ตอนที่ 95 ชายหนุ่มผู้หิวโหย (1)
เมื่อผลินได้ฟังคำพูดจากใจจริงของปยุต เป็นอีกครั้งที่ น้ำตาไหลลงเงียบ ๆ เธอสะอื้นอยู่เป็นเวลานาน ก่อนที่จะ ถามเขาอย่างระมัดระวัง “คุณไม่ได้เกลียดฉันแล้วเหรอ”
ปยุตจูบที่หน้าผากของเธอ “ไม่เกลียดแล้ว ลินของผม คณช่างน่าสงสาร
“คุณไม่ได้เกลียดแล้วจริงเหรอ ฉันเคยคิดจะใช้คุณนะ”
“ไม่ได้เกลียดอีกต่อไปแล้ว ตอนนี้สำหรับคุณมันมีแต่ ความเจ็บปวดเสียใจ ถ้าเรื่องใช้ คุณจะใช้ก็ได้ ผมเต็มใจจะ ให้คุณใช้ประโยชน์
ผลินยิ้มทั้งน้ำตา “คุณยุต ขอบคุณนะ ขอบคุณที่มอบ ความกล้าหาญที่จะเกิดใหม่ให้กับฉัน”
“เป็นผมสิที่ต้องเป็นคนขอบคุณ ขอบคุณสำหรับที่เพิกเฉย ต่อความห่างเหินที่ผมมีให้ทุกครั้ง ไม่เคยถอยและยอมแพ้ ถ้าคุณไม่ยืนหยัด ผมก็คงไม่ได้รู้ใจตัวเองเร็วขนาดนี้”
ใครบางคนเคยพูดเอาไว้ว่า ความรักจะทำร้ายจิตใจผู้คน ได้หรือ จนถึงตอนนี้ ผลินเชื่อมั่น ความรักมีผลในการรักษา เธอและปยุต ต่างก็รักษารอยแผลในหัวใจที่ยากจะลบเลือน ให้แก่กันและกัน แม้ว่าแนวคิดจะแตกต่างกัน แต่เพราะคำ ว่ารัก เธอรักษาบาดแผลทางความรักของเขา เขารักษา บาดแผลทางครอบครัวของเธอ
“คุณหมายถึงอะไร จากนี้ไปคืออะไร ฉันสามารถพึ่งพาคุณ ได้เหรอ”
ปยุตพยักหน้าอย่างมั่นคง “ใช่ จากนี้ไป ผมจะเป็น ทั้งหมดให้คุณได้พึ่งพา ผมจะไม่ยอมให้มันเกิดขึ้นกับคุณ อีก จะไม่ยอมให้ได้รับความคับข้องใจและถูกทำร้ายแม้ เพียงเล็กน้อยก็ตาม
หยดน้ำตาของผลินไหลลงมาอีกครั้ง แต่ก็ยังพูดออกมา ว่า “คุณยุต ฉันหวังว่าคุณจะไม่สงสารฉัน ถึงแม้ว่าชีวิตของ ฉันจะน่าเศร้า แต่คุณก็รู้ สิ่งที่ฉันต้องการไม่ใช่ความสงสาร จากคุณ ถ้าฉันต้องการให้คุณเห็นใจฉัน ฉันก็คงจะสารภาพ กับคุณในวันนั้นที่คุณรู้ว่าฉันโกหกหลอกลวง เหตุผลที่ฉัน ไม่สารภาพ เพราะกลัวว่าคุณจะคิดว่าฉันแก้ตัวเพื่อหลบ เลี่ยงสิ่งที่ฉันทําผิด…
“ยายโง่ ผมรู้ว่าผมรู้สึกยังไงกับคุณ มันไม่ใช่ความสงสาร ดังนั้นก็หยุดคิดเรื่องไร้สาระได้แล้ว ตอนนี้ฟังคำพูดของผม และพักผ่อนให้เต็มที่ ผมมีบางอย่างต้องไปทำ แล้วจะกลับ มาหาคุณก่อนมืด
เขาห่มผ้าห่มให้ผลิน ก้มลงจูบหน้าผากเธออีกครั้ง มอง ดูเธอหลับตาลง ก่อนที่เขาจะออกจากโรงพยาบาล
ปยุตโทรไปหา ดาด้วยตัวเอง นัดเธอออกมาเจอกัน และให้แม่ของเธอมาด้วย สถานที่ที่ถูกเลือกเป็นในโรงแรม ที่หรูหรามาก
ทันทีที่ชุดาได้รับโทรศัพท์จากคนที่รัก ก็รู้สึกประหลาด ใจและไม่สบายใจไปพร้อม ๆ กัน เธอถามแม่ว่า “แม่ แม่ว่า พี่เขยจะชวนเราออกไปกินข้าวเพราะเรื่องของนังผลินหรือ เปล่า”
“ฉันก็ไม่รู้”
ธินิดาหัวใจไม่สงบ เธอครุ่นคิดสักครู่ แล้วลุกขึ้นและพูด ว่า “ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ไปที่นั่นก่อนแล้วค่อยว่ากัน
“โอเค งั้นฉันจะขึ้นไปแต่งตัว”
ชุดาวิ่งขึ้นไปข้างบน แต่งหน้าไปพลางนึกถึงภาพจำ นึกถึงคำพูดของปยุตที่ทำให้เธอขายหน้าครั้งที่แล้ว… ครั้ง ต่อไปได้โปรดอย่าแต่งหน้าหนาขนาดนี้มาเสนอหน้าให้ผม เห็นอีก คุณไม่ได้แต่งหน้าผมก็แค่อยากจะอาเจียน แต่ถ้า คุณแต่งหน้าหัวใจผมมันก็ไม่อยากจะเต้นอีกต่อไป’
ปึก! เธอกระแทกแป้งแต่งหน้าลงบนโต๊ะ พึมพำอย่าง หดหู่ “เบื่อจะตายอยู่แล้ว”
ยี่สิบนาทีต่อมา ชุดาลงมาจากชั้นบน ธินิดาทันทีที่เห็น เธอก็แปลกใจ เลิกคิ้วขึ้น “อ้าว ทำไมลูกสาวของฉันไม่แต่ง หน้าล่ะวันนี้”
“อย่าพูดถึงมันอีกเลยค่ะ มีบางคนบอกว่าอยากจะตายเมื่อ เห็นการแต่งหน้าของฉัน”
“ใคร? ใครมันเป็นสุนัขตาบอดที่ไม่รู้จักชื่นชม
ชดาไม่สนใจเธอ ธนิดาก็เดินด่าตามหลังไป
ทั้งสองเดินทางมาถึงโรงแรงจินตี้ ยืนอยู่ที่ประตูระเบียง ธนิดาถอนหายใจแล้วถอนหายใจอีก “ฉันนี่มันมีตาแต่ไม่รู้จัก ภูเขาไท่จริง ๆ เลยนะ ถ้ารู้ว่าคุณปยุตไม่ใช่ปีศาจ ก่อนนี้ก็คง ให้แกไปแต่งงานด้วยแล้ว ดูการกระทำที่ยิ่งใหญ่นี่สิ เลือก สถานที่ระดับนี้เพื่อเลี้ยงอาหารพวกเรา”
เธอไม่พูดถึงมันก็คงจะดีกว่าพูดมันออกมา ชุดาพูดด้วย ความโกรธ “ก็อย่างที่ว่า สุนัขตาบอดก็คือแม่นั่นแหละ”
“แก…”
ธนิดาโกรธมาก จ้องลูกสาวของเธอและตวาด “ทำไมแก ถึงพูดแบบนี้กับแม่ของแก ถ้าฉันมีตาสุนัข แล้วแกเป็นอะไร”
แม่และลูกสาวเหมือนหมาบ้าที่เป็นตัวอย่างของการใส่ ร้ายซึ่งกันและกัน ทุกคนที่ผ่านไปมาต่างคิดว่าพวกเธอนั้น ประสาทไม่ดี
มาถึงห้องที่นัดไว้ ชุดาพยายามที่จะประดิษฐ์รอยยิ้ม เคาะประตูห้อง ประตูเปิดออก ทั้งสองคนเดินเข้ามาเห็นชาย ชุดนํายืนอยู่ในห้องใหญ่ ทุกคนสวมแว่นตาดำเหมือนพวก แก๊งมังกรดำ อดไม่ได้ที่จะรู้สึกกลัวจนตัวสั่น เหลือบมอง ผู้ชายที่หัวโต๊ะและเอ่ยถาม “พี่เขย นี่มันหมายความว่ายังไง คะ”
“ระวังคำพูดด้วย ผมไม่ใช่พี่เขยของคุณ”
ชุดางง แต่ทันใดนั้นก็เกิดความสุขเล็ก ๆ ขึ้นมา ปยุต ไม่ยอมรับว่าตัวเองเป็นพี่เขยของเธอ นั่นไม่ได้หมายความ ว่าเขายังไม่ยอมยกโทษให้นังผลินหรอกเหรอ หัวใจที่ถูก แขวนก็พลันโล่งใจ เธอดึงแขนแม่ของเธอส่งสัญญาณให้ เธอพูด
ธนิดาเข้าใจ ก่อนจะก้าวไปข้างหน้าด้วยใบหน้าที่ประจบ สอพลอและกล่าวว่า “ลูกเขยจ๊ะ วันนี้วันดีอะไรเหรอ ทำไม คุณถึงคิดนัดพวกเราออกมาทานอาหารเย็นล่ะ”
“ทําไมผมถึงจําไม่ได้ว่าคุณเป็นแม่สามี
คำถามของเขาทำให้ชุดามีความสุขยิ่งขึ้นไปอีก รีบ ตอบแทนแม่ “อ่า พี่เขยอย่าล้อเล่นอยู่เลย คุณเกลียดพี่สาว ของฉัน ฉันและแม่ของฉันก็เข้าใจ แต่ก็ไม่ต้องลืมพวกเรา ทั้งหมดก็ได้”
“ใครบอกคุณว่าผมเกลียดผลิน”
ปยุตลุกขึ้นยืน ยกมือกอดอกแล้วเดินไปตรงหน้าเธอ สายตาคนมองเป็นเชิงถาม
ชุดาตกใจมาก พูดขึ้นทันที “คุณไม่ได้เลิกกันหรอกเห รอ”
“เพียงแค่เลิกกันพวกคุณก็จะเหยียบเธอให้จมดินได้เหรอ”
ปยุตย้อนถาม ธนิดาตื่นตระหนกเล็กน้อย เธอดึงแขน ของลูกสาว “ลืมมันซะเถอะ วันนี้เราจะไม่กินอาหารมื้อนี้แล้ว ขอรับน้ำใจของลูกเขยไว้ด้วยใจ”
“ยังเป็นลูกเขยอีกเหรอ คุณไม่เข้าใจสิ่งที่ผมพูดหรือไง หรือผมพูดไม่ชัดเจนพอ ไม่เป็นไร งั้นผมจะพูดตรง ๆ เลย แล้วกัน ผม ปยุต ทรัพยสาน มีแม่สามีเพียงคนเดียว คือคณ พรธวัล”
ได้ยินว่าพรธวัลสามคำ ธนิดาก็พลันหน้าซีด เธอลาก ลูกสาวของเธอออกไป แต่ถูกขวางโดยชายร่างกำยำสอง คนที่ยืนอยู่หน้าประตู
“คุณต้องการอะไร
เธอหันกลับมาถามปยุตเสียงอ่อน
“เมื่อคุณก้าวผ่านเข้ามาในประตูนี้ มันไม่ง่ายหรอกที่จะก้าว ออกไป”
ปยุตใช้สายตาส่งสัญญาณ ชายหลายคนที่อยู่ข้างหลัง วิ่งมาจับสองแม่ลูกเอาไว้
“ช่วยด้วย มีคนพยายามจะลักพาตัว…”
ธนิดาส่งเสียงกรีดร้อง ปยุตหัวเราะเยาะ “ตะโกนเลย ตะโกนเข้าไปดัง ๆ โรงแรมนี้เป็นของผม คุณตะโกนจนคอ แตกก็อย่าคิดว่าจะมีใครมาช่วยคุณได้”’พี่เขย เราคุยกันดี ๆเถอะ อย่าทำแบบนี้เลยนะคะ”
“คุยดี ๆ? ตอนที่พวกคุณจับรรยาผมไป ได้คุยดี ๆ กับเธอ หรือเปล่า”
ชุดาหน้าบึ้ง “ผู้หญิงคนนั้นหลอกลวงคุณอย่างร้ายแรง ทำไมคุณยังจะช่วยเธออีก”
“พูดอะไร ผมควรจะขอบคุณพวกคุณที่แก้แค้นให้ผมงั้นเห รอ”
“ไม่ต้องขอบคุณหรอกค่ะ แค่คุณปล่อยฉันกับแม่ฉันไปก็ พอ” ”
“ปล่อยแน่ แต่ยังไม่ใช่ตอนนี้”
ปยุตหยิบเอาขวดของเหลวเล็ก ๆ มาจากมือของชนัย แล้วยกขึ้นเหนือหัว “คุณรู้ไหมว่ามันคืออะไร
“…อะไร” เสียงของชุดาเริ่มสั่น
“ดูเอาเองสิ”
เขานำขวดไปไว้ตรงตาเธอ ก็ได้เห็นสองคำ ‘น้ำกรด’
ชุดาแทบจะเป็นลม ร้องไห้และขอร้อง “พี่เขย อย่า ไม่ ได้นะ ได้โปรดเถอะ อย่านะ…”
เมื่อธินิดาเห็นคำว่าน้ำกรดก็สีหน้าไม่ได้ดีไปกว่าลูกสาว “ลูกเขย เรื่องยายลินนั่นเราสามารถขอโทษเธอได้นะ คุณ ต้องไม่ทำร้ายลูกสาวฉันนะ มันไม่ดีสำหรับคุณเลยที่จะ ทำร้ายเธอ คุณจะถูกลงโทษทางกฎหมายนะ”
“ถ้าคุณเรียกลูกเขยอีกครั้ง มันจะเป็นตัวเร่งให้ผมเท นํากรดลงบนหน้าเธอ
“ได้ ๆ ฉันจะไม่เรียก คุณปยุต ได้โปรดเมตตาด้วยเถอะ ขอ ความกรุณาเถอะนะ ปล่อยพวกเราไป…
“ตอนที่พวกคุณทำร้ายภรรยาของผมซ้ำแล้วซ้ำเล่า ทำไม ไม่รู้จักความเมตตา ผม ปยุต ทรัพยสาน เมื่อเทียบกับพวก คุณแล้วเป็นคนที่โหดร้ายกว่า แล้วคุณคิดเหรอว่าผมจะ เมตตาต่อพวกคุณ”
“พี่เขย แม่ฉันไม่ได้บอกเหรอ ว่าพวกเราจะขอโทษพี่สาว ของฉันน่ะ!”
“ขอโทษ? สิ่งที่พวกคุณทำกับเธอไม่ใช่ใช้แค่คำว่า ขอโทษก็จะสามารถแก้ไขได้หรอกนะ พวกคุณทรมาน ภรรยาของผมก็เหมือนทรมานผม
เมื่อปยุตจบคำ ธนิดาก็ถูกลาก จากนั้นเขาก็หยิบแส้ ย่อ ตัวลงและเอ่ยถาม “นี่ใช่ไหม เครื่องมือที่ใช้ทรมานภรรยา ของผม”
ธนิดากลัวจนพูดไม่ออก “ไม่นะ ฉันไม่ได้ทำ…ฉันไม่ได้
“ตาของผมมองเห็นชัดเจน ตอนนี้ผมจะให้คุณได้ลิ้มรสมัน รสชาติของแส้ที่มันฟาดลงบนร่างกายของคุณ”
เขาตวัดแส้ในมือลงมา ธินิดากรีดร้องดั่งหมูถูกเชือด หลังจากที่ปยุตฟาดแส้ลงไปอย่างรวดเร็วไม่กี่ครั้งหลังจาก นั้นเขาก็หยุดมือ และพูดกับคนที่กำลังจะตายบนพื้นว่า “จำ เอาไว้ นี่คือจุดเริ่มต้น
“แม่!…แม่!…
ชุดาร้องโหยหวนและพยายามที่จะตะเกียกตะกายไป แต่แขนถูกจับเอาไว้แน่นจนไม่สามารถขยับได้
ปยุตก้าวไปตรงหน้าเธอทีละก้าว แล้วยกขวดน้ำกรดใน มือ มองย้อนกลับไปหาธินิดา “คุณยังแกล้งทำเป็นตายอยู่ อีกไหม ถ้ายังจะแกล้งใบหน้าของลูกสาวคุณจะถูกทำลาย
ธนิดาทนไม่ได้กับคำพูดของเขาจึงลุกขึ้นมาด้วยความ เจ็บปวดแสนสาหัส คลานไปแทบเท้าปยุต คุกเข่าขอร้อง “ฉันไม่แกล้งทำแล้ว คุณปล่อยลูกสาวฉันไปเถอะ ฉันไม่ แกล้งทำแล้ว…
ปยุตยกรอยยิ้มเหี้ยม เปิดขวดออกอย่างเด็ดเดี่ยว ราด ลงไปบนหน้าของชุดา เสียงกรีดร้องโหยหวนน่ากลัวดั่ง วิญญาณร้องขอส่วนบุญ ดวงตาของชุดามืดมิดและเป็นลม ไปในที่สุด
ธนิดานอนตัวสั่นเทาบนพื้น ไม่กล้าแม้แต่จะมองลูกสาว หลังจากผ่านไปเป็นระยะเวลานาน ชนัยก็จิกหัวขึ้น แต่ไม่ อยากจะเชื่อว่า ใบหน้าของลูกสาวยังดีอยู่ มันยังไม่เสียโฉม
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ