บทที่ 277 ภารกิจของตำรวจ
“นี่มันอะไรกันแน่”ฝ่านเฟิงขวางอยู่หน้าฉินหลั่ง แล้วถามหวังเฉินอย่างโมโห
“พวกนาย จับเขากลับห้องขังเดี่ยวนี้”ฝานเฟิงมอง ไปทางตำรวจสองคนแล้วตะโกนออกมา ตำรวจสองคนนั้น จึงเตรียมจับตัวฉินหลั่งไว้อีกครั้ง
หวังเฉินห้ามตำรวจสองคนนั้นไว้ แล้วพูดกับฝาน เฟิงว่า”ผู้บัญชาการตำรวจ ตอนนี้พิสูจน์แล้วว่าฉินหลั่งไม่มี โทษ งั้นก็ควรปล่อยเขาไป”
“เขาไม่มีโทษยังไง ใครเป็นพยานจับเขากลับไป เดี๋ยวนี้”ฝ่านเฟิงพูดต่อ
“ปืนที่ใช้ยิงที่ค้นพบในบ้านฟางเจิ้ง บนไกปืนนั้นมี เพียงลายนิ้วมือของฟางเจิ้งและเฉิงเหมิ่งสองคน นี่ก็ หมายความว่าผู้ที่ยิงตอนนั้นไม่ใช่ฉินหลั่งอย่างแน่นอน ก่อนหน้านี้พวกเราจับเฉิงเหมิ่งได้ เขาเป็นคนสารภาพเอง ว่า เป็นเขาเองที่ยิงฟางเจิ้ง เพราะเขาทนการโมโหใส่ของ ฟางเจิ้งและซ่งอวี่ไม่ได้ ไม่เกี่ยวกับฉินหลั่งเลยสักนิด”
หวังเฉินพูดด้วยสายตาที่ ไม่หวั่นไหวอย่างมาก “ตามสิ่งที่ฉันพูดดังกล่าว สามารถเป็นหลักฐานว่าฉินหลั่ง ไม่มีโทษ เราจึงควรรีบปล่อยฉินหลั่งออกไปจากที่นี่ ตาม ขั้นตอน”
“เป็นไปไม่ได้ เฉิงเหมิ่งยังไม่ได้มาให้ปากคำใน สถานีตำรวจเลย ผมจะรู้ได้ไงว่าเขาได้พูดสิ่งที่คุณพูดไป เมื่อสักครู่หรือเปล่า”สิ่งที่ฝ่านเฟิงอยากทำตอนนี้เพียงแค่กักตัวฉินหลั่งไว้ในสถานีตำรวจ ถ้าปล่อยฉินหลั่งออกไป ในมุมมองของซ่งอวี่ก็คือเขาทำงานไม่ได้เรื่องนี้เอง
“ตอนนั้นนอกจากฉันแล้ว ยังมีหลู่ชงและตำรวจอีก สามคนที่พุ่งเข้าไปพร้อมกัน ซึ่งพวกเขาทุกคนก็ได้ยินสิ่งที่ เฉิงเหมิ่งพูดเช่นกัน”หวังเฉินมองไปที่ตำรวจที่ไปจับเฉิงเห มิ่งด้วยกันเมื่อสักครู่ แล้วพูดว่า”สิ่งที่ฉันพูดไปเป็นสิ่งที่เฉิง เหมิ่งพูดตอนนั้นใช่ไหม”
“ใช่ครับ”
“ใช่ครับ ตอนนั้นเฉิงเหมิ่งสารภาพแล้วจริงๆ”
หลู่ชงและตำรวจอีกสองคนมองฝานเฟิงแล้วตอบ หลู่ชงได้พูดอย่างเกรงใจว่า”ผู้บัญชาการตำรวจ เมื่อสักครู่ พวกผมรายงานกับท่านแล้วนะ ท่านไม่ได้สังเกตหรือ เปล่า”
พอถึงตอนนี้ฝานเฟิงก็ไม่รู้จะพูดไรแล้ว เพราะเมื่อ สักครู่ที่ตำรวจสองคนนั้นรายงาน พอได้ยินเฉิงเหมิ่งถูกจับ ได้แล้ว เขาก็ไม่ได้สนใจแล้วว่าลูกน้อยรายงานอะไรอยู่ ดังนั้นจึงไม่ได้ฟังเลยว่าหลังจากนั้นลูกน้องรายงานว่า อย่างไร
ตามกฎหมาย ภายใต้สถานการณ์นี้ ควรปล่อยตัว ฉินหลังทันทีจริงๆ
“ไป”หวังเฉินใช้มือผลักฉินหลั่งให้เดินออกไป ฝ่าน เฟิงก็หาข้ออ้างที่จะขัดขวางไม่ได้
พอมองหลังฉินหลั่งที่เดินออกไปจากประตูใหญ่ ของสถานีตำรวจ ในใจฝ่านเฟิงรู้สึกหงุดหงิดเหลือเกิน และในขณะเดียวกันเขาก็รู้สึกลำบากใจมาก เพราะไม่รู้จะบอกซ่งอวียังไง
ฝานเฟิงมองไปที่หวังเฉินในตาเต็มไปด้วยความ โมโห แต่พอนึกถึงภูมิหลังของหวังเฉิน ฝานเฟิงก็ทำได้ เพียงเก็บความแค้นนี้ไว้ในใจ
เขาเดินไปที่ห้องทำงานของตัวเองอย่างรวดเร็ว แล้วปิดประตูดัง “ปัง”
“ก็อกๆ”
ฝานเฟิงเพิ่งนั่งลงบนเก้าอี้ ประตูห้องก็ดังขึ้นมาอีก
แล้ว
“ใคร”ฝ่านเฟิงตะโกนอย่างรำคาญใจ
“ฉันเอง ฉันมีอีกเรื่องที่อยากจะขอคุณ”เสียงของ หวังเฉินส่งเข้ามาจากนอกประตู พอได้ยินเสียงหวังเฉิน ใน ใจฝานเฟิงก็รู้สึกโมโหยิ่งกว่าเดิม
“เดี๋ยวค่อยว่ากัน ตอนนี้ผมต้องโทรรายงานหัวหน้า ก่อน”ฝานเฟิงกล่าว
“ค่ะ”หวังเฉินที่อยู่นอกประตูตอบเช่นนี้
ฝ่านเฟิงจ้องประตูของห้องทำงานอย่างโกรธแค้น เปรียบเสมือนนั้นคือหน้าของหวังเฉิน เขาค่อยๆเก็บสายตา แล้วจับโทรศัพท์ที่อยู่ในกำมือ คิดในใจว่าจะรายงานกับซ่ งอวี่อย่างไร ดี
แต่คิดไปหลายนาที ฝานเฟิงก็ยังหาคำพูดที่เหมาะ สมไม่ได้ เพราะการปล่อยฉินหลั่งออกจากที่นี่ไป ก็หมาย ถึงว่าเขาทำงานไม่ได้เรื่อง ต้องทำซ่งอวี่โมโหแน่เลย
ชึ่งมันเถอะ รีบตายรีบเกิด ฝานเฟิงกดเบอร์ของซ่งอวี่แล้วโทรออก
พอเห็นเป็นฝานเฟิงโทรมา ซ่งอวี่กดรับทันที เพราะ เขาหวังว่าจะได้รับข่าวดีจากฝานเฟิง
“ว่ายังไง”เสียงของซ่งอวี่ส่งออกมาจากโทรศัพท์ที่ อยู่ในมือ เพียงแค่ประโยคง่ายๆแค่นี้ก็ทำฝานเฟิงใจหาย เหลือเกิน
“เอ่อ…”
ใจของฝานเฟิงเต้นตุ๊บๆไม่หยุด จริงๆเขาอยากจะ บอกข่าวที่ว่าฉินหลั่งถูกปล่อยตัวออกไปแล้ว แต่ตอนนี้ เขาไม่กล้าที่จะพูดมันออกไป “คุณชายซ่ง พวกเราจับเฉิง เหมิ่งได้แล้ว…”
เมื่อสักครู่ ลูกน้องสองคนได้รายงานกับฝานเฟิง แล้ว ทั้งเรื่องเฉิงเหมิ่งแจ้งความด้วยตนเอง และขณะที่ถูก จับก็เปิดเผยข้อมูลร้ายๆของซ่งอวี่ออกมา แต่ฝานเฟิง ได้ยินเพียงแค่เฉิงเหมิ่งถูกจับก็ตื่นเต้นมากแล้ว จึงไม่ได้ ฟังที่เหลือเลย
“จับได้แล้ว”
พอได้ยินเช่นนี้ ซ่งอวี่รู้สึกตื่นอกตื่นใจอารมณ์
โมโหของเขาจึงได้ลดลงมาหน่อย “ดี ดีมาก ต้องรีบหา
ข้อหาให้พวกเขาสองคน ทั้งเขาและฉินหลั่งเลย ยิ่งร้าย
แรงยิ่งดี คุณทำแค่ให้พวกเขาติดคุกก็พอ เรื่องหลังจากนี้ คุณก็ไม่ต้องยุ่งแล้ว” พอได้ยิงซ่งอวี่พูดถึงฉินหลั่ง ในใจฝ่านเฟิงตื่นเต้น
ขึ้นมากกว่าเดิม
ตอนนี้ถึงขั้นไม่พูดก็ไม่ได้แล้ว ฝานเฟิงจึงรวบรวมความกล้าแล้วพูดออกมาว่า
“คุณชายซึ่ง คือ….ที่ผมเกินเหตุการณ์ไม่คาดคิดนิด หน่อยๆ ร.ป.ภที่ชื่อฉินหลั่ง ถูกปล่อยตัวออกไปแล้ว..”
“อะไรนะ”
เสียงของซ่งอวี่สูงขึ้นมาโดยทันที ทำฝานเฟิง
ใจหายไปวูบหนึ่ง
“เนื่องจากปืนที่เอามาจากบ้านฟางเจิ้งนั้น บนไกปืน มีแต่ลายนิ้วมือของคุณชายฟางและเฉิงเหมิ่ง และหลัง จากที่เฉิงเหมิ่งถูกจับ เขาก็ได้พูดอย่างชัดเจนว่า เขายิง คุณชายฟางด้วยเหตุผลของตัวเอง ไม่เกี่ยวกับฉินหลั่ง ดัง นั้นตามกฎหมาย พวกเราจึงต้องปล่อยตัวเขาไป”
ไม่รอซ่งอวี่ถาม ฝานเฟิงก็รีบอธิบายให้ซ่งอวี่ฟัง
ทันที
“เป็นแบบนั้นแล้วไง”
ซึ่งอรวีถามอย่างเย็นชาว่า “ถ้ามันมีข้อหาร้ายแรง อะไรจริงๆ ผมจะให้คุณมาแก้ไขปัญหานี้หรือ คุณเป็นผู้ บัญชาการตำรวจสถานีตำรวจทั้งที่ ปัญหาเล็กๆแค่นี้ก็ จัดการไม่ได้หรือไง”
ซึ่งอวี่พูดอย่างชั้นชาน เขาคิดว่าในเมื่อฝานเฟิงเป็น ผู้บัญชาการตำรวจของสถานีตำรวจ ใช้อำนาจของเขา กักตัวฉินหลั่งไว้เป็นเพียงแค่เรื่องง่ายๆ
“คุณชายซ่ง เรื่องนี้ผมรู้ แต่ครั้งนี้ไม่เหมือนที่ผ่าน มา…”ฝานเฟิงตอบด้วยน้ำเสียงเศร้าๆ บนใบหน้าของเขา มีเหงื่อไหลออกมาโดยไม่รู้ตัว
ไม่เหมือนกันยังไง”ซ่งอวี่ทำท่าทีที่ไม่พอใจเขา รู้สึกว่าฝานเฟิงกำลังหาข้ออ้างอยู่
“เพราะการจับตัวฉินหลั่งกับเฉิงเหมิ่งครั้งนี้เป็น ตำรวจหญิงคนเดียวกัน ถ้าเป็นคดีที่เธอรับผิดชอบ โอกาส ที่จะทำอะไรได้มีน้องมาก หรือพูดได้ว่าไม่มี”ฝานเฟิงกล่า วเหตุผลทำให้เขาลำบากใจออกมา
“นี่คุณพูดเล่นกับผมอยู่หรือ”ซ่งอวี่รู้สึกว่าฝานเฟิง ยิ่งพูดยิ่งเชื่อถือไม่ได้ เขาเป็นผู้บัญชาการตำรวจของ สถานีตำตรวจทั้งที เป็นไปไม่ได้ที่กับแค่ตำรวจหญิงคน หนึ่งเขาจะทำอะไรไม่ได้
“คุณชายซึ่งคุณเข้าใจผิดจริงๆ ผมไม่กล้าพูดเล่น กับคุณหรอก”
ฝานเฟิงรีบพูดเช่นนี้
“ตำรวจหญิงคนนี้เธอไม่ใช่คนธรรมดา เธอเป็น
หลานสาวของตระกูลหวางในเย็นจีนชื่อหวังเฉิน ก่อนหน้า
นี้ เธอดำรงตำแหน่งอยู่ที่จังหวัดทางตะวันตกเฉียงเหนือ มาตลอด แต่ตระกูลหวางกล้วว่าเธออยู่ต่างที่จะไม่ ปลอดภัยจึงย้ายให้เธอมาอยู่ที่สถานีตำรวจนี้แทน”
พอฝ่านเฟิงพูดมาอย่างนี้ ความโกรธของซ่งอวี่ถึง ได้ลดลงมาหน่อย
ตระกูลหวางในเย็นจีนก็เป็นตระกูลใหญ่เช่นกัน มี อำนาจต่างกับตระกูลพวกเขาไม่มาก ข้าราชการของ ตระกูลหวางก็มีไม่น้อย โดยเฉพราะในระบบตำรวจตระกูล หวางเปรียบเสมือนต้นไม้ใหญ่ที่มีรากลึก
ผู้บัญชาการตำรวจเล็กๆอย่างฝานเฟิงไม่กล้ามีเรื่องกับคนในตระกูลหวางหรอก
ซึ่งอวี่ก็เคยได้ยินชื่อของหวังเฉิน เธอจบจาก มหาวิทยาลัยความมั่นคงสาธารณะด้วยผลการเรียนที่ดี เด่น และหลังจากนั้นก็ยินยอมไปเป็นตำตรวจระดับพื้นฐาน ที่เมืองหลานมณฑลกาน ได้ข่าวว่าความฝันของเธอตั้งแต่ เด็ก คือเป็นตำรวจ ปกป้องประชาชน อาจจะเป็นเพราะเธอ เกิดในตระกูลตำรวจด้วย
“ไม่ให้เธอรับผิดชอบคดีนี้ได้ไหม”ซ่งอวี่เสนอเช่นนี้
“คุณชายซ่ง คุณไม่รู้ว่าหวังเฉินนิสัยยังไง ถ้าเป็น คดีที่เธอรับมือแล้ว ก็ไม่มีวันที่จะละทิ้งกลางทาง เธอจะ ดูแลคดีที่รับมาตามกฎหมายจนจบคดี ผมคิดว่าถึงแม้ผม บังคับไม่ให้เธอดูแลคดีนี้
ตามนิสัยของเธอแล้ว เธอก็จะคอยติดตามคดีนี้ อยู่ดี ถ้ามีอะไรเกิดขึ้น เธอก็จะเข้ามายุ่งเกี่ยวอยู่ดี อีก อย่าง เป็นไปไม่ได้ที่จะไม่ให้เธอดูแลคดีนี้
ไอ้คนไร้ประโยชน์”
ซึ่งอวี่โมโหอย่างยิ่ง จึงด่าออกไป “ตอนนี้คุณจับตา จ้องเฉิงเหมิ่งไว้ให้ดี กักตัวเขาไว้ในห้องขังก่อน เรื่องหลัง จากนี้ผมจัดการเอง ส่วนร.ป.ภนั้นผมก็จะจัดการมันเอง”
“ครับ..”ฝานเฟิงรีบตอบทันที พอได้ยินเสียงวาง สายของซ่งอวี่ ฝานเฟิงถึงกล้าถอนหายใจออกมาอย่าง
ยาวๆ
“ก๊อกๆ”
ในขณะนี้ เสียงเคาะประตูดังขึ้นมาอีก
ฝานเฟิงนึกขึ้นมาได้ว่า ก่อนที่จะคุยโทรศัพท์ หวัง เฉินบอกว่ามีเรื่องจะขอเขา
ฝานเฟิงไม่อยากเจอหน้าหวังเฉินเลย ถ้าหวังเฉิน เป็นเพียงแค่ตำรวจทั่วไป ฝานเฟิงไล่ให้เธอออกไปตั้งนาน แล้ว แต่ตระกูลหวางในเย็นจีนไม่ใช่ผู้ที่เขาสามารถก่อ เรื่องด้วยได้
“เข้ามา”ฝานเฟิงตะโกนเช่นนี้ หวังเฉินจึงเข้ามา
ทันที
“เรื่องอะไร พูดมาเถอะ”ฝานเฟิงพูด เขาอยากให้ หวังเฉินรีบพูดรีบออกไปจากที่นี่
“ค่ะ ผู้บัญชาการตำรวจ”
หวังเฉินพูดอย่างมีพลังว่า “ผู้บัญชาการตำรวจ ฉัน ขอไปจับตัวซ่งอวีกับฟางเจิ้งที่โรงพยาบาลโรงพยาบาลเส
เหอ”
พอได้ยินสิ่งที่หวังเฉินพูด ฝานเฟิงรู้สึกอยากจะ
กระอักเลือด
“อะไรนะ เธอจะไปจับซ่งอวี่กับฟางเจิง”ฝ่านเฟิงพูด อย่างตกใจ
“ค่ะ”
หวังเฉินพูดว่า”ตอนที่พวกเราไปจับเฉิงเหมิ่ง เฉิงเห มิ่งพูดเองกับปากว่า ซ่งอวี่กับฟางเจิ้งสั่งให้เขาไปฆ่าฉิน หลังกับต้ายเฉียนโป๋ที่เป็นร.ป.ภของมหาวิทยาลัยเย็นจีน หลังจากที่เฉิงเหมิ่งทำพลาดไป ซ่งอวี่ได้สั่งลูกน้องหลาย คนไปไล่ฆ่าเฉิงเหมิ่ง และได้ฆ่าแฟนของเฉิงเหมิ่งที่ชื่อ เสี่ยวติงในห้องพักของเธออีกด้วย”
“ตามข้อมูลที่เฉิงเหมิ่งเปิดเผยออกมา ในระยะเวลา สามปีที่เขาทำงานให้กับซ่งอวี่ เขาช่วยซ่งอวี่ฆ่าไปทั้งหมด แปดคน หลังรักษาเขาให้หาย แล้วสภาพร่างกายเขาดีขึ้น เข้าจะบอกข้อมูลทั้งหมดนั้นให้พวกเราฟัง”
“ตามสิ่งที่พูดมาดังกล่าว ฉันคิดว่าซ่งอวี่และฟางเจิ้ งมีพฤติกรรมที่ผิดกฎหมายอย่างไร้แรง ฉันจึงมาขอให้รีบ จับตัวพวกเขามา เพื่อป้องกันไม่ให้ก่ออันตรายต่อ ประชากรคนอื่น”
พอฝานเฟิงได้ยินหวังเฉินพูดจบ เขารู้สึกว่าแย่แล้ว แน่ๆ การที่เธอปล่อยตัวฉินหลั่งไปเหมือนเพียงแค่เมนู เรียกน้ำย่อย นี่ถึงเป็นเมนูหลักของเธอ คิดจะไปจับตัวคุณ ชายซ่งและฟางเจิ้งในเวลาเดียวกัน
“หวังเฉินนี่เพียงแค่คำพูดของเฉิงเหมิ่งฝ่ายเดียว ความจริงเป็นยังไงตอนนี้เรายังไม่แน่ใจ เราไม่สามารถ ผลีผลามไปจับได้ เธอออกไปก่อน ถ้าไม่มีคำสั่งของผม ห้ามไปจับเด็ดขาด”ฝ่านเฟิงพูดเช่นนี้ ถ้าคนในสำนักเขาไป จับซ่งอวี่กับฟางเจิ้งมา บ้าตายพอดี
“ตอนที่เฉิงเหมิ่งพูดอยู่นั้น เขาอุ้มแฟนของเขาที่ เสียชีวิตไปแล้ว และได้สารภาพสิ่งที่เขาทำไปทั้งหมด ฉัน คิดว่าภายใต้สภาพนี้ คำพูดของเฉิงเหมิ่งมีความจริง อยู่90% ในเมื่อที่ซ่งอวี่สามารถจ้างและฆ่าคนไปเยอะ ขนาดนี้ นั้นก็เป็นหลักฐานให้เห็นว่าเขาเป็นบุคคลอันตราย อย่างยิ่ง คนอย่างนี้อยู่ในสังคมหนึ่งวินาที สำหรับ ประชากรก็เหมือนกับระเบิดที่จับเวลาไว้ ผู้บัญชาการ ตำรวจ ฉันขอไปจับตัวซ่งอวี่กับฟางเจิ้งกลับมาเดี๋ยวนี้”หวัง เฉินกล่าว
ปัง”ฝานเฟิงใช้ฝ่ามือดีบนโต๊ะทำงาน
“เธอเป็นผู้บัญชาการตำรวจหรือผมเป็นผู้บัญชาการ ตำรวจกันแน่ เป็นเพียงหัวหน้าเล็กๆกล้าแย่งคำสั่งของ หัวหน้าสูงสุดได้อย่างไร มหาวิทยาลัยความมั่นคง สาธารณะสอนเธอมายังไง เชื่อฟังตามคำสั่งเป็นหน้าที่ ของทหาร ก็เป็นหน้าที่ของตำรวจทุกคนเช่นกัน ออกไป”
ฝานเฟิงอยากใช้อำนาจผู้บัญชาการตำรวจของตน ทำให้หวังเฉินกลัว เพราะตอนนี้หวังเฉินกำลังหาเรื่องให้ เขาอยู่
“ผู้บัญชาการตำรวจ หน้าที่ของตำรวจคือ ” ลงโทษ และจับผู้ร้าย ปลอบและช่วยผู้ที่มีปัญหา’คำขวัญ คือ “บริการประชากรทั้งใจ ” นับตั้งแต่วันที่ฉันจำความได้ สองประโยคนี้ก็ฝั่งอยู่ในสมองของฉัน ฉันไม่มีวันลืม”
หวังเฉินพูดว่า”ฉันมีความเชื่อของตนเอง ดังนั้นฉัน จะไปจับซ่งอวี่และฟางเจิ้งสองคนที่โรงพยาบาลเสเหอ
ตอนนี้เลย”
พูดจบหวังเฉินก็หันหลังเดินออกไปจากห้อง
“กลับมา เธอกลับมาเดี๋ยวนี้นะ”ฝ่านเฟิงตะโกนเช่น นี้ แต่หวังเฉินไม่ได้หยุดเดิน เธอก้าวเท้าเดินออกไปอย่าง มุ่งมั่น
Please enter a description
Please enter a price
Please enter an Invoice ID
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ