ภรรยาคนที่เจ็ดของประธาน

ตอนที่ 48 ชีวิตที่ร่ำรวย



ตอนที่ 48 ชีวิตที่ร่ำรวย

ปยุตมองดูภาพที่น่ากลัวตรงหน้า เขาไม่เคยคิดเลยว่า ผลินจะทุบกระจกของรถด้วยมือของตัวเอง สามารถทุบ กระจกจนแตกแบบนี้ ต้องอดทนกับความเจ็บปวดมากมาย เท่าไรกัน อย่างที่เขาเห็นตอนนี้ มือของเธอเต็มไปด้วย เลือดไหลหยด

ด้วยความที่ตกใจมาก เขาจึงได้แต่ยืนนิ่งอยู่ที่ประตู จน กระทั่งผลินลงจากรถด้วยใบหน้าซีดเซียว เดินผ่านเขาไป อย่างไม่แยแส เขาจึงเพิ่งได้สติ คว้าจับแขนของเธอไว้ “มือ ของคุณได้รับบาดเจ็บขนาดนี้แล้วจะไปไหน ขึ้นรถเถอะ ผม จะพาคุณไปโรงพยาบาลเพื่อทำแผล

เธอหันกลับไปมองเขาด้วยดวงตาเย็นชาอย่างที่ไม่ เคยเป็นมาก่อน ถึงแม้ว่าจะกำลังอ่อนแอมาก แต่สุดท้ายที่ สามารถทําได้ ก็คือสะบัดมือของเขาออกไป

ทิ้งมันไป ความเมตตาของเขามันหมดอายุไปแล้ว

ผลินเหยียบย่ำลงบนแสงอ่อนจาง เดินไปที่หน้าประตู ใหญ่ของคฤหาสน์ รูปร่างบอบบางเหมือนใบไม้ที่บิดปลิว โดดเดี่ยวท่ามกลางสายลม

เดินไปไม่กี่ก้าว จู่ ๆ เธอก็หันกลับไป ถามอย่างเศร้า หมอง “มันไม่สําคัญจริง ๆ เหรอ มองดูฉันถูกพวกเขาหยอก ล้อ ไม่สำคัญเลยจริง ๆ งั้นเหรอ ฉันไม่เคยคิดเลยจริง ๆ ถ้าผู้ หญิงที่ถูกหยอกล้อคือภรรยาของฉัน ถึงแม้ว่าฉันจะไม่ได้รักเธอ ก็จะไม่ปล่อยให้ใครแตะต้องเธอเด็ดขาด”

ปยุตไม่ตอบ เธอหัวเราะกับตัวเอง มันยุ่งเหยิงไปหมด ยังจะไปคาดหวังอะไรกับผู้ชายคนนี้อีก

ขึ้นไปข้างบนที่น่ากลัว เข้าไปในห้องที่น่ากลัว นั่งอยู่บน เตียงที่น่ากลัว จ้องไปยังพื้นที่น่ากลัว แล้วก็ ความคิดที่น่า กลัว ชีวิตที่น่ากลัว อันที่จริงแล้ว จะยุ่งยากขึ้นอีกนิดหน่อยก็ ไม่เป็นไร

ปยุดยืนที่หน้าประตูห้องของผลิน ลังเลอยู่นานว่าจะเดิน เข้าไปข้างในหรือไม่ แต่โดยไม่รอให้เขาพูด “ฉันไม่อยาก คุยอะไรตอนนี้ ออกไป” เธอออกคำสั่งไล่แขกผู้มาเยือน

สายตากวาดไปยังมือที่บาดเจ็บของเธอ เขาวางกล่อง ยาในมือของเขาบนพื้น ต้องการที่จะพูดอะไรบางอย่าง สามารถเปิดปาก แต่ก็ไม่มีอะไรจะพูด

เหมือนอะไรบางอย่างติดอยู่ในลำคอ เป็นคำขอโทษที่ ติดอยู่ในนั้น ในที่สุดก็ยอมแพ้ หันกลับไปอย่างเงียบ ๆ และ เธอก็ปิดประตูห้องของเธอ

หลังจากเวลาที่ยาวนาน เขาได้ยินเสียงร้องไห้ คร่ำครวญ ดังเช่นความเศร้าโศก ดังเช่นความทุกข์ยาก มัน เหมือนเป็นความเจ็บปวดที่คั่งค้างอยู่ในส่วนลึกของหัวใจ มาเป็นระยะเวลาหลายปีได้ถูกปลดปล่อยออกมาอย่างไม่ สามารถควบคุมได้อีกต่อไป…
ปยุตมองผ่านช่องว่างของประตู เห็นมันชัดเจนกับอีก ด้านหนึ่งของผลินที่ปกปิดเอาไว้ ไม่มีอีกแล้วผู้หญิงที่ดู เฉยชาและแข็งแกร่งจากภายใน มีพียงเด็กคนหนึ่งที่ได้รับ ความเจ็บปวดจนต้องระบายออกมา ความเจ็บปวดนั้นไม่ น่ากลัว แต่สิ่งที่น่ากลัวคือ ทำไมถึงได้เจ็บปวดอย่างไม่มี เหตุผลเช่นนี้

แต่ไม่ว่าจะเจ็บปวดเพราะอะไร บาดแผลนั้นมันก็ยังคง อยู่ภายใน

ผลินอยากที่จะร้องไห้แบบนี้มานานแล้ว แต่ทุกครั้งต้อง อดทนเอาไว้ เพราะว่าเธอกลัวว่าถ้าร้องไห้จะทำให้เธอไม่ เข้มแข็ง ชีวิตที่เลื่อนลอยและถูกทิ้งขว้างช่างเป็นเรื่องน่า เศร้า แม้แต่การร้องไห้ก็เป็นสิ่งที่ฟุ่มเฟือยเกินไป

ปยุตจ้องไปที่รอยแยกเพียงไม่กี่เซนติเมตรด้วยความ ช็อกอย่างไม่สามารถอธิบายได้ ถ้ามันไม่ใช่วินาทีที่เห็น ความจริงด้วยตาตนเอง เขาคงจะจินตนาการไม่ได้ ว่าผู้หญิง คนนั้นจะมีช่วงเวลาที่แสนเศร้าด้วยเหมือนกัน

หัวใจเหมือนถูกต่อยอย่างรุนแรง

ค่ำคืนนี้ ถูกกำหนดให้เป็นค่ำคืนที่หนักหน่วง ผลิน ร้องไห้เป็นเวลานาน ปยุตก็ยืนหยู่หน้าประตูห้องเธอเป็น

เวลานาน

ยามรุ่งอรุณ เธอออกมาจากห้อง มือถูกพันด้วยเศษผ้า

ก้าวเดินอย่างอ่อนแรง
“คุณรู้สึกดีขึ้นไหม”

ปยุตเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงแหบแห้ง มองเธอด้วยความ

รู้สึกผิด

ผลินเดินผ่านเขาไปเงียบ ๆ ไม่ตอบคําถามของเขา เธอ ไม่ได้เป็นคนหยิ่ง เพียงแต่เพราะคนที่ถาม ไม่เคยที่จะมอง เห็นเธอ

ออกมาจากตัวคฤหาสน์นภา ข้างนอกเป็นสีขาวโพลน เธอหันมองไปรอบ ๆ ดูวิลล่าขนาดใหญ่ล้อมรอบด้วยหมอก ยามเช้า เป็นครั้งแรกที่รู้สึกได้ลึกซึ้ง ชีวิตที่ร่ำรวยไม่ได้ สวยงามอย่างที่คิด

มือที่ได้รับบาดเจ็บ ดวงตาที่แดงก่ำ เหล่านี้ ไม่มีใครได้ เห็นยกเว้นปยุต เพราะนอกจากเขาแล้ว ทุกคนเป็นห่วงเธอ

ไม่อยากให้คนที่แคร์เธอเป็นห่วง แต่คนที่ไม่สนใจเธอ มันเป็นคนละเรื่องกัน

ไปโรงพยาบาลใกล้เคียงเพื่อทำแผลแล้วนั่งแท็กซี่ไป ที่บ้านเพื่อน กดกริ่งหน้าประตู “ชื่นใจกำลังทานอาหารเช้า เมื่อได้เห็นเธอก็ตกใจมาก “โอ้พระเจ้า นี่มันเกิดอะไรขึ้น

เธอสายศีรษะ “ไม่มีอะไรหรอก” ตรงไปยังห้องนอน

“แบบนี้จะไม่มีอะไรได้ยังไง บอกฉันมาตามตรงเถอะ คุณป ยุตเป็นพวกโรคจิตทารุณเธอใช่ไหม
ชื่นใจไม่เชื่อเดินตามหลังเธอเข้ามา ต้องถามคำถามอีก

ครั้ง

“เธอลางานให้ฉันสักสามวันนะ ฉันจะอยู่กับเธอที่นี่สาม

วัน”

ผลินไม่อยากพูดถึงเรื่องเมื่อคืนอีก ตอนนี้เธอแค่อยาก นอน และทิ้งประสบการณ์ที่ไม่พึงประสงค์ทั้งหมดไว้ข้าง

หลัง

เธอดูไม่อยากจะพูด และดูเหนื่อยอ่อน ชื่นใจจึงไม่มีใจที่ จะถามอีกต่อไป หันกลับไปและนำนมร้อนมาให้เธอดื่มก่อน เข้านอน แม้ว่าชีวิตจะไม่มีความสุขอีกต่อไป แต่มันต้องไม่ ส่งผลกระทบกับร่างกายของตัวเอง

“ขอบใจนะ”

เธอมองเพื่อนอย่างซาบซึ้ง รับนมมาดื่มและเอ่ยเตือน “อย่าบอกใครว่าฉันอยู่ที่นี่กับเธอนะ”

“แล้วจะให้ฉันทำยังไง ไวภพต้องถามแน่”

เมื่อพูดถึงไวภพ ชื่นใจก็มักจะเศร้า

“บอกว่าฉันไปเที่ยวแล้วกัน”

“ที่จริงแล้วเธอไม่ต้องรู้สึกไม่ดีกับตัวเองหรอกนะ ไวภพ สามารถช่วยเธอได้
“เข้าใจแล้ว พอเถอะ ไปทำงานได้แล้ว”

ผลินขัดจังหวะเธอแล้วล้มตัวลงนอนตะแคง

ชื่นใจมองด้านหลังของเธอ ถอนหายใจชั่วครู่ แล้วหัน หลังเดินจากไป

เพราะสงครามเย็นกับพ่อ จึงไม่ได้กลับบ้านจนถึงเวลา สี่ทุม ไปที่ห้องชั้นบน สิ่งแรกที่ทำคือไปที่ภาพวาด แล้วไป เคาะที่ประตูด้านหลังของภาพวาด “ผมเข้าไปได้ไหม”

รออยู่นานก็ไม่มีใครตอบ เขาจึงตัดสินใจผลักประตูเปิด แต่ทั้งห้องก็ว่างเปล่า

อยู่ที่ไหน? หน้าบึ้งเล็กน้อย หยิบโทรศัพท์มือถือออก มาจากกระเป๋า ลังเลชั่วครู่ก่อนจะกดหมายเลขของผลิน “ขออภัยค่ะ หมายเลขที่ท่านเรียก ไม่สามารถติดต่อได้ใน ขณะนี้ กรุณาติดต่อใหม่อีกครั้งภายหลัง”

โทรศัพท์มือถือก็ปิดด้วย?

ปยุตรู้สึกเหมือนมีบางอย่างหายไป เดินไปเดินมาร อบห้อง ในที่สุดก็ตัดสินใจที่จะปล่อยให้เธออยู่คนเดียว อย่างไรเสียเธอก็เกลียดเขาอยู่แล้ว

เดินเข้าไปในห้องน้ำและอาบน้ำ ยืนอยู่ใต้ฝักบัว เผชิญกับอารมณ์ที่ไม่สามารถอธิบายได้ หงุดหงิด วิตกกังวล ไม่ สบายใจ เมื่อนึกถึงสายตาเย็นชาของผู้หญิงคนนั้นเมื่อคืน ก็ เริ่มรู้สึกกลัดกลุ้มมากขึ้น…

ปาณีกำลังเล่นเกมอยู่ในห้อง ทันใดนั้นเสียงเคาะประตูก็ ดังขึ้น เธอไม่หันกลับมา แต่ตะโกนบอก “เข้ามาเลยคะ”

ปยุตผลักประตูเข้าไปข้างใน เดินไปที่โต๊ะคอมพิวเตอร์ ของน้องสาว แสร้งทำเป็นถาม “คืนนี้พี่สะไภ้ของเธอไป ไหน”

“หนูไม่รู้ค่ะ…

จ้องมองไปที่หน้าจอคอมพิวเตอร์ มือกดลงบนแป้นพิมพ์ ตอบคำเสียงเนือย

“โกหกเหรอ ไปที่ไหนกันแน่”

เขาไม่เชื่อคำพูดของน้องสาว ด้วยความสำคัญของผู้ หญิงคนนั้นในบ้านหลังนี้ ถ้ายังไม่ได้กลับมาในเวลานี้ มัน ต้องชัดเจนว่าเธอไปที่ไหน ไม่อย่างนั้นสถานการณ์คงเป็น ไก่บินเตลิดหมาวิ่งพล่าน

“ก็บอกว่าไม่รู้ไงคะ”

ไม่สนใจคำตอบอีก เขากำลังโกรธมาก ขมวดคิ้วแน่น

“ชนัย…”
“ไปเที่ยวค่ะ”

มันได้ผลที่ดีที่สุดเมื่อพูดถึงจุดอ่อนของเธอ ปาณีหยุด เล่นเกม แล้วนั่งจ้องพี่ชายของเธอ

“เที่ยว?”

ปยุตรู้สึกเหลือเชื่อ เมื่อเช้าก็บอกจากบ้านไปมือเปล่า ไม่ ได้มีสัญญาณของการเดินทางเลย

“ใช่ค่ะ เมื่อตอนบ่ายพี่สะไภ้โทรมาบอกเอง”

“ไปเที่ยวที่ไหน”

“ไม่รู้สิคะ”

“จะกลับมาเมื่อไหร่

“ไม่รู้สิคะ”

“แล้วไปกับใคร”

“ไม่รู้สิคะ”

ปยุตใช้มือข้างหนึ่งบีบไปที่แก้มอ้วนของเธอ แล้วพูด ด้วยความโกรธจัด “ทำไมถึงพูดแค่ไม่รู้สิสามคำนี้อยู่นั่น

รู้สึกเกลียดเมื่อมีคนอื่นมาบีบแก้มเธอ เธอเกิดมาเป็นเด็กอ้วน แม้ว่ามันจะไม่ส่งผลกระทบต่อความงาม และมันยังน่า รักมาก ๆ แต่เธอก็รำคาญมัน

“พี่คะ พี่โอเคหรือเปล่าเนี่ย พี่สะใภ้ของหนูเป็นภรรยาของ พี่ พี่ไม่รู้ว่าภรรยาของพี่เองไปไหน แล้วมาถามหนู หนูจะรู้ ได้ยังไงล่ะคะ”

มือเท้าเอว ลำคอตั้งตรง ไม่ต่างจากเสือทรงทำนาจ แต่ แท้ที่จริงแล้วเธอเป็นแมวป่วย

บ่ายวันรุ่งขึ้น หลังจากที่ปยุตผ่านการนอนกระสับ กระส่ายตลอดทั้งคืน ก็ขับรถมาถึงโรงเรียนมัธยมปรานต์ เขาจอดรถใต้ต้นไม้ นั่งอยู่ในรถ ใส่แว่นกันแดดและจ้องมอง ไปที่ประตูโรงเรียน

ตอนห้าโมง เสียงกริ่งบอกเวลาเลิกเรียนดังชัดเจน นักเรียนกลุ่มละสองสามคนทยอยกันเดินออกมา เขารอ ประมาณสิบนาที ก็พบกับภาพของคนที่คุ้นเคย ไม่ใช่ผลิน แต่เป็นชื่นใจเพื่อนสนิทของเธอ

“คุณชื่นใจ โปรดรอเดี๋ยวครับ”

ปยุตเปิดประตูลงมา ชื่นใจกำลังคุยโทรศัพท์อยู่

ชื่นใจหันหลังกลับมามองคนที่เรียกเธอ ค่อนข้างคาด ไม่ถึง แล้วพูดกับโทรศัพท์มือถือ “เดี๋ยวฉันจะโทรหาเธอที่ หลัง” รีบวางสายไปและถามด้วยความสงสัย “คุณปยุต มาที่ นี่ได้ยังไงคะ”
“คือ… ” เขารู้สึกว่ามันยากที่จะพูด “วันนี้ผลินไม่ได้มา

โรงเรียนเหรอครับ”

เธอยักไหล่แล้วตอบกลับไป “ไปเที่ยวค่ะ คุณไม่รู้เหรอ

คะ”

“ไปเที่ยวที่ไหนครับ”

“ขอโทษค่ะ ฉันไม่รู้

ปยุตขมวดคิ้วเล็กน้อย ดวงตาคมจ้องมองเธอ ดูเหมือน จะตรวจสอบความจริงและเท็จในสิ่งที่เธอพูด

ชื่นใจหัวใจเต้นแรงด้วยสายตาของเขา พูดอย่างอึดอัด “ถ้าไม่มีอะไรแล้วงั้นฉันไปก่อนนะคะ แล้วพบกันใหม่ค่ะ”

“อืม ลาก่อนครับ”

เขาพยักหน้าอย่างไม่อาจคาดเดาได้ มองดูชื่นใจหัน หลังแล้วเดินจากไป เขาเข้าไปในรถ แต่ไม่ได้ไปในทิศทาง ตรงกันข้าม แต่กลับขับตามเธอมาจนถึงบ้านของเธอ


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ