ตอนที่ 127ยุคบูมของมือที่สาม(2)
“คุณคิดมากเกินไปแล้ว ฉันไม่ใช่ของเล่น ฉันมีความคิด ของตัวเองและวิจารญาณ ไม่ใช่ใครอยากแย่งก็แย่งได้ ใครอยากให้ก็ให้
“จะต้องไปใช่ไหม”
“ไม่ไปไม่ได้ เห็นแก่มิตรภาพในอดีต นี่คือสิ่งที่ตระกูล ทรัพยสานของเราติดค้างเธอ”
ผลินยังอยากพูดอะไร แต่ได้ยินประโยคสุดท้ายของป ยุต กลายเป็นคำพูดมากมายร้อยแปดค้างอยู่ที่คอหอย พูด ไม่ออกอีก
“เอานะ ผมไปล่ะ จะรีบกลับมานะ
ปยุตโน้มตัวมาจูบหน้าผากเธอ แตะที่หน้าของเธอพูด ว่า”อย่าคิดฟุ้งซ่าน ฉันไม่ทำเรื่องที่ทรยศคุณ”
ในที่สุดเขาก็ไปแล้ว ไปข้างกายของผู้หญิงอีกคน ผลิน มองคฤหาสถ์ที่อ้างว้าง ผิดหวังหาที่เปรียบมิได้
ลุกขึ้นมาที่ห้องน้ำ เปิดน้ำอุ่นเต็มอ่างนอนแช่ตัวลงไป คิดถึงคำพูดที่แม่สามีพูดในวันนั้น เธอเอามือลูบตัวเองที่ขึ้ ขลาด พูดกับตัวเองว่าเมื่อไหร่เธอถึงกล้าที่จะลุกขึ้นมาสู้ นะ”
ปยุตมาถึงถนนมีสุขที่อยู่ของจันทร ประตูปิดไว้ครึ่งนึง เขาเดินเข้าไป ตะโกนเรียกในห้องที่มืดสนิท จันทร คุณ อยู่ไหม”
“พี่ปยุต ฉันอยู่นี่”
เสียงดังมาจากโซฟา ปยุตคลำทางเดินเข้าไปไฟอยู่ ตรงไหน
“เดินตรงไปอีกสิบก้าวค่ะ”
ปยุตเดินไปข้างหน้าสิบก้าว คลําเจอสวิตช์เปิดไฟบน กำแพง กดลงไปเปิดไฟ หันกลับมาเห็น จันทรนั่งตัวงออยู่ บนโซฟา สีหน้าขาวซีดมาก ผมเปียกชุ่มด้วยเหงื่อ
“ทำไมป่วยหนักแบบนี้
เขายื่นมือไปแตะที่หน้าผากของเธอ ร้อนอย่างกับไฟ รีบ อุ้มเธอขึ้นมา รีบก้าวเดินไปที่ข้างรถที่จอดอยู่ด้านนอก ขับ อย่างด่วนจี๋ไปโรงพยาบาล
ลงทะเบียนที่แผนกฉุกเฉิน ยังดีที่แค่ตากลม ไม่ได้เป็น อะไรมาก หลังจากให้น้ำเกลือขวดนึง ไข้ก็เริ่มลดลง
“ยังต้องให้อีกนานไหม”
จันทรกัดฟันจ้องมองที่เข็มน้ำเกลือบนแขน ปยุตรู้ว่าเธอ กลัวเจ็บ เขารู้ดีกว่าใคร จันทรกลัวที่สุดคือฉีดยาให้น้ำ เกลือ
“ยังเหลืออีกสองขวด
“ต้องให้เยอะขนาดนี้ไหม พวกเรากลับบ้านได้ไหม ฉัน ตอนนี้รู้สึกดีขึ้นมากแล้ว”
ปยุตจ้องมองเธอ”ทำแบบนั้นได้ยังไง หากไม่ฆ่าเชื้อโรค ให้ตายหมด ตอนกลางคืนก็จะไข้กลับอีก”
“แต่ฉันเจ็บมาก”
เธอในที่สุดก็เผยความกลัวออกมา คนยิ่งกลัวอะไร ก็ยิ่ง มีอาการแพ้สิ่งนั้น เหมือนกับจันทรเห็นชัดๆว่าไม่แพ้เพนนิซิ ลิล แต่พอเอาเข็มแทงเข้าบนมือเธอ ใต้แขนของเธอก็บวม ขึ้นมาทันที และไม่ว่าจะเปลี่ยนไปที่ส่วนไหนก็บวม หมด
ปยุตคิดแล้วพูดว่า “คุณคอยผมสักครู่”เขาลุกเดินออก จากห้องคนไข้
สิบนาทีเขาเดินกลับมา ในมือถือถุงของกิน พูดกับจันทร ว่า“อ้าปาก”
จันทรอ้าปากตามที่ปยุตบอก หลังจากแท่งน้ำตาลที่ หวานเจี๊ยบเข้าไปในปากของเธอ
เป็นยังไงบ้าง ยังเจ็บไหม
จันทรส่ายหน้า พูดอู้อี้ว่า“ไม่เจ็บแล้ว”
น้ำตาของเธอค่อยๆทำให้ตาทั้งคู่มองเห็นไม่ชัด ผ่านไป นานมาก เขาคิดไม่ถึงว่ายังจำได้ว่าตอนที่ป่วย แท่ง น้ำตาล สามารถบรรเทาความรู้สึกไม่ดีของเธอให้เบาบางลง
มือถือของปยุตดังขึ้น พอมองเห็นเป็นเบอร์ของผลิน เขารับสายฟังทันที”ฮัลโหล
“คุณจะกลับมาเมื่อไหร่
“อาจจะดึกมาก จันทรกำลังให้น้ำเกลือ คุณนอนก่อนเถอะ ไม่ต้องคอยผมแล้ว
“ไม่ใช่มีนางพยาบาลเฝ้าดูหรือ
“ตอนนี้ตอนกลางคืน นางพยาบาลเลิกงานหมดแล้ว อย่า ดื้อฟังผมนอนก่อนเถอะ
“ฉันคอยคุณกลับมาค่อยนอน
ผลินไม่คอยเขาตอบก็วางหูโทรศัพท์ ไม่ให้โอกาสเขา ได้ตอบก็คือไม่ให้โอกาสเขาได้ปฏิเสธ หากว่าให้เธอรู้ว่า เขาไม่กลับมา เธออาจจะไม่นอน ก็นอนไม่หลับด้วย
ผลินสวมชุดนอนเดินไปที่ริมระเบียง ข้างนอกลมพัดแรง แต่เธอไม่รู้สึกหนาวเลยสักนิด ก็เหมือนคนโง่ปัญญาอ่อน ที่ นั่งอยู่บนเก้าอี้คอยปยุคกลับมา
ยิ่งดึกมากขึ้น เธอกลั้นไม่อยู่จามออกมาหลายครั้ง ถึงจะกลับเข้าห้องนอน หยิบเสื้อคลุมมาใส่ แล้วนั่งต่อที่ริม ระเบียง ฟังเสียงคลื่นซัดกระทบหิน คอยคนที่เธอรักกลับมา
เวลาห้าทุ่มครึ่ง เธอโทรหาปยุตอีกครั้ง ครั้งนี้เสียงของ เขาเบามาก เหมือนกลัวทำให้คนที่อยู่ข้างๆที่หลับแล้วตื่น
“เธอยังให้น้ำเกลือไม่หมดใช่ไหม”
“ใช่ ยังเหลืออีกนิดนึง”
“อย่างนั้นก่อนเที่ยงคืนกลับมาได้แล้วเถอะ”
“คุณทําไมยังไม่นอน”ปยุตโมโห“รู้ไหมกี่โมงแล้ว”
“ฉันบอกแล้วคุณไม่กลับมาฉันก็จะไม่นอน
“ผลิน คุณทําไมดื้อรั้นแบบนี้ จันทรกำลังป่วย ผมจะกลับ ไปได้อย่างไร”
“งั้นไม่ต้องสนใจว่าฉันนอนหรือไม่นอน สามีฉันกำลังอยู่ เป็นเพื่อนแฟนเก่า คุณบอกฉันมาหน่อยสิว่าจะให้นอนหลับ ได้ยังไง”
ปยุตพูดไม่ออกแล้ว เขาเข้าใจได้ถึงความกังวลในใจ ผลิน ผู้หญิงคิดแต่เรื่องได้กับเสีย เงียบไปสักพัก เขาผงก ศีรษะ ตกลง คอยเธอให้น้ำเกลือหมด ผมกลับไปทันที”
นําเกลือขวดที่สามหยดหมดแล้ว เที่ยงคืนพอดี ปยุตห่มผ้าห่มให้จันทร กำลังออกจากห้องอย่างเงียบๆ ทันใดนั้น แขนเสื้อของเขาถูกดึงไว้
“พี่ปยุต อย่าไป”
จันทรที่กำลังหลับน่าสงสาร มองเขา พูดเสียงอู้อี้ว่า“ฉัน กลัวการอยู่ที่นี่ พี่ส่งน้องกลับบ้าน หรือ อยู่เป็นเพื่อน น้องได้ ไหม”
ปยุตขมวดคิ้ว หมอให้คุณนอนตรวจดูอาการคืนนี้ พรุ่งนี้ ผมค่อยมารับคุณกลับไป
“งั้นพี่อยู่เป็นเพื่อนฉันที่นี่ วันนี้เป็นวันครบรอบวันตายของ พ่อแม่น้อง น้องไม่อยากอยู่คนเดียว”
ปยุตรู้สึกลำบากใจ เขาไม่รู้วันตายของพ่อแม่จันทร แต่ มองเห็นสายตาที่เจ็บปวดของจันทรเวลานี้ เขาเชื่อว่าวันนี้ ต้องไม่ใช่วันปกติแน่นอน
“ผมขอโทรศัพท์”
เขาเดินออกจากห้องผู้ป่วยอย่างลำบากใจ ยืนอยู่ตรง ทางเดินโรงพยาบาล กดโทรศัพท์หาผลิน
“ผลิน หลับแล้วยัง
“ผมคืน กลับไปไม่ได้แล้ว คุณหลับไปก่อนได้ไหม”
“ทำไม”
“วันนี้เป็นวันครบรอบวันตายของพ่อแม่จันทร ในใจเธอ ทุกข์ทรมานมาก
“ในใจเธอทุกข์ทรมานก็ต้องการคุณอยู่เป็นเพื่อน งั้นต่อไป ไม่ใช่ว่าทุกวันครบรอบวันตายต้องให้คุณอยู่เป็นเพื่อน ทุกปี หรือ”
“วันนี้สถานการณ์ไม่ปกติ เธอไม่มีคนที่อยู่เป็นเพื่อนเธอได้ เลยสักคน หากว่าธรรศอยู่ ผมจะไม่อยู่ค้างที่นี่”
“นี่ไม่ใช่เหตุผล คุณกลับมาเดี๋ยวนี้”
ผลินปฏิเสธอย่างหนักแน่นมาก เธอคอยมาสี่ชั่วโมงแล้ว ไม่ว่าเหตุผลอะไรก็ตาม เธอไม่ยอมรับหมด
“ผลิน คุณทำไมถึงไม่ใจกว้างหน่อย ผมตอนนี้อยู่เป็น เพื่อนจันทรเพราะหน้าที่ ไม่ใช่เพราะความสัมพันธ์ชาย หญิง คุณโปรดอย่าเข้าใจผิดได้ไหม”
“เผชิญหน้ากับผู้หญิงที่ขู่จะแย่งสามีฉัน หากว่าฉันใช้ เหตุผล นั่นไม่ใช่ใจกว้าง นั่นคือโง่ ”
“ผมทำไมพูดกับคุณไม่เข้าใจ
“พูดไม่เข้าใจก็ไม่ต้องพูดแล้ว คุณอยู่เป็นเพื่อนคนที่เป็น รักแรกของคุณเถอะ ไม่ต้องกลับมาอีกแล้ว”
ผลินโกรธเลยวางสายโทรศัพท์ น้ำตารินไหลออกมา จากเบ้าตา เสียใจมากจริงๆ สุดท้ายทะเลาะกับปยุตเพราะ เรื่องของจันทร
สีหน้าของปยุตแย่มากเดินเข้ามาในห้องผู้ป่วย จันทร ถามอย่างอ่อนแอ”เป็นอะไรไป ทะเลาะกันหรือคะ”
“ไม่มีอะไร คุณพักผ่อนเถอะ ผมก็นั่งอยู่ตรงนี้”
เขาลากเก้าอี้นั่งที่ริมหน้าต่าง มองผ่านกรงเหล็กดัดไป ข้างนอกที่ดวงดาวที่ส่องแสงในที่มืด รู้สึกรำคาญใจมาก
“อยากสูบบุหรี่ก็สูบมวนนึง ที่นี่เป็นห้องผู้ป่วยพิเศษ ก็ไม่มี ผู้ป่วยคนอื่นด้วย”
จันทรมองออกว่าเขาไม่สบายใจ
“ไม่เป็นไร คุณนอนของคุณเถอะ”
“สูบเถอะ สูบสักมวนคงจะสบายขึ้น”
ปยุตลังเลสักพัก แล้วหยิบกล่องบุหรี่ออกมา จริงๆแล้ว ในใจว้าวุ่น พอคิดถึงผลินที่ดื้อรั้น ถึงตอนนี้อาจจะกำลัง คอย อย่างโง่ๆ เขาก็ยิ่งหงุดหงิดแทบแย่
ในขณะที่สูบพ่นควันบุหรี่ลอยขึ้นมา เงาของปยุตเหมือน รูปปั้น จันทรมองอย่างโง่โง่ว่าเขายังหล่อ มีเสน่ห์ดึงดูด แม้แต่ท่าทางตอนสูบบุหรี่ก็สามารถทำให้เธอยกย่อง เทิดทูนในใจได้
เดิมทีแค่อยากสูบมวนเดียว สูบต่ออีกมวนอย่างไม่รู้ตัว สูบไปสูบมาไม่ถึงหนึ่งชั่วโมง เขาสูบบุหรี่หมดไปครึ่งซอง
“ตอนนี้สบายใจขึ้นแล้วยังคะ”
จันทรเอ่ยปาก เขาหันมาอย่างประหลาดใจ”คุณทำไมยัง ไม่นอนอีก”
“ไม่กล้าหลับ กลัวพอลืมตา ก็ไม่เห็นพี่แล้ว” “วางใจได้ ผมจะอยู่ที่นี่คอยจนฟ้าสว่าง รีบนอนเถอะ” ปยุตลากเก้าอี้กกลับมาที่ข้างเตียง แล้วนั่งลง “คุณก็ง่วงด้วยเหมือนกัน เตียงนี้ใหญ่มาก มานอนสักครู่ เถอะ”
คำแนะนำของจันทรไม่ได้รับความเห็นด้วยจากปยุต เขา ปฏิเสธทันที ไม่ต้องแล้ว ผมหลับสักครู่ก็ดีเอง”
เห็นเขาปฏิเสธ แววตาของเธอผิดหวัง พลิกตัว ทั้งสอง คนไม่คุยกันอีก
ปยุตเอามือพาดที่ตู้ข้างเตียง ไม่นานก็ฝันร้าย ผ่านไป สักพัก ข้างใบหน้าสัมผัสกับลมหายใจอุ่นๆ เขาลืมตาขึ้นมา มองเห็นจันทรลุกขึ้นมานั่งแล้ว อยู่ตรงหน้าเขา
“คุณจะทำอะไร”
เขาถาม จันทรยื่นมือกอดคอปยุต มองเขาอย่างลึกซึ้ง“พี่ ปยุต พวกเรามาเริ่มต้นใหม่กันนะ”
พูดต่อ ก็หลับตา อยากจะจูบปากของปยุต แต่คิดไม่ ถึงว่าเขาตะลึงไม่กี่นาทีแล้วผลักเธอออก ลุกขึ้นพูด“อย่าทำ แบบนี้”
“ทำไม คุณไม่รักฉันแล้วใช่ไหม”
“ครั้งที่แล้วผมบอกคุณชัดเจนมากแล้ว ตอนนี้ผมรักภรรยา ของผมมาก”
“คุณโกหก สายตาของคุณหลอกฉันไม่ได้ คุณกล้าพูดใน ใจคุณไม่มีฉันเลยสักนิดไหม”
ปยุตนิ่งเงียบไปสักพัก ถอนหายใจ”ไม่มีความรักที่ คอยอยู่ที่เดิม นานมากแล้ว ผมคิดว่าผมลืมไม่ลง แต่ตอน นี้ ผมรู้ดีว่า ที่ผมลืมไม่ลงเพียงแค่ความทรงจำของรักแรก เท่านั้น ผมไม่มีความคิดที่จะเริ่มต้นใหม่กับคุณจันทรแล้ว ดังนั้น ต่อไปพวกเราก็เป็นเพื่อนธรรมดากันเถอะ”
เขามอนาฬิกาที่ข้อมือ ตอนนี้ตีสามแล้ว“ที่จริงหลังเที่ยงคืนก็ไม่ใช่วันครบรอบวันตายของพ่อแม่จันทรอีก ผม ไปล่ะ ดูแลตัวเองด้วย”
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ