รวยชั่วข้ามคืน?

บทที่ 235 อาจารย์ขู่เสวียน



บทที่ 235 อาจารย์ขู่เสวียน

นักต่อสู้ที่เหลือตกลง

ต่อมาก็มีนักต่อสู้สองคนมาประลองฝีมือกับห่าวจู ทองและจงฉี

คนพวกนี้แข็งแรงทุกการเคลื่อนไหว เก่งกาจกว่า ทีมปฏิบัติการพิเศษที่หยูหมิงเคยเจอมาทั้งหมด เขายืน มองพลางพยักหน้าอยู่ด้านข้างพอใจกับวิชากังฟูของนัก ต่อสู้เหล่านี้มาก

เมื่อนักต่อสู้2คนประลองเสร็จ ก็มีผู้ชายอีก2คน ยืนขึ้นทันที ชายสองคนนี้เป็นคนที่แต่งตัวดีที่สุดใน บรรดากลุ่มนักต่อสู้นี้ พวกเขาสวมชุดลำลอง คนหนึ่ง สวมเสื้อคอตั้งสีน้ำเงิน หน้าตาธรรมดา เป็นคนที่สามารถ หาได้ตามท้องถนน แต่บนใบหน้านั่นมีความมั่นใจเผยอ อกมา ทำให้เขาดูไม่เหมือนคนธรรมดาอื่นๆทั่วไป

ส่วนอีกคนใส่เสื้อฮูดสีเขียว หน้าตาน่าเกลียด ใบหน้ามีรอยยิ้มอย่างเป็นธรรมชาติ สายตาเย็นชาให้ ความรู้สึกไม่น่าไว้วางใจ

พวกเขาเป็นสหายที่จิกกัดชาวต่างชาติในพิธีปิด วันนั้น-เถียนกวงและซุนจิ้ง

เถียนกวงยิ้มบางๆให้หยูหมิงแล้วแนะนำตัวเอง จากนั้นพูดกับนักต่อสู้ทั้งสอง ที่จะประลองกับพวกเขา “การประลองของนักต่อสู้อย่างพวกเรา ไม่อาจหลีกเลี่ยง การได้รับบาดเจ็บได้ แม้กระทั่งตาย ! ถ้าหากโชคร้ายเกิดเรื่องขึ้นขณะทำการประลอง ขอให้ทุกท่านอภัยด้วย”

คนอื่นๆเมื่อได้ยินที่เถียนกวงพูด ก็รู้สึกประหลาด ใจ คนคนนี้กล้าพูดเสียจริง ! พวกเขาพูดเช่นนี้ก็ชัดเจน แล้วว่า จะสู้กับฝ่ายตรงข้ามทั้ง2คนจนถึงตาย ?

นักต่อสู้ทั้งสองที่อยู่ตรงข้ามพูดขึ้น “คุณอย่าเก่ง แต่ปากจะดีมาก !”

ซุนจิ้งพูดเย้ยหยันนักต่อสู้ตรงข้ามทั้งสอง “พวก ไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง กล้าพูดแบบนี้กับพวกเรางั้นเหรอ ! รน หาที่ตาย ! ”

จู่ๆเถียนกวงกับซุนจิ้งก็เดือดขึ้นมา รีบปรี่เข้าไป หาทั้งสองคนนั้น

เถียนกวงและซุนจิ้งได้เรียนรู้จากปรมาจารย์ที่ ซ่อนอยู่บนเขาเพ็กตู ปรมาจารย์ผู้นั้นถึงแก่กรรมเมื่อ5ปี ก่อน พวกเขาสองสหายจึงลงจากเขา ด้วยศิลปะการ ต่อสู้ที่ยอดเยี่ยม พวกเขาสองคนทำงานให้กับตระกูล คนรวยมาแล้วไม่น้อย และหาเงินได้หลายล้าน

แต่ทั้งสองใช้จ่ายสุรุ่ยสุร่ายเงินจึงร่อยหรอ ครั้งนี้ พวกเขาได้รับเชิญให้มาร่วมงานแต่งของหยูหมิง และ ได้ยินมาว่าตระกูลหยูในหลินอานอยากได้นักต่อสู้ลือ กันว่าเงินเดือนทั้งปีอาจสูงถึงหลายสิบล้าน ทั้งคู่จึงรีบ มายังตระกูลหยูในหลินอาน

ทั้งสองเดินไปตรงหน้าฝ่ายตรงข้าม ต่างคนต่าง แสดงศิลปะการต่อสู้ของตน โจมตีฝ่ายตรงข้าม ศิลปะการต่อสู้ของเถียนกวงและซุนจิ้งไม่มีใครเทียบได้ อีกทั้งพวกเขายังช่วยเหลือซึ่งกันและกัน สู่กัน พัลวัน !

ฝ่ายตรงข้ามพ่ายแพ้ให้กับการต่อสู้ของพวกเขา

“ไสหัวออกไป ! “หลังจากผ่านไป10กว่าครั้ง ซุน จิ้งก็ตะโกนอย่างเดือดดาล ต่อยคู่ต่อสู้ของเขาจนลอย ขึ้นฟ้า แล้วร่วงลมากับพื้นและกระอักเลือด

ในขณะเดียวกัน ศึกด้านเถียนกวงก็สิ้นสุดลงแล้ว

ไม่ถึง2นาทีเถียนกวงและสหายก็ได้รับไชย

ชนะ !

คนอื่นๆได้เห็นศิลปะการต่อสู้ของเถียนกวงและ

สหาย ก็รู้สึกเลื่อมใสศรัทธา รู้เลยว่าตนไม่ใช่คู่ต่อสู้ของ ทั้งสองคนนั้น ซุนจิ้งพูดอย่างทะนงตัว “ทุกคนในที่นี้ ใครที่คิด

ว่าศิลปะการต่อสู้ของตนเอาชนะพวกเราได้ก็ยืนขึ้น เรา มาประลองกันหน่อย ! แต่ถ้าโดนซัดจนตายก็อย่าหาว่า พวกเราไม่เตือนนะ”

ทุกคนเงียบกริบ ห่าวจู่ทองและจงฉีถึงแม้ในใจไม่ ชอบสองคนนี้ แต่พวกเขาก็รู้ว่าตนไม่ใช่คู่ต่อสู้ของพวก นั้น เลยไม่กล้าส่งเสียงอะไร

หยูหมิงเดินไปยังเถียนกวงและซุนจิ้ง แล้วพูดขึ้น “อาจารย์ทั้งสองเปิดโลกผมมาก ศิลปะการต่อสู้ของทั้ง สองท่านยอดเยี่ยมมาก ผมจะจ้างทั้งสองท่านด้วยเงิน เดือนที่สูงที่สุด โปรดท่านทั้งสองคนมารับหน้าที่ ดูแล ภารกิจของตระกูลหยู ! ”
“พูดได้ดีๆ ถ้าเงินถึงอะไรๆก็คุยกันง่าย”ซุนจึงลูบ

คางพลางพูด

“เหอะๆ….

ขณะนั้นเองก็มีเสียงไอแห้งๆ ดังมาจากกลุ่มนัก ต่อสู้ ชายอายุ50กว่าๆเดินออกมา เขาสวมเสื้อเชิ้ตแบบ จีนสีน้ำตาล ร่างอวบๆ

ทุกคนจึงจับจ้องไปที่เขา เห็นหน้าบานๆ จมูก แบนๆ ตาเหมือนหนู ผิวพรรณหย่อนคล้อยของเขา ทำให้คนรู้สึกว่าผู้ชายคนนี้ไตบกพร่อง เพียงหมัดเดียวก็ สามารถทำให้เขานอนราบไปกับพื้นจนลุกไม่ขึ้น !

ซุนจิ้งเห็นหน้าตาของคนคนนี้ ก็ถามขึ้นอย่างเย้ย หยัน “ทำไม คุณมีความคิดเห็นอะไรกับสหายเรา ?”

ชายคนนั้นพยักหน้าพลางยิ้มบางๆ

คนอื่นๆล้วนประหลาดใจ ตานรนหาที่ตายรีไง ?

คนอย่างเขา ซุนจิ้งซัดไปชักหมัดก็อาจทำให้เขาถึงตาย ได้ ! เขาถอนหายใจ ตานีไม่รู้จักประมาณตนเลยจริงๆ สายตาซุนจิ้งฉายความโหดร้ายออกมา เขาพูด

“ในเมื่อคุณรนหาที่ตาย งั้นวันนี้ผมจะทำให้คุณ สมปรารถนา ! ”

ซุนจิ้งกำหมัดขวาใหญ่ๆ จนได้ยินเสียงเนื้อ เสียดสีกับฝ่ามือ เขาซัดหมัดไปยังใบหน้าของชายคน นั้นอย่างเร็ว !

ชายคนนั้นเห็นหมัดเขาลอยมาก็ไม่สะทกสะท้านใดๆ ยิ่งไปกว่านันคือไม่หลบแม่แต่นอย ยงยมและมอง ซุนจิ้งอยู่อย่างนั้น ราวกับไม่สนใจสักนิดเดียว

ทุกคนมั่นใจว่าผู้ชายคนนี้ต้องโดนซุนจิ้งชัดจน ร่วงแน่อาจจะแค่หมัดเดียวก็กลายเป็นผักได้เลย นี่มัน เรียกว่าคนโง่จริงๆ

แต่หารู้ไม่ หมัดของซุนจิ้งไม่ทันถึงหน้าของเขา ซุนจิ้งกลับร้องออกมา แล้วล้มลงไปกับพื้

จริงๆแล้วทุกคนต่างสนใจแค่หมัดของซุนจิ้ง แต่ ไม่เห็นว่าเท้าของผู้ชายคนนี้ยกขึ้นด้วยความเร็ว ถีบไปที่ น่อง ข้อเท้า ข้อต่อต่างๆที่เข่า และกล้ามเนื้อของซุนจิ้ง จนบาดเจ็บ !

ซุนจิ้งนอนจับขาอยู่บนพื้น และมองผู้ชายคนนั้น อย่างหวาดผวา พลางพูด “คุณ…คุณคือนักพรตเตาขู่ เสวียน?”

ผู้ชายคนนั้นพูดอย่างไม่ทุกข์ร้อน “คุณยังเดาออ กนะเนี่ย เยี่ยมมาก ดูเหมือนว่าคุณยังจำเรื่องเมื่อ4ปีก่อน ได้”

4ปีก่อน เถียนกวงและซุนจิ้งลงจากเขาได้ไปี

พอดี ในหนึ่งปีนั้น เขาไม่เจอใครที่มีศิลปะการต่อสู้เก่ง กว่าพวกเขาเลย ดังนั้นจึงรู้สึกชะล่าใจ

จนวันหนึ่ง ในขณะที่พวกเขากำลังสนุกสนานกับ ผู้หญิงที่หอนางโลม แม่เล้าบอกว่าสาวงามเบอร์หนึ่ง โดนแย่งไปแล้ว ทั้งสองจึงโมโหขึ้นมา แล้วไปยังห้องที่ สาวงามเบอร์หนึ่งอยู่เพื่อชิงตัว
คิดไม่ถึงว่าเมื่อถีบประตูเข้าไป ผู้ชายทนวเนยอยู่ กับสาวงามเบอร์หนึ่งนั้นจะยืนขึ้นอย่างไว แล้วหันหลัง ให้พวกเขาพลางคลุมเสื้อผ้า

เถียนกวงพวกเขาเห็นมวยผมบนศีรษะของผู้ชาย คนนั้น บนตัวคลุมเสื้อคลุมนักบวชสีฟ้าอ่อน เห็นได้ชัดว่า เป็นนักบวชในศาสนาเตพวกเขาก็หัวเราะเยาะนักบวช คนนี้ที่ไม่ปฏิบัติตามกฎ มาสนุกที่หอนางโลม เป็นคนที่ ไร้ยางอายที่สุดในโลก !

ด่าไปด่ามา พวกเขาก็โจมตีนักบวชนั่น กำลังจะ ซัดเขาซักยก แต่คิดไม่ถึงว่านักบวชคนนี้ จะมีศิลปะการ ต่อสู้ที่ร้ายกาจมาก พวกเขาสองคนไม่ชคู่ต่อสู้ของเขา ยังไม่ถึง3รอบทั้งสองก็โดนนักบวชซัดจนน่วม

นักบวชคนนั้นไม่เผยใบหน้าให้พวกเขาเห็นเลย คงกลัวว่าถ้าเรื่องนี้รู้ไปถึงข้างนอก จะส่งผลเสียต่อชื่อ เสียงคนอื่น

นักบวชชัดเถียนกวงพวกเขาจนยับ แล้วหันไป เตรียมจะจากไป

ใครจะไปรู้ว่าสาวงามเบอร์หนึ่ง ที่นอนเปลือยอยู่ บนเตียงนั้นจะพูดขึ้น “อาจารย์ขู่เสวียน คุณยังไม่ให้ทิป

ฉันอีก5พันเลยนะ ! ”

สาวงามเบอร์หนึ่งเผยชื่อของนักพรตเตาขู่เสวียน แล้ว เขารู้สึกละอายมาก แล้วหยิบเงินออกมาปีกหนึ่ง โยนไปบนตัวสาวงามเบอร์หนึ่ง แล้วหันหลังพูดกับเถีย นกวงพวกเขา “ถ้าพวกคุณแพร่งพรายเรื่องวันนี้ออกไปผมนักพรตเต่าขู่เสวียนไม่ปล่อยพวกคุณไว้แน่ ! ไม่เชือ ก็ลองดู”

พูดคำพูดพวกนี้เสร็จนักพรตเต๋ขู่เสวียนก็จากไป

ต่อมาเถียนกวงพวกเขาไปสืบจนรู้ว่า ที่แท้ นักพรตเต๋ขู่เสวียน ก็เป็นหัวหน้าที่มีชื่อเสียงของโรง เตำไทเก็ก บนเขาบูตึ้ง

ตั้งแต่ที่พวกเขาลงจากเขาก็ไม่เคยพ่ายแพ้มา ก่อน ในใจรู้สึกเคารพยำเกรงนักพรตเต๋ขู่เสวียน ที่ตน พ่ายแพ้ใน3กระบวนท่า

ก่อนที่พวกเขาจะมาหลินอาน ได้ข่าวว่าขู่เสวียน จะมาที่นี่ด้วย เพียงแต่พวกเขาไม่เคยเห็นหน้านักพรต เต่าขู่เสวียนชัดๆ คิดว่านักพรตขู่เสวียนจะเป็นคนที่ เกล้าผมมวย และสวมชุดนักบวช ใครจะไปคิดว่าชายวัย กลางคนที่ดูแข็งแกร่งคนนี้จะเป็นนักพรตเตาขู่เสวียน !

ซุนจิ้งตาเบิกโต พูดขึ้น “อาจารย์ขู่เสวียน ขอโทษ ครับ ถ้ารู้ว่าเป็นท่าน ต่อให้ผมกล้ามากแค่ไหน ก็ไม่กล้า ทำให้ท่านขุ่นเคือง….”

เถียนกวงก็รีบโค้งคำนับขอโทษ ต่อนักพรตเตำขู่

เสวียน “อาจารย์ ศิษย์น้องผิดไปแล้ว ขอให้ท่านยกโทษ

ให้พวกเราในครั้งนี้ด้วย พวกเราไม่กล้าไม่เคารพท่าน แม้แต่น้อย….” คนอื่นๆก็ได้ยินชื่อเสียงนักพรตเต๋ขู่เสวียนมา บ้าง เมื่อรู้ว่าคนที่ดูธรรมดาๆตรงหน้า คือนักพรตเต๋าขู่

เสวียนก็ตกตะลึง รู้ว่าความสามารถของตน กับนักพรตเตาขู่เสวียนนั้นห่างไกลกันมาก สายตาทมองเขามอง ด้วยความเคารพยำเกรง

นักพรตขู่เสวียนพูดยิ้มๆ “จากการสำนึกผิด อย่างจริงใจของพวกคุณ วันนี้ฉันจะยกโทษให้”ขณะพูด ก็หยิบขวดที่ดูคล้ายยาหม่อง ออกมาจากกระเป๋าเสื้อ แล้วโยนไปให้ซุนจิ้งพลางพูด “นี่เป็นยาที่ดีที่สุด บาดแผลของคุณจะหายภายใน3วัน”

เถียนกวงช่วยพยุงซุนจิ้งขึ้น แล้วพูดขอบคุณ นักพรตเตาขู่เสวียน หยูหมิงโค้งคำนับให้นักพรตขู่เสวียน แล้วพูด

ขึ้น “อาจารย์ขู่เสวียน ท่านคือราชาแห่งนักต่อสู้ หากใน อนาคตตระกูลหยูมีคนอย่างท่าน นับว่าเป็นเกียรติอย่าง ยิ่ง”

หยูหมิงได้ยินจากปากของคนอื่นๆ ว่านักพรตเต๋

ขู่เสวียน มีบารมีในวงการศิลปะการต่อสู้ของจีน และจาก

ฝีมือเล็กน้อยเมื่อครู่ของเขาก็ทำให้ซุนจิ้งร่วงได้ เขาเป็น

นักต่อสู้ที่เก่งกาจที่สุดอย่างไม่ต้องสงสัยเลย หยูหมิงพูดอย่างอ้อมค้อมมาก จะเข้าหรือไม่เข้า ร่วมตระกูลหยู ก็ต้องดูที่ท่าของนักพรตเตาขู่เสวียน

นักพรตขู่เสวียนพยักหน้าให้หยูหมิงเล็กน้อย แล้วพูด “คุณชายหยูเกรงใจเกินไปแล้ว ตอนนี้ผมโดน ไล่ออกจากโรงเตาไทเก็กแล้ว ไม่มีที่ไป แน่นอนว่าอยาก หาที่พึ่งที่เชื่อถือถือได้ หากตระกูลหยุนปฏิบัติกับผมไม่แย่ นัก ผมก็เต็มที่จะอุทิศตนให้กับตระกูลหยู !”
เมื่อนักต่อสู้คนอื่นๆ ได้ยินว่านักพรัตเตาขูเสวยน โดนขับไล่ ล้วนรู้สึกช็อคเป็นอย่างมาก

6เดือนก่อน เรื่องที่นักพรตขู่เสวียนยุ่งกับ โสเภณีแดงขึ้นมา หัวหน้าโรงเต่ไทเก็กขับไล่นักพรต เต่ำขู่เสวียนออกไปอย่างไม่ใยดี

หลังจากนักพรตเตำขู่เสวียนออกจากโรงเตาไท เก็ก ก็เอาผมมวยออกและเปลี่ยนใส่ชุดธรรมดา เร่ร่อน ไปตามถนน เมื่อได้ข่าวว่าตระกูลหยูจะหานักต่อสู้ จึง ตัดสินใจมาหลินอาน

สายตาของหยูหมิงมีความดีใจที่ไม่อาจคาดเดา ได้รีบรับปากต่อนักพรตเต๋าขู่เสวียนทันที “อาจารย์ขู่ เสวียน ผมรับรอง เพียงแค่ท่านอยู่หลินอานทำงานให้ ตระกูลหยู ตระกูลหยูรับประกันว่าชีวิตท่านจะสุขสบาย อีกทั้งเงินเดือนทั้งปีอย่างต่ำก็100กว่าล้านอัป ส่วน ตัวเลขที่ชัดเจน ผมต้องปรึกษากับแม่ก่อนถึงจะตัดสินใจ ได้ ไม่ทราบว่าท่านคิดเห็นเช่นไร ? ”

นักพรตเตาขู่เสวียนพอใจมาก พยักหน้าแล้วพูด “คุณชายหยูจริงใจมาก หากที่คุณชายหยูพูดมาทั้งหมด เป็นความจริงได้ละก็ ผมเต็มใจที่จะอยู่ตระกูลหยู ! ”

หยูหมิงตบมือดีใจพลางพูด “โอเคครับ อาจารย์ขู่ เสวียน ท่านไม่ต้องกังวล”

จากนั้นก็พูดกับนักต่อสู้คนอื่นๆ “ฝีมือของทุกท่าน ผมเห็นแล้ว พวกคุณสามารถอยู่ในตระกูลหยูได้เช่นกัน แต่แน่นอนว่าเงินค่าจ้างอาจจะต่ำกว่าอาจารย์ขู่เสวียนเล็กน้อย..

ที่นักต่อสู้เหล่านี้มาหลินอาน ก็เพราะอยาก ทำงานในตระกูลหยู ดังนั้นพวกเขาจึงต่างพยักหน้าเห็น ด้วย เต็มใจที่จะทำงานให้ตระกูลหยู

หยูหมิงดีใจมากๆ เขาคิดในใจ มีนักต่อสู้ฝีมือดี แบบนี้งานแรกที่จะทำคือจัดการกับไอ้ยาจกฉินหลั่งนนั้น ซะ ตอนนี้สนใจเรื่องงานแต่งก่อน เมื่อแต่งงานเสร็จ ก็ เป็นวันจบเห่ของไอ้ัฉินหลั่งนั่น


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ