ภรรยาคนที่เจ็ดของประธาน

ตอนที่ 132 คนที่มีชีวิตเหมือนพระเจ้า(2)



ตอนที่ 132 คนที่มีชีวิตเหมือนพระเจ้า(2)

ปยุตวางสายโทรศัพท์ หันมองกลับไป ผลินก็หายไป แล้ว เขามองไปรอบ ๆ ห้องอาหาร ในไม่ช้าก็เห็นเธอกำลัง คุยอยู่กับผู้ช่วยของคุณเฉลิมผล ปยุตอดที่จะหัวเราะไม่ได้ ทอดถอนใจออกมา ดื้อรั้นจริง ๆ ”

“ได้โปรดเถอะค่ะ ให้ฉันได้พบคุณเฉลิมพลเถอะนะคะ ฉันมีบางอย่างที่สำคัญมากจึงต้องพบกับเขา

ผู้ช่วยของคุณเฉลิมพลส่ายหน้า“ขอโทษครับ มีคำสั่ง จากคุณเฉลิมพล ว่าไม่ต้องการพบใคร”

“แต่มันเป็นเรื่องด่วนสำหรับฉัน ฉันมีบางอย่างที่ต้อง ยืนยันกับเขา”

“ทุกคนที่อยากเจอคุณเฉลิมผลต่างก็มีเหตุผลที่ดีกันทั้ง นั้น ขออภัยที่ไม่มีอะไรที่ผมสามารถทำได้

“อนุญาตเป็นกรณีพิเศษไม่ได้เหรอ”

“คุณหนูครับ คุณก็อย่าทำให้ผมลำบากเลย ผมเป็นแค่คน รับใช้ที่ดูแลชีวิตของคุณเฉลิมพล ไม่มีสิทธิ์ที่จะยกเว้น ได้

ผลินถอนหายใจแห่งความผิดหวัง หัวใจเต็มไปด้วย ความไม่เต็มใจ เธอเอาแต่คิดว่าจะมีวิธีใดที่ทำให้ได้เข้าพบ

รีบถอดต่างหูทั้งสองข้างออก แล้วพูดกับผู้ช่วยคุณช่วยเอา ให้คุณเฉลิมพลทีนะคะ แค่บอกว่าเจ้าของต่างหู ต้องการพบเขา เขาต้องพบฉันแน่เมื่อเขาเห็นต่างหู

ผู้ช่วยเห็นเธอดื้อรั้น จึงตกลง”เฮ้อ งั้นก็ได้ ผมจะลองดู แต่อย่าได้ตั้งความหวังมากเกินไป”

“อืม ได้ค่ะ ขอบคุณมากนะคะ”

ผู้ช่วยเอาต่างหูของเธอออกไปจากห้องอาหาร การ รอคอยที่ยาวนานทำให้ผลินรู้สึกไม่แน่นอน รอประมาณสิบ นาที ผู้ช่วยคนนั้นกลับมา แล้วมีข่าวที่ยอดเยี่ยมสำหรับ เธอ ยินดีด้วยครับ คุณเฉลิมพลของพวกเราตกลงว่าจะ พบคุณ ตามผมมา

ผลินตื่นเต้นดีใจจนเกือบจะกระโดดโลดเต้น เธอเดิน ออกไปกับผู้ช่วย ไวภพกับชื่นใจเห็นเธอตามผู้ช่วยไป พวก เขาประหลาดใจมาก เธอทําท่าทางโอเคส่งให้ ตอนแรก พวกเขาอาจจะยังไม่เข้าใจอะไร แต่ทันใดนั้นทุกคนก็ยิ้ม

เดินไปแล้วเจอปยุตอีกครั้ง เขายังมองเธอด้วยสายตาที่ แปลกใจ เธอเชิดคางของเธออย่างภาคภูมิใจ ทำหน้าล้อ เลียนเล่นกับเขาแล้วเดินไป

ผลินตามผู้ช่วยเลี้ยวไปทางซ้ายและขวา ในที่สุดเขา ก็มาถึงจุดหมายหลังจากที่วิงเวียนศีรษะไปเรียบร้อย แล้ว เป็นห้องหนังสือของคุณเฉลิมพล

ยืนอยู่ที่ประตู ผู้ช่วยเคาะประตู “คุณเฉลิมพลครับ คุณหนูคนนั้นมาที่นี่แล้วครับ” “ให้เธอเข้ามา

ผลินได้ยินเสียงไอ แหบแห้งและอ่อนแรง ทันใดนั้น หัวใจก็รู้สึกผิด ได้แต่คิดว่าคุณเฉลิมพลที่สูงศักดิ์ ตอนนี้ เขา ไม่ได้อยู่ในสุขภาพที่ดีแล้ว

หรือว่า นี่เป็นสาเหตุที่เขาพูดว่า อีกสิบปีข้างหน้าเป็นไป ได้ว่าจะไม่ได้เจอพวกคุณอีกแล้ว

“เชิญคุณเข้าไปข้างในได้ครับ”

ผู้ช่วยผลักประตูเปิด ผลินหายใจเข้าลึก ก่อนที่จะ เข้าไปข้างใน

ห้องหนังสือขนาดใหญ่ปรากฏสู่สายตา มีหนังสือ มากมายในห้องหนังสือแห่งนี้ คุณเฉลิมพลนั่งอยู่ ท่ามกลางกอง หนังสือ ผลินสับสนมาก มันเป็นไปไม่ได้ที่จะ เชื่อมโยงคนที่มีความรู้และมีเกียรติกับคนแก่ขอทานที่แม้แต่ เงินจะ ซื้อข้าวกินในแต่ละมื้อยังไม่เพียงพอ

“เชิญนั่ง”

คุณเฉลิมพลลุกขึ้นมา พาเธอไปที่โซฟาด้านซ้ายของ ห้องหนังสือ แล้วเทน้ำชาสีเขียวเข้มให้กับเธอ ยิ้มและพูด ว่า“ตอนนี้คงกำลังสงสัยมากอยู่ใช่ไหม”

“ค่ะ” ผลินไม่ปิดบังความสับสนของเธอ ถึงแม้ว่ามันจะ ไม่สุภาพ แต่ฉันก็สงสัยอยู่จริง ๆ ค่ะ ว่าคุณเป็นขอทานที่ฉันเจอที่ชายหาดใช่หรือไม่คะ”

คุณเฉลิมพลเผยรอยยิ้มใจดี ภายใต้อารมณ์ที่กังวลของ เธอ พยักหน้าเน้นหนัก”ใช่”

“ทําไมคะ เมื่อสองสามเดือนก่อนทำไมถึงเป็นคนขอทาน แล้วไม่กี่เดือนต่อมาก็กลับมาเป็นเหมือนเดิมอีก ครั้ง…

“เธอไม่ได้พูดเอาไว้เหรอ ว่าตราบใดที่เรายังมีชีวิตอยู่มัน เป็นไปได้ที่จะเปลี่ยนจากคนจนเป็นคนรวย ตอนนี้ฉัน กำลัง เติมเต็มคําทํานายนั้นของเธอ”

“อย่ามาล้อเล่นนะคะ เกิดอะไรขึ้นกันแน่”

ผลินไม่อยากเชื่อ คุณเฉลิมพลจากที่เป็นของทานจะ กลายมาเป็นแบบนี้ เพราะปยุตเคยบอกว่าเขาเป็นอาจารย์ ของเขาหลายปีมากแล้ว

“ในความเป็นจริงมันเป็นโชคชะตาของเรา ในคืนนั้น ฉันคุยกับเพื่อนที่ร้านกาแฟ เห็นเธอเดินท่ามกลางสาย ฝน ท่าทางตอนนั้นดูสิ้นหวัง ฉันคิดว่าเธออาจจะฆ่าตัว ตาย ดังนั้นจึงเปลี่ยนเสื้อผ้ากับขอทานข้างถนนตามเธอไปที่ ชายหาด และช่วยชีวิตเธอตามความเคยชิน

“ความเคยชิน?”

“ใช่ คนที่ผมช่วยชีวิตไว้รวมถึงคุณ ก็ประมาณเก้าสิบแปด ชีวิตได้
เก้าสิบแปด…

ผลินสูดอากาศเย็นเข้าปอด ทันใดนั้น ก็เข้าใจว่าทําไม คนถึงเรียกคุณเฉลิมพลว่าพระเจ้า ทําไมหลายโรงเรียน ต้องการให้เขาไปพูด คนที่ช่วยชีวิตเกือบร้อยชีวิตในชีวิต ของเขา สิ่งที่เกิดขึ้นกับเขาช่างเป็นความสําเร็จที่ยอด เยี่ยม…

“ขอบคุณมากนะคะ

เธอขอบคุณจากใจจริง เป็นครั้งแรกในชีวิต ที่หัวใจรู้สึก ชื่นชมคนออกมาจากภายใน

“ไม่ต้องขอบคุณหรอก ผมเห็นเธอตอนที่เรียกผมว่า ขอทานในห้องรับแขกแล้ว มันค่อนข้างแปลกใจนิดหน่อย แม้ว่าเธอจะไม่ได้นำต่างหูมาให้ ผมก็จะนัดเธอเป็นการส่วน ตัวหลังจากอาหารเย็นอยู่แล้ว

“ขอโทษด้วยนะคะ ฉันตกใจมาก จึงไม่สามารถควบคุม อารมณ์ได้”

“ฮ่า ๆ ไม่เป็นไรหรอก แล้วเธอต้องการอะไรจากฉันเหรอ ฉันเห็นเธอดูเหมือนกำลังลังเลใช่ไหม”

ผลินมองไปที่แก้มตอบของเขา ภายในใจรู้สึกว่ามันช่าง ยากที่จะพูดเกี่ยวกับวัตถุประสงค์ของการมาที่นี่“ฉัน…ที่ จริง แล้วไม่มีอะไรค่ะสิ่งที่คุณเฉลิมพลเก่งที่สุดคือยุทธวิธีทางด้านจิตวิทยา สามารถบอกได้ว่าเธอมีอะไรในใจหรือไม่ มันไม่สำคัญ หรอก ถ้าเธอมีอะไรจะพูดก็พูดออกมาได้เลย”

ได้ยินเขาพูดอย่างนั้น ผลินจึงตัดสินใจที่จะพูดคุยเกี่ยว กับวัตถุประสงค์ของการมาที่นี่“คืออย่างนี้ค่ะ ช่วงนี้อยู่ใน ช่วงการสอบเข้าชั้นมัธยม นักเรียนจึงอยู่ภายใต้ความกดดัน ครูใหญ่ของเราต้องการให้คุณไปพูดกับนักเรียนของ เราที่ โรงเรียน ได้ยินมาว่าคำพูดของคุณสามารถเปลี่ยนชีวิตของ คนได้ ดังนั้นพวกเราจึงต่างรอคอย”

ผลินพูดจบ รอคอยการตอบกลับของคุณเฉลิมพลอย่าง ตื่นเต้น เห็นเขาขมวดคิ้วแน่น เธอจึงพูดขึ้นทันที”มันไม่ สำคัญหรอกค่ะ ถ้าคุณไม่สบายคุณสามารถปฏิเสธได้เลย ฉันจะไม่เรียกร้องใด ๆ จากคุณเลย

“ได้ ผมตกลง”

ผลินหัวใจเต้นแรง ไม่อยากจะเชื่อหูของตัวเองเลย คุณ ตกลงเหรอคะ”

“ใช่ ผมตกลง นี่นามบัตรผม ถ้าพวกเธอตัดสินใจเรื่อง เวลาได้แล้ว ก็โทรหาฉันแล้วกัน”

“ขอบคุณมากนะคะ ขอบคุณมากจริง ๆ ค่ะ”

ผลินรับนามบัตรของเขาด้วยมือทั้งสองข้าง รู้สึกตื้นตัน จนไม่สามารถบรรยายได้
ออกจากห้องหนังสือของคุณเฉลิมพล ข้างนอกมีเสียง ฟ้าร้อง ฟ้าผ่าและสายฟ้าฟาดมาพร้อมกัน เหมือนว่าจะ มี พายุฝนตกหนักในเมือง ผลินยิ้มพลางทอดถอนใจ โชค ชะตานั้นช่างเป็นสิ่งที่ยอดเยี่ยมอย่างน่าประหลาด ครั้งแรก ที่ได้พบคุณเฉลิมพลก็เป็นวันที่ฝนตกหนัก เมื่อได้มาพบกัน ครั้งที่สอง มันก็ยังคงเป็นวันที่ฝนตกหนัก

งานเลี้ยงยังไม่จบ แต่ทุกคนออกมากันแล้ว เพราะอยาก กลับบ้านก่อนพายุจะมา ยกเว้นเสียแต่ว่าการจราจรจะ ติดขัด อีกครั้ง

“ลิน ลิน เป็นยังไงบ้าง”

ชื่นใจโบกมือทั้งสองข้าง มองเธอด้วยความคาดหวัง เธอวิ่งเข้ามา ตื่นเต้นที่ได้นามบัตรมาเพื่อจะได้ไปส่งให้ ไวภพ“สําเร็จ!”

“โอ้พระเจ้า เยี่ยมเลย เธอเป็นไอดอลของฉัน!”

ชื่นใจกอดเธอด้วยความตื่นเต้น หวังว่าจะให้จูบแสน หวานเพื่อตอบแทนเธอ

“แล้วครูเฟยกับครูจางล่ะ”

“พวกเขาเพิ่งออกไป
เมื่อชื่นใจพูดจบ ปยุตก็เดินเข้ามาจับไหล่ของผลิน ไป กันเถอะ ฝนกําลังจะตกแล้ว”

ผลินพยักหน้า แล้วโบกมือให้ชื่นใจ”งั้นฉันไปก่อนนะ”

“รอเดี๋ยว”

ชื่นใจจับมือเธอไว้ และชำเลืองมองปยุต ฉันขอติดรถ พวกคุณไปด้วยได้ไหมคะ”

ผลินตกใจ แต่ก็คิดได้ทันที คุณครูจางและคุณครูเฟยอ อกไปก่อนแล้ว ถ้าเธอออกไปด้วย งั้นชื่นใจก็ต้องเผชิญ หน้ากับไวภพคนเดียว เธอคงไม่อยากที่จะเผชิญหน้ากับเขา อย่างอึดอัดหลังจากที่ถูกปฏิเสธ

“ได้สิครับ”

ปยุตเข้าใจความรู้สึกของชื่นใจโดยธรรมชาติ ตอบตกลง อย่างตรงไปตรงมา

ไวภพเหลือบมองพวกเขาอย่างมีความหมาย เปิดประตู รถและขับรถออกไปอย่างเงียบ ๆ

มาถึงข้างรถปยุต ชนัยนั่งอยู่ในที่นั่งคนขับ ผลินขึ้นนั่ง ที่เบาะหลัง ปยุตตามเข้าไปข้างใน ชื่นใจรู้สึกว่าไม่อยาก เป็นก้างขวางคอ ดังนั้นจึงขั้นไปนั่งตรงที่นั่งข้างชนัย

เมื่อรถกำลังจะสตาร์ต ปยุตได้ยินเสียงเคาะที่กระจก เขาเปิดประตูด้วยความสงสัย ทันใดนั้นก็ชะงัก นั่นเป็นจันทร

“พี่ยุตคะ รถฉันสตาร์ตไม่ติด คุณช่วยไปส่งฉันหน่อยได้ ไหม”

พูดแล้วปัดเม็ดฝนออกจากศีรษะ ฝน ไม่รู้ว่ามันตกลงมา ตั้งแต่เมื่อไหร่

ปยุตเหลือบมองผลิน เห็นเธอพยักหน้า เขาจึงเปิดประตู รถ“ขึ้นมาสิ”


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ