รวยชั่วข้ามคืน?

บทที่ 308 ประธานหยูพวกเราผิดไปแล้ว



บทที่ 308 ประธานหยูพวกเราผิดไปแล้ว

ฉินหลั่งเป็นคนที่ถ่อมตัว พอถูกคนชมเชยแบบนี้ ก็รู้สึกทำตัวไม่ถูกเลยทีเดียว เขาบอกพวกเขาอย่า ตะโกนเลย แต่พอเขายิ่งพูดแบบนี้ พวกเขาก็ยิ่งตะโกน เสียงดังขึ้นไปอีก

“คุณชายฉินเจ๋งเป้ง!”

“คุณชายฉินเจ๋งเป้ง!”

“คุณชายฉินเจ๋งเป้ง!”

หยูหมิงตอนนี้รู้สึกขอบใจและนับถือในตัวฉินหลั่ง มาก เขาเป็นคนนำทายาทเศรษฐี และพวกผู้บริหารระดับ สูงช่วยกันตะโกน ตะโกนให้มีพลัง และมีจังหวะ!

มองดูฉินหลั่งรู้สึกทำตัวไม่ถูก หลงเย็นก็ยิ่งรู้สึก ชอบฉินหลั่งเข้าไปใหญ่ ใบหน้าเธอยังคงรอยยิ้มไว้ เสมอ และตะโกนพร้อมกับทุกคนบ้างเป็นบางครั้ง

เธอน้อยครั้งมากที่จะพูดคำหยาบ แต่วันนี้รู้สึก ดีใจในตัวฉินหลั่งมาก ดังนั้นคำว่า “เจ๋งเป้ง” คำนี้ต้อง ตะโกนออกมาเสียงดังๆ

มองดูหลงเย็นที่ตะโกนตาม ฉินหลั่งนึกถึงเมื่อกี้ เธอเป็นคนเดือนทุกคนนี่ ไม่งั้นทุกคนคงไม่ทำแบบนี้

ตอนนี้ฉันหลังกำลังอยู่ในอาการตื่นเต้น เขาดึง หลงเย็นมาตรงกลางผู้คน และพูดว่า: “ถ้าไม่ได้หลงเย้ นมาบอกกับฉัน ตอนนี้ฉันคงไม่อยู่ที่นี่หรอก ทุกคนควรจะขอบใจเธอมากกว่า!”

พอทุกคนได้ยิน ที่แท้หลงเย็นยังออกแรงช่วยอีก ด้วย ก็รีบตะโกนทันทีว่า “หลงเย็นเจ๋งเป้ง!”

“หลงเย็นเจ๋งเป้ง!”

“หลงเย็นเจ๋งเป้ง!”

ทำเอาหลงเย็นเขินอายจนหน้าแดงระเรื่อ เธอ มองค้อนฉินหลั่ง และพูดว่า: “นายทำให้ฉันลำบากใจ ทำไมล่ะเนี้ย?”

แม้เธอจะต่อว่าฉินหลั่ง แต่ในน้ำเสียงยังมีความ อ่อนโยนแฝงอยู่ด้วย ในน้ำเสียงต่อว่ามีสามเปอร์เซ็นต์ และน้ำเสียงอ่อนหวานมีเจ็ดเปอร์เซ็นต์

ฉินหลั่งตอนนี้ดีใจอย่างมาก ก็คิดว่าหลงเย็นแค่ พูดหยอกล้อ จึงหัวเราะพูดว่า: “บริษัทหัวเสร์กลับมา ฟื้นฟูได้อีกครั้ง เป็นเรื่องที่ดีอย่างมาก พวกเราดีใจ หน่อย ทำไมล่ะ? เธอดูสิ คนเยอะแยะเรียกชื่อเธออยู่ ต่อ ไปอาจจะไม่มีโอกาสแบบนี้แล้วนะ!”

หลงเย็นหัวเราะเขินอาย แต่ก็รู้สึกดีขึ้น พอได้ยิน ทุกคนเรียกชื่อ “ฉินหลั่ง” กับ “หลงเย็น” สองชื่อนี้สลับ กันไปมา หลงเย็นก็รู้สึกชอบพออย่างมาก เหมือนว่า ตอนนี้ตัวเองกับฉินหลั่งเป็นคู่กันยังไงยังงั้น

ทุกคนตะโกนได้สักสองสามนาที เสียงก็เริ่มเบา

ลง
ไม่สนุนายแล้ว!” หลงเย้นกัมหน้าลง พูดเสียง เบากับฉินหลั่ง จากนั้นก็เดินไปหาพ่อตัวเอง

ฉินหลั่งไม่เข้าใจ ทำไมถึงไม่สนใจเขาแล้วล่ะ แต่เขาเห็นแก้มสองข้างของหลงเย็นแดงแปรด ก็รู้สึกดี ใจแปลกๆ รู้ว่าเธอไม่ได้โกรธตัวเองจริงๆ ก็คิดเสียว่า หลงเย็นล้อเล่นกับตัวเองแค่นั้น ก็ไม่ได้เก็บมาใส่ใจ

“ประธานหยู พวกเรายอมทำงานให้บริษัทหัวเสร์

ต่อไป!” “เมื่อกี้พวกเราผิดไปแล้ว พวกเราสับสนเอง ขอ ประธานหยูให้โอกาสพวกเราอีกครั้งด้วยครับ!”

“ประธานหยู ผมยังไม่อยากลาออกครับ ผมอยาก ทำงานให้กับบริษัทหัวเสร์ต่อไป เชื่อว่าผมจะต้อง สามารถพัฒนาหัวเสร์ได้ครับ!”

ในตอนนี้ พวกผู้บริการระดับสูงที่ถูกหม่าฝูหรุ้ยก รอกหูให้ลาออก ก็ต่างมายืนอยู่ตรงหน้าหยูจื้อ บริษัทหัว เสร์ไม่ได้ถูกซื้อไป สถานการณ์ตอนนี้ก็ดีขึ้น บริษัทไม่มี ทางล้มละลายได้อีก

ถ้าได้ทำงานที่บริษัทหัวเสร์ต่อ ไม่รู้ว่าเอาเงินจาก ฉาวหนิงหนึ่งแสน และไปทำงานเป็นผู้จัดการในธุรกิจ ตระกูลฉาว ดีกว่าตั้งกี่เท่า!

ในบริษัทหัวเสร์พวกเขาที่เป็นผู้บริหารระดับสูง ในหนึ่งปีได้ก็ได้เงินประมาณหนึ่งล้าน นอกจากบริษัท หัวเสร์แล้ว ที่อื่นก็ไม่มีทางให้เงินพวกเขาเยอะขนาดนี้

ได้!
พวกเขาเสียใจจริงๆ เมื่อกี้ไม่น่าฟังคำพูดของ หม่าหุ้ยเลยจริงๆ ยอมลาออกจากบริษัทหัวเสร่ง่ายๆ โดยไม่กลั่นกรองให้แน่ใจ! รออีกแค่ชั่วโมงเดียว บริษัท หัวเสร์ก็กลับมาฟื้นฟูเป็นปกติได้แล้วแท้ๆ

“ออกไป! พวกนายมันเป็นพวกไม่สำนึกบุญคุณ! พวกเราตระกูลหยูไม่เก็บ ขยะ” อย่างพวกนายไว้อีกต่อ ไปแล้ว!” หยูหมิงมองดูพวกผู้บริหารที่ “ทรยศ” ก็รู้สึก โมโหขึ้นมาทันที!

“พวกนายแต่ละคนหน้าด้านจริงๆนะ เมื่อกี้ตอนที่ ตระกูลหยกำลังจะล้มละลาย พวกนายวิ่งหนีเร็วกว่า กระต่ายเสียอีก ตอนนี้ตระกูลหยูเริ่มดีขึ้นแล้ว พวกนาย พลิกโฉมหน้า อยากจะกลับมาอีกครั้ง โลกนี้ไม่ได้ดี ตลอดไปหรอกนะ?” ทายาทเศรษฐีซุนเจี้ยนพูด

พวกทายาทเศรษฐีคนอื่นก็ต่างพากันหัวเราะเยาะ

แต่ว่าพวกผู้บริหารที่ทรยศพวกนี้ไม่สนใจเสียง หัวเราะเยาะพวกเขา สายตาพวกเขามองไปที่หยูจื้อคน เดียว พวกเขาคิดว่าหยูจื๊อเป็นเจ้านายที่มีจิตใจดี พวก เขาเชื่อว่าหยูจื้อจะให้คำตอบที่พึงพอใจได้

“พวกนายทำงานที่บริษัทหัวเสร์ต่อได้” หยูจื้อพูด เอ่ยขึ้นช้าๆ พอได้ยินคำพูดของหยูจื้อ หยูหมิงและพวก พ้องก็ไม่เข้าใจ

“พ่อ คนแบบนี้เก็บไว้ในตระกูลหยูไม่ได้นะ พวก เขาเป็นเหมือนระเบิดที่พร้อมระเบิดได้ทุกเมื่อนะครับ” ห ยูหมิงพูด
พวกผู้บริหารพวกนั้นดีใจแทบบ้า แต่ละคนโค้ง คำนับให้กับหยูจื้ออย่างพร้อมเพรียง

“ขอบคุณท่านประธานหยู พวกเราจะทำงานให้ กับบริษัทอย่างดีครับ”

“ตอนนี้พวกเราจะไปจัดการงานบริษัทที่อยู่ใน เครือตัวเองนะครับ”

พวกเขาคิดว่าไม่เป็นไรแล้ว ก็คิดอยากจะกลับไป ทำงานต่อ

“เดี๋ยวก่อน”

หยูจื้อพูดขึ้นอีกครั้ง: “เมื่อกี้ฉันยังพูดไม่หมด ฉัน บอกให้พวกนายทำงานที่บริษัทหัวเสร์ต่อได้ แต่จะทำ หน้าที่ผู้จัดการใหญ่ต่อไปไม่ได้ จะได้ทำงานพื้นฐานที่ บริษัทสาขาย่อยของหัวเสร์ ขณะเดียวกัน การเลื่อน ตำแหน่งทุกอย่างของบริษัทหัวเสร์ สำหรับพวกหมด สิทธิ์ทุกอย่าง!”

หยูจื้อให้งานพวกเขาทำ เพราะที่ผ่านมาเคย ทำงานด้วยกัน แต่เขาที่เป็นนักธุรกิจต้นๆ ไม่มีทางเอา คนที่เคยทรยศตัวเอง มาทำงานสำคัญได้อีกแล้ว!

ที่แท้พ่อก็หมายความแบบนี้นี่เอง หยูหมิงหัวเราะ สมแล้วที่พ่อเป็นนักธุรกิจเก่า ทำอะไรที่เขาคิดไม่ถึง ตลอดเลย

“ว่าไงนะ! ไม่นะ ประธานหยู พวกเรายอมลดเงิน เดือน ท่านให้เราแปดหมื่นพวกเราก็ยังทำหน้าที่ผู้จัดการ ใหญ่ได้ ขอร้องท่านอย่าให้พวกเราไปทำงานพื้นฐานพวกนั้นเลย พนักงานทั่วไปเงินเดือนได้แค่ห้าพัน ผมจะ หิวตายได้นะครับ”

“นั่นสิ ประธานหยู ผมยังผ่อนบ้านราคาสามล้าน อยู่ด้วย ทุกเดือนต่อผ่อนเดือนละหนึ่งหมื่นสองพัน บ้าน ผมยังมีแม่บ้านอีก แม้ผมยังนอนอยู่โรงพยาบาล พ่อผม เป็นโรคอัลไซเมอร์กำลังจะส่งไปบ้านพักคนชรารักษา ให้ผมทำงานพนักงานทั่วไป บ้านผมต้องจบแน่!”

ในตอนนี้ พวกผู้บริหารต่างพูดเรื่องอนาถของตัว เอง อยากให้หยูจื้อใจอ่อน แต่หยูจื้อสามารถควบคุม บริษัทหัวเสร์ที่ใหญ่ขนาดนี้ได้ ทำไมจะดูไม่ออกว่าพวก เขาคิดจะทำอะไรอยู่?

“เพื่อน หม่าฝหรุ้ยกับฉาวหนิงสองคนนั้นหลอก พวกเรา! พวกเราควรจะไปแก้แค้นพวกนั้นมากกว่า!” ผู้ บริหารคนหนึ่งเห็นว่าขอร้องหยูจื้อหมดหวังแล้ว ในที่สุด ก็คิดจะไปจัดการคนร้ายตัวจริง

ในขณะนั้นเอง พวกผู้บริหารต่างพากันล้อมตัว หม่าฝหรัยและฉาวหนิงเอาไว้ ตกใจจนหม่าหรุ้ยกับฉาว หนิงใจสั่น กลัวจะถูกทำร้าย!

“พวกนายทำอะไรนะ! ในมือฉันมีสามหมื่นล้านนะ ต่อไปฉันจะได้เป็นถึงที่หนึ่งในหลินอาน!” ฉาวหนิงขู่ พวกเขา แต่สายตาเขามีความกลัวอย่างเห็นได้ชัด น้ำ เสียงที่พูดก็สั่นคลอน

“ให้ตายสิ ตอนนี้แล้วยังจะเสแสร้งอีก นายมีสามหมื่นล้านแล้วยังไง? อย่างนายยังจะเป็นคนรวยสุดใน หลินอานอีกเหรอ ถุ่ย! พวกเรา รุมพวกมัน!” พวกผู้ บริหารต่างบ้าคลั่งกันไปหมด พวกเขาไม่สนใจเงินสาม หมื่นล้านนั่นหรอก ถ้าไม่ได้ระบายความโกรธ พวกเขา คงได้อดกลั้นจนตายก่อนแน่

พูดแล้ว พวกเขาก็รุมทันที เตะต่อยฉาวหนิงและ หม่าหุ้ยไม่หยุด รอพวกเขาออกไป และดูพวกเขาสอง คนอีกครั้ง

ฉาวหนิงตอนแรกยังเป็นหนุ่มรูปหล่อ แต่ในตอน นี้ใบหน้าซ้ายและขวาบวมหมด! ทรงทำก็ยุ่งเหยิงอย่าง กับถูกไฟช็อตมา

หม่าหรุ้ยอนาถกว่าอีก เขาตัวเตี้ย ถูกคนผลักล้ม ลงพื้นและกระทืบซ้ำหลายครั้ง ชุดสูทที่ใส่อยู่ก็ถูกฉีกจน ขาดหลุดลุ่ยไปหมด ใบหน้าก็ถูกเหยียบจนดำ เหมือน คนที่หนีออกจากโรงงานถ่านหิน

“พื้นที่ตรงนี้ไว้ให้พวกนายเอามาสู้กันหรือไง? ออกไปให้หมดเลยนะ!” หยูหมิงตะโกนด่า ต่อมาก็เรียก ยามมา: “ใครก็ได้ เอาขยะพวกนี้โยนออกไปซะ!”

พวกยามก็เข้ามาผลักฉุดกระชาก ถึงจะไล่พวกผู้ บริหารพวกนี้ออกไปได้

“หยูจื้อ พวกนั้นขอร้องนาย ฉันไม่มีทางขอร้อง นายหรอกนะ เพราะฉันรู้ดีกว่าใคร นายมันก็แค่คนถ่อย ที่แท้จริง! นายเอาเงินคืนให้ฉันทั้งหมดเลยนะ ทุกวันฉัน เห็นนายแล้ว อยากจะอ้วก!” หม่าฟู่หลุยชี้หน้าหยูจื้อด่า
แม้เขาจะรู้สึกเสียดาย ที่ลาออกจากงานบริษัทหัว เสร์ที่ดีขนาดนี้ แต่ในเมื่อเผยธาตุแท้ออกไปแล้ว เขาไม่ ยอมก้มหัวให้หยูจื้อแน่นอน!

“ฝูง หรุ้ย ฉันรู้ว่านายยังติดเรื่องเมื่อสามสิบกว่าปี นั่นอยู่ นายคิดว่าบริษัทหัวเสร์มีนายและฉันที่ร่วมมือกัน สร้างขึ้นมา และตอนนี้นายได้น้อย ฉันกลับได้มากกว่า นายรู้สึกไม่ยุติธรรมเหรอ?” หยูจื้อพูดอย่างเปิดเผย

หม่าหุ้ยหัวเราะ พูดว่า:

“นายยังรู้เหรอ? ตอนนั้นฉันกับนายสร้างบริษัทนี้ มาด้วยกัน ตอนนั้นนายรับผิดชอบการดำเนินงานและ สื่อสารกับรัฐบาล ฉันรับผิดชอบเช็คของเข้าและรับ ประกันความปลอดภัยของบริษัท ตอนนั้นกฎระเบียบของ หัวเสร์ไม่ดีเท่าตอนนี้ ถ้าไม่มีฉัน “หนูใต้ดิน” คอยทำ หน้าที่นี้ไว้

พวกคนอันธพาลพวกนั้นไม่กล้ามารบกวนพวก เรา บริษัทหัวเสร์จะกลายมาเป็นบริษัทที่ใหญ่อย่างตอน นี้ไหม? และที่บริษัทหัวเสร์ใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ นายได้เป็น เจ้านาย ให้ฉันเป็นแค่ผู้บริหารระดับสูง หยูจื้อ นาย วางแผนมาอย่างดีเลยนะ!”

หม่าฟู่หลุยพูดเรื่องที่หลายปีมานี้เก็บซ่อนไว้ในใจ

บริษัทหัวเสร์ตอนสร้างขึ้นแรกเริ่ม หยูจื้อใช้เงิน ตัวเองที่รวบรวมมาได้ลงทุนไปหนึ่งแสน เปิดบริษัท พร้อมกันกับหม่าฝูหรัย

แรกเริ่ม บริษัทหัวเสร์เริ่มดีขึ้น แต่กฎระเบียบไม่ค่อยดี ชอบมีพวกอันธพาลเข้ามาก่อกวนที่ร้านบ่อยๆ มา ไถเงินจากเขา ถ้าไม่ให้ก็ทำลายข้าวของ บริษัทหัวเสร์ ข้างๆมีร้านอื่นๆ ก็ถูกไถเงินและทำลายข้าวของมาแล้ว มี แต่บริษัทหัวเสร์เท่านั้นที่ไม่โดน เพราะหม่าฝหรุ้ยก่อน หน้านี้เคยเป็นอันธพาลมาก่อน มีฉายาว่า “หนูใต้ดิน” ยัง เคยอยู่ในคุกมาก่อน อันธพาลทั่วไป ไม่กล้ามาแหยมกับ เขา

แน่นอน พอไม่มีพวกอันธพาลมาก่อกวน ไม่ได้ หมายความว่าบริษัทหัวเสร์เจริญรุ่งเรืองแล้ว ยังมีพวก ฝ่ายรัฐบาลที่คอยกลั่นแกล้ง เพราะปัญหาเล็กๆน้อยๆ ก็ ถูกปรับเงินไปไม่น้อย พวกรัฐบาลก็มีหยูจื้อที่เคยเรียน มหาลัยไปจัดการ

ผ่านเรื่องราวลำบากมามากมาย บริษัทหัวเสร์ก็ เริ่มพัฒนาใหญ่ขึ้นเรื่อยๆจนมาเป็นบริษัทหัวเสร์ในตอน นี้

“ฝูหรุ้ย นายน่าจะจำได้นะ พวกเราเปิดบริษัทมาปี หนึ่ง พอรัฐบาลมาก่อกวนเข้าบ่อยๆ สุดท้ายยังถึงขั้นมา ปิดบริษัทและถูกยึดมาแล้ว ถ้าตอนนั้นผ่านไปไม่ได้ จะ เป็นยังไง?” หยูจื้อถามขึ้นมากะทันหัน

“นายอยากพูดอะไร? ฉันหม่าฝหลุยส์ทำอะไรก็ กล้ายอมรับ เป็นยังไงก็ยังงั้น ใช่ ในตอนนั้นบอกได้ว่า เป็นช่วงเวลาที่ยากลำบากของบริษัทหัวเสร์ เหมือนกับ เหตุการณ์ในวันนี้ ถ้าจัดการได้ไม่ดี บริษัทหัวเสร์อาจจะ ล้มละลาย พอพวกรัฐบาลบ้าขึ้นมา ก็ชอบมาเรื่องตลอด ปรับพวกเราสองแสนบ้าง ในตอนนั้นเป็นแค่ตัวเลขเล็กๆ
ถ้าตอนนั้นถูกยึดจริงๆ ฉันคงไม่ร่วมงานกับนาย ต่อ และคงไม่มีบริษัทหัวเสร้อย่างทุกวันนี้ ครั้งนั้นเป็น เพราะนายไปศาลากลางครั้งหนึ่ง หลังจากนั้นก็ไม่เคย เกิดเรื่องอะไรขึ้นอีกเลย!”

หม่าหุ้ยนึกย้อนเรื่องราวในตอนนั้นและพูด

“ครั้งนั้นพอฉันถึงแล้ว เห็นคนหนึ่ง ก็ถึงเข้าใจ ใน ช่วงเวลานั้น รัฐบาลไม่ได้มาหาเรื่องพวกเราโดยไม่มี เหตุผล นายรู้ไหมเพราะอะไร?” หยูจื้อถาม


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ