ตอนที่ 151 เราหย่ากันเถอะ(1)
ธาตรีไม่ลังเลที่จะฉีกเทปกาวออกจากปากของผลิน ผลินขอร้องเขาทั้งน้ำตา ธาตรี อย่าแตะต้องฉันเลยนะ ฉัน ขอร้องเธอได้ไหม”
ออกจากหลังประตู ธาตรีพยักหน้า นะ ฉันไม่ได้แกล้งเธอ” “ลินลิน อย่าร้องไห้
เขาพลิกตัวและลุกขึ้น เดินไปที่ประตูแล้วเปิดมัน ทาตฤ และภรรยายืนฟังอยู่ข้างนอก ทันใดนั้นลูกชายก็ออกมา ถามอย่างสงสัยว่า “ลูกชาย แกออกมาทำไม”
“คุณแม่ พวกคุณไปนอนกันเถอะ ผมรู้ดีว่าต้องทำยังไง”
จารุณีมองลูกชายด้วยความสงสัย แกหมายถึงอะไร ฉัน อยู่ที่นี่กับพ่อของแกนั่นทำให้แกอายเหรอ”
ธาตรีพยักหน้าด้วยใบหน้าที่แดงก่ำ อืม…
ฮ่าฮ่า ทาตฤเปล่งเสียงหัวเราะลูกชายฉันโตขึ้นแล้ว จริง ๆ รู้จักอายด้วย”
จารุณีเองก็มีความสุขเหมือนกัน ตบไหล่ของ ลูกชาย“งั้นก็ดี พวกเราก็ไปนอนกันเถอะ แกต้องไม่ล้มเหลว ในสิ่งที่ พ่อแม่คาดหวังนะ ต้องทำให้ร่างกายเธอพังให้ได้”
“ได้ครับคุณแม่”
“ยาของเธออยู่ได้แค่ห้าชั่วโมง นี่มันผ่านมาหนึ่งชั่วโมง แล้ว แกจะต้องจัดการภายในสี่ชั่วโมง
ธาตรีพยักหน้าอีกครั้ง นั่นทำให้จารุณีรู้สึกดีขึ้น พูดกับ สามีว่า “ไปกันเถอะ เราไปพักผ่อนกัน ตลอดทั้งวันมานี้มัน เหนื่อยมากจริง ๆ
เห็นพ่อแม่เดินอย่างอ่อนแรงขึ้นบันได ธาตรีรีบกลับ เข้าไปข้างใน ไปที่เตียงและพูดกับผลินว่า”ฉันหลอกพ่อ กับ แม่แล้ว”
ผลินยังไม่สามารถควบคุมการไหลของน้ำตาได้ แต่ก็ยัง ไม่สิ้นหวัง มันคือความรู้สึกโล่งอก ธาตรีทำให้รู้สึกโล่งอก
“ลินลิน หยุดร้องไห้ได้แล้ว ฉันจะไม่แกล้งเธออีกแล้ว
หยุดร้องไห้นะ หยุดร้องไห้นะ”
ธาตรีเห็นเธอร้องไห้ อดไม่ได้ที่จะรู้สึกสับสน ใช้แขน ของตัวเองเช็ดน้ำตาให้กับเธอ
“ธาตรี ขอบคุณเธอมากนะ”
ผลินสูดจมูก สะอื้นขอบคุณเขา ธาตรียิ้มเซ่อ ๆ”ไม่ต้อง ขอบคุณหรอก…
“เธอจะเอากล้องออกจากผนังหรือเปล่า”
ธาตรีมองไปที่ผนัง ตกลงทันทีได้สิ
เขาเดินไปดึงกล้องที่มีไฟสีแดงกะพริบอยู่ออก ทิ้งมัน ลงกับพื้น แล้วใช้เท้าบดขยี้มัน
หลังจากเหยียบมันแล้ว เขากลับมานั่งลงข้างเตียงอีก ครั้ง เอ่ยถาม นว่า”ลินลิน พ่อของฉันเป็นคนเลวเหรอ”
“ใช่ พ่อของเธอเป็นคนเลว เป็นคนที่เลวมาก เพราะ ฉะนั้นนะธาตรีเธอต้องจําเอาไว้ อย่าเป็นคนแบบพ่อของ เธอ!”
ธาตรีพยักหน้าอย่างไร้เดียงสา ได้สิ ฉันจะเชื่อฟังลิ นลิน”
“เธอเอาโทรศัพท์มือถือของฉันมาให้ฉันหน่อยได้ไหม ฉัน จะโทรหาคนที่สามารถมาช่วยฉันได้
ณ เวลานี้ ธาตรีเป็นความหวังเดียวของผลิน ในขณะที่ ทาตถขึ้นไปพักผ่อน เธอต้องหนีให้เร็วที่สุด เพราะถ้าเขา ตื่นขึ้นมา อาจจะเป็นไปไม่ได้อีก
“โทรศัพท์มือถือของเธออยู่ที่ไหนเหรอ”
“มันอยู่ในกระเป๋าเสื้อของฉัน”
ธาตรีสัมผัสเสื้อของผลินแล้วส่ายหน้า ไม่เห็นมีเลย”
“กุญแจรถก็ไม่มีเหรอ”
“ไม่มี ไม่มีอะไรเลย
เธอหลับตาลงด้วยความเจ็บปวด ทาตฤช่างเจ้าเล่ห์ เอาโทรศัพท์มือถือและกุญแจรถของเธอไป
เห็นเธอร้องไห้อีกครั้ง ธาตรีก็รีบพูดขึ้นมาว่า
“ลินลิน อย่าร้องไห้ อย่าร้องไห้ คุณแม่บอกว่ายาเธอจะอยู่ ได้แค่สี่ชั่วโมงเท่านั้น”
ทันใดนั้นเธอก็ลืมตาขึ้นมา“อีกสี่ชั่วโมงฉันก็ขยับได้แล้ว
เหรอ”
“ก็น่าจะเป็นอย่างนั้นนะ
เธอสูดลมหายใจเข้าลึก“ดี ธาตรี เธอช่วยอะไรฉันหน่อย ได้ไหม”
“เธอจะให้ฉันช่วยอะไรเหรอ
“ถ้าพ่อแม่ของเธอหลับไปแล้ว เธอช่วยขโมยโทรศัพท์มือ ถือกับกุญแจรถของฉันมาให้หน่อยได้ไหม”
ธาตรีเครียดลง“ถ้าถูกจับได้จะทำยังไง”
“เธอต้องระวังหน่อยนะ ทุกอย่างน่าจะอยู่ในกระเป๋าเสื้อ ของพ่อเธอ ฉันเชื่อว่าเธอทำได้”
ผลินมองเขาด้วยความไว้วางใจ หลังจากทีธาตรีนิ่งไป ชั่วครู่หนึ่ง ในที่สุดก็ตอบตกลง ได้ ลินลิน ฉันจะช่วย เธอ”
เวลาผ่านไปทีละนาที หวังว่ายาที่ตัวเองได้รับจะหมด ฤทธิ์โดยเร็วที่สุด แล้วจะต้องหนีไปจากเตาเผาปีศาจนี้ให้ได้ ต้องหนีให้ได้
“ลินลิน พ่อฉันคงหลับไปแล้ว ให้ฉันไปช่วยขโมยมาให้ เธอเลยไหม”
“โอเค”
ผลินรู้สึกขอบคุณอย่างลึกซึ้งจนตื้นตันไปหมด
ธาตรีค่อย ๆ ไต่ขึ้นบันไดไป มาที่หน้าประตูห้องนอนพ่อ กับแม่ แอบเปิดประตูเข้าไป ในห้องนั้นมืดสนิท แน่ใจว่า พ่อ แม่นั้นหลับแล้ว
ทาง วางเสื้อไว้บนโซฟา ธาตรีแอบเข้าไปอย่างรวดเร็ว ก้มตัวลงแล้วยื่นมือออกไป สัมผัสเข้ากับโทรศัพท์มือถือ และกุญแจรถโดยไม่คาดคิด หัวใจของเขาเต็มไปด้วยความ สบ เอาของแล้วรีบหนีไป
“ลินลิน ลินลิน ฉันได้มาแล้ว ฉันได้มาแล้ว…”
ธาตรีชูกุญแจและโทรศัพท์มือถืออย่างตื่นเต้น ยาของ ผลินหมดฤทธิ์แล้ว เมื่อธาตรีกลับมา เธอแต่งตัวเรียบร้อย แล้ว รับของมาอย่างขอบคุณ ธาตรี ขอบคุณเธอมากนะขอบคุณเธอมากจริง ๆ”
กลัวว่าถ้ายืดเยื้อไปกว่านี้อาจเกิดการเปลี่ยนแปลงที่ไม่ ดีได้ เธอจึงหยิบกุญแจรถและวิ่งออกไป ธาตรีติดตามเธอ ไปอย่างใกล้ชิด จนถึงข้างนอกยังรถที่จอดอยู่ ผลินกำาลัง จะเปิดประตู ได้ยินเสียงที่แสดงออกถึงความสูญเสียทาง ด้านหลัง ลินลิน จากนี้ไป ฉันจะไม่ได้เจอเธออีกแล้วเหรอ”
มือของเธอชะงักค้างกลางอากาศ หันหลังกลับไปช้า ๆ เห็นธาตรีนํ้าตาไหลออกมา ทันใดนั้นก็รู้สึกหายใจไม่ออก เดินกลับไป อยากพูดอะไรสักอย่าง แต่ก็ไม่รู้จะพูดอะไรออก มา
เรื่องน่ารังเกียจที่ทาตฤทำกับเธอในวันนี้ ดังนั้นเธอจะไม่ เกี่ยวข้องกับครอบครัวนี้อีกต่อไป แต่กับธาตรี เขาเป็น เด็ก ที่น่าสงสาร แล้วเธอจะเอ่ยปากได้ยังไง ว่าจากนี้ต่อไป เธอ จะตัดขาดจากครอบครัวของเขา
“เธอไปเถอะ ถ้าพ่อฉันตื่นขึ้นมา เดี๋ยวจะจับเธอกลับมามัด ไว้อีก”
ธาตรีใช้แขนเสื้อเช็ดน้ำตา ดูเหมือนว่าเวลานี้ เขาได้ เติบโตขึ้นแล้ว ไม่เซ้าซี้เหนี่ยวรั้งผลินไว้เหมือนอย่างที่เคย เป็น
ผลินกัดฟัน ท้ายที่สุดก็ไม่ได้พูดอะไร ก้าวเดินไปยังรถ อย่างรวดเร็ว เปิดประตูรถขึ้นไปนั่ง และเตรียมที่จะสตาร์ต เครื่องยนต์ เธอเห็นธาตรีหมอบลงกับพื้นร้องไห้เหมือนเด็กที่ถูกทอดทิ้ง บางแห่งในหัวใจมีอาการเจ็บปวดรุนแรง เปิดประตูรถแล้วก้าวลงไป เข้าไปโอบกอดธาตรีไว้ พูดทั้ง น้ำตา “ฉันจะไม่มีวันลืมที่เธอช่วยฉันในวันนี้ ขอบคุณ เธอ มาก ดูแลตัวเองด้วยนะ!”
เธอมองเขาสักครู่ ก่อนที่จะกดจูบหนักลงบนหน้า ผากของเขา จากนั้นจึงลุกขึ้นและกลับไปที่รถ กดสตาร์ต เครื่องยนต์
และครั้งนี้ เธอจากไปจริง ๆ
มองผ่านกระจกรถ เธอเห็นธาตรียกแขนขึ้นโบกมือ อย่างหนัก น้ำตาแห่งความเจ็บปวดไหลออกมาจากดวงตา เหมือนเขื่อนพังทลาย ความดีของเขา มันคุ้มค่าที่เธอจูบ ธาตรี ลาก่อน
ผลินกลับไปที่เมือง B ในชั่วข้ามคืน ปยุตประหลาดใจที่ เธอกลับมาในตอนเช้า“ลิน ทำไมคุณถึงกลับมาตอนนี้ ล่ะ”
เธอไม่พูดอะไร โผเข้าสู้อ้อมแขนของเขา และสะอึก สะอื้นร้องไห้
“เกิดเรื่องอะไรขึ้น”
ปยุตชะงักไป รีบเอ่ยถามทันที
เธอส่ายหน้า”ไม่มีอะไรหรอก ฉันก็แค่คิดถึงคุณมาก”
แม้ว่าหัวใจจะเต็มไปด้วยความคับแค้นและความเกลียด ชัง แต่ยังไม่ได้เปิดเผยสิ่งที่ทาต ได้ทํากับเธอ ไม่ใช่ ว่า กลัวทาตถุ หรือไม่ใช่เพราะว่ารู้สึกสํานึกบุญคุณเขา แต่ เพราะเธอรู้อารมณ์ของปยุต ถ้าเธอบอกเขาว่าคืนนี้เกิด อะไรขึ้น เขาต้องทําให้ครอบครัวของทาตฤตายอย่างน่า กลัวเป็นแน่ เธอไม่สนใจว่าทาตฤกับภรรยาของเขาจะตาย หรือไม่ ที่เธอสนใจคือผู้บริสุทธิ์อย่างธาตรี เด็กที่น่าสงสาร คนนั้น ถ้าสูญเสียพ่อแม่ไป เขาจะสามารถมีชีวิตรอดบน โลกที่วุ่นวายซับซ้อนนี้ได้ยังไง
สองวันผ่านมา ผลินอยู่ในอารมณ์ที่ไม่ดี เป็นเหตุผลเดิม ที่ทําให้เธอหงุดหงิด เธอได้รับความอับอายเพราะทาง อีกครั้ง ถึงแม้ว่าจะไม่ได้สูญเสียร่างกาย แต่ความอัปยศอดสู ที่ถูกแก้ผ้าและตบที่ใบหน้ายังคงเป็นเงาหลอกหลอนใน จิตใจของเธอ
คุณนายท่านเห็นลูกสะใภ้เศร้าทั้งวัน เข้าใจว่าเธอกังวล เกี่ยวกับเรื่องการเป็นหมัน คิดถึงสิ่งที่ Adiana พูดก่อน หน้านี้ ว่าอารมณ์ที่ไม่ดีมีผลโดยตรงต่อการตั้งครรภ์ จึง ตัดสินใจที่จะพาลูกสะใภ้ไปพักผ่อน
ในคืนนั้น หลังจากทานข้าวเย็นเสร็จแล้ว คุณนายท่าน พาลูกสะใภ้มาที่ห้องนั่งเล่น และพูดอย่างอ่อนโยนว่า “หนู ลินจ๊ะ พรุ่งนี้ไปงานเลี้ยงกับแม่ได้ไหม”
“งานเลี้ยงอะไรเหรอคะ”
ผลินเอ่ยถามแผ่วเบา
“งานเลี้ยงวันเกิดของท่านประธานบริษัทแองจี้จ้ะ” ผลินไม่อยากไปเล็กน้อย
“พรุ่งนี้พ่อของเธอก็มีงานเลี้ยงด้วย จึงไม่ได้ไปด้วยกัน
น่ะ”
“แล้วน้องณีล่ะคะ”
“ยายณียิ่งไม่ต้องพูดถึง เธอมีการแข่งขันปิงปองที่ โรงเรียนในช่วงสองวันนี้ ออกไปแต่เช้ากว่าจะกลับก็ฉัน ไม่ได้เห็นหน้าเลย
ผลินอยู่ในภาวะที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออก ไม่อยากไป แต่ ก็ยากที่จะปฏิเสธแม่สามี คุณนายท่านเห็นว่าเธอเงียบ ก็ รู้ใจ ของเธอ ยิ้มและเอ่ยถาม คงไม่ได้หมายความว่าจะปฏิเสธ หรอกใช่ไหมจ๊ะ”
“คุณแม่คะ ฉัน…”
“เอาล่ะ ไม่ต้องมาฉัน อะไรก็ฉันฉันอยู่นั่น ก็แค่ไปด้วยกัน นั่นแหละจ้ะ ดูสิเธอเอาแต่อุดอู้อยู่แต่ในบ้านทั้งวัน ออก ไป ข้างนอกให้ผ่อนคลายบ้างมันดีกับการตั้งครรภ์ของเธอนะ
เมื่อพูดถึงการตั้งครรภ์ ดวงตาของผลินก็หม่นลง คุณ แม่คะ ขอโทษนะคะ ที่ไม่สามารถมีหลานชายเพื่อตอบ สนองความปราถนาของพวกคุณได้”
คุณนายท่านตบบนหลังมือของเธอ ไม่เป็นไรหรอกจ้ะ ไม่ต้องพูดอะไรอีกแล้วนะ ยังไงก็ตาม เธอยังคงเป็นลูก สะ ไภ้ของตระกูลทรัพยสานของพวกเราทั้งหมด จะไม่มีทาง โทษเธอไม่ว่าด้วยเหตุผลใดก็ตาม
“อืม ขอบคุณค่ะคุณแม่…”
“เธออย่าเพิ่งยอมแพ้ตัวเองนะ ฉันมีความคาดหวังอย่าง มากกับลูกสะไภ้อย่างเธอนะจ๊ะ”
“ค่ะ”
“แล้วเรื่องงานเลี้ยงวันพรุ่งนี้ล่ะ
“ไปค่ะ”
คุณนายท่านได้ยินว่าลูกสะใภ้ตกลง จึงเผยรอยยิ้มที่
พอใจ
เช้าวันรุ่งขึ้น เมื่อผลินตื่นก็ดึงปยุตลุกขึ้นมา แล้วเดินไป ที่ตู้เสื้อผ้า พลางพูดกับเขา “ช่วยฉันเลือกชุดหน่อยสิ”
ปยุตถามอย่างง่วงงุนว่า “ทำไมผมต้องเลือกชุดด้วย”
“วันนี้จะต้องไปงานเลี้ยงกับคุณแม่ อยากแต่งตัวดี ๆ น่ะ
เมื่อได้ยินว่าเธอกำลังจะออกไปข้างนอก ปยุตก็ตื่นตัว ลุกขึ้นมาทันที นิ้วเรียวไล่ไปทีละชุด“อืม ชุดนี้ก็ดี”
เขาเลือกชุดกระโปรงสีเขียวเข้ม ที่ไม่มีการตกแต่งหรือ หวามากนัก มีเพียงเข็มขัดสีดำรัดที่ช่วงเอว
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ