันหลังและเดินออกไป ในที่สุดน้ำตาก็ไหล หลั่งริน ถึงมันจะน่าอาย แต่ก็ดีใจ ที่สามารถรักษาศักดิ์ศรี สุดท้ายของตัวเองเอาไว้ได้

วันเวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว การนัดหมายระหว่างปและจันทรก็มาถึงที่โกลเด้นคลับ

ทั้งสองคนประจันหน้ากัน ปยุตถามเธอ “อยากดื่มอะไร ไหม”

“ขอชาเย็นค่ะ”

เขาหันไปสั่งพนักงานเสิร์ฟ “ชาเย็นสองแก้วครับ”

หลังจากที่พนักงานเสิร์ฟออกไป ต่างคนต่างปล่อยลม หายใจลอยวนอยู่ภายในห้องของสโมสร

“พูดมา ต้องทำยังไง ถึงจะทำลายหลักฐานความผิดของ พ่อแม่ฉัน”

จันทรไม่ตอบ แต่ก้มลงหยิบห่อเอกสารออกมาจาก กระเป๋า “นี่คือหลักฐานทั้งหมด ทั้งหมดเป็นต้นฉบับ คุณรับ ไปสิ”

เขาเอามันไป ดูทีละอย่าง ส่วนใหญ่เป็นคำสารภาพของ ผู้ที่ได้รับคำสั่งในเวลานั้น นอกจากนี้ยังมีภาพถ่ายจำนวน มากและแผนซีดีบันทึกเสียง แล้วพยักหน้า “เงื่อนไขอะไร พูดมาสิ

“ไม่มีเงื่อนไขค่ะ”

ปยุตรู้สึกประหลาดใจ เหมือนจะไม่ค่อยเข้าใจความ หมายของเธอ “อะไรคือไม่มีเงื่อนไข
จันทรมองไปที่เขาอย่างสบาย ๆ “ในหัวใจของพี่ยุต ฉัน เป็นคนที่ชอบแสวงผลประโยชน์เหรอคะ ไม่คิดเหรอว่าที่ฉัน ให้หลักฐานทั้งหมดนี่กับคุณเพราะฉันรักคุณ”

“เธอหมายความว่า ให้หลักฐานฉันมาทั้งหมดนี่โดยไม่มี เงื่อนไขเลยงั้นเหรอ

“ใช่ค่ะ”

“ฉันไม่ได้คิด ถ้าเป็นเธอเมื่อสามปีที่แล้วก็อาจจะเป็นไป ได้ แต่เธอในตอนนี้ ฉันไม่กล้ามั่นใจ

ทำไมคะ ฉันทำอะไรให้พี่ยุตเกลียดไปแล้วเหรอ” “

“ไม่ถึงกับเกลียด แค่ความคิดบางส่วนของเธอมันค่อย ๆ ไกลออกไปจากเดิม”

“เพียงเพราะครั้งล่าสุดที่ฉันถามคุณว่าทำไมคุณถึงรับ ผิดชอบผลินน่ะเหรอคะ”

“มันไม่ใช่แค่เรื่องนี้ แต่ในแง่มุมอื่น ๆ ก็สะท้อนออก

มาให้เห็น”

“ในแง่มุมไหน บอกฉันหน่อยสิคะ”

ปยุตถอนหายใจ “ลืมมันซะเถอะ ยังไงมันก็กลายเป็น ความสัมพันธ์แบบคนรักเก่าไปแล้ว มันไม่มีประโยชน์ที่จะ พูดอะไรมากอีก”
“พูดมาเถอะค่ะฉันจะได้แก้ไข

เขาเหลือบมองเธอ “หยิบมันขึ้น วางมันลง ทำหกคำนี้ ก็ได้แล้ว”

จันทรยิ้มเยาะ น้ำตาเรืองรองในดวงตา “ได้ค่ะ ฉันเข้าใจ แล้ว ขอบคุณนะคะสำหรับคำแนะนำที่ดี

เธอหยิบชาเย็นตรงหน้าขึ้นมาดื่มอย่างตะกละตะกลาม จากนั้นจึงลุกขึ้นและพูดว่า “ฉันไปล่ะ แล้วเจอกันค่ะ”

ปยุตจ้องมองไปที่เธออย่างครุ่นคิด จากนั้นจึงลุกขึ้นและ ออกจากสโมสรไป เมื่อออกมาหน้าประตูของสโมสร ในครา แรกเขาตกใจ หลังจากนั้นจึงเปิดปาก “ทำไมยังไม่ไป”

“รอรถประจำทางค่ะ”

“อยากให้ฉันไปส่งเธอไหม”

“ไม่ต้องหรอกค่ะ”

เขาไม่ได้พูดอะไรอีก เดินตรงไปที่ด้านข้างของตัวรถ เปิดประตูและเข้าไปนั่ง เริ่มสตาร์ตเครื่องยนต์ เตรียมออก รถไป แต่จู่ ๆ ทันใดนั้นก็เห็นในกระจกว่าจันทรถูกล้อมรอบ ด้วยคนสี่ห้าคน ใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยความหวาดกลัว อย่างหนัก

ปยุตขมวดคิ้ว เกิดการต่อสู้ขึ้นในใจเล็กน้อย ทนไม่ได้ที่เห็นคนจะตายแล้วไม่ช่วย แต่ก็ไม่อยากเข้าไปมีส่วนร่วมใน ชีวิตของจันทรมากเกินไป

ในเวลาที่ลังเลอยู่นั้น เขาเห็นผู้ชายคนหนึ่งตบเข้าที่ ใบหน้าของจันทร จันทรล้มลงกับพื้น หยดน้ำตากลิ้งลงมา จากดวงตาของเธอ

ไม่สามารถทนดูได้อีก เขาผลักประตูเปิดและเดินไป ครามออกมา “พวกนายทำอะไร

ชายพวกนั้นหันมา ชายคนหนึ่งพูดขึ้นว่า “อะไรงั้นเหรอ แม่ของยัยนี่ยังไม่ได้จ่ายหนี้พนันจำนวนมากให้เรา ตอนนี้ ไม่มีทางปล่อยให้เธอลอยนวล แม่เป็นหนี้ลูกไม่ควรชดใช้ หรือไง”

ปยุตถามด้วยสีหน้าไม่สู้ดี “ติดหนี้พวกนายเท่าไร

“นับดอกเบี้ยทั้งหมดสามปี ก็แปดล้านห้าแสนพอดี”

“เพิ่มค่าตบ ผมจะให้สิบเจ็ดล้าน

ชายทุกคนกำลังมึนงง ก่อนที่จะทันรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ปยุต ได้เดินไปตรงหน้าชายที่เป็นหัวหน้า ใช้มือตบลงบนใบหน้า ของเขา แล้วเอาเช็คออกมาจากกระเป๋า เซ็นชื่อและประทับ ตรา จากนั้นโยนมันให้เขา “ยี่สิบล้าน ไม่ต้องทอน

ชายคนนั้นแตะเข้าที่ครึ่งหนึ่งของใบหน้าร้อนที่ถูกตบ มองเขาขึ้นลงและรู้ว่าเขาเป็นใคร จากนั้นก็พูดอย่างจนใจ “เห็นเช็คใบนี้แล้วผมก็จะไม่คิดเล็กคิดน้อยกับคุณอีก” แล้วหันไปจ้องมองจันทรที่อยู่บนพื้น “ดูเหมือนว่าความ งามของผู้หญิงนี่ดีจริง ๆ ทุกคนต้องจ่ายเงินเพื่อยืนอยู่บน ถนน ดูแลเขาให้ดีล่ะ รับใช้ให้ความสะดวกสะบายกับผู้ชาย คนนี้เหมือนดั่งเป็นพระเจ้า จะได้มีชีวิตที่ดีไม่ต้องกังวลกับ อนาคต”

ทันทีที่เขาพูดจบ ปยุตเหวี่ยงหมัดออกไป แม้ว่าจะไม่มี ความรักกับจันทรอีกต่อไปแล้ว แต่เขาก็ทนไม่ได้ที่คนที่เคย รักต้องอับอาย

หมัดนี้เป็นจุดเริ่มต้นของสงคราม ผู้ชายกลุ่มนั้นวิ่งเข้ามา ต่อสู้กับเขา ปยุตเรียนยูโด มันไม่ยากที่จะจัดการกับผู้ชาย ที่มีมือเท้าหยาบ แต่เมื่อไม่ได้ใช้นานก็ยากจะหลีกเลี่ยงการ สิ้นเปลืองพลังงานกว่าปกติ ชายผู้เป็นหัวหน้าใช้ประโยชน์ นั้นในขณะที่เขาไม่ได้ทันสังเกต หยิบขวดเปล่าจากข้าง ถนนไปตีเขา…

อ๊าก!….

ด้วยเสียงกรีดร้อง จันทรล้มลงในอ้อมแขนของปยุต ใน ช่วงเวลาที่สำคัญเธอเข้ารับขวดแทนปยุต เลือดไหลออก จากหน้าผากของเธอลงเลอะเสื้อของปยุต เสื้อของปยุตจึง เปื้อนเลือดสีแดงฉานในทันที

ผู้ชายคนนั้นรู้สึกว่าตัวเองเหมือนจะฆ่าคน ด้วยความกลัว จึงวิ่งหนีไป ปยุตร้องเรียกอย่างวิตกกังวล “จันทร จันทร
รถตำรวจกำลังส่งเสียงมา แต่มันช้าไป นานเกินจนปยุต รอไม่ไหว อุ้มจันทรแล้วพาไปโรงพยาบาล

โชคดี ที่จันทรไม่โดนจุดสำคัญ ขวดอาจจะพลาดไป มี เพียงลอยแผลบนชั้นผิวหนังเพียงไม่กี่ชั้น มันไม่ได้ทำให้ เส้นประสาทสมองเสียหาย หลังจากทำ CT สแกนแล้ว และปิดบาดแผลอย่างระมัดระวัง หมอก็บอกว่าให้ออกจาก โรงพยาบาลได้


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ