ตอนที่ 155 ไม่มีคุณไม่ได้(2)
“ฉันไม่ได้ทำอะไรผิด ทั้งหมดที่ฉันทำคือการทำให้เขามี ความสบ
ทัตดาตวาดออกมาอย่างควบคุมไม่ได้
ห์ มนต์ตรีหัวเราะเยาะ “เพื่อความสุขของลูกชายจริง หรือเพื่อความแค้นของตัวคุณเอง คุณรู้ดีกว่าใคร ปากก็บอก ว่ามันเพื่อความสุขของลูกชาย แต่ตอนนี้ผลลัพธ์คืออะไร คุณนั่นแหละเป็นคนผลักเขาลงไปบนเส้นทางที่ไม่มีความ
“มนต์ตรี!”
ทัตดาใบหน้าซีดเผือด “พวกเราไม่ได้เจอกันมาเป็นสิบปี คุณต้องทะเลาะทันทีที่เจอฉันเลยงั้นเหรอ”
“ผมไม่ได้ทะเลาะกับคุณ ผมแค่พูดความจริง ทัตดา ความจริงแล้วคุณไม่ควรกลับมา ไม่ว่าคุณจะมีความสุขหรือ ไม่ เมื่อคุณเลือกที่จะไป ก็ไม่มีสิทธิ์ที่จะถามอีก” เมื่อมนต์ ตรีพูดจบประโยคนี้ เขาก็ลุกขึ้นและจากไป มือทัตดาที่ถือ แก้วอยู่สั่นไม่หยุด แต่มันไม่หกออกมาแม้สักหยด ที่หยด ออกมาคือน่าตา
รู้อะไรไหม หัวใจที่แข็งดั่งหิน ไม่ใช่เป็นได้แค่ชั่วข้าม คืน ผู้หญิงที่ร้องไห้ได้ง่าย มันเป็นเรื่องยากที่จะทอดทิ้งสามี และลูกชายได้
ถึงแม้ว่าจะไม่ได้ข้อตกลงร่วมกับมนต์ตรี ทัตดาก็ไม่ยอม แพ้เธอใช้ประโยชน์ตอนทีมนต์ตรีออกมาข้องนอกบ้าน มา ถึงคอนโดที่จากไปยี่สิบปี
หยิบเอากุญแจออกจากกระเป๋า ไม่ได้มีความหวังมากนัก แต่ไม่คาดคิดว่ากุญแจที่ขึ้นสนิมแล้ว มันกลับไขประตูห้อง ออกได้โดยง่าย
เธอตกตะลึง มันน่าประหลาดใจที่หลายปีผ่านไปแล้ว มนต์ตรีไม่ได้เปลี่ยนล็อกประตู หากเธอต้องการเข้าบ้าน หลังนี้ ก็ยังสามารถเข้ามาได้เสมอ
การตกแต่งบ้านแทบจะไม่แตกต่างจากยี่สิบปีที่แล้ว เธอ ขึ้นไปชั้นสองและเข้าไปในห้องนอนของพวกเขา คุ้นเคย กับสถานที่เก็บทะเบียนบ้านเป็นอย่างดี
เฟอร์นิเจอร์ไม่เปลี่ยนแปลง แม้แต่สถานที่ที่เก็บต่าง ๆ ก็ ไม่เปลี่ยนแปลง ทัตดาถือทะเบียนบ้านไว้ในมือสักครู่ จาก นั้นจึงลกขึ้นแล้วรีบเดินออกไป
หากไม่มีทะเบียนบ้านแล้ว เธอก็อยากเห็น ว่าสองคนนั้น จะแต่งงานกันยังไง
วันแต่งงานใกล้เข้ามาแล้ว เธอต้องถ่วงเวลาไว้ เพื่อคิด วิธีที่จะหยุดลูกชายจากการแต่งงานกับชื่นใจ
ทัตดาคิดว่าขั้นตอนแรกในการวางแผนหยุดการแต่งงาน นี้ได้ทำสำเร็จแล้ว แต่ใครจะรู้ ว่าเธอยังไม่ทันได้เริ่ม ก็แพ้เสียแล้ว
เมื่อไวภพพาชื่นใจมาที่พาร์ตเมนต์ของเธออีกครั้ง วาง ใบทะเบียนสมรสสีแดงสองใบลงตรงหน้าเธอ ดวงตาก็ กลายเป็นสีดำา และเป็นลม…
หลังจากที่ตื่นขึ้นมา เธอนอนอยู่บนเตียงในห้องนอน มีลูกชายนั่งอยู่ข้างเตียง ทันใดนั้นเธอก็ตะโกนโวยวาย “ไวภพ!!”
ไวภพลุกขึ้นและเอ่ยถามอย่างรู้คำตอบอยู่แล้ว “อะไรเห รอครับ”
“แก…แกทํา…ได้ยังไงโดยที่ไม่ได้รับความยินยอมจาก ฉัน ไปจดทะเบียนสมรสกับผู้หญิงที่น่ารังเกียจ แกกำลัง พยายามจะฆ่าฉันทั้งเป็นใช่ไหม”
ไวภพส่ายหน้า และพูดอย่างไร้เดียงสา “ผมไม่เคยคิด เลยว่าคุณแม่จะสนใจในสิ่งที่ผมทำ ถ้าแคร์ผมมากแบบนี้ ตั้งแต่แรก แล้วทำไมคุณถึงทิ้งผมไปล่ะ ที่จริงแล้วผมมักจะ ตั้งคำถามแบบนี้อยู่เสมอ
ทัตดาน้ำตาเอ่อคลอขึ้นมา “ตาภพ แม่ก็รู้สึกเศร้าเหมือน กันนะ แต่มันไม่มีทางที่จะอยู่ในเมืองนี้ได้อีก ไม่อย่างนั้นฉัน จะต้องหายใจไม่ออกตายแน่…”
“โอ้ ทิ้งผมไปเมื่อคุณรู้สึกไม่ดี เมื่อรู้สึกดีก็กลับมายุ่ง กับชีวิตของผม คิดว่าผมเป็นอะไร ของเล่นเหรอ คุณต้องตระหนักถึงความเป็นจริงเอาไว้นะว่า ตอนนี้ผมโตขึ้นแล้ว มันผ่านไปแล้วในช่วงวัยที่คุณจะมาสนใจ เคยไม่สนใจไป แล้วอายุเท่าไรก็ไม่ต้องมาสน
ไวภพพูดจบก็ออกจากห้องนอนของแม่ พูดกับชื่นใจที่ ยืนอยู่ที่ประตูว่า “พวกเราไปกันเถอะ”
“ท่านไม่เป็นอะไรแล้วเหรอคะ”
“ไม่เป็นไรแล้ว ตะโกนใส่ผมได้ด้วย คงไม่เป็นอะไร หรอก”
ทัตดาไล่ตามออกมา พูดด้วยความโกรธ “มันเป็นของ ปลอม ทะเบียนสมรสต้องเป็นของปลอม ทะเบียนบ้านของ แกอยู่ที่ฉัน แล้วแกจะจดทะเบียนสมรสได้ยังไง”
ไวภพแย้มรอยยิ้มที่ไร้อารมณ์ ตบไหล่ของแม่ “คุณ แม่ ผมลืมบอกคุณไป ผมน่ะเป็นลูกชายของคุณ ผมรู้แผน ของคุณดีกว่าใคร คุณคิดว่าผมโง่พอที่จะรอจนกว่าคุณจะ เอาทะเบียนบ้านไปแล้วค่อยคิดจดทะเบียนสมรสเหรอ ใบ ทะเบียนสมรสนี้น่ะได้รับมาตั้งนานแล้ว เมื่อเช้าผมได้ยินพ่อ พูดว่าคุณเอาทะเบียนบ้านไป ก็เลยมาเพื่อให้คุณดู
ทัตดานวดหน้าผาก เป็นลมไปแล้วและเกือบเป็นลมอีก ครั้ง ชื่นใจยื่นมือออกไปจับเธอไว้ แต่ถูกสะบัดทิ้งด้วยความ เกลียดชัง “ออกไป!”
“เอาล่ะ เราไปกันเถอะ ขึ้นอยู่ที่นี่ต่อเดี๋ยวจะไปกระตุ้นให้คุณสลบไปอีก อุตส่าห์ตื่นขึ้นมาแล้วเดี๋ยวจะสลบไปอีกรอบ”
ไวภพจูงมือชื่นใจออกจากอพาร์ตเมนต์ของแม่ เอื้อมมือ ไปเปิดประตูและปิดมัน ยังได้ยินเสียงโกรธของแม่คำราม ออกมาจาก อพาร์ตเมนต์ ชื่นใจใจเต้นแรง แต่ไวภพไม่รู้สึก อะไร
พวกเขาเดินเคียงข้างกันไปยังที่จอดรถ ชื่นใจเดินก้ม หน้าสองมือล้วงกระเป๋า ไวภพหันมามองเธอแล้วถามอย่าง ตลกขบขัน “คุณหาเหรียญเหรอ”
อ่า ชื่นใจได้สติ ถามอย่างสงสัย “หาเหรียญอะไรเหรอ คะ”
“ก็คุณเอาแต่ก้มหน้า ผมก็คิดว่าคุณกำลังหาเหรียญน่ะ
เธอเขินอาย ยิ้มออกมาอย่างไร้อารมณ์ “ฉันก็แค่คิดถึง ปัญหาน่ะ”
“ปัญหาอะไร”
เธอหยุดเดิน ลังเลชั่วครู่ ก่อนจะตัดสินใจถามว่า “ที่คุณ เลือกฉันเป็นคู่แต่งงาน มันไม่ได้เป็นเพราะคุณแม่ของคุณ เกลียดฉัน หรอกใช่ไหมคะ”
“พูดแบบนี้ได้ยังไง”
“จู่ ๆ คุณก็ตัดสินใจแต่งงาน ไม่ใช่เพื่อแก้แค้นแม่ของ คุณเหรอ แต่งงานกับลูกสะใภ้ที่เธอไม่เห็นด้วย เป็นการแก้ แค้นที่ดีที่สุดสำหรับเธอ”
“คุณ…” ไวภพดีดหน้าผากของชื่นใจ “มโนมากเกินไป แล้วนะ”
เธอลูบหน้าผากที่ถูกไวภพดีด และพูดอย่างโกรธ ๆ ว่า “ยังไงก็ตามการเลือกฉันต้องมีประโยชน์สำหรับคุณ ไม่ อย่างนั้นสิ่งดี ๆ เหล่านี้จะตกลงบนหัวฉันคนเดียวงั้นน่ะเห รอ”
ไวภพมองเธอก่อนที่จะหันหลังกลับไปด้วยความ หงุดหงิด เป็นครั้งแรกที่รู้สึกแบบนี้ และอันที่จริงมันช่างน่า สนใจ
เมื่อได้รับเชิญงานแต่งงาน ผลินไม่ได้รู้สึกอิ่มเอม ไม่ใช่ เพราะขาดคนรัก แต่เพราะจุดประสงค์ของการแต่งงานครั้ง นี้ของชื่นใจ กลัวว่าเธอจะไม่มีความสุขในอนาคต
“นี่อะไรเหรอ”
ปยุตเห็นเธอถือบัตรเชิญในมือ ก็ถามอย่างสงสัย
“ไวภพกำลังจะแต่งงานกับชื่นใจเหรอ” เขาไม่อยากจะ เชื่อ “มันเกิดอะไรขึ้น
“ไม่รู้สิคะ มันเป็นการตัดสินใจของพวกเขาเอง พรุ่งนี้คุณจะไปร่วมงานกับฉันหรือเปล่า”
ปยุตพยักหน้าอย่างมึนงง “อ้อ ได้สิ”
วันต่อมา มันเป็นวันที่สดใส ปยุตกับผลินมาถึงยังโรงแรม เจ.เอส. สถานที่จัดงานแต่งงานของไวภพกับชื่นใจ
ผลินคุ้นเคยกับที่นี่ เพราะเธอกับปยุตก็จัดงานแต่งขึ้นที่นี่ ด้วยเช่นกัน
งานแต่งงานยังไม่เริ่ม ชื่นใจนั่งอยู่ในห้องสวีตของ โรงแรม รู้สึกตื่นเต้นมาก อีกหนึ่งชั่วโมง เธอก็กำลังจะเป็น เจ้าสาวของไวภพ แล้ว จู่ ๆ ก็ได้แต่งงานกับคนที่ตัวเองรัก มันเหมือนความฝัน และดูไม่ใช่เรื่องจริง
ผลินมายังห้องของชื่นใจ เห็นเพื่อนในชุดแต่งงานสีขาว หัวใจของผลินเต็มไปด้วยความรู้สึก เธอเดินเข้าไปตรงหน้า ชื่นใจและส่งยิ้มให้ เอ่ยถามแผ่วเบา “เป็นยังไงบ้าง รู้สึก เหมือนว่าความฝันกำลังจะกลายเป็นจริงใช่ไหม”
ชื่นใจยิ้มขมขื่น “อะไรคือความฝัน มันเป็นความฝันที่ไร้ ประโยชน์ที่สุด”
“ความฝันที่ไร้ประโยชน์ก็คือความฝัน มันดีแล้วที่กลาย เป็นจริง ถึงวันนี้แล้วต้องมีความสุขสิ”
“อืม”
ชื่นใจพยักหน้าด้วยความเศร้า
“เธอแอบแต่งงานแบบนี้ ไม่กลัวว่าเหรอว่าพอถึงเวลาที่ พ่อแม่ของเธอจะรู้แล้วจะไม่ไว้ชีวิตเธอน่ะ”
“ถ้าฉันบอกพวกเขาตอนนี้ ฉันก็คงจะไม่ได้แต่งงาน”
“ทำไมล่ะ”
“ก่อนหน้านี้สัญญากับพวกเขาไว้ ว่าจะไม่ไปอยู่ต่าง ประเทศ และหลังจากอายุยี่สิบห้าก็จะกลับไปหาพวกเขา”
“งั้นตอนนี้เธอตัดสินใจที่จะรอจนกว่าข้าวจะสุก แล้วค่อย สารภาพกับพวกเขางั้นเหรอ”
ชื่นใจหน้าแดงเล็กน้อย “หยุดพูดไร้สาระได้แล้ว นั่นเป็น เรื่องที่เป็นไปไม่ได้
“มันเป็นไปไม่ได้หรอก ตั้งแต่ตัดสินใจแต่งงาน ไม่ว่า เธอจะรักกันหรือไม่ ไม่ช้าก็เร็วข้าวสารก็จะต้องกลายเป็น ข้าวสุก”
ได้ยินเธอพูดอย่างนั้น ชื่นใจก็เงยหน้าขึ้นช้า ๆ แววตามี ความเศร้าโศก “ลิน ความจริงแล้วที่ไวภพตัดสินใจแต่งงาน กับฉัน ทั้งหมดก็เพื่อเธอ
ผลินหัวใจเต้นแรง “อะไรคือเพื่อฉัน
“เขาไม่ต้องการให้แม่ของเขาสร้างปัญหาให้เธอ แม่ ของเขาเป็นคนที่สุดโต่ง รู้ว่าเขาชอบเธอ ก็พยายามทําทุก อย่างเพื่อช่วยให้เขาได้สมหวัง ตราบใดที่เขายังโสด แม่ ของเขาก็จะไม่มีวันตายใจ ไม่ช้าก็เร็วเธอจะต้องได้รับผลก ระทบที่ตามมา”
ถึงแม้ว่าในตอนแรกจะรู้ว่าเหตุผลที่ไวภพแต่งงานอาจ เป็นเพราะตัวเอง แต่ตอนนี้มาได้ยินข้อเท็จจริงจากปากของ ชื่นใจ ผลินก็ยังรู้สึกตกใจเล็กน้อย
“เธอไม่ต้องคิดมากเกินไป ไม่ว่าเขาจะชอบใครมาก่อน หลังจากนี้ชีวิตของเขาอยู่ในมือของเธอ สามารถทำให้เขา ตกหลุมรักเธอได้หรือไม่ มันก็ขึ้นอยู่กับความพยายามของ เธอ ว่าทุ่มเทสุดหัวใจหรือเปล่า”
ผลินระงับการสั่นสะเทือนของหัวใจ กระตุ้นเพื่อนให้ ต่อสู้เพื่อความรักที่เธอต้องการด้วยคำพูดที่จริงใจที่สุด
งานแต่งงานจะเริ่มในอีกครึ่งชั่วโมงข้างหน้า ผลินออก จากห้องของชื่นใจ เดินไปตามทางเดินที่ทอดยาวด้วย ความกังวล คิดถึงวันนั้น เธอเข้าใจไวภพผิดและไปด่าเขา ที่อพาร์ตเมนต์ของเขา อดไม่ได้ที่รู้สึกผิดมาก ตอนนั้นเธอ โกรธมากจริง ๆ เธอควรจะคิดได้ว่าไวภพไม่เคยเป็นคนที่ เห็นแก่ตัวและน่ารังเกียจ
การก้าวเดินถูกหยุดกะทันหัน ที่ปลายสุดของทางเดิน เธอเห็นคนที่ดูดี หันหลังให้เธอและจ้องออกไปยังท้องฟ้า กว้างไกล
ผลินคิดทบทวน แล้วตัดสินใจเด็ดเดี่ยวเดินเข้าไปหา เอ่ยเรียกแผ่วเบา “ไวภพ”
ไวภพหันกลับมาช้า ๆ เมื่อเห็นเธอ ก็มีร่องรอยแห่งความ โศกเศร้าแผ่ออกมาจากแววตาไม่ต่างจากชื่นใจ “คุณมา แล้ว”
“ขอบคุณนะ”
ผลินขอบคุณจากใจจริง ไวภพร่างกายแข็งทื่อ “ไม่ต้อง เกรงใจ”
บรรยากาศนั้นไม่สามารถอธิบายได้ ทั้งสองเงียบไปชั่ว ครู่ จากนั้นผลินจึงเอ่ยทำลายความเงียบ “ถึงแม้ว่าจะรู้ว่าไม่ ควรพูดแบบนี้ แต่ก็อยากพูดกับคุณนะครูใหญ่ภพ ได้โปรด เมตตาชื่นใจ ฉันหวังว่าพวกคุณจะอยู่ด้วยกันตลอดไป”
หลังจากพูดจบ ผลินก็หันหลังกลับ เตรียมที่จะไปยังงาน จัดเลี้ยงงานแต่งที่ห้องด้านล่าง
“ไม่มีอะไรที่ควรพูดหรือไม่ควรพูด มีเพียงสองเหตุผลที่ ผลักดันชีวิตคนเรา หนึ่งคือความสุขของตัวเอง อีกหนึ่งคือ การมองคนอื่นมีความสุข
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ