ตอนที่ 113 ความสมดุลภายในจิตใจ
ปยุตมองเธอด้วยสายตาคม รอคำตอบจากเธออย่างเอา จริงเอาจัง
ผลินเงียบไปชั่วครู่ จากนั้นจึงพูดออกมา”ฉันรู้จักคุณธร รศแล้วมันเป็นเรื่องใหญ่ยังไงคะ
“ใช่ มันไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรหรอก ผมแค่สงสัยว่าพวก คุณรู้จักกันได้ยังไง”
“ครั้งนั้นที่ฝรั่งเศส คืนนั้นที่แม่น้ำแซน เขาเป็นคนที่วิ่งตาม จับขโมยให้ฉัน
ปยุตมีร่องรอยของความประหลาดใจในดวงตา”ทำไม คุณไม่บอกผม
“ฉันอยากบอก แต่ตัวคุณน่ะโกรธและไม่เต็มใจที่จะฟัง และฉันก็ไม่รู้ว่าผู้ชายคนนั้นคือธรรศ ฉันเห็นรูปที่อยู่ในลิ้น ชักห้องหนังสือของคุณที่เขากับคุณและจันทรพวกคุณสาม คนถ่ายรูปด้วยกัน ถึงได้รู้จักตัวตนที่แท้จริงของเขา”
“แล้วมาพบกันอีกเหรอ พวกคุณสองคนนะ
“อืม”
ผลินตอบทุกคำถาม เธอเขียนจดหมายสำนึกผิดให้ปยุต ไปแล้ว ดังนั้นเธอจะไม่ปิดบังอะไรจากเขาอีก
หลังจากเงียบไปในระยะเวลาอันสั้น ปยุตก็พูดขึ้นมา เงียบ ๆ ไม่ต้องติดต่อกับเขาอีก”
“ทำไม”
“คุณไม่รู้เหรอว่าทำไมเขาขมวดคิ้ว
“แค่เพราะเขาเอาคู่หมั้นคุณไป ดังนั้นฉันกับเขาจะต้องตัด ความสัมพันธ์กันหมด?”
“ขอโทษด้วย ฉันอาจจะทำไม่ได้ เขาคือศัตรูของคุณ แต่ เป็นเพื่อนของฉัน”
“เพื่อน? ผู้ชายที่ทรยศสามีของคุณ คุณคิดว่าเขาเป็น เพื่อนงั้นเหรอ”
“ธรรศไม่ใช่คนเลว
“ผมบอกว่าไม่อนุญาตให้ติดต่อก็ไม่ต้องติดต่อ
“คุณบอกยังไงก็ต้องเป็นอย่างงั้นเหรอ คุณบอกว่าคุณไม่ อนุญาตให้ฉันติดต่อกับไวภพฉันก็ต้องรักษาระยะห่าง กับ เขา คุณบอกว่าคุณไม่อนุญาตให้ฉันติดต่อกับคุณธรรศ ฉันก็ต้องมีตัดความสัมพันธ์กับเขาอีก คำพูดของคุณเป็น ราชโองการเหรอ หรือว่ามันศักดิ์สิทธิ์เกินกว่าที่จะต่อต้าน หรือไง คุณอย่ามาทำเป็นลัทธิชายเป็นใหญ่นะ เพราะฉัน ไม่เคยเรียกร้องขอคุณรุนแรงขนาดนั้น”
“ผมทำอะไรที่ทำให้คุณไม่มีพอใจงั้นเหรอ”
“อะไรงั้นเหรอ คุณเจอกับจันทรฉันไม่พอใจ แล้วคุณก็ ไปเจอแล้ว เอาอย่างนี้เลยดีกว่า ถ้าหลังจากนี้ฉันไม่เจอ กับไวภพไม่เจอกับธรรศ คุณก็จะไม่เจอกับจันทรเหมือนกัน ได้ไหมล่ะ”
ป ตอึ้งไป และไม่ได้ตอบคําถามของเธออย่างชัดเจน แต่ความเงียบก็เป็นคำตอบที่ดีที่สุด ผลินเข้าใจอย่าง ชัดเจน ว่าเขานํามันไม่ไ
มันเป็นความจริงที่น่าเศร้า เธอออกจากห้องไปด้วยความ เศร้าโศก มาถึงลานกว้างของโรงแรม นั่งอยู่บนเก้าอี้ นอนที่ เต็มไปด้วยหิมะและเกร็ดน้ำแข็ง คิดเกี่ยวกับทางข้างหน้าใน อนาคต
คิดอยู่นาน แต่ก็คิดถึงทิศทางที่ชัดเจนไม่ได้ ไฟถนน เหนือโรงแรมโรยด้วยแสงสลัว ๆ ส่องแสงลงมาบนหัวเข่า ของเธอ
จ้องมองลงไปบนพื้นดิน ทันใดนั้นรองเท้าหนังมันเงาคู่ หนึ่งก็ปรากฏเข้ามาในสายตา ถึงแม้ว่าจะไม่ได้เงยหน้า มอง ขึ้นไป เธอก็รู้ว่าใครยืนอยู่ตรงหน้าเธอ นำเสื้อตัวหนามา คลุมให้เธอ พูดด้วยน้ำเสียงหนักว่า “อากาศมันเย็น กลับ เข้าไปข้างในเถอะ”
เธอลุกขึ้นยืน นําเสื้อคลุมยื่นใส่กลับคืนในมือของเขา กลับไปที่ห้องโดยไม่หันกลับมา
ในคืนนั้น คนสองคนนอนหันหลังให้กันและกัน โดยที่ ไม่พูดอะไรเลย ผลินความรู้สึกว่า หลายๆครั้งที่อีกฝ่าย หัน มาเหมือนต้องการจะพูดอะไรกับเธอ แต่สุดท้ายก็ไม่ พูดอะไรออกมาเลย
มันทำให้เธอนึกถึง ว่าบางครั้ง คนเราก็เหมือนปลาใน ถัง อยากจะพูดอะไรหลายอย่าง เปิดปากขึ้นมาเป็นเหมือน เครื่องหมายจุดไข่ปลา แต่สุดท้ายก็เก็บเอาไว้เงียบ ๆ ใน หัวใจ
เมื่อกลับไปที่เมือง B เป็นเวลาเที่ยงในวันรุ่งขึ้น พอที่ ผลินเข้าไปในบ้าน ก็ถามแม่สามี“คุณแม่คะ แล้วน้องณีล่ะ คะ”
คุณนายท่านชี้ขึ้นไปข้างบนด้วยสีหน้าเศร้าสร้อย ขังตัว เองอยู่แต่ห้องนอน ตั้งแต่เมื่อวานทั้งคืนจนถึงตอนนี้ก็ยัง ไม่ ออกมาเลยจ้ะ”
เหมือนไม่ได้นอนทั้งคืน แม่สามีดูซีดเซียวอย่างมาก ผลินปลอบใจอย่างเจ็บปวด คุณแม่คะ อย่าเสียใจไปเลย ฉันจะไปดูเธอเองค่ะ”
“อืมจ้ะ”
ผลินรีบขึ้นไปข้างบน มาที่ห้องของน้องสามี ยกมือขึ้นและเคาะประตู”น้องณีคะ เปิดประตูหน่อยได้ไหม นี่พี่ สะใภ้ เองนะคะ พี่กลับมาแล้ว”
ไม่มีการตอบสนองจากในห้อง เธอยังคงเคาะประตูคุณ จะไม่พูดกับพี่สะใภ้หน่อยเหรอ น้องณีของพวกเรา วางแผน ที่จะเป็นผู้หญิงที่ขี้ขลาดขังตัวเองอยู่แต่ในบ้านตลอดไปเห รอคะ”
ประตูเปิดออกมา น้องสามีโผเข้าหาอ้อมกอดพี่สะไภ้…”
ประโยคสมบูรณ์ยังไม่ทันที่จะได้พูดออกมา ปาณีก็ ร้องไห้อย่างขมขื่นเสียก่อน
พี่สะใภ้เป็นคนที่รู้จักเธอดีที่สุด เป็นที่ชัดเจนว่าเธอรู้ถึง ความรู้สึกที่มีต่อชนัยเป็นอย่างดี
ดังนั้น เธอไม่จำเป็นต้องแสดงให้เห็นว่าเธอเสียใจมาก แค่ไหน พี่สะใภ้ก็รู้ว่าหัวใจของเธอเจ็บปวดมากแค่ไหน
“ร้องไห้เสียนะคะ ร้องออกมาให้หมด ร้องไห้วันนี้ หลัง จากนี้ก็อย่าร้องอีกเลย น้ำตาของน้องณีของพวกเราไม่ควร ไร้ค่านะคะ”
หลังจากที่ปาณีได้ยินคำพูดของพี่สะใภ้ ก็ร้องไห้ออก มาอย่างบ้าคลั่ง อย่างที่พี่สะใภ้พูด หลังจากวันนี้ จะไม่มีวัน ร้องไห้อีก
เสียงร้องไห้คร่ำครวญฉีกทิ้งหัวใจของทุกคน ปยุตยืนอยู่ตรงมุมหนึ่ง มองดูจากระยะไกลเห็นน้องสาวพิงซบใน อ้อมแขนของภรรยาของเขา แล้วร้องไห้อย่างขมขื่น หัวใจ ของพี่ชายไม่มีทางที่จะไม่เศร้า แต่เขาจะไม่เข้าไป เพราะ รู้ดีว่าเวลานี้ ภรรยาของเขาสามารถปลอบโยนจิตใจที่เปราะ บางของน้องสาวได้ดีกว่า
เมื่อน้องสามีร้องไห้จนเหนื่อย ผลินดึงเธอไปที่เตียง และให้เธอนอนลง จับมือเธอเอาไว้และแนะนำสั่งสอนอย่าง จริงใจ”น้องณีคะ พี่สะใภ้รู้ว่าตอนนี้คุณรู้สึกยังไง แต่คุณจํา เอาไว้นะคะ ความรักไม่ใช่ทั้งหมดของชีวิต อย่าคิดว่า เมื่อ ความรักหายไปแล้วฟ้าดินจะล่มสลาย โลกจะไม่หยุดหมุน ถึงแม้ว่าจะไม่มีใครอยู่ในโลกใบนี้ ผู้หญิงอย่างเรา ควร จะมีชีวิตอยู่อย่างภาคภูมิใจ ถ้าหัวใจของผู้ชายคนนั้นไม่ สามารถเดินเข้ามาหาเราได้ งั้นเราก็แค่ยอมแพ้ไป อย่าง ง่ายดายก็เท่านั้น ถ้าเราไม่รู้วิธีที่จะรักตัวเอง แล้วใครกัน จะ มารักพวกเราด้วยหัวใจที่แท้จริงได้จริงไหมคะ”
ดวงตาของปาณีสั่นไหว เห็นได้ชัดว่ารู้สึกถึงคำพูดของ เธอ ผลินจึงพูดต่อไป
“เมื่อเทียบกับฉันแล้ว คุณมีความสุขกว่ามากนะคะ คุณรู้ ไหมว่าฉันต้องพบกับอุปสรรคและความยากลำบากมาก แค่ ไหนในช่วงยี่สิบห้าปีที่ผ่าน ไม่มีพ่อตั้งแต่เกิด หกขวบต้อง ตามแม่ไปล้างจานในตลาดกลางคืน แปดขวบถูกส่ง ไปที่ บ้านของพ่อที่ไม่เคยต้องการที่จะรู้จักฉัน ถูกแม่เลี้ยงทารุณ ถูกลูกสาวของแม่เลี้ยงรังแก ถูกพ่อไม่สนใจ สิบ สองปีก่อน แม่ของฉันทิ้งฉันไป ซึ่งเสียชีวิตลงอย่างมีเงื่อนงำ ในปี เดียวกันเพื่อหาค่ารักษาแม่ ยอมขายตัวเองต้อง แต่งงานกับคนปัญญาอ่อน ตอนอายุสิบสามขวบ ต้องแบกชีวิตทั้งหมด ของตัวเองไว้บนไหล่ทั้งสองข้างของตัวเอง หลังจากนั้น ต้องอยู่ในบ้านที่เหมือนอยู่ในนรก กัดฟันทนเพื่อนให้มัน ผ่านไปโดยเร็ว เมื่ออายุยี่สิบสี่ปี ได้พบกับ ความรักที่แท้จริง ในชีวิต แต่เทพธิดาแห่งความโชคดีก็ยังคงไม่ช่วยฉัน เมื่อ ฉันคิดว่าตัวเองเป็นผู้หญิงที่มีความสุข ที่สุดในโลก คนรัก แรกของพี่ชายคุณ จันทรก็กลับมา เส้นทางข้างหน้า ฉันยัง ต้องก้าวเดินไปทีละก้าว ซึ่งมันคง ยากที่จะผ่านมันไปได้ ดัง นั้น เมื่อเทียบกับฉันที่โชคร้ายคนนี้ น้องณี มันถึงเวลาแล้วที่ จะร่าเริงขึ้นมาใช่ไหมคะ”
เมื่อผลินเล่าเรื่องราวในช่วงชีวิตยี่สิบสี่ปีที่ผ่านของตัว เองออกมานําตาก็พลันเอ่อล้น ไม่ว่าจะผ่านมานานแค่ไหน ก็ตาม ประสบการณ์เหล่านี้ก็ยังเป็นเหมือนเข็มคอยทิ่ม แทงหัวใจของเธอ ทำให้เธอเจ็บปวดจนทนไม่ไหว ไม่เคย หลงลืมรอยแผลเป็นที่เจ็บปวด ยิ่งไปกว่านั้น แผลเป็นของ เธอก็ไม่เคยดีขึ้น
ปาณีเองก็ร้องไห้ด้วย เธอลุกขึ้นนั่ง แล้วโอบกอดพี่ สะใภ้ที่รักด้วยแขนที่อ่อนแอ อย่าร้องไห้นะคะ พวกเราต้อง ไม่ร้องไห้ ฉันสัญญา ว่าจะลุกขึ้นมายืนหยัดสู้ต่อไป จะต้องมี ชีวิตอยู่ด้วยความภาคภูมิใจค่ะ”
“อั้ม พวกเรามาให้กำลังใจกันค่ะ”
ผลินสูดจมูก เช็ดคราบน้ำตาออกจากดวงตาของ เธอหลับให้สบายนะคะ เมื่อดวงอาทิตย์ขึ้นในวันพรุ่งนี้ ทุก อย่างที่ไม่มีความสุขก็จะหายไปพร้อมกับสายลม
ปาณีคงเหนื่อยมากจริง ๆ เพียงไม่นานก็ผล็อยหลับไป ผลินยังไม่ออกไปทันที นั่งมองดูใบหน้าที่หลับไหลของ เธอ อย่างเงียบ ๆ นึกถึงคำพูดของปยุต เธอเอื้อมมือของเธอไป ที่หน้าผากของน้องสามี มีระเบิดเวลาอยู่ในนี้จริง ๆ น่ะหรือ ทำไมพระเจ้ามักจะเล่นตลกกับชีวิตของคนดีเช่นนี้
สาวน้อยที่บริสุทธิ์และใจดี ความปรารถนาเดียวในชีวิต คือหวังว่าพี่ชายและพี่สะใภ้จะอยู่ด้วยกันได้ไปนาน ๆ กับ ชนัยที่เคยคิดว่าจะได้อยู่ร่วมกัน เหมือนฟองสบู่ที่งดงาม แต่บัดนี้ฟองสบู่กลับแตกสลายเสียแล้ว
ความเศร้าโศกเพิ่มขึ้น เมื่อออกมาจากห้องแล้วพบว่า ป ยุตยืนอยู่ข้างนอกประตู เขามองมาที่เธอราวกับว่ามีหลาย พันคำ แต่สุดท้ายก็ถามออกมาว่า”เธอหลับไปแล้วเหรอ”
“อืม”
ผลินกลับไปที่ห้องนอน ปยุตตามเข้ามา
“ขอบคุณ”
เขาพูดอย่างมีความหมาย เธอถามออกมาเบา ๆ ขอบคุณอะไร”
“ขอบคุณสําหรับสิ่งที่คุณพูดกับน้องสาวของผม คุณเป็น ภรรยาที่เอาใจใส่ เป็นลูกสะใภ้ที่มีความสามารถ เป็นพี่ สะใภ้มีแต่ความรัก มีคุณในชีวิตนี้ นับเป็นเกียรติของผม”
“ถึงฉันจะดีไปเสียทุกอย่าง แต่ไม่สามารถแทนที่คนใน หัวใจของคุณได้ ก็ไม่นับว่าดี”
ผลินจะเข้าไปในห้องลับของตัวเอง แต่ถูกปยุตจับเอาไว้ เสียก่อน คุณไม่จําเป็นต้องแทนที่ใคร เพราะคุณอยู่ใน ใจ ของผม ไม่มีใครสามารถแทนที่ได้
เธอมองเขาด้วยความประหลาดใจ ทั้งคู่ต่างเงียบ จน กระทั่งเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น ก่อนที่จะทำลายสภาวะนิ่งงัน
“ผมกลับมาแล้ว….อืม ผมจะไปเดี๋ยวนี้
เขาวางสายไป แล้วหันมาพูดกับผลิน เดี๋ยวผมจะเข้า บริษัท หยุดคิดไร้สาระได้แล้ว”
ปยุตให้เธอหยุดคิดเรื่องไร้สาระ เธอจะไม่คิดเรื่องไร้ สาระได้อย่างไร ที่จริงแล้วเธอไม่ได้คิดไปเอง มีบางอย่าง เกิด ขึ้นที่ทำให้เธอต้องคิด เวลาสี่โมงเย็น จู่ ๆ เธอก็ได้รับ สายจากชนัย
“นายหญิง คุณมาที่บริษัทหน่อยครับ ญาติของคุณยุตมาที่
“ธรรศเหรอคะ”ผลินหัวใจเต้นแรง
“ใช่ครับ ตอนนี้ที่ห้องท่านประธาน ทั้งสองคนทะเลาะกัน รุนแรงมาก เป็นไปได้สูงที่จะเกิดการต่อสู้กันนะครับ ผม ไม่ สะดวกที่จะเข้าไปข้างใน คุณช่วยมาห้ามทีเถอะนะครับ”
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ