บทที่ 305 ช้าก่อน
หยูจื้อเห็นด้วยแล้ว!
หยูหมิง คุณชายรวยรุ่นที่สองแห่งหลินอาน และ เหล่าผู้บริหารระดับสูงที่ยังไม่ทันเอ่ยปากลาออกที่เหลือ นั้นต่างพากันประหลาดใจสุดขีด
บริษัทหัวเสร์เป็นบริษัทที่หยูจื้อก่อตั้งขึ้นมาเอง กับมือ เหตุใดเขาถึงเอาเลือดเนื้อของตัวเองใส่พานให้ คนอื่นด้วยเล่า! นี่มันไม่ใช่แนวทางของวีรบุรุษคนนั้นนี่ นา!
“พ่อ ท่านเสียสติไปแล้วเหรอ” หยูหมิงดูกังวลยิ่ง ไม่ว่าอย่างไรเขาก็ไม่เข้าใจความคิดของหยูจื้อเอาเสีย
เลย
“ลุงหยู จะลดตัวกับตระกูลฉาวไม่ได้นะ”
“พวกเราชื่อว่าหัวเสร์จะผ่านวิกฤตไปได้” “ต่อให้หัวเสร์จะปิดตัวลงจริงๆ ก็ไม่อาจยกให้คน ถ่อยจอมวายร้ายอย่างพวกฉาวหนิงกับหม่าฝูหรัยเด็ด
ขาด!”
เหล่าคุณชายรวยรุ่นที่สองต่างพากันเตือนสติหยู จื้อ หวังว่าหยูจื้อจะเปลี่ยนการตัดสินใจได้
พวกเขาล้วนเป็นคนหนุ่มสาวอายุน้อย แต่หยูจื้อ เป็นราชาที่ผ่านโลกธุรกิจมานานปี ปัญหาที่เขาคิดและแง่ที่คิดทบทวนมีมากกว่าพวกเขามาก ถ้าหากมีทาง เลือกอื่น หยูจื้อจะยอมยกกิจการของตัวเองให้คนอื่น ทำไม เพียงแต่ตอนนี้ เขาไร้หนทางอื่นใดอีกแล้ว
“บริษัทหัวเสร์เป็นองค์กรที่สำคัญของหลินอาน มันไม่เพียงเป็นครอบครัวของทั้งตระกูลหยู แต่มันเป็น ของประชาชนทั่วไปทั่วทั้งหลินอาน เมื่อบริษัทหัวเสร์ เกิดปัญหา หรือโชคไม่ดีปิดตัวลง นั่นจะส่งผลกระทบต่อ คนงานกว่าเก้าพันแปดร้อยคน นี่ก็คือครอบครัวเก้าพัน แปดร้อยครัวเรือนซึ่งจะส่งผลกระทบทางอ้อมต่อผู้คน อย่างน้อยสามหมื่นคน เกรงว่าอาจทำให้เกิดความ ผันผวนอย่างมากในวงสังคม
บริษัทหัวเสร์ประสบความสำเร็จในทุกวันนี้ได้คง หนีไม่พ้นการสนับสนุนของประชาชนหลินอาน ในเวลา แบบนี้พวกเราจะเอาแต่คิดทบทวนเอาเองจนละเลย ประชาชนหลินอานได้อย่างไร ดังนั้นบริษัทหัวเสร็จะเกิด เรื่องขึ้นไม่ได้เด็ดขาด!
ตอนนี้บริษัทหัวเสร์อยู่ในมือผม ผมไม่สามารถ รักษาความมั่นคงมั่งคั่งของมันได้ ในเมื่อตระกูลฉาวมีใจ อยากช่วยเช่นนี้ ปัจจุบันบริษัทหัวเสร์ก็มีปัญหาใหญ่แบบ นี้ ผมยินดีมอบบริษัทหัวเสร์ให้พวกเขา ก็ถือว่าเป็นความ จริงใจสุดท้ายที่ผมมีต่อประชาชนหลินอานด้วยเช่นกัน”
หยูจื้อทอดมองหยูหมิงและคุณชายรวยรุ่นที่สอง คนอื่นๆ กล่าวด้วยน้ำเสียงชัด เขาหวังว่าคนหนุ่มสาว พวกนี้จะเข้าใจการตัดสินใจของเขา
ได้ยินคำพูดของหยูจื้อ พวกหยูหมิงก็นิ่งเงียบไปพ่อพูดมีเหตุผลจริงๆ โลกของพ่อนั้นพวกเขายังไปไม่ถึง พวกเขาก็จนคำพูด แต่เมื่อคิดถึงว่าบริษัทหัวเสร็จะตกไป อยู่ในมือตระกูลฉาว ในใจก็ยังสงบไม่ลงอยู่ดี
ผู้สื่อข่าวในห้องได้ยินคำพูดจากใจจริงของหยูจื้อ ในใจก็พลอยรู้สึกสะเทือนใจไปด้วย มหาเศรษฐีที่มี ทรัพย์สินเงินทองหลายร้อยล้านคนนี้สามารถยึดมั่นใน มาตรฐานการใช้ชีวิตเช่นนี้ ไม่น่าแปลกใจที่เขาสามารถ ร่ำรวยมาถึงจุดนี้ได้
“ดี! ลุงหยูจิตใจกว้างขวางจริงๆ ด้วย หลานนับถือ อย่างยิ่ง!”
ฉาวหนิงพูดพลางยิ้มน้อยๆ เขารับเอกสารมาจาก ผู้จัดการที่ติดตามเขามาเล่มหนึ่ง ก่อนยื่นไปต่อหน้าหยู จื้อและพูดว่า
“ผมได้ทำสัญญาซื้อกิจการล่วงหน้าเอาไว้แล้ว
ลุงหยูโปรดไล่อ่านดู ถ้าไม่มีอะไรคัดค้านลุงหยูก็เซ็นชื่อ
บนเอกสารได้เลย ผมจะรีบโอนเงินสามหมื่นล้านเข้า
บัญชีตระกูลหยูเดี๋ยวนี้”
หยูจื้อพลิกอ่านเอกสาร ในเอกสาร ทั้งหัวเสร์และ ทรัพย์สินของส่วนอื่นของเขาในหลินอานได้ถูกเขียน รวมไว้ด้วยกันแล้ว หยูจื้อหัวเราะขมขื่นในใจ นี่ตระกูล ฉาวเตรียมไล่ตระกูลหยูของเขาออกจากหลินอานอย่าง สมบูรณ์แบบ
แต่เวลานี้ เขามีแต่ต้องเซ็นชื่อเท่านั้นแล้ว หยูจื้อหยิบปากกาขึ้นมา ตั้งท่าจะเซ็นชื่อตัวเองลงบนเอกสาร
หยูหมิงและคุณชายรวยรุ่นที่สองต่างไม่ยินยอม เป็นอย่างยิ่ง พวกเขาอยากขวางหยูจื้อ แต่พวกเขากลับ เข้าใจดี พวกเขาทำแบบนั้นไม่ได้
สองพ่อลูกฉาวหนิง หม่าหลุย รวมถึงฉินหยวนที่ เฝ้าดูสิ่งเหล่านี้ผ่านกล้องขนาดจิ๋ว สายตาต่างฉายแวว
ยินดีออกมา
“ช้าก่อน!” เวลานี้ เสียงหนึ่งดังลอยเข้ามาจาก หน้าประตูห้องประชุม
หลงเย็นใจชั้นขึ้นมาทันที เธอหันไปมองทางหน้า ประตูห้องประชุม ก็เห็นเด็กหนุ่มหน้าตาดีที่บุคลิกโดด เด่นคนนั้น..ฉินหลั่ง สาวเท้าเข้ามาจากประตูห้องประชุม
พอเห็นฉินหลั่ง เหล่าคุณชายรวยรุ่นที่สองแห่ง หลินอานต่างก็สั่นสะท้านโดยไม่รู้ตัว ครั้งนั้นในงานแต่ง ของหยูหมิงกับหลงหลิง ก็เป็นเขาคนนี้แหละที่โค่น นักพรตขู่เสวียนอย่างเผด็จการ แถมเซี่ยงไฮ้โข่งลิ่ง เสียนและตระกูลหยูล้วนเป็นผู้ใต้บัญชาของเขา เขายัง เป็นคุณชายใหญ่แห่ง “ตระกูลฉิน” ที่สุดลึกลับคนหนึ่ง อีกด้วย วันนั้นพวกเขาต้องพากันคุกเข่าสยบต่อฉินหลั่ง!
ฉากในตอนนั้นยังคงประจักษ์แก่สายตา กลุ่ม คุณชายรวยรุ่นที่สองเห็นฉินหลั่งก็มีแต่ความกลัวเพียง ความรู้สึกเดียว
กลุ่มคุณชายรวยรุ่นที่สองนี้ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตระกูล ฉันเป็นแบบไหนกันแน่ ข่าวเกี่ยวกับฉินหลั่งถูกไล่ออกจากตระกูลยิ่งไม่มีข้อมูลแน่ชัด
แต่ฉาวหนิงพอได้เห็นฉินหลั่ง ในใจก็สะดุ้งตกใจ! เขามาอยู่ที่นี้ได้อย่างไร!
แต่ว่าฉาวหนิงได้เป็นประจักษ์พยานเห็นฉินหลั่ง ถูกไล่ออกจากตระกูลที่เกาะฟ้าเองกับตา เขาก็ไม่จำเป็น ต้องรู้สึกเกรงกลัวอะไรต่อฉินหลั่งทั้งนั้น ถึงอย่างไรตอน นี้ฉินหลั่งก็เป็นคนทั่วไป ไม่สามารถใช้อำนาจของ ตระกูลฉินได้แม้แต่น้อย
“คุณชายฉิน” หยูจื้อพึมพำเสียงเบา จู่ๆ กันบึ้ง หัวใจของเขาก็มีความหวังขึ้นมาเสี้ยวหนึ่ง
“คุณชายฉิน ไม่ได้เจอกันนาน ตอนนี้คุณทำอะไร อยู่เหรอ” ฉาวหนิงถามด้วยรอยยิ้ม เขาคิดว่านายท่านฉิน หยวนที่อยู่อีกด้านหนึ่งของกล้องก็อาจอยากรู้ว่าตอนนี้ ฉินหลั่งกำลังทำอะไรอยู่ เขากลับคิดไม่ถึงว่าสองวัน ห่อนฉินหยวนเพิ่งได้ประจักษ์แล้วว่าฉินหลั่งเอาชนะ หย่างเที่ยนในเวทีมวยใต้ดิน
“ตอนนี้ฉันเป็นเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยที่ มหาวิทยาลัยเย็นจีน” ฉินหลั่งบอก เขารู้สึกว่าพฤติกรรม ของฉาวหนิงในตอนนี้ต่างจากเขาในตอนแรกที่อยู่ มหาวิทยาลัยหลินอานลิบลับ
“อย่าพูดไร้สาระกับเขา! รีบให้หนูจื้อเซ็นชื่อเดี่ยว นี้” เสียงหงุดหงิดร้อนรนของฉินหยวนดังออกมาจากหู ฟัง สั่นสะเทือนจนฉาวหนิงเจ็บหู ใบหน้าเขาฉายแววเจ็บ ปวด เขารีบทำตามคำสั่งของฉินหยวนทันที หันไปพูดกับหยูจื้อว่า “ลุงหยู คุณรีบเซ็นชื่อในเอกสารเร็วเข้า!”
การแสดงออกเช่นนี้ถูกฉินหลั่งจับสังเกตได้อย่าง ว่องไว ฉินหลั่งครุ่นคิดครู่หนึ่งก็เดาออกว่าภาพเบื้อง หน้า อาจเป็นฉินหยวนที่ควบคุมทุกอย่างที่เกิดขึ้นแบบ นาทีต่อนาที
“คุณชายฉาวทำไมต้องรีบร้อนขนาดนี้ด้วย”
ฉินหลังเดินมาหยุดต่อหน้าฉาวหนิงยิ้มน้อยๆ และกล่าวว่า “เจรจาธุรกิจคือเรื่องที่เห็นชอบกันทั้งสอง ฝ่าย คุณเร่งรัดขนาดนี้ เพื่อคุณหนูเกิดเปลี่ยนใจไม่อยาก ขายธุรกิจของตัวเองให้แล้วก็ได้!”
“แกเป็นเด็กเหลือขอมาจากที่ไหน มาทางไหนก็ ไสหัวไปทางนั้น! อย่ามาถ่วงเรื่องของพวกเรา!” พอหม่า ฝูหรัยเห็นฉินหลั่งพูดพร่ำอยู่ที่นี่ ก็โพล่งขึ้นมาด้วย สีหน้าขยะแขยง
ฉินหลั่งเดาออกว่าผู้ชายตัวเตี้ยคนนี้ก็คือหม่าฟูห รักที่ไม่ฟังเหตุผลคนนั้นที่หลงเย็นพูดกับเขา เขาไม่พูด พร่ำทำเพลง หยิบปากกาด้ามหนึ่งบนโต๊ะประชุมขึ้นมา อย่างไม่กระโตกกระตาก พอสลัดนิ้วออก ปากกาก็พุ่งยิง ไปทางน่องขาของหม่า หุ้ย
“โอ๊ย!” หม่าหุ้ยถูกยิงเข้าที่น่อง เสียการทรงตัว ร่างกายโงนเงนหลายรอบ หน้าผากโขกเข้าที่ขอบโต๊ะ เสียงดัง “ปัง” ก่อนจะปูดโปนขึ้นมาเบ้อเร่อ
“ใครมาขัดขาฉัน” หม่าฝหรุ้ยรู้ว่ามีคนกำลัง ทำร้ายตัวเอง แต่เขามองไม่เห็นว่าใครใช้ของบางอย่างโยนใส่น่องเขา
คำพูดของเขาสร้างเสียงเยาะเย้ยจากคุณชาย รวยรุ่นที่สอง มีทั้ง “ตัวเองตาไม่ดียังโทษคนอื่น” “นี่เป็น กรรมแท้ๆ” “ใครจะมีแก่ใจไปขัดตาแก่ แกเห็นว่าตัวเอง เป็นคนสำคัญจริงๆ หรือ”
ทุกคนไม่ถูกโลกกับหม่าหุ้ยนานแล้ว พอเห็น เขาหัวโขกจนปูดโปนเบ้อเร่อ ในใจก็มีความสุขเป็น ล้นพ้น
“คุณชายฉิน ตอนนี้ผมไร้หนทางแล้วจริงๆ” หยูจื้อ พูดกับฉินหลั่งด้วยสีหน้าขมขื่น
“คุณชายฉิน รบกวนคุณช่วยเหลือตระกูลเราด้วย เจ้าคนเลวอย่างฉาวหนิงกับหม่าหุ้ยร่วมมือกันเล่นงาน ตระกูลหยูของพวกเรา..” หยูหมิงรีบพูดกับฉินหลั่ง เขา คิดว่าฉันหลั่งปรากฏตัวขึ้น การข้ามผ่านวิกฤตในครั้งนี้ ของตระกูลเขาก็เริ่มมีความหวังขึ้นมาอีกครั้ง
“คุณหยู ขอเพียงคุณบอกว่าไม่อยากขาย ผม สามารถช่วยคุณปกป้องบริษัทหัวเสร์ไว้ได้!” ฉินหลั่งพูด เขาต้องการคำตอบที่แน่ชัดจากหยูจื้อ
“ได้ ฉันไม่อยากขาย ฉันอยากให้บริษัทหัวเสร์ แก้ไขสถานการณ์โดยเร็วที่สุด!” หยูจื๊อมองเห็นความ มั่นใจอันแรงกล้าจากสายตาของฉินหลั่ง เขาจึงพูดความ หวังในส่วนลึกของหัวใจตัวเองออกมา
ได้ยินหยูจื้อบอกว่าไม่ขายแล้ว ในใจหยูหมิงและ คุณชายรวยรุ่นที่สองต่างรู้สึกตื่นเต้นขึ้นมาเป็นที่สุดพวกเขาแอบให้กำลังหยูจื้อลับๆ
“ดี ผมสัญญากับคุณว่าบริษัทหัวเสร็จะไม่ถูกซื้อ!” ฉินหลั่งพูดพลางยิ้มน้อยๆ
“คุณชายฉิน คุณกำลังล้อเล่นอะไรอยู่ คุณบอกว่า ไม่จะถูกซื้อผมก็ไม่จะซื้ออย่างนั้นเหรอ! เฮอะ ตลก จริงๆ!” ฉาวหนิงพูดพลางหัวเราะเสียงเย็น ตอนนี้ฉิน หลั่งเป็นคนธรรมดาคนหนึ่ง เขาจะทำอะไรได้
ฉินหลั่งไม่ได้สนใจฉาวหนิง แต่มองไปทาง บรรดาผู้สื่อข่าวที่ชูกล้องเตรียมสาดแฟลชในห้อง ประชุม!
คำพูดที่เขาจะเอ่ยต่อไปนั้นจะลามไปถึงตระกูล ฉิน เรื่องของตระกูลฉินสามารถให้โลกภายนอกรู้ได้เด็ด ขาด ดังนั้นนักข่าวพวกนี้จะอยู่ที่นี่ไม่ได้
“เพื่อนที่รักจากสื่อทั้งหลาย พวกเราจะเจรจาเรื่อง ลับสุดยอดกันหน่อย พวกคุณโปรดออกไปสักครู่!” ฉิน หลั่งพูดอย่างสุภาพ
“เพราะอะไร พวกเราผู้สื่อข่าวมีสิทธิ์สัมภาษณ์ ประชาชนต้องการข้อมูลโดยตรงจากพวกเราผู้สื่อข่าว!”
“ถูกต้อง พวกเราต้องลำบากกว่าจะเข้ามาได้ พวก เราคงไม่ออกไปหรอกนะ!”
“คุณเป็นแค่เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยคน หนึ่งมีคุณสมบัติอะไรมาชี้นิ้วสั่งพวกเราผู้สื่อข่าวกัน พวก เขาไม่ออกไปหรอก”พวกเขาแอบให้กำลังหยูจื้อลับๆ
“ดี ผมสัญญากับคุณว่าบริษัทหัวเสร็จะไม่ถูกซื้อ!” ฉินหลั่งพูดพลางยิ้มน้อยๆ
“คุณชายฉิน คุณกำลังล้อเล่นอะไรอยู่ คุณบอกว่า ไม่จะถูกซื้อผมก็ไม่จะซื้ออย่างนั้นเหรอ! เฮอะ ตลก จริงๆ!” ฉาวหนิงพูดพลางหัวเราะเสียงเย็น ตอนนี้ฉิน หลั่งเป็นคนธรรมดาคนหนึ่ง เขาจะทำอะไรได้
ฉินหลั่งไม่ได้สนใจฉาวหนิง แต่มองไปทาง บรรดาผู้สื่อข่าวที่ชูกล้องเตรียมสาดแฟลชในห้อง ประชุม!
คำพูดที่เขาจะเอ่ยต่อไปนั้นจะลามไปถึงตระกูล ฉิน เรื่องของตระกูลฉินสามารถให้โลกภายนอกรู้ได้เด็ด ขาด ดังนั้นนักข่าวพวกนี้จะอยู่ที่นี่ไม่ได้
“เพื่อนที่รักจากสื่อทั้งหลาย พวกเราจะเจรจาเรื่อง ลับสุดยอดกันหน่อย พวกคุณโปรดออกไปสักครู่!” ฉิน หลั่งพูดอย่างสุภาพ
“เพราะอะไร พวกเราผู้สื่อข่าวมีสิทธิ์สัมภาษณ์ ประชาชนต้องการข้อมูลโดยตรงจากพวกเราผู้สื่อข่าว!”
“ถูกต้อง พวกเราต้องลำบากกว่าจะเข้ามาได้ พวก เราคงไม่ออกไปหรอกนะ!”
“คุณเป็นแค่เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยคน หนึ่งมีคุณสมบัติอะไรมาชี้นิ้วสั่งพวกเราผู้สื่อข่าวกัน พวก เขาไม่ออกไปหรอก”
เหล่าผู้สื่อข่าวไม่เห็นฉินหลั่งในสายตาเลยสักนิด มีนักข่าวหลานคนมองไปทางฉินหลั่งอย่างดูถูก ทำท่า ว่าจะเป็นหรือตายก็ไม่ออกไปทั้งนั้น
ดูเหมือนว่าการรับมือกับพวกผู้สื่อข่าวกลุ่มนี้เห็น ที่จะสุภาพเกรงใจแบบนี้ไม่ได้ ฉินหลั่งยิ้มน้อยๆ มือขวา ล้วงเศษมีดออกมา ลอบเกิดเสียง “ฉวะ” เล็กน้อย ก่อน จะบินเข้าไปทางนักข่าวที่หยิ่งผยองที่สุด เศษมีดตัด เข็มขัดของผู้สื่อข่าวคนนั้น กางเกงของนักข่าวคนนั้น หลุดลงมาดัง “ฟุบ” เผยให้เห็นต้านขาขาวสองข้างและ กางเกงในสีแดงตัวหนึ่ง
เกิดเสียงดัง “พรึ่บพรั่บ” ในทันที นักข่าวทุกคน ต่างหันไปกดถ่ายทางเข้าอย่างบ้าคลั่ง หากภาพแบบนี้ โพสต์ลงอินเทอร์เน็ต จะต้องลือกระฉ่อนแน่นอน
“นี่แกเล่นอุตริ!” นักข่าวคนนั้นรีบรวบกางเกงขึ้น หันชี้หน้าฉินหลั่ง เขาเห็นมือของฉินหลั่งขยับน้อยๆ แล้วกางเกงของเขาก็หลุดออกเลย ต้องเป็นเขาแน่ๆ!
“หากพวกคุณยังไม่ยอมออกไป บางทีกางเกง ของพวกเขาก็อาจจะหลุดลงมาเหมือนพี่ใหญ่ท่านนี้ก็ได้ นะ!” ฉินหลั่งพูดกับนักข่าวพลางกวาดสายตามองไป รอบๆ
ให้ความรู้สึกขนพองสยองเกล้าแก่บรรดานักข่าว โดยเฉพาะนักข่าวหญิงส่วนหนึ่ง พวกเขาย่อมรู้แก่ใจดี ว่าเมื่อถูกถ่ายภาพที่เห็นกางเกงหลุดจะต้องถูกแชร์กัน ให้ว่อนบนอินเทอร์เน็ตแน่ จะสร้างความเสียหายอย่าง หนักให้กับชื่อเสียงของพวกเขา ถ้าหากลุกลามไปถึงชื่อเสียงของต้นสังกัด พวกเขาคงไม่มีข้าวให้กินแล้ว
เวลานี้พวกเขายังจะมีอะไรให้ลังเลอีก นักข่าว หญิงหลายคนเดินนำหน้าแย่งกันออกจากห้องประชุม ตามมาด้วยนักข่าวทั้งหมดต่างพากันเดินออกไป!
ฉินหลังเดินไปหยุดหน้าประตูแล้วปิดประตูห้อง ประชุมเอาไว้
“ฉินหลั่ง คุณคิดจะเล่นบ้าอะไรกันแน่” ฉาวหนิง ถามอย่างไม่พอใจ หากไม่ใช่เพราะการปรากฏตัวของ ฉินหลัง ตอนนี้หยูจื้อก็คงเซ็นชื่อไปเรียบร้อยแล้ว
“ผมรู้ว่าคุณกำลังบงการทุกอย่างนี้จากระยะไกล!” ฉินหลั่งหันไปทางฉาวหนิง เหมือนจะพูดกับใครอีกคน คนอื่นๆ ต่างดูออกว่าท่าทางผิดปกติอย่างเห็นได้ชัด
ฉินหยวนมองฉินหลั่งบนหน้าจอ สายตาเคลือบ แววเกลียดชัง ในใจเขามีไฟสุมเป็นกลุ่มก้อน ค่อยๆ ปะทุ ลุกโชนขึ้นมา
“ฉินหลั่ง ฉันต้องเรียกนายว่า “คุณชายฉิน” หรือ เปล่า ให้นายลืมฐานะของนายไปซะ ตอนนี้นายไม่ใช่คน ตระกูลฉินอีกแล้ว แต่เป็นแค่เจ้าหน้าที่รักษาความปลอด ภัยเล็กๆ คนหนึ่ง หรือนายยังคิดว่าอาศัยอำนาจเจ้า หน้าที่รักษาความปลอดภัยของนายจะสามารถขวางเจ้า นายของฉันให้รับซื้อบริษัทหัวเสร์ได้ น่าหัวเราะจริงๆ!” ฉาวหนิงพูดพลางหัวเราะ
ฉินหลั่งไม่ได้แยแสฉาวหนิงเลยสักนิด ในสายตา ของเขา เขาก็เป็นหมาตัวหนึ่งของฉินหยวนเท่านั้น
“ตระกูลหยูทำเงินให้ตระกูลฉิน คุณถึงขั้นมา โจมตีกิจการของตระกูลตัวเอง นี่เป็นเรื่องที่ทำให้คน งงงวยแค่ไหนกัน ผมคิดว่าหัวหน้าตระกูลฉินยังไม่รู้เรื่อง นี้ใช่ไหม
ถ้าหากคุณยังให้หุ่นเชิดของคุณมารับซื้อบริษัท หัวเสร์ละก็ ผมจะรายงานเรื่องนี้ให้หัวหน้าตระกูลฟัง! ผมคิดว่าหลังจากหัวหน้าตระกูลรู้เรื่องนี้เข้า ผลที่ตามมา จะเป็นอย่างไร คุณเองก็น่าจะรู้ดีอยู่แล้วใช่หรือเปล่า” ฉินหลั่งพูดพลางยิ้มอย่างสบายๆ
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ