รวยชั่วข้ามคืน?

บทที่ 104 ไปร่วมงานเลี้ยงครอบครัวเป็นเพื่อนฉันได้ ไหม



บทที่ 104 ไปร่วมงานเลี้ยงครอบครัวเป็นเพื่อนฉันได้ ไหม

เผิงเมิ่งยืนอยู่เป็นเพื่อนฉินหลั่งที่ทะเลสาบยุ่นซี ไปเป็นเวลาสองชั่วโมง ความแรงของลมพัดที่ทะเลสาบ ยุ่นซีไม่น้อยเลย ฉินหลั่งยังคงไอและจามอยู่ร่ำไป เผิง เมิ่งที่อยู่ด้านข้างเป็นห่วงฉินหลั่งมากมาย แต่เธอก็ได้ แต่ยืนเป็นเพื่อนเขาอยู่ข้าง

ฉินหลั่งมีความรักที่ลึกซึ้งต่อจงยู่มาก ทำให้เผิง เมิ่งเริ่มรู้สึกมีอุปสรรค เธอเริ่มสงสัยในตนเองเสียแล้วว่า จะสามารถแย่งฉินหลั่งมาจากจงยู่ได้หรือไม่ ?

“เที่ยงแล้ว ฉันไปกินข้าวเป็นเพื่อนคุณนะ ? “เผิง เมิ่งนั่งอยู่ด้านหน้าฉินหลั่ง พลางพูดด้วยน้ำเสียงที่นุ่ม นวล

“ผมไม่กิน คุณไปเถอะ”ดวงตาของฉินหลั่งจับ จ้องอยู่แต่ผิวน้ำทะเลสาบราวกับสามารถเห็นตัวจงยู่เสีย อย่างนั้น

เผิงเมิ่งมองฉินหลั่งอย่างไม่รู้จะทำยังไงแวบหนึ่ง จากนั้นเธอก็หันหลังเดินจากไป

แต่ไม่นาน เผิงเมิ่งก็ถือข้าวกล่องมาสองห่อ เธอ เอาข้าวส่งให้ฉินหลั่ง”ฉันซื้อข้าวมาให้คุณ กินสิ ไม่งั้น ร่างกายจะรับไม่ไหวนะ”

ที่แท้เผิงเมิงไม่ได้ไป แต่ไปซื้อข้าวมาให้ตน ฉิน หลั่งจึงเกิดความอบอุ่นใจขึ้นมาในชั่วเวลานั้น
“ผมไม่กิน คุณกินเองเถอะ”ฉินหลังยังพูดด้วย สีหน้าที่ไม่แสดงอารมณ์ เขารู้ว่าเผิงเมิ่งรู้สึกอย่างไรกับ เขา แต่เขาไม่อาจให้ความหวังแม้แต่นิดเดียวกับเธอได้

“คุณกินหน่อยเถอะ ฉันซื้อมาสองห่อ ฉันไม่ได้ให้ คุณจ่ายตังค์สักหน่อย….”เผิงเมิ่งยิ้มพูดอย่างหยอกล้อ เพื่ออยากให้เขาผ่อนคลายบ้าง บัดนี้เธอไม่ได้มีเจตนา อย่างอื่นแอบแฝงอยู่ เธอแค่หวังให้ฉินหลั่งกินอิ่มท้อง เฉยๆ

“ผมบอกว่าไม่กินไง”คิดไม่ถึงว่าฉินหลังร้อนรน จนมือไปปัดข้าวกล่องตกหล่นใส่พื้น ข้าวในกล่องได้ กระเด็นออกมา ฉินหลั่งต้องหยุดชะงักเล็กน้อย เพราะ เห็นเผิงเมิ่งซื้อ”ข้าวผัดทะเล”มา !

สำหรับฉินหลั่ง”ข้าวผัดทะเล” มีความหมายที่ลึก ซึ่งกับเขามากเลยทีเดียว

“ทำไมคุณถึงได้ซื้อข้าวผัดทะเลมาล่ะ ? “ฉินหลั่ง ถามด้วยความประหลาดใจ

“ฉันเคยไปถามคนอื่นมาว่าตอนที่จงยู่คิดจะ กระโดดลงทะเลสาบแห่งนี้ คุณได้ซื้อข้าวผัดทะเลให้ เธอกิน ตอนนี้คุณคิดถึงจงยู่มากขนาดนี้ ฉันเลยคิดว่า คุณน่าจะอยากกินข้าวผัดทะเลมากที่สุด ดังนั้นฉันจึงซื้อ มาให้คุณโดยเฉพาะ…”เผิงเมิ่งพูดด้วยความเสียใจเล็ก น้อย

“ฉันรู้ว่าคุณกับจงยู่รักกันมาก แต่ฉันก็ยังรักคุณอยู่ ถึงแม้คุณจะด่าฉัน ตบฉัน หรือแม้กระทั่งฆ่าฉันให้ตายฉันก็ยังรักคุณอยู่ และอีกอย่างฉันก็ไม่ได้ไปทำลาย ความสัมพันธ์ของพวกคุณเลยนะ เพียงแค่อยากจะสู้กับ เธออย่างยุติธรรมก็เท่านั้นเอง คุณจำเป็นต้องทำกับฉัน ขนาดนี้เลยไหม ? “เผิงเมิ่งพูดจบ พลางก้มตัวลงไปเก็บ ข้าวกล่องที่ฉินหลั่งทำหกไปไว้ด้านข้าง

“ขอโทษ ผมผิดเอง”ฉินหลั่งพูดเสียงต่ำ ใช่แล้ว เผิงเมิ่งไม่เคยทำอะไรผิดเลย ? ทำไมฉินหลั่งทนเย็นนี้ที่ ทำเรื่องเลวร้ายสารพัดได้แต่เผิงเมิ่งที่ดีกับตนมาโดย ตลอดกลับให้เธอดูสีหน้าของเขาอยู่ร่ำไป มันเป็นสิ่งที่ ลูกผู้ชายควรจะทำกันไหม ?

“ได้ ฉันยกโทษให้คุณ ! ตอนนี้คุณกินข้าว ! “ดู เหมือนว่าเผิงเมิ่งจะใจกว้างกว่าฉินหลั่งเยอะเลย เธอไม่ ได้ถือสาฉินหลั่งแม้แต่น้อยพลางยื่นข้าวกล่องอีกกล่อง ที่ยังคงดีอยู่ให้ฉินหลัง”กินสิ แน่นอน คุณยังทำมันหล่น ได้อีก แต่ฉันจะไม่วิ่งไปซื้อข้าวที่อยู่ไกลพอสมควรมาให้ คุณอีกแล้ว”

ฉินหลั่งรับข้าวมา พอเปิดออกมากกลิ่นหอมของ ข้าวผัดทะเลได้ลอยมาสัมผัสใบหน้า

“คุณกินหรือยัง ?”

“คุณคิดว่าไงล่ะ? ตอนแรกมีคนละหนึ่งกล่อง แต่ กล่องของฉันถูกคุณทำหล่นใส่พื้นแล้ว” ทันใดนั้นเผิงเมิ่ง รู้สึกดีมากที่ได้พูดกับฉินหลั่งอย่างมีเหตุมีผล

“คุณกินก่อน ส่วนที่เหลือให้ผม”ฉินหลั่งเอาข้าว ในมือยื่นให้เผิงเมิ่ง จนทำให้เผิงเมิ่งรู้สึกอบใจ ดวงตากะพริบด้วยความมีไหวพริบ

เธอเอาตะเกียบขึ้นมาหนึ่งคู่

“ในเมื่อพวกเราต่างก็หิว งั้นก็กินด้วยกันเลย คุณ ลุกมาสิ พวกเราวางข้าวกล่องนี้ไว้บนก้อนหินอันนี้แล้ว กินด้วยกัน”เผิงเมิ่งสั่งฉินหลั่งด้วยความตื่นเต้นตัวสั่น เล็กน้อย

ฉินหลั่งกับเผิงเมิ่งนั่งอยู่บนสนามหญ้า นำข้าว กล่องวางไว้ด้านบนของก้อนหิน ทั้งสองสลับกันใช้ ตะเกียบมันให้ความรู้สึกที่แปลกๆบางอย่าง

ภาพนี้เหมือนตอนนั้นที่ฉันหลั่งกับจงยู่กินข้าวผัด ทะเลด้วยกันมา ทันใดนั้นในใจของฉันหลั่งก็โผล่ความ คิดมาว่าเผิงเมิ่งเป็นผู้หญิงที่ไม่เลวเลย

เมื่อเกิดความคิดนี้ หัวใจฉินหลั่งก็กระตุก ตอนนี้ ยังไม่รู้เลยว่าจงยู่อยู่ที่ไหน ทำไมเขาไปคิดอย่างนี้ได้ ล่ะ ? เขารู้สึกว่าเป็นการไม่ให้เกียรติจงยู่เลย จึงรีบกิน ข้าวไปหลายคำเร็วๆ เพื่อไม่ให้เผิงเมิ่งมองอะไรออก

ข้าวผัดทะเลกินหมดอย่างรวดเร็ว

“ใช่แล้ว พรุ่งนี้ที่ตระกูลบ้านฉันมีงานเลี้ยง ฉัน อยากเชิญให้คุณไปร่วมงานกับฉัน คุณไปปรากฏตัวตรง นั้นก็พอแล้ว อยากออกมาเมื่อไหร่ก็ออกมาได้เลย คุณ ไปร่วมงานกับฉันได้ไหม…”เผิงเมิ่งเก็บข้าวกล่อง พลาง ถามด้วยความไม่มั่นใจ

บ้านของพวกเธอได้เร่งให้เผิงเมิ่งหาแฟนหนุ่ม เร็วๆ เผิงเมิ่งจึงอยากพาฉินหลั่งไปด้วย ถ้าพวกญาติๆเห็นเธอพาฉินหลั่งไป ถึงจะไม่พูดก็ต้องคิดว่าเป็นแฟน หนุ่มของเผิงเมิ่งอย่างแน่นอน ซึ่งจะทำให้ปิดปากพวก เขาไม่ให้เร่งอีกต่อไป

“คุณไม่อยากไปก็ไม่เป็นอะไร ฉันแค่ลองถามดี เท่านั้นเอง ฉันรู้ว่าคุณกังวลใจมากที่ยังหาตัวจงยู่ไม่เจอ คงจะไม่มีอารมณ์ไปร่วมงานเลี้ยงกับฉันหรอก ฉันเข้าใจ ดี”เผิงเมิ่งเห็นฉินหลั่งจ้องมองตนอยู่นิ่งๆไม่ได้ตอบอะไร จึงได้พูดเพื่อหาทางออกให้ตน”โอเค คุณก็ไม่ต้อง เสียใจให้มากนะ เชื่อว่าคุณต้องหาจงยู่เจอเร็วๆแน่ ฉัน ไปล่ะนะ”

พูดจบ เผิงเมิ่งเอาขยะขึ้นมา แล้วเตรียมตัวจะไป

“ผมไป”บัดนี้ฉินหลั่งพูดตอบแล้ว

“คุณว่าอะไรนะ ? คุณไปกับฉันจริงๆเหรอ ? “เห็น ฉินหลังพยักหน้า เผิงเมิ่งจึงอดไม่ได้ที่จะหัวเราะด้วย ความตื่นเต้นดีใจออกมา “ขอโทษนะ ฉันไม่ได้จงใจ หัวเราะ ดีเลย พรุ่งนี้คุณรอฉันอยู่หน้าประตูมหาวิทยาลัย นะ ฉันจะมารับคุณ ถ้าอย่างนั้นฉันไปก่อนนะ บ๊าย บาย …”พูดจบ เผิงเมิ่งก็จากไปด้วยความร่าเริง

สิ่งที่เผิงเมิ่งทำเพื่อฉินหลั่งในวันนี้ทั้งหมด ทำให้ ฉินหลั่งไม่อาจปฏิเสธการขอร้องของเผิงเมิ่งได้ เขาไม่ อยากให้เธอดูสีหน้าของเขาครั้งแล้วครั้งเล่าอีก เขาคิด ว่าสักวันหนึ่งเผิงเมิ่งคงจะเข้าใจว่าตนไม่ใช่คนคนนั้นที่ จะคอยปกป้องเธอไปตลอดชีวิต

สายตาของฉินหลั่งได้ย้อนกลับมามองทะเลสาบยุ่นซีอีกครั้ง…

วันรุ่งขึ้น เป็นเพราะเมื่อวานไปตากลมที่ทะเลสาบ ยุ่นซีนานจนเกินไป ทำให้จากอาการป่วยที่ดีขึ้นบ้างแล้ว วันนี้กลับแย่กว่าเมื่อวานไปอีก

ตอนหกโมงเย็น ฉินหลั่งทำตามที่ได้คุยกับเผิง เมิ่งในโทรศัพท์มารอเธอที่หน้าประตูมหาวิทยาลัย ไม่ นาน เผิงเมิ่งก็ได้ขับรถบีเอ็มดับเบิลยูสีขาวมาหาฉินหลั่ง

“คุณเผิงเมิ่ง คุณดูเขาสิ ! “รถเพิ่งจอด กู่ซาที่ นั่งอยู่ในตำแหน่งคนขับมองเห็นฉินหลั่งยังคงแต่งงาน ไร้รสนิยมเช่นเดิม จึงฟ้องเผิงเมิ่งอย่างไม่อยากจะ พูด”คุณบอกเขาว่าจะไปร่วมงานเลี้ยงของครอบครัว ไม่ใช่เหรอ ? ทำไมเขายังแต่งตัวอย่างนี้อีก จงใจจะให้ คุณขายหน้าใช่ไหม?”

เผิงเมิ่งก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย

“ฉินหลั่ง คุณไม่ได้ใส่ใจกับคำพูดของเผิงเมิ่งเลย ใช่ไหม ? คุณใส่อย่างนี้ไปเตรียมจะไปร่วมงานเลี้ยงของ ตระกูลเผิงเมิ่งเหรอ ? “คู่ซาเดินลงมาจากรถ พลางจ้อง มองฉินหลั่งแล้วพูดด้วยความโกรธ ทันใดนั้นเธอพบว่า ฉินหลั่งไม่เพียงแต่แต่กายไร้รสนิยม แม้กระทั่งสีหน้า ของเขาก็ไม่ดีเลย สีหน้าขาวซีด ดวงตาไร้ชีวิตชีวา มอง แล้วเหมือนกับกำลังหดหูใจอยู่อย่างนั้น”คุณเป็นยังไง บ้าง ไม่สบายเหรอ ?”

กู่เกาหัวแบบไม่รู้จะพูดยังไงดี แล้วมองเผิง เมิ่งพลางพูดว่า “เผิงเมิ่ง คุณมองสภาพเขาในตอนนี้สิคุณยังจะพาเขาไปร่วมงานเลี้ยงของตระกูลจริงๆอีกเห รอ?”

เผิงเมิ่งมองกู่ซาอย่างไม่พึงพอใจแวบหนึ่ง เปิด ประตูลงจากรถรีบสาวเท้าไปหาฉินหลั่ง มองฉินหลั่ง ด้วยความเป็นห่วง พลางพูดเสียงเบา”คุณเป็นยังไง บ้าง ? หรือคุณจะพักอยู่ที่มหาวิทยาลัยต่อไหม”

“ยังดีอยู่”ฉินหลั่งยิ้มน้อยๆ แต่สีหน้าของเขาเมื่อ มองดูแล้วไม่เหมือนกับที่เขาพูดเลยสักนิด เขารับปาก เผิงเมิ่งแล้ว จะไม่มีทางกลับคำกลางคันเด็ดขาด “ไม่เป็น อะไร ผมไปเป็นกับคุณ”

กู่ที่อยู่ด้านข้างออกเสียง เชอะ หนึ่งคำ เธอ รู้สึกว่าฉินหลั่งอยากหลอกเงินของเผิงเมิ่งใช้

เผิงเมิ่งเปิดประตูรถให้ฉินหลั่งขึ้นไป ส่วนเธอกับ กู่ซานั่งอยู่ด้านหน้ารถ

“เปิดกระจกรถออกหน่อยสิ คุณเป็นหวัด ไม่ต้อง ให้พวกเราติดนะ…”กู่ซามองผ่านกระจกรถ พลางพูดกับ ฉินหลั่ง

“คุณพูดน้อยๆหน่อยได้ไหม พูดอย่างนั้นแหละ ไม่จบไม่สิ้นสักที ? “เผิงเมิ่งโกรธกู้ซาแล้ว กู่ซามองเผิง เมิ่งด้วยความเสียใจแวบหนึ่ง และในใจก็แอบคิดบัญชี กับฉินหลั่ง

ตลอดทางไม่ได้พูดคุยอะไรกันเลย เผิงเมิ่งขับรถ ไปที่วิลล่าส่วนตัวที่มีระยะทางกว่าสามสิบกิโลเมตร….

เผิงเมิ่งขับรถไปยังวิลล่าหรูที่ตั้งอยู่ด้านข้างทะเลสาบจอเสีย ทะเลสาบจื่อเสียอยู่ห่างออกจากตัวเมือง ของจีนหลิง ซึ่งสวยงามดั่งแดนสุขาวดีเลยทีเดียว

ในยามค่ำคืน ทะเลสาบจื่อเสียมีความสงบเงียบ เป็นพิเศษ มีคลื่นของทะเลสาบ สีหมึกของต้นไม้ที่อยู่ ไกลออกไป และด้านข้างทะเลสาบมีต้นCanadian poplar สนขาว และบริเวณใต้ต้นไม้ก็มีทุ่งหญ้าราวกับ พรมปูพื้น บวกกับเสียงของทะเลสาบ แมลง กบ และ เสียงลากยาวของเป็ด ยิ่งทำให้ผู้คนรู้สึกสดชื่นผ่อน คลายเป็นอย่างยิ่ง

เมื่อตั้งใจฟังดีๆก็จะได้ยินเสียงผู้คนพูดคุยกัน และหากตามที่มาของเสียงไปจะเห็นว่าตรงตำแหน่งที่ ห่างจากทะเลสาบแห่งนี้ไปสองกิโลเมตร จะมีวิลล่า สไตล์ชาวตะวันตกที่ตกแต่งให้มีน้ำตกอยู่ด้านหน้า ซึ่ง กำลังเปิดไฟที่มีสีสันอยู่ด้านในวิลล่ามีสระว่ายน้ำ มี สนามหญ้า และมีเก้าอี้พิงหลังกับโต๊ะยาวๆตั้งอยู่ ซึ่งมี คนแต่งกายด้วยชุดคนรับใช้สี่ถึงห้าคนกำลังเสิร์ฟเครื่อง ดื่ม ผลไม้และอาหารว่าง ต่อมาก็มีแขกที่แต่งกายอย่าง หรูหราประมาณสิบกว่าคน กำลังจับกลุ่มเล็กสามถึงห้า คนคุยกันอย่างเมามันส์อยู่ แน่นอนยังมีเด็กซนที่วิ่งไล่จับ เล่นกันอยู่ด้วย

บัดนี้มีหญิงชราเดินออกมาจากบ้าน เธอเป็น คุณย่าของเผิงเมิ่ง และเป็นเสาหลักของตระกูลเผิงด้วย -หลิวเหวินฮัว

หลิวเหวินฮัวมีอายุ 62 ปีแล้ว แต่คืนนี้เธอยังคง แต่งกายด้วยชุดเดรสยาว ซึ่งหุ่นของเธอไม่ได้เปลี่ยนรูปไปตามกาลเวลาเลย ผมของเธอม้วนขึ้นแบบรวบได้ อย่างประณีต ผิวพรรณก็ดูแลได้ดี มีเพียงริ้วรอยจางๆที่ ขึ้นมาท่านั้นเอง

สิ่งที่ทำให้คนต้องประหลาดใจก็คือดวงตาคู่นั้น ของเธอ ดูแล้วไม่เหมือนคนอายุ 62 ปีเลย มันเหมือนคน อายุน้อย 30 ปีที่กำลังเปล่งปลั่ง

มีพลัง เฉียบแหลม ราวกับไม่มีทางพลาดทุกราย ละเอียดไปได้อย่างนั้น

หลิ่วเหวินฮัวมีท่าทางสง่าผ่าเผยและแข็งแกร่ง มาก ซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้คนในตระกูลเผิงต้องนับถือ เธอนั่นเอง

หลิ่วเหวินฮัวเดินลงมาจากระเบียงที่ละก้าว ด้าน หลังเธอมีผู้ชายสองคนที่แต่งกายด้วยชุดสูท ซึ่งก่อน หน้านี้ได้คุยธุรกิจอยู่กับหลิ่วเหวินฮัว

เมื่อเธอเดินออกมา คนที่อยู่ในลานบ้านก็เริ่มลด เสียงพูดลงอย่างเข้าใจกันโดยปริยาย

“โอเค วันนี้พอแค่นี้ก่อนนะ”หลิ่วเหวินฮัวพูดจบ ผู้ชายชุดสูททั้งสองคนก็พยักหน้าหลิ่วเหวินฮัวอย่างมี

มารยาท จากนั้นก็หันหลังเดินออกไป

บัดนี้ คนอื่นถึงกล้ากล่าวทักทายกับหลิ่วเหวินฮัว

“สวัสดีค่ะคุณย่า”

“แม่ค่ะ วันนี้แม่สวยมากเลยค่ะ”

“คุณป้า หนึ่งทุ่มผมก็มาถึงแล้วนะครับ”
หลิ่วเหวินฮัวพูดคุยกับพวกเขาเรียบๆง่ายๆไป สองสามประโยค พวกเขาก็รู้สึกพึงพอใจแล้ว พวกเขา รู้จักนิสัยของหลิ่วเหวินฮัวดี เธอมักจะให้ความสำคัญกับ คนในตระกูลที่มีความสามารถ เพื่อผลประโยชน์ของ ตระกูลในอนาคต พวกที่รู้ตัวว่าไม่เป็นที่ชื่นชมของหลิ่ว เหวินฮัว เมื่อกล่าวทักทายเสร็จก็เดินไปด้านข้างอย่างมี สามัญสำนึก

“คุณย่า ! คุยอะไรอยู่ด้านในตั้งนานค่ะ หนูคิดถึง ท่านจะตายอยู่แล้ว”มีสาวงามคนหนึ่งเดินเข้ามาที่ข้าง กายหลิ่วเหวินฮัวอย่างขี้เล่นและโอบมือของหลิ่วเหวิน ฮั่ว พลางพิงหัวไว้ที่ไหล่ของหลิ่วเหวินฮัว

“ในกลุ่มคนมากมายนี้มีเพียงหนเท่านั้นนะที่ไม่มี มารยาทเลย…”หลิ่วเหวินฮัวจับหัวผากของผู้หญิง พลางพูดขึ้นด้วยความเอ็นดู

“หนูไม่มีมารยาทยังไงค่ะ? หนูคิดถึงท่านจริงๆ นี่”ผู้หญิงพูดคุยด้วยน้ำเสียงน่าฟังอย่างมีไหวพริบ ทำให้ฟังแล้วรู้สึกสบายมาก

“พอแล้ว อย่าพูดโม้อีกเลย เผิงหนานพี่ชายหนู

ล่ะ?” ผู้หญิงคนนี้คือน้องสาวของเผิงหนาน -เผิงหยู่

หลีหยิงที่ยืนอยู่ด้านข้าง ซึ่งเป็นแม่ของเผิง หนานเผิงหยู่อย่าพูดถึงเรื่องความภาคภูมิใจของตนเลย ตอนนี้คนในตระกูลตั้งมากมาย หลิ่วเหวินฮัวทั้งเอ็นดูและเป็นห่วงแต่ลูกทั้งคู่ของเธอ ซึ่งหมายถึงสถานะใน ตระกูลเผิงของพวกเขาจะกว่าคนอื่นๆ หลีหยิงเผยสีหน้า จึงพอใจออกมาอย่างควบคุมตัวเองไม่ได้ เธอกวาด สายตามองคนอื่นก็รู้สึกว่าพวกเราเทียบตนไม่ติดเลยจน สุดท้ายสายตาของเธอมาหยุดอยู่ที่ผู้หญิงคน หนึ่ง-หานเยว่ เธอก็หยุดยิ้มทันที

ไม่ผิดหรอกทั้งลูกชายและลูกสาวของหลีหยิงได้ รับความเอ็นดูจากหลิ่วเหวินฮัว แต่ถ้าพูดถึงบรรดา หลานๆที่หลิ่วเหวินฮัวชื่นชอบมากที่สุด ยังคงเป็น ลูกสาวของหานเยว่อย่างเผิงเมิ่งอยู่เป็นอันดับแรก


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ