รวยชั่วข้ามคืน?

บทที่ 440 กัดลิ้นตัวเอง



บทที่ 440 กัดลิ้นตัวเอง

อธิบดีเฉินหันกลับไปมองฉินหลั่ง: “คนบางคนก็ได้แต่ มอง และละอายใจ”

“หม? อย่าพึ่งด่วนสรุปไปสิ ไม่งั้นระวังจะกัดลิ้นตัวเอง ทิ้งได้นะ” ฉินหลั่งพูดอย่างเรียบเฉย

ตอนนี้ฝีมือของฉินหลั่ง เข้าใกล้ระดับเซียนแล้ว เขา รู้สึกได้ว่าภายในโรงงานร้างมีการต่อสู้กันที่ดุเดือด สถานการณ์ไม่ดีเหมือนกับที่อธิบดีเฉินคิดไว้

เมื่อกี้หลังจากที่เขาเจอเสี้ยงเฟยหลง ก็มองออกได้ ทันทีว่าเขาเป็นระดับมาสเตอร์แล้ว แต่เป็นแค่มาสเตอร์ที่ กำลังหล่อหลอมอยู่ เทียบกับจ้านแล้วยังห่างกันเล็ก น้อย

เลี้ยงเฟยหลงมีวรยุทธจริง แต่อีกฝ่ายไม่ได้สู้ง่าย ขนาดนั้น ตอนนี้พวกทหารรับจ้างควบคุมการโจมตีของเสื้ ยงเฟยหลงได้แล้ว ในสถานการณ์นี้ยังอยากจะช่วยอึ้งย้ ได้ว่ายากกว่าเดิมอีก งออกมา บอก

“สรุปง่ายๆ? นายแอบอ้างว่าตัวเองเป็นคนในวงการ ต่อสู้ กลับไม่รู้ชื่อเสียงของท่านเลี้ยงงั้นเหรอ?” อธิบดีเฉิ นพูดประชด

“เสี้ยงเฟยหลง มีชื่อเสียงตั้งแต่สิบสองขวบ กำลัง ภายในขั้นพื้นฐาน สามสิบสองปีกำลังภายในระดับกลาง สิบสองได้เป็นมาสเตอร์ ตอนนี้อยู่ในระดับการหล่อหลอม ห้าปีก่อนการแข่งขันกระบี่ เสี้ยงเฟยหลงได้เป็นที่หนึ่งระดับมาสเตอร์ของประเทศจีน ประสบการณ์แบบนี้ นาย เทียบได้เหรอ?” อธิบดีเฉินพูดอย่างได้ใจ เหมือนมีเสี้ยง เฟยหลงคอยอยู่ข้างๆ

“ที่หนึ่งของประเทศจีน?” ฉินหลั่งหัวเราะ น่าขำจริงๆ เลี้ยงเฟยหลงไม่คู่ควรกับลำดับนี้จริงๆ

พอเห็นฉินหลั่งไม่พูด อธิบดีเฉินก็แสยะยิ้มเย็นชา คิด ว่าฉินหลั่งคงจะรู้สึกอิจฉาแล้ว เพราะถ้าฉินหลั่งเป็นคน ยุทธภพจริง จะต้องเคารพต่อเลี้ยงเฟยหลงบุคคลคนนี้แน่

อธิบดีเฉินสีหน้าในตอนนี้ดูได้ใจอย่างมาก

แต่ว่าฉินหลั่งกลับหัวเราะ ทันใดนั้นก็พูดประชดว่า: “อธิบดีเฉิน ท่านเสี้ยงของนายเข้าไปนานจังเลยนะ ทำไม ยังไม่ออกมาสักทีล่ะ?”

“วางใจได้ ท่านเสี้ยงต้องจัดการเรื่องนี้ได้ดีแน่!” อธิบดี เฉินพูดถึงตรงนี้ ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงดังขึ้น ทุกอย่างต่าง ตกใจกันหมด

ต่อมาก็เห็นทางโรงงานร้างมีเงาสีดำหนึ่งปรากฏขึ้น กำลังพุ่งมาที่พวกเขาด้วยความเร็วรอบด้านมีเสียงปืนดัง ขึ้น เป็นพวกหน่วยรบพิเศษที่เห็นและเริ่มโจมตี

“นั่นคือท่านเสี้ยงนี่ ท่านเสี้ยง!” อธิบดีเฉินยกโทรโข่ง ขึ้นมาตะโกนเรียก ผู้คนต่างยกกล้องส่องทางไกลขึ้นมาดู เป็นเสี้ยงเฟยลงจริง

แต่เสี้ยงเฟยหลงตอนนี้กลับออกมาในสภาพที่ทรุด โทรม เขาวิ่งได้ไม่ถนัด วิ่งไปเขตปลอดภัยอย่างทุลักทุเล ด้านหลังยังมีศัตรูหลายคนตามมา แต่กลับถูกหน่วยรบพิเศษกันไว้ได้ก่อน เสี้ยงเฟยหลงถึงรอดมาได้

ตอนนั้นก่อนที่จะเข้าไปในโรงงาน เสี้ยงเฟยหลงบอก ได้ว่าเป็นเจ้าป่าสิงโตเลยก็ว่าได้ แต่ตอนนี้กลับเหมือน สุนัขจรจัดที่ไม่มีที่ไป ด้านหลังเต็มไปด้วยคราบเลือด หายใจถี่

ไม่นานก็มีคนมากันไว้ และยังแบกเสี้ยงเฟยหลงวิ่งขึ้น

ตึกไป

อธิบดีเฉินอึ้ง

ท่านเลี้ยงบาดเจ็บขนาดนี้เชียวเหรอ?! งั้นตัวประกัน ล่ะ ตัวประกันถูกฆ่าตายหรือยังปลอดภัยอยู่?

การต่อสู้ของอีกฝ่ายอยู่ในระดับที่น่าหวาดกลัวแล้ว ขนาดปรมาจารย์อันดับหนึ่งของประเทศจีนยังเกือบเอา ตัวไม่รอด?

อธิบดีเฉินขาสั่น ตอนแรกคิดว่าเป็นการลงมือที่ไม่มี ผิดพลาด ตอนจบกลับหดหูมาก งั้นช่วงชีวิตการเป็น ข้าราชการของเขาคงจะต้องจบแล้วล่ะ เพราะคนที่เขา แน่ใจกลับตายหรือไม่ก็แพ้กันหมด และยังยึดเยื้อเวลาจน ไม่สามารถแก้ไขวิกฤตได้

เขาเป็นคนรับผิดชอบสูงสุด!

ตอนนี้ทำยังไงดี? ทำยังไงดี? สีหน้าอธิบดีเฉินซีด เผือด ตอนแรกผู้พันหลี่เสี่ยนบอกให้ฉินหลั่งและเสี้ยงเฟย หลงร่วมมือกัน ตัวเองกลับขัดขวางไว้อีก โง่ดักดานจริงๆ ถ้าเลี้ยงเฟยหลงช่วยคนออกมาได้ ทุกอย่างก็ไม่มีอะไร ต้องพูดกันอีก แต่ตอนนี้กลับจบลงแบบนี้ เขาอาจจะต้องถูกลากไปสอบสวนในศาลก็ได้ เลี้ยง

เฟยหลงตอนนี้ถูกแบกขึ้นมา สีหน้าซีดเซียว สายตาดูอนาถมาก ตอนแรกเขายังเป็นปรมาจารย์ที่ทรงคุณวุฒิ ตอนนี้ กลับเหลือเพียงร่างกายที่แทบจะตายไม่ตายแหล่อยู่

แล้ว ขาถูกยิงไปหนึ่งนัด แขนถูกยิงไปอีกนัด แม้จะไม่เป็น จุดที่อันตรายถึงชีวิต แต่ก็ทำให้คนคนนั้นเสียการทรงตัว ไปได้

หลี่เสี่ยนกับจางต้าไห่สบตากัน เห็นได้ชัดว่ายังอยู่ใน อาการตกใจ พวกเขาไม่พอใจกับการกระทำของเสี้ยงเฟย หลงอย่างมาก แต่ก็ไม่คิดว่าจะกลับมาในสภาพแบบนี้ เต็ม ไปด้วยเลือดทั้งตัวเลย

“เป็นไปได้ยังไง?” อธิบดีเฉินถามด้วยน้ำเสียงที่สั่น

เครือ น้ำเสียงที่พูดกับเสี้ยงเฟยหลงไม่เคารพมากเหมือน ก่อนหน้านี้แล้ว ทำไมคนพวกนี้ต่างก็สาบานต่อหน้าเขา สุดท้ายกลับต้องตายกันทุกคนกัน?!

“ไม่ได้ เก่งมากเกินไป ศัตรูไม่เหมือนที่ฉันคิดไว้เลย?” ท่านเสี้ยงพูดและหายใจถี่

“คุณฉิน งั้นพวกเราต้องเตรียมตัวแล้ว ขอร้องคุณฉิน ด้วย” เวลาคับขัน หลี่เสี่ยนพูดกับฉินหลั่ง เธอรู้สึกเกลียด คนที่คุยโวโอ้อวดมาตัวเองเก่งนักเก่งหนา แต่สุดท้ายกลับ มาในสภาพแบบนี้นะเหรอ

ฉินหลั่งไม่ตอบ และไม่ขยับตัว
“เหอะ ฉันช่วยไม่ได้ เขาที่เป็นยามมีวรยุทธแคระดับ พื้นฐาน จะทำอะไรได้?” ท่านเสี้ยงพูดอย่างดูถูก

เลี้ยงเฟยหลงมั่นใจกับวรยุทธตัวเองมาก เขาเป็น ปรมาจารย์ลำดับหนึ่ง ถ้าเขาช่วยไม่ได้ คนอื่นจะทำได้ยัง ไง?!

“ฉันไปแล้วยังเอาชีวิตรอดกลับมาได้ ถ้าเจ้าเด็กนี่ไปก็ คงเป็นศพกลับมาแน่” ท่านเลี้ยงมองอย่างเย็นชา พูดผล สรุปที่ฉินหลั่งจะเจอในไม่ช้านี้

“งั้นจะทำยังไงดีล่ะเนี้ย!” อธิบดีเฉินลนลาน

ถ้าตอนนี้หยุดการลงมือ อธิบดีเฉินต้องลงเอยด้วยการ ถูกจับตัวไป ต่อมาพวกคนมีอำนาจก็จะถูกเชื่อมโยงไป ด้วย ทุกคนก็จะต้องรับผิดชอบไปด้วย

หรือว่าพวกเขาประเทศจีนจะจัดการกับพวกหน่วยรบ พิเศษของต่างประเทศไม่ได้เหรอ?

ผู้คนเศร้าสลดกันหมด

เวลาผ่านเลยไปอย่างไม่มีเยื่อใย ตอนนี้เหลือเวลาแค่ สิบนาทีแล้ว

“ไม่มีทางอื่นแล้ว วันนี้ฉันคงแพ้แล้วล่ะ แต่แพ้อย่าง ไม่มีข้อสงสัย ศัตรูแข็งแกร่งเกินไป คาดหวังปรมาจารย์ สองคนเข้าไปช่วยตัวประกัน คงเป็นไปไม่ได้”

ท่านเลี้ยงตอนนี้บาดเจ็บสาหัส ก็ไม่วางมาดแล้วล่ะ สถานการณ์ตอนนี้แย่มาก เพราะสงครามครั้งนี้ไม่เพียง แต่เจ็บตัว และยังชื่อเสียงที่เขาสั่งสมมาทั้งชีวิตก็ถูกพังทลายลงไปด้วย

“ฉันจะบอกทุกคนให้ หยุดทุกอย่างเถอะ คาดหวังกับ

ยามคนนั้น เป็นเรื่องน่าขำสิ้นดี” พูดถึงตรงนี้ โทรศัพท์ของหลี่เสี่ยนกับอธิบดีเฉินต่างก็ ดังขึ้น

พอวางสายแล้ว สีหน้าทั้งสองก็ต่างเข้มงวดกันมาก

“คุณฉิน ตอนนี้สถานการณ์เปลี่ยนไปแล้ว ท่านเสี้ยง เข้าไปทำให้ศัตรูไหวตัว ตอนนี้พวกเขายิ่งรัดกุมมากขึ้นไม่ ว่า และยังติดต่อไปหาพ่อของอึ้งย้งแล้ว คาดว่าภายในห้า นาทีนี้ถ้าช่วยอึ้งยังออกมาได้ พ่อของเธอคงจะทนไม่ไหว แล้ว!” หลี่เสี่ยนพูด

และถ้าอึ้งยังเกิดเรื่องอะไรขึ้นมา พ่อของอึ้งยังทนไม่ ไหว หน่วยรบพิเศษประเทศจีนทางนั้นก็จะลงมือทันที นี่ เป็นภาพเหตุการณ์ที่ไม่มีคนอยากเห็น

และอธิบดีเฉินทนไม่ไหวอีกต่อไป ข่าวที่เขาได้เห็น คล้ายๆกัน ตอนนี้เขาแน่ใจได้ว่าตัวเองจะต้องถูกเบื้องบน สอบสวนแน่ และเตรียมตัวจะทำทุกอย่างเท่าที่ทำได้ ตะโกนพูดว่า:

“ตอนนี้พวกเราถูกศัตรูบีบบังคับอยู่ในทางตันแล้ว ฉัน แนะนำให้ปล่อยระเบิด! จะให้พวกนั้นอยู่ที่นั่นตลอดไปไม่ ได้!”

“พูดบ้าอะไรกัน!” หลี่เสี่ยนเข้าไปด่า หมอนี่เอาแต่ทำ เรื่องเสีย ไม่สนใจความเป็นความตายของตัวประกันเลย ด้วยซ้ำ!


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ