ภรรยาคนที่เจ็ดของประธาน

ตอนที่ 60 อารมณ์ความรู้สึก



ตอนที่ 60 อารมณ์ความรู้สึก

“นั่นเป็นเหตุผลที่ผมมักจะแกล้งคุณ เพราะผมเกลียดเวลาที่มีคน คิดว่าผมเป็นเกย์

การกระทำของคุณทำให้คนอื่นเข้าใจผิด ถ้าคุณไม่อยากให้คน “ อื่นเข้าใจผิด ก็น่าจะบอกคนอื่นออกไปดัง ๆ ว่าไม่ใช่เกย์ ถ้าคุณ เกียจอธิบายหลายครั้ง ก็ประกาศตามสถานีโทรทัศน์ไปเลยว่า ผม นายปยุต ทรัพยสาน เพราะเกลียดผู้หญิง ดังนั้นผมจะไม่นอน กับผู้หญิง แต่ผมไม่ใช่เกย์ รสนิยมทางเพศของผมยินดีต้อนรับผู้ เชี่ยวชาญเข้ามาประเมินครับ”

หลังจากผลินพูดเล่นจบก็ปิดปากหัวเราะ ปยุตลุกขึ้นอย่าง หงุดหงิด จับคอเธอไว้ “กล้าหาญขึ้นเรื่อย ๆ เลยนะ กล้าดียังไงมา ล้อผม เชื่อไหมว่าผมสามารถโยนคุณลงทะเลเพื่อเป็นอาหารปลา ได้”

“ไม่นะ อย่าสิ ฉันล้อเล่น

ผลินพยายามกลั้นแล้วแต่ก็ยังอดหัวเราะออกมาไม่ได้ ปยุต เห็นเธอหัวเราะไม่หยุด ก็เลิกคิ้ว “คุณชอบหัวเราะนักใช่ไหม ได้ เดี๋ยวผมจะทำให้คุณหัวเราะ!

เขาเอื้อมมือไปที่รักแร้ของเธอแล้วก็จั๊กจี้เธออย่างหนัก ผลิน หัวเราะจนหายใจไม่ออก กลิ้งไปมาบนชายหาดอยู่หลายรอบ จน ในที่สุดก็ไม่มีทางเลือกจำต้องยกมือขึ้น ฉันยอมแพ้ ฉันยอมแพ้ ฉันสัญญาว่าจะไม่ทำมันอีก”

ปยุตปล่อยเธอ ชี้หน้าผากของเธอและเอ่ยเตือน “คราวหน้าถ้า คุณกล้าจะสงสัยในรสนิยมทางเพศของผมอีก ผมจะหาขันที่สิบ คนมาปลอบโยนคุณหนัก ๆ

ผลินนอนหอบหนักบนชายหาด นี่เป็นครั้งแรกที่เธอเข้ากันได้ ดีกับปยุต รู้สึกมีความสุขมาก ใบหน้าสะพรั่งดั่งดอกไม้แย้มบาน “คุณเป็นผู้ชายที่มีพิษสงขนาดนั้นเชียว มันยากนะที่จะหาขันทีน่ะ ปีนี้คุณจะหาขันทีได้หรือเปล่า แถมยังตั้งสิบคนอีก

“ได้สิ เดี๋ยวพาคุณข้ามภพไป

ปยุตหลับตาลงแล้วตอบเสียงเนือย

ถ้าคุณทำได้คุณ คุณพาฉันไปสมัยราชวงศ์หยวนนะ ฉันจะไป

หาเตียบ่อกี้”

ผลินพูดเสียงแผ่วเบา

“คุณจะไปทำอะไรเขา

“ตอนเป็นเด็กฉันตกหลุมรักเขา”

ปยุตหัวเราะอย่างไร้อารมณ์ “แอบรักก็ว่าแย่แล้ว นี่ยังไปแอบ รักผู้ชายหลายใจอีก

“เขาหลายใจตรงไหน เขามีบุพเพกับผู้หญิงแค่คนเดียว คนเดียว ที่เขารักคือเตียเมี่ยง

“ผิด ที่เขาควรรักคือจิวจี้เปี๊ยก” “คุณลผิด เขาไม่เคยรักนางมารเลย”

ผลินหันข้างมามองหน้าเขาแล้วพูดว่า “ตอนจบของมังกรหยก ภาค3 จิวเยี้ยกถามเตียบ่อกว่าระหว่าง เซียวเจียว, จูฮือ, เตีย เมี่ยงแล้วก็เธอ ในสี่คนนี้ใครคือคนที่เขารักจริง ๆ เวลานั้นเตียบ่อกี้ รู้สึกเศร้าไปชั่วครู่ ใช้ความคิดและถามตัวเอง ตอนนั้นแค่คิดว่าถ้า สามารถอยู่ด้วยกันกับทั้งสี่สาวไปตลอดจะไม่มีความสุขกว่าหรอก เหรอ แต่กลับเกิดการเปลี่ยนแปลง เซียวเจียวไปเป็นประมุขของ เปอร์เซีย ญาติของจูอือตาย หลงผิด มีเพียงแม่นางเตีย เท่านั้นที่ได้อยู่ข้างกาย ถึงแม้ว่าในระหว่างนั้นจะเกิดการเข้าใจผิด เขาทั้งรักและเกลียดเตียเมี่ยง แต่ในใจเขาก็ไม่เคยลืมเธอและ คิดถึงเธอมาก แต่ยังไงก็ตามการแทรกแซงของจี้เยี้ยกก็ทำให้ใจ ของเขาสั่นไหว ไม่สามารถเผชิญกับความรู้สึกของตัวเองได้ จน กระทั่งวินาทีนั้น ที่เตียเมี่ยงจากไปโดยไม่ลา ในที่สุดเขาก็รู้ว่าตัว เองถูกครอบงำจากนางมารน้อยจนยากที่จะตัดขาด แต่ถ้าไม่ได้ พบเธออีกก็ไม่สามารถมีชีวิตอยู่ได้ ดังนั้นในที่สุดเขาก็พบคำตอบ กับจี้เยี้ยกเขารู้สึกเคารพเกรงใจ กับเขารู้สึกขอบคุณ กับ เซียวเจียวเขารู้สึกสงสาร แต่กับเตียเมี่ยงมันคือความรักที่ลึกซึ้ง”

จู่ ๆ ปยุตก็ลืมตาขึ้น ถามเธออย่างมีความหมาย “คุณวิเคราะห์ มันด้วยตัวเองเหรอ หรือว่าผู้อาวุโสเตียบ่อกี้มาบอกคุณ

ผลินไม่กล้าสบตาเขา เพราะเมื่อมองไปที่เขาเธอจะรู้สึกสับสน

“ฉันวิเคราะห์เอง แต่มันก็เป็นเรื่องจริง

ปยุตถอนหายใจ จู่ ๆ ก็รู้สึกเหงาขึ้นมาและพูดว่า “ผู้หญิงทุก คนมีความฝันตลอดเวลาเ “หืมม มีใครนอกจากนั้นอีกเหรอที่แอบรักเขา

ปยุตเงียบไปนานหลังจากนั้น จนผลินคิดว่าเขาหลับไปแล้ว แต่จู่ ๆ เขาก็พูดขึ้นสบาย ๆ ว่า “ผู้หญิงที่ผมเคยรู้จัก ตอนเป็นเด็ก ก็หลงใหลเตียบอกี้”

ผลินหัวใจเต้นแรง ไม่ต้องบอกเธอก็รู้ว่าผู้หญิงคนนั้นต้องเป็น จันทร เพราะคุณแม่เคยบอกว่า จันทรเป็นผู้หญิงเพียงคนเดียวที่ ลูกชายของเธอต้องการที่จะรักและใกล้ชิด

“ไม่ใช่ว่าเตียบ่อกี้นั้นยอดเยี่ยม แต่ผู้หญิงทุกคนมีความฝันอยาก จะเป็นเจ้าหญิง บางคนชอบเลี้ยงกว้อ บางคนชอบเฉินเจียโล่ บาง คนก็ชอบเฉียวเฟิง พระเอกไม่ได้สำคัญ ที่สำคัญคือ พวกเขา ทั้งหมดปรากฏตัวในช่วงวัยที่เด็กหญิงกำลังตั้งตารอ

“ แล้วตอนนี้ล่ะ ยังตั้งตารออยู่ไหม

ผลินกัดริมฝีปาก “ฉันเลิกหวังมานานแล้ว

“แล้วทําไมยังจะอยากเจอเตียบ่อกี้อีกล่ะ”

“เพื่อจะสร้างเรื่องยากให้คุณ รู้หรอกว่าเขาเป็นเพียงตัวละครที่ เป็นภาพลวงตา แม้ว่าคุณจะมีความสามารถในการข้ามภพ มันก็ เป็นไปไม่ได้ที่จะเจอ

“งั้นถ้าคุณรู้แล้วว่าเขาเป็นตัวละครที่เป็นภาพลวงตา ก็ไม่ได้หลง รักเขาอีกต่อไปแล้วใช่ไหม”

“ไม่ใช่ว่าเลิกแอบรักเขาแล้ว แต่แค่ไม่อยากเป็นเจ้าหญิงเหมือน ในวัยเด็ก” ผลินจ้องมองดวงดาวบนท้องฟ้า พูดความรู้สึกออกมาว่า “กาล ครั้งหนึ่งนานมาแล้ว เมื่อเรามองไปที่ทะเลดวงดาวอันสดใสเหนือ ศีรษะ ในคืนที่ดาวยังเต็มหัวใจ แต่ไม่มีน้ำตาแห่งความเศร้ามอบให้ หนุ่มเลี้ยงวัวกับสาวทอผ้า…เพราะเติบโตขึ้น และไม่มีอีกต่อไปแล้ว ที่จะเชื่อในเทพนิยาย…

เตียบ่อกี้ก็ดี หรือจะเป็นเฉียวเฟิงก็ช่าง ครั้งหนึ่ง มันก็แค่

เทพนิยาย

ปยุตพูดถูก เมื่อคืนก่อนปาณียังร้องไห้เสียงดัง ต้องการที่จะ ตัดขาดความสัมพันธ์กับพี่ชาย แต่วันต่อมากลับมีแต่ความ สนุกสนาน จำอะไรไม่ได้เลย ราวกับว่าไม่มีความขัดแย้งเกิดขึ้นมา ก่อน

“พี่สะไภ้คะ วันมะรืนเป็นวันเกิดของพี่ชายแหละ”

ผลินกำลังยุ่งอยู่กับการออกไปข้างนอก เพียงพยักหน้ารับ “เอ่อ ฉันรู้ค่ะ”

“แล้วคุณ…

“ฉันดูอยู่ค่ะ”

ทาตถุโทรหาเธอ นำบัตรประจำตัวของเธอมาด้วย บอกให้เธอ รีบไปรับให้เร็วที่สุด ดังนั้นเธอจึงไม่มีเวลาคุยกับน้องสามีมากนัก และรีบออกจากบ้าน

“นี่ ฉันยังพูดไม่ทันเสร็จเลยนะคะ คุณเดินจากไปแบบนี้ได้ยังไง กันนี่ย…

ผลินมาถึงสถานที่นัดหมาย ทางรออยู่ที่นั่นก่อนแล้ว เขายื่น บัตรประชาชนให้เธอและพูดว่า “เมื่อไหร่จะจัดการกับเรื่องที่เกิด ขึ้นที่นี่”

ผลินก้มหน้าลง “กำลังจัดการค่ะ”

ปากพูดอย่างนั้น แต่ในใจคิดหาวิธีที่จะทำลายหลักฐานที่ทา ตถุใช้ขู่ลุง

การยกเลิกการแต่งงานระหว่างปยุตเป็นสิ่งที่ง่ายที่สุด แต่ไม่ ว่าจะเป็นอดีตหรือปัจจุบัน เธอไม่ได้ต้องการที่จะยกเลิก อดีตคือ การใช้ประโยชน์จากเขา และตอนนี้เพราะ…เธอมีอารมณ์ความ รู้สึกชอบเขา

ทาตฤเห็นได้ชัดว่าไม่พอใจกับคําตอบของเธอ ใบหน้าของเขา บึ้งตึง “ก็แค่หย่า มันต้องใช้เวลาในการจัดการนานขนาดไหนกัน

“ทุกอย่างที่ฉันทำมันมีเหตุผลของฉัน ฉันคิดว่าคุณลุงทาตฤน่า จะเข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้นกับฉันนะคะ”

“ก่อนหน้านี้ฉันเข้าใจ แต่ตอนนี้เธอปีกกล้าขาแข็งแล้ว ฉันคงไม่ สามารถเข้าใจมันได้อีก”

“คุณอย่ากดดันฉันมากเลยค่ะ อย่างน้อยคุณควรให้ฉันมีเวลา เพียงพอที่จะจัดการกับมัน”

ทาตฤยิ้มเยาะ “ฉันจะรู้ได้ยังไงว่าถ้าให้เวลาไปเธอจะจัดการ กับเรื่องนี้ หรือคิดวิธีจัดการกับฉัน” ผลินถูกเขาอ่านความคิดออกอย่างสิ้นเชิง จึงรู้สึกอึดอัดเล็ก น้อย “กังวลไปแล้วค่ะ ฉันไม่เคยคิดจัดการกับลุงทาตฤที่เป็นผู้มี

พระคุณ

“ดีแล้วที่เป็นอย่างนั้น

ดวงตาของทาง สะท้อนให้เห็นถึงวิสัยทัศน์ของความหมาย เหมือนโล่งอก แต่ก็เหมือนการเตือนอีกครั้ง

“ฉันขอไปห้องน้ำหน่อยนะคะ”

ผลินรู้สึกเศร้าเล็กน้อย เธอเป็นแค่ผู้หญิงที่อ่อนแอ ถึงแม้ดู เหมือนจะแข็งแกร่งขึ้น แต่มันก็ยังคงอ่อนแอ ยิ่งไปกว่านั้น เธอ ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของทาตฤเลยแม้แต่น้อย

ล้างหน้าด้วยน้ำเย็นแล้วเธอจึงกลับไปที่โต๊ะของร้านน้ำชา ทา ตฤชี้ไปยังโทรศัพท์มือถือที่เธอทิ้งไว้ที่โต๊ะ “มีคนโทรมาหาเธอ ฉัน เพิ่งรับให้เธอ”

เธอทำหน้าบึ้ง รีบเปิดดูบันทึกการโทรออก ทันใดนั้นใบหน้าก็ เครียดเคร่ง ถามด้วยความโกรธ “คุณพูดอะไรกับเขา

“ไม่ต้องเป็นห่วง ฉันแค่บอกว่าเขาโทรผิด ไม่มีอะไรที่ไม่ควรพูด”

การจิบชาอย่างสบายของทาตถุ เป็นการวางตัวที่ค่อนข้าง ขัดหูขัดตา

ทำไมคุณถึงมารับโทรศัพท์ของคนอื่นแบบนี้ นี่มันบุกรุกความ “ เป็นส่วนตัวของฉัน” ผลินโกรธมาก

เธอไม่อยู่ มีอะไรผิดปกติกับที่ฉันรับโทรศัพท์เธอ บางทีเหตุผล ที่เธอโกรธไม่ใช่ว่าเพราะฉันรับโทรศัพท์เธอหรอก แต่ใครเป็นคน ที่โทรเข้ามาต่างหากใช่ไหม

“คุณจะเดาอะไร ถึงแม้ว่าฉันจะไม่อยู่ คุณก็ไม่ควรรับโทรศัพท์ ของฉัน มีอะไรผิดปกติขึ้นมาจะทำยังไง คุณจะให้ฉันอธิบายยังไง คุณลุงทาตถุ คุณทำให้ฉันผิดหวังมาก

ทาตฤกระแทกถ้วยเซรามิกในมือลงบนโต๊ะอย่างแรง แล้วพูด รอดไรฟันว่า “ฉันเดาหรือมันเป็นเรื่องจริงเธอรู้แก่ใจตัวเองดี อย่า คิดว่าฉันไม่รู้อะไรเลย สองวันที่ผ่านมาเธอกอดกันขึ้นลงลิฟต์ หลายสิบครั้งในห้างสรรพสินค้าที่ทันสมัยของเมือง T เธอกล้าพูด ไหมล่ะว่าเธอไม่ได้มีความรู้สึกส่วนตัวกับเขา

ผลินตกใจมาก เป็นครั้งแรกที่รู้สึกว่ามันน่ากลัว เพราะว่าเขา รู้จักเธอราวกับเป็นเงาของเธอเอง

สองคนทะเลาะกันอยู่นาน จนในที่สุดผลินก็โกรธจนปัดแขน มองเอาออก

และทั้งหมดนี้ ปยุตที่อยู่ในร้านน้ำชาฝั่งตรงข้ามได้เห็นมัน อย่างชัดเจน ถึงแม้ว่าจะไม่ได้ยินสิ่งที่พวกเขาพูด แต่ดูจากสีหน้า แล้วมันไม่ยากที่จะรับรู้ได้ว่ามันเป็นการทะเลาะ

ถนนนำโชคเป็นถนนสายเก่า ถนนทั้งสายเป็นร้านน้ำชา นับได้ ไม่น้อยกว่าสิบ และสิ่งที่เกิดขึ้นวันนี้เป็นเรื่องบังเอิญ ปยุตเจอผลิน ที่นี่ แต่ผลินไม่เจอเขาเพราะในใจเอาแต่จมจ่อมอยู่กับความคิด


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ