ภรรยาคนที่เจ็ดของประธาน

ตอนที่ 167 ดอกไม้มีใจแต่สายน้ำไร้ความปราณี (2)



ตอนที่ 167 ดอกไม้มีใจแต่สายน้ำไร้ความปราณี (2)

“ไม่ว่าจะมีผู้ชายกี่คนที่ดีกว่าพี่ มันไม่เกี่ยวอะไรกับฉัน ฉัน ชอบพี่ไม่มีใครสามารถแทนที่ได้!”

ทั้งคู่อยู่ในทางต้นไม่ได้ข้อสรุปจนถึงบ่ายโมง ชนัยดู นาฬิกาบนข้อมือ “ไปกันเถอะ ผมจะพาคุณไปซื้อตั๋ว

เขาดึงเธอขึ้นมาโดยไม่มีเหตุผล ลากไปยังสนามบิน ปาณีดิ้นรน “พี่ปล่อยฉันนะ ฉันบอกว่าฉันจะไม่กลับไปไง”

“หยุดทําเสียงดังได้แล้ว!”

ชนัยคํารามด้วยความโกรธ “ผมไม่ได้ว่างมากนักหรอก นะเข้าใจไหม

เขาลากปาณีเข้าไปในสนามบิน ในตอนที่ซื้อตั๋วให้เธอ ดวงตากลมใสของปาณีสอดส่ายสายตา ค่อย ๆ ทํามือเท้า เป็นแมวย่องเงียบเล็ดลอดไปในสถานที่เงียบสงบเพื่อซ่อน ตัว

อยากให้เธอไปเหรอ ไม่มีทาง ไม่รู้หรือไงว่าเธอต้องคิด หาทางหนักแค่ไหนถึงจะมาที่นี่ได้

หลังจากที่ชนัยซื้อตั๋วเสร็จแล้ว เขาพบว่าคนที่อยู่ข้าง หลังหายไป คิ้วขมวดและมองไปสี่ทิศ ปาณีที่ซ่อนตัวอยู่ใน ที่มืดและมองดูเขาวิ่งไปรอบ ๆ หัวใจก็เต็มไปด้วยความสุข
ในช่วงเวลาแห่งความสุขนั้นพบว่าชนัยได้หายไปจริง ๆ ซึ่งชนัยกำลังดูเทปจากกล้องวงจรปิด สัญชาตญาณบอกว่า ปาณียังคงอยู่ในสนามบิน

ในขณะที่เธอหันมองไปรอบ ๆ ทันใดนั้นก็ถูกตีเข้าที่ไหล่ เธอหันกลับมาด้วยความตกใจ คนที่ตีเธอคือชนัย พลันหัวใจ ครึ่งหนึ่งก็ถูกฉาบด้วยความเย็น

“อยากเล่นซ่อนหากับผมเหรอ”

ชนัยจ้องมอง “ตามผมมา” ออกคำสั่งอย่างดุร้าย

ปาณีสะบัดมือออกและร้องไห้ออกมาเสียงดัง “ต้องทำ กับฉันแบบนี้ด้วยเหรอ รู้ไหมว่าฉันมาที่นี่ด้วยความรู้สึกแบบ ไหน”

“อย่าคิดว่าผมไม่รู้ว่าคุณแอบหนีออกมา พี่ชายของคุณ โทรหาผมแล้ว”

“เขาเป็นคนบอกให้พี่บังคับฉันกลับไป หรือเพราะพี่ไม่ อยากเจอฉันกันแน่”

“ผมไม่ได้ออกมาเล่น ตอนนี้ผมกำลังอารมณ์เสีย ผม อยากอยู่คนเดียวเงียบ ๆ คุณอย่ามารบกวนผมได้ไหม”

“ฉันจะไม่รบกวนพี่ ฉันจะอยู่ข้าง ๆ พี่เงียบ ๆ ตราบใดที่ ฉันสามารถทานข้าวและพูดคุยด้วยกันก็พอใจแล้ว”
ชนัยนวดคลึงหน้าผากอย่างหงุดหงิด “ผมพูดไม่ชัดเจน พอเหรอ ผมอยากอยู่คนเดียวเงียบ ๆ แค่คนเดียวเท่านั้น ถึงแม้ว่าคุณจะไม่พูดอะไรกับผม แต่ผมก็รู้สึกอึดอัดอยู่ดีไม่ เข้าใจเหรอ”

ปาณีหยุดพูด ตาของเธอเปียกไปด้วยนํ้าตา หลังจากที่ เงียบไปนาน การแจ้งเตือนขึ้นเครื่องของเที่ยวบินของเธอ ดังมาจากล็อบบี้ เธอไม่พูดอะไรเลย คว้าตั๋วเครื่องบินจากช นัย แล้วหันหลังเดินไป

ชนัยมองไปที่ด้านหลังของเธอ อยากจะพูดอะไรบาง อย่าง แต่ในที่สุดก็ไม่ได้พูดอะไร หลังจากนั้นไม่นาน เขาได้ รับข้อความจากโทรศัพท์มือถือ “ถึงแม้ว่าจะไม่ชอบฉันมาก แค่ไหน ก็อย่าแสดงมันออกมา ตราบเท่าที่มันเป็นเหมือน เมื่อก่อน มาทานข้าวกับฉันบ้างเป็นครั้งคราว ฉันก็รู้สึกมี ความสุขมากแล้ว ที่เหมือนว่าผู้ชายคนนั้นชอบฉัน โดยที่เขา ไม่ได้พูดมันออกมาเลยก็ตาม

ปาณีไปพร้อมกับความตื่นเต้น แต่กลับมาพร้อมกับการ สูญเสีย กลับบ้านมาโดยไม่พูดอะไรสักคำก็ขึ้นไปข้างบน ด้วยใบหน้าที่ไร้อารมณ์

ตกค่ำ หลังจากที่ผลินกลับมาจากบริษัท ได้ยินแม่บ้าน พูดว่าคุณหนูกลับมาแล้ว จึงรีบเข้าไปในห้องของปาณี เห็น เธอนอนคลุมโปง ก็ถามด้วยความกังวล “เกิดอะไรขึ้นคะ น้องณี ทำไมถึงได้กลับมาเร็วจังล่ะ”

ในความเป็นจริงเธอมีลางสังหรณ์ที่ไม่ดี
“พี่สะไภ้ นี่เป็นครั้งสุดท้าย ต่อไปฉันจะไม่ลดศักดิ์ศรีตัว เองเอาใบหน้าร้อนไปแนบกันเย็นของชนัยอีกต่อไปแล้ว”

ปาณีคงร้องไห้มาเป็นเวลานานแล้ว นําเสียงถึงได้ฟังดู แหบแห้ง การที่ชนัยเฉยเมย มันเป็นความว่างเปล่าที่โจมตี อย่างร้ายแรงที่สุดสําหรับเธอ

ผลินไม่รู้จะพูดอะไร เธอเข้าใจความรู้สึกที่ดอกไม้มีใจ แต่สายนํ้าไร้ความปราณี เพียงปลอบใจ “น้องณี ก็ดีแล้วนะ การได้สู้ก็เป็นเรื่องที่ดี ชนัยไม่ชอบคุณ มันไม่ใช่ความผิด ของคุณ เขาไม่มีตานั่นคือการสูญเสียของเขา สักวันเขาจะ ต้องเสียใจ”

ฮือฮือ…

ปาณีโผเข้าไปในอ้อมแขนของพี่สะใภ้และร้องไห้เสียง ดัง ร้องไห้จนหายใจไม่ออก ถูกชนัยปฏิเสธครั้งแล้วครั้งเล่า วิญญาณดวงเล็ก ๆ ของเธอได้รับผลกระทบอย่างรุนแรง

ผลินลูบผมของเธออย่างเจ็บปวด ปล่อยให้เธอระบาย ความทุกข์ของเธออยู่อย่างนั้น ไม่นานน้องสามีก็หยุด ร้องไห้ ไม่ได้ยินเสียงสะอื้นอีก

เธอรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ จึงก้มลงมอง และแล้วก็ พลันตกใจ เมื่อพบว่าน้องสามีหมดสติไปแล้ว “น้องณี น้อง ณี! สติ !” เธอร้องเรียกด้วยความตกใจ ปาณีไม่มีความรู้สึกหรือ
โรงพยาบาลเต็มไปด้วยกลิ่นนํายาฆ่าเชื้อ ผลินรออย่าง ใจจดใจจ่อนอกห้องและกําลังปรึกษากับครอบครัว ปยุตยืน อยู่ที่หน้าต่างด้วยใบหน้าที่มืดมน ผลินใช้เวลาอยู่นานกว่า จะตัดสินใจเดินเข้าไปพูดด้วยความรู้สึกผิด “ขอโทษ…”

ปยุตชาเลืองมองเธอ “ทำไมถึงพูดว่าขอโทษ”

“ฉันไม่ควรสนับสนุนให้น้องณีไป ถ้าไม่ไปหาเขา น้อง ณีก็จะไม่…”

“ช่างมันเถอะ ไม่ช้าก็เร็วก็ต้องไปหาชนัยและจุดจบก็ เหมือนกัน”

“เธอจะไม่เป็นไรใช่ไหม”

“ไม่อาจรู้ได้จนกว่าหมอจะออกมา”

สีหน้าของปยุตไม่สู้ดีอย่างมาก ผลินอดไม่ได้ที่จะรู้สึก ผิดมากขึ้น ตั้งใจภาวนาให้น้องสามีหลุดพ้นจากอันตราย โดยเร็วที่สุด มิฉะนั้นเธอจะต้องรู้สึกผิดไปตลอดชีวิต

ไฟหน้าห้องฉุกเฉินดับลง หมอเดินออกมา ทุกคนเข้าไป ล้อมรอบด้วยความกังวล “เป็นยังไงบ้างคะ เกิดอะไรขึ้นกับ ลูกสาวของฉัน”

“ต้องผ่าตัดให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ครับ เพราะมี เลือดออกในสมอง
“เมื่อไหร่ถึงจะดีที่สุดคะ”

“สามวันต่อจากนี้ครับ

คุณนายท่านตกลง “ได้ งั้นก็อีกสามวัน

ยังไงก็ตามการผ่าตัดจะต้องดำเนินการในไม่ช้าก็เร็ว หลังจากเอามันออกไปแล้วก็ไม่ต้องเป็นกังวลอีก

การที่ปาณีรู้ว่าตนเองป่วย ไม่ได้ทำให้รู้สึกตื่นเต้นมาก นัก เพราะสําหรับเธอแล้วการไม่ได้รับความรักจากชนีย ความตายก็ไม่สำคัญอีกต่อไป

คืนก่อนการผ่าตัด ชนัยเข้ามาในห้องของเธอ ไม่ได้ปลุก เธอ ทำเพียงแค่จ้องเธออยู่แบบนั้น

เหมือนมีกระแสจิตบางอย่าง ทำให้ปาณีตื่นขึ้นมา เห็น คนที่นั่งข้าง ๆ เตียง เธอสงสัยว่ามันอาจจะเป็นความฝัน เอ่ย ถามอย่างไร้ความรู้สึก “พี่มาที่นี่ได้ยังไง

“ได้ยินว่าคุณป่วย จึงกลับมาดูคุณ”

“ฉันไม่เป็นไร พี่ไปเถอะ”

เธอไม่หันหน้ามา ทำเหมือนไม่อยากคุยกับเขาอีก

“คุณณี เรามาเป็นแฟนกันเถอะ”
ชนัยโพล่งออกมากะทันหัน ปาณีตกใจ คิดว่าได้ยินอะไร ผิด “พี่พูดว่าอะไรนะคะ

“ผมพูดว่าพวกเรามาเป็นแฟนกันเถอะ ด้วยการมีความรัก เป็นพื้นฐาน ด้วยการแต่งงานเป็นหลักฐาน

หัวใจเธอเต้นเร็วระรัว แต่ไม่กล้าที่จะมีความสุขเร็วเกิน ไป พยุงตัวลุกขึ้นนั่ง “ทำไมจู่ ๆ ถึงเปลี่ยนใจ เพราะสงสาร ฉันเหรอ”

“ไม่ใช่ ผมอยากลองพยายามคบกับคุณดู บางทีคุณอาจ จะเป็นคนที่ใช่สำหรับผม

ดวงตาของชนัยแน่วแน่จริงจัง ปาณีไม่สามารถควบคุม อารมณ์ตื่นเต้นได้อีกต่อไป โผเข้าไปในอ้อมแขนของเขา อย่างมีความสุขและกอดเขาเอาไว้แน่น

แม้ว่ามันจะเป็นความฝัน เธอก็เต็มใจที่จะหลงระเริงไป กับมัน…

บางทีอาจเป็นเพราะพลังแห่งความรัก การผ่าตัดของ ปาณีประสบผลสำเร็จอย่างมาก หัวใจที่แขวนของทั้ง ครอบครัวก็ได้วางลง ชนัยอยู่กับปาณีทุกวัน ดังนั้น ผลินจึง ยังคงทำงานให้กับปยุตต่อไป

วันนั้น มีแขกที่ไม่คาดคิดมาที่บริษัท ทันทีที่เข้าไปใน ห้องของเลขาฯ ทั้งคู่ต่างไม่มีสติ ผลินจ้องจันทรเขม็ง ส่วน จันทรก็จ้องเธอเช่นกัน
“เธอมาทําอะไร

“นั่นคือสิ่งที่ฉันควรถามเธอ ว่าเธอมาทําอะไรที่นี่”

ผลินยิ้มอย่างไร้อารมณ์ “ที่นี่มันบริษัทของสามีฉัน ฉันมา ช่วยไม่ได้หรือไง”

“ช” จันทรพูดแดกดันอย่างเย็นชา “บริษัทของพี่ยุต ล่มจนถึงขนาดให้เธอมาช่วยเลยหรือไง”

“สําหรับฉันมันง่ายมาก เธอน่ะจัดการได้งั้นเหรอ”

ใบหน้าของจันทรบึ้งตึง ตรงไปที่ห้องของประธาน แต่ เมื่อกําลังยกมือขึ้นเคาะประตูก็เกิดเปลี่ยนกลับมาพูดประชด ประชัน “ใช่สิ ไม่สามารถให้กำเนิดเด็กได้ ก็ทำได้แค่หา อย่างอื่นทำ ไม่อย่างนั้นชีวิตก็คงจะไม่มีคุณค่าอะไรเลย”

ผลินยกแฟ้มขึ้นและเขวี้ยงออกไป แต่มันโดนแค่ประตู เท่านั้น เพราะคนได้เข้าไปในห้องแล้ว

ครึ่งชั่วโมงต่อมา จันทรก็ออกมา เมื่อผ่านผลินก็เหลือบ มองเธออย่างดูหมิ่น ยกศีรษะขึ้นสูง

ทันทีที่เธอก้าวเท้าออกไปปยุตก็ออกมา เอียงหน้าก้มลง มองผลินที่โต๊ะ “อะไร โกรธเหรอ”

ผลินมองด้วยความไม่สบอารมณ์ “เธอมาทำอะไรที่นี่
“ทำอะไรล่ะ พูดคุยเรื่องหลักฐานน่ะสิ”

“คุยแค่นี้?”

“นัดผมไปคุยกันคืนพรุ่งนี้”

ผลินขมวดคิ้ว “คุณตกลงแล้ว?”

“อืม มันต้องได้รับการแก้ไขไม่ช้าก็เร็ว แก้ปัญหาก่อน”

“นัดไปคุยกันที่ไหน”

“ผมเป็นคนเลือกสถานที่

“แล้วคุณจะไปคุยเรื่องนี้ที่ไหน”

“ไปที่สโมสรประจำของผม”

ได้ยินว่าเขาไปสโมสรที่ประจำหัวใจเธอก็มีความสงบลง เล็กน้อย เตือนเขาอย่างครุ่นคิด “ระวังหน่อยนะ จันทรไม่ใช่ จันทรคนเดิมที่คุณรู้จักอีกต่อไปแล้ว”

ปยุตพยักหน้า “มั่นใจได้ ผมรู้ว่าอะไรควรไม่ควร


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ