รวยชั่วข้ามคืน?

บทที่ 105 ขอโทษค่ะคุณย่า



บทที่ 105 ขอโทษค่ะคุณย่า

“หนูจะไปรู้หลานชายที่ไม่เอาไหนของท่าน ว่าไปไหนได้ยังไงกันล่ะคะ? “เผิงหยู่พูดจาหยอก ล้อใส่หลิ่วเหวินฮัว เธอรู้ดีว่าที่ตนกับพี่ชายได้รับ ความชื่นชอบจากคุณย่ามันไม่เหมือนกับเผิงเมิ่งที่ เป็นพี่สาวลูกพี่ลูกน้องกัน ซึ่งได้รับความเอ็นดู เพราะพวกเขามีผลงานเป็นที่ประจักษ์ในด้าน ธุรกิจของตระกูล ส่วนพวกเขาก็แค่ขี้อ้อน ทำให้ คุณย่าอารมณ์ดี ดังนั้นพวกเขาสองพี่น้องจึงกล้า หยอกล้อกับหลิ่วเหวินฮันโดยที่คนอื่นไม่กล้าทำ

“คุณย่า ท่านไม่เห็นข้างกายหนูมีคนเพิ่มมา หนึ่งคนหรือคะ?”

ได้ยินเผิงหยู่พูดจบ หลิ่วเหวินฮัวจึงได้ สังเกตเห็นด้านหลังเผิงหยู่มีชายหนุ่มมาดเข้มที่ กำลังส่งยิ้มมาให้ตนอยู่ตลอดเวลา

“เขาก็คือหลานเขยที่หนูหามาให้ท่านยังไง ล่ะคะ ชื่อฟางหลุน เป็นคนเซินเจิ้น บ้านพวกเขา เปิดบริษัทด้านอินเตอร์เน็ต รายละเอียดหนูก็ไม่ ค่อยรู้เรื่องสักเท่าไหร่ แต่ยังไงก็ติดหนึ่งในยี่สิบ ของธุรกิจที่ยอดเยี่ยมได้ไม่มีปัญหาค่ะ”เผิงหยู่ ควงแขนฟางหลุน พลางยิ้มหวานระรื่น
“สวัสดีครับคุณย่าหลิ่ว”ฟางหลุนยิ้มพลาง ยื่นมือไปหาหลิ่วเหวินฮัวด้วยท่าทางสุภาพ

“สวัสดีจ้า”หลิ่วเหวินฮัวจับมือกับฟางหลุน ดวงตาที่คมแหลมได้สำรวจฟางหลุนอยู่ ซึ่งมีราศี ของลูกเศรษฐีจริงๆ

หลิ่วเหวินฮัวก็ได้ถามไถ่เรื่องของฟางหลุน โดยประมาณ ซึ่งฟางหลุนตอบได้อย่างดี จึงได้ รับคำชื่นชมจากหลิ่นเหวินฮัวเป็นอย่างมาก

“หลานสาวของฉันคนนี้ซุกซนมาก อย่าเห็น เธอมีอายุยี่สิบปีแล้วนะ แต่เวลาทำอะไรเหมือน เด็กมอปลายไม่มีผิด ขอให้เสี่ยวฟางดูแลและใจ กว้างต่อเธอหน่อยนะ”หลิ่วเหวินฮัวพูดคุยกับฟาง หลุนอย่างยิ้มแย้ม

“ท่านวางใจได้ครับ ผมชอบเสี่ยวหยู่ที่ไร้ เดียงสาอย่างนี้แหละครับ พวกเราเข้ากันได้มาก ครับ”ขณะที่ฟางหลุนพูด สายตายังคงเหลียวไป มองเผิงหยู่ด้วย ซึ่งเป็นแววตาที่เต็มเปี่ยมไปด้วย ความรักที่หวานชื่น

คนอื่นที่เห็นภาพนี้ต่างรู้สึกอิจฉามาก หลิว เหวินฮิวเพิ่งจะเจอฟางหลุนครั้งแรก แต่กลับมี ท่าทางอย่างเกรงใจต่อเขา เมื่อฟังจากน้ำเสียง ราวกับยอมรับในตัวฟางหลุนว่าเป็นหลานเขยเสียแล้ว

พวกเขาไม่ได้คัดค้าน ชาติตระกูลของฟาง หลุนก็เหมาะสมกันดีกับตระกูลเผิง และที่สำคัญ ดูแลในอนาคตฟางหลุนต้องเป็นผู้ที่มีผลงานอัน ยิ่งใหญ่แน่นอน อนาคตตระกูลฟางต้องมีความ เจริญก้าวหน้าอย่างยั่งยืนแน่นอน จึงทำให้หลิ่ว เหวินฮัวที่ไม่ค่อยจะชื่นชมและเอ็นดูคนไปเรื่อย ยังต้องพูดผูกไมตรีอีกด้วย

หลีหยิงที่ยืนอยู่ด้านข้าง ซึ่งเป็นแม่ของ เผิงหยู่ยิ่งดีใจเข้าไปอีก

“อย่างนี้ก็ดีเลย พวกหนูสองคนไปเล่นกัน เถอะ”หลิ่วเหวินฮัวยิ้มเรียบๆให้ฟางหลุน พลาง มองหลีหญิงแวบหนึ่ง”ลูกสาวของเธอฉลาด ดูสิ อีกสองปีก็จะแต่งงานกันแล้ว”

“ยัยนี่ …”หลีหญิงยิ้มอย่างเขินอายด้วย ท่าทางที่เสแสร้ง แต่ในใจของเธอกลับดีใจที่สุด ทำไมเธอจะฟังความหมายของหลิ่วเหวินฮัวไม่ ออก มันคือการสื่อถึงความพอใจในตัวฟางหลุน และชื่นชมที่ตนได้คลอดลูกสาวที่แสนดีให้กับตระ กูลเผิง

หลิวเหวินฮัวพูดจบก็ค่อยๆเดินห่างออกไป เธอเดินไปอยู่ด้านหน้าของหานเยว่ หานเยวรีบกัมหัวคำนับ เพื่อแสดงถึงความเคารพต่อหลิ่วเห วินฮัว

“สำออย” หลีหญิงด่าอยู่ในใจหนึ่งประโยค

เธอกับหานเยว่ไม่ถูกกันมาโดยตลอด พูด ให้ถูกก็คือเธอไม่ชอบหานเยว่เสมอมา สาเหตุ หลักก็คือเผิงเมิ่งลูกสาวของหานเยว่ ตั้งแต่เล็ก ยันโต ไม่ว่าจะด้านการศึกษาหรือด้านการสร้าง ผลงานก็ล้วนอยู่เหนือกว่าลูกชายลูกสาวของเธอ คู่นี้

“เผิงเมิ่งล่ะ ? ทำไมเธอยังไม่มาอีก ? ไม่ใช่ ว่าเบื่อที่ฉันเร่งให้เธอมีแฟนหนุ่มไปหลายครั้ง จน เธอไม่เห็นด้วยกับฉันนะ ? “หลิ่วเหวินฮัวถามหา นเยว่ด้วยรอยยิ้ม

“ไม่ใช่แน่นอนค่ะคุณแม่ ท่านคิดมาก แล้ว” หานเยวรีบปฏิเสธ”เมื่อกี้นี้หนูได้โทรหาลูก แล้ว ตอนนี้กำลังอยู่ระหว่างเดินทางมาที่นี่ค่ะ น่า จะใกล้ถึงแล้วค่ะ”

“อย่างนี้ก็ดี หนูเป็นแม่ต้องสนใจให้มากๆนะ หนูดูสิ เผิงหยู่มีแฟนหนุ่มแล้ว บอกเผิงเมิ่งให้รีบ หาสักคนเถอะ”หลิ่วเหวินฮัวกล่าวแนะนำ หานเยว่ ตอบอย่างมีสัมมาคารวะหนึ่งคำ”ค่ะ”
“ดูเหมือนว่าเมื่อเทียบกับคุณแล้ว คุณย่า คุณให้ความสำคัญกับพี่สาวคุณมากกว่านะ”ฟาง หลุนมองหลิ่วเหวินฮัวกับหานเยว่คุยกัน พลางยิ้ม พูดกับเผิงหยู่อย่างสบายใจ

“เชอะ ดูออกแล้ว คุณถนัดที่จะให้ฉันโกรธ นะ นิสัย ! “เผิงหยู่หยิกที่เอวของฟางหลุน เธอ จ้องมองหานเยว่พูดพึมพำว่าเสียงเบาว่า “ตั้งแต่ เล็กจนโต ไม่ว่าพี่สาวจะทำอะไรก็จะเหยียบพวก เราทุกคน ลงไปหมด คุณย่าเอ็นดูเธอเป็นพิเศษ สองปีมานี้ แอบหาคู่ครองให้พี่สาว ซึ่งแสดงความ หมายได้อย่างชัดเจนว่าคุณย่าจะมอบธุรกิจของ ตระกูลเผิงให้แก่พี่สาวที่เป็นลูกพี่ลูกน้อง พวกเรา และคนอื่นๆจึงรับไม่ได้เลย”

“ออ ? “ฟางหลุนยิ้มอย่างโดดเด่น” คุณ วางใจเถอะ มีผมอยู่ ครั้งนี้คุณจะไม่แพ้ให้กับพี่ สาวคุณอีก”

“อืม”เผิงหยู่ควงแขนของฟางหลุน พลาง ยิ้มอย่างหวานแหวว”แน่นอนอยู่แล้ว คุณเก่ง ขนาดนี้บนโลกใบนี้จะไปใครที่เก่งกว่าคุณได้อีก ล่ะ ? ฉันไม่เชื่อหรอกว่าครั้งนี้พี่สาวจะชนะฉันได้ ให้เธอฝันไปเถอะ !

ฟางหลุนจับไหล่ของเผิงหยู่เบาๆ ดวงตาของเขากลายเป็นลุ่มลึก อีกทั้งยังเผยแสงชั่วร้าย ออกมาด้วย ในเมื่อเขาจะกลายเป็นลูกเขยบ้าน ตระกูลเผิง เขาจึงไม่มีทางให้หลิ่วเหวินฮัวมอบ ตระกูลเผิงให้คนอื่นเด็ดขาด

บัดนี้ ตรงที่ไกลออกไปมีแสงไฟสอดส่อง เข้ามา จากนั้นรถบีเอ็มดับเบิลยูสีขาวก็ค่อยๆขับ เข้ามาใกล้

“เมิ่งเมิ่งมาแล้ว”ประตูบ้านตระกูลเผิงมีชาย หนุ่มคนหนึ่งพูดเสียงดังออกมา ปกติเขาก็ไม่ได้ รับความเอ็นดูจากหลิ่วเหวินฮัวเช่นกัน บัดนี้อยาก จะพึ่งพาการมาถึงของเผิงเมิ่งเพื่อดึงดูดการมีตัว ตนของเขาให้คนอื่นรับรู้

ทุกคนจ้องมองไปนอกประตู จึงเห็นเผิงเมิ่ง ค่อยๆขับรถมาจอดอยู่ทางด้านขวามือของประตู ใหญ่ หลายนาทีผ่านไป เผิงเมิ่งเดินมาด้านหน้า ประตู จากนั้นเปิดประตูเล็กของประตูเหล็กแฟนซี ออกแล้วเดินเข้ามา ด้านหลังเธอยังมีผู้ชายหนึ่ง คนกับผู้หญิงหนึ่งคนตามมาด้วย

เมื่อเห็นเผิงเมิ่ง ดวงตาฟางหลุนก็เป็นสว่าง ขึ้นมา เธอช่างสวยงามเหลือเกินเธอสวมใส่เสื้อ ยืด ขาวเรียวยาวที่ทั้งขาวและตรงราวกับทำมา จากหยกยังไงอย่างนั้น หน้าทรงไข่ของเธอโดดเด่นเป็นพิเศษ ฟางหลุนเคยเห็นดาราสาวมาไม่ น้อย แต่เขารู้สึกว่าเผิงเมิ่งสวยกว่าคนพวกนั้น มาก น่าจะมีเพียงพวกที่สวยระดับประเทศอย่าง ฟ่านปิงปิง หลิว อี้เฟย์ ถึงจะสามารถเทียบความ สวยของเผิงเมิ่งได้

เผิงเมิ่งเดินเข้ามาทักทายญาติๆที่อยู่ใน ลานบ้าน ไม่นานเธอก็เดินเข้าไปด้านหน้าของ หลิวเหวินฮัว”คุณย่าค่ะ หนูมาสายแล้ว”

“สายก็ไม่เป็นอะไร ย่ายังคิดอยู่เลยว่าหนู รำคาญที่ย่าเร่งให้หนูหาแฟน เลยไม่มาแล้ว”หลิ่ว เหวินฮัวไม่ได้โกรธเลยแม้แต่น้อย เผิงเมิ่งเป็น ความภาคภูมิใจของเธอมาตั้งแต่เด็กแล้ว เธอ รู้สึกว่าเผิงเมิ่งเป็นผู้มีความสามารถที่สุดในบรรดา ลูกหลานของเธอ ดังนั้นเธอจึงมีเจตนาเพื่อฝึกฝน

ให้เธอลองเป็นผู้นำดูแลธุรกิจของตระกูล

“ไม่ใช่ค่ะ คุณย่าคิดมากแล้ว”เผิงเมิ่งพูด อย่างยิ้มแย้ม

“คุณย่าค่ะ หนูมาเยี่ยมท่านอีกแล้วค่ะ มา กินข้าวบ้านท่านอีกแล้ว ท่านไม่ไล่หนูไปใช่ไหม คะ ? “กู่ซาเดินมาตรงหน้าหลิ่วเหวินฮัว เธอกับ เผิงเมิ่งเป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่อนุบาล จึงคุ้นเคย กับหลิ่วเหวินฮัวเป็นพิเศษ ดังนั้นเผิงเมิ่งจึงสามารถพาเธอมาร่วมงานเลี้ยงของตระกูลได้

หลิ่วเหวินฮัวพูดกับกู่ซาไปหลายประโยค บัดนี้เธอถึงสังเกตเห็นด้านหลังเผิงเมิ่งมีผู้ชายคน หนึ่งยืนอยู่ และในเวลาเดียวกันทุกคนต่างคาด เดาและตีความว่าผู้ชายคนนี้มีสถานะเป็นอะไร

ผู้ชายคนนี้แต่งกายธรรมดา น่าจะมาจาก ชนบทใช่ไหม ? แต่ทำไมเผิงเมิ่งจึงพาเขามาร่วม งานเลี้ยงของตระกูลได้ล่ะ ? ทุกคนไม่ได้มองเขา เป็นแฟนหนุ่มของเผิงเมิ่ง เพราะไม่ว่าจะดูยังไง ผู้ชายคนนี้กับเผิงเมิ่งมันเหมือนอยู่กันคนละโลก เลย

“เมิ่งเมิ่ง คนนี้คือ ? “หลิ่วเหวินฮัว เกา สถานะผู้ชายคนนี้ไม่ออก จึงได้ถามเผิงเมิ่ง

“เออ…”เผิงเมิ่งถอยมาอยู่ด้านข้างฉินหลั่ง กำลังจะอธิบายให้หลิ่วเหวินฮัวฟังว่าฉันหลังเป็น เพียงเพื่อนคนหนึ่งเท่านั้น แต่เธอยังไม่ทันได้เอ่ย ปากพูด กู่ซากชิงพูดไปเสียก่อนแล้ว

“เขาเหรอค่ะ เขาเป็นนักศึกษายากจนที่เผิง เมิ่งอุปการะในมหาวิทยาลัยจีนหลิง ปกติเขาต้อง ใช้ชีวิตอย่างประหยัด ได้ไปกินข้าวที่ร้านอาหาร น้อยมาก วันนี้เผิงเมิ่งบอกกับหนูว่าอยากพาเขา มาร่วมงานเลี้ยงของตระกูล เพื่อให้เขาเปิดหูเปิดตาบ้าง หนูคิดว่าเป็นเรื่องดี พวกหนูจึงรับเขามา จากมหาวิทยาลัยจีนหลิง แล้วมาด้วยกันค่ะ”กุซ่า พูดอธิบายให้หลิ่วเหวินฮัวฟัง เพราะเธอมี ประสบการณ์มาจากงานวันเกิดของเผิงหนานครั้ง ที่แล้ว กุซ่าจึงกลัวเผิงเมิ่งบอกหลิ่วเหวินฮัววาฉิน หลั่งเป็นแฟนหนุ่มของเธอ ถ้าเป็นเช่นนี้จะถูกหลิ่ว เหวินฮัวด่าตายแน่ และถูกญาติพี่น้องของเธอ กดขี่ข่มเหงอีกด้วย

“ที่แท้เป็นอย่างนี้นี่เอง”หลิ่วเหวินฮัวพยัก หน้าด้วยความชื่นชม คนอื่นก็เข้าใจทันทีและได้ กระซิบกระซาบอยู่ด้านข้าง

“มองจากการแต่งกายของเขาก็รู้ว่าเป็นคน ชนบท สามารถมาร่วมงานเลี้ยงของตระกูลเราก็ ถือว่าเป็นการเปิดหูเปิดตาได้ดีทีเดียว….”

“เมิ่งเมิ่งมีจิตใจเมตตามากเกินไปแล้ว อย่างพวกนักศึกษายากจน แค่ช่วยเหลือด้านทุน การศึกษาก็ถือว่าประเสริฐมากแล้ว การที่พาเขา มาร่วมงานเลี้ยงของตระกูลก็เกินไปหน่อย ไม่สู้ ให้เงินเขาหนึ่งพันหยวน แล้วให้เขาไปกินข้าวที่ ร้านอาหารหนึ่งมื้อจะดีกว่า”

“บ้านเราช่วยเหลือเขาตั้งมากมาย เขาต้อง ตั้งใจเรียนให้มากๆ หลังจากเรียนจบมหาวิทยาลัยแล้วจะได้หางานดีๆทำกัน ถึงจะไม่ เสียแรงที่พวกเราให้ความช่วยเหลือกับเขา ตอนนี้ ในสังคมเต็มไปด้วยคนที่ได้ทุนการศึกษาแล้ว ใช้ จ่ายสุรุ่ยสุร่าย หวังว่าเขาจะไม่ใช่คนอย่างนั้น

นะ..”

ได้ยินสิ่งที่ก่ซาพูด เผิงเมิ่งรู้สึกไม่พอใจที่ เธอจงใจกดฉินหลั่งให้ต่ำลง เธอมองฉินหลั่งแวบ หนึ่ง

เธออดไม่ได้ที่จะหยุดชะงัก เพราะเห็นฉิน หลั่งไม่มีท่าทางโกรธกับความดูถูกของคู่ซ่าและ พวกญาติๆเลยแม้แต่นิด แต่กลับเงียบสงบอย่าง เป็นธรรมชาติ

หัวใจของเผิงเมิ่งเริ่มไหวหวั่นขึ้นมา

เมื่อเธอรู้สึกเช่นนั้น จึงหันไปหาหลิ่วเหวิน ฮัว”คุณย่าค่ะ ท่านอย่าไปเชื่อคำพูดล้อเล่นของกู่ ซาเลยค่ะ เขาไม่ใช่นักศึกษายากจนสักหน่อย ที่ จริงแล้ว…ที่จริงแล้วเขาเป็นแฟนของหนูเอง ค่ะ ! ” %3D

เผิงเมิ่งกัดฟัน ในที่สุดเธอก็พูดออกมาจน ได้ เธอไม่กล้าสบตาฉินหลั่ง เพราะกลัวว่าเขาจะตำหนิตน เวลานี้เผิงเมิ่งกลัวฉินหลังจะยืนออกมา เปิดโปงคำหลอกลวงของเธอเป็นอย่างมาก

ได้ยินคำพูดของเผิงเมิ่ง ฉินหลั่งรู้สึกตก ตะลึงเล็กน้อย มุมปากเผยรอยยิ้มฝืดๆออกมา ตอนที่เขารับปากเผิงเมิ่งจะมาร่วมงานเลี้ยงก็น่า จะเดาได้แล้ว เพียงแต่เขาไม่ยอมที่จะคิดให้ตัว เองเข้าใจก็เท่านั้นเอง

หลิวเหวินฮัวก็เหมือนกับคนอื่นๆที่รู้สึก มึนงงมาก

“เมิ่งเมิ่ง หนูว่าเขาเป็นแฟนหนูเห

รอ ! “หลิ่วเหวินฮัวถามเผิงเพิ่งด้วยสีหน้าจริงจัง บัดนี้ดวงตาที่เฉียบแหลมของเธอได้ฉายบารมี และความโกรธออกมา ไม่ว่าความจริงจะเป็นยัง ไง เธอเชื่อว่าเผิงเมิ่งอ่านความคิดของเธอออก แล้ว เธอต้องการให้เผิงเมิ่งตอบปฏิเสธ

“ค่ะ”ถึงแม้เผิงเมิ่งจะรู้สึกหวาดกลัว แต่เธอ จะไม่ถดถอยเด็ดขาด ซึ่งจุดนี้เธอเหมือนหลิ่วเห วินฮัวราวกับแกะ เธอพยายามให้ตนยิ้มออกมา เพื่อคลี่คลายบรรยากาศที่น่าตึงเครียดนี้ “หนูมา แนะนำให้ท่านรู้จักนะคะ เขาชื่อฉินหลัง…”

“ไม่ต้องแล้ว….”ตั้งแต่ที่เส้เหวินจึงพูดกับ เผิงเมิ่งก็ไม่ได้มองฉินหลั่งแม้แต่แวบเดียวอีกเลย ในสายตาของเธอ การที่เผิงเมิ่งคบกับฉิน หลั่งเป็นเรื่องตลกสิ้นดี”เมิ่งเมิ่ง วันหลังไม่ต้อง เจอหน้าเขาอีกนะ โอเค งานเลี้ยงตระกูลจะเริ่ม แล้วให้เขาออกไปเถอะ”

พูดจบ หลิ่วเหวินฮัวก็เตรียมจะหันหลังจาก ไป เธอได้ตัดสินผลสุดท้ายในเรื่องนี้เรียบร้อย แล้ว

“คุณย่าค่ะ หนูชอบเขาจริงๆนะ”

ได้ยินคำพูดของเผิงเมิ่ง หลิ่วเหวินฮัวก็หัน กลับมากะทันหัน เผิงเมิ่งทำเช่นนี้ก็เท่ากับต่อต้าน เธอย่างเปิดเผยต่อสาธารณชน ในตระกูลเผิงไม่มี ใครกล้าทำอย่างนี้ ถ้าหากเป็นคนอื่น หลิ่วเหวิน ฮัวคงจะอาละวาดไปยกใหญ่เสียแล้ว แต่นี่คือ หลานเผิงเมิ่งที่เธอให้ความเอ็นดูมากที่สุด

“เมิ่งเมิ่ง หนูน่าจะเข้าใจว่าทำไมย่าถึงให้ หนูเลิกกับเขา ย่าไม่อยากพูดเป็นครั้งที่สองนะ ให้เขากลับไปเถอะ”หลิ่วเหวินฮัวกดเพลิงโกรธใน ใจเอาไว้ พลางพูดขึ้นมา

“คุณย่าหวังดีกับหนูนะ เชื่อฟังคุณย่าเร็ว หรือรอให้เขาเรียนจบแล้ว บ้านเราช่วยเขาหางาน ที่ดีทำก็ได้ ตอนนี้ให้เขากลับไปเถอะลูก…..”บัดนี้ หานเยว่ก็รีบเดินเข้ามาหาเผิงเมิ่งเพื่อห้ามปรามการยั่วโมโหหลิ่วเหวินฮัวเป็นเรื่องใหญ่ของ ตระกูลเลยทีเดียว

“ขอโทษค่ะ คุณย่า”เผิงเมิ่งยังคงปฏิเสธคำ แนะนำของหลิ่วเหวินฮัว

“หนู-“หลิ่วเหวินฮัวจ้องมองเผิงเมิ่ง เธอไม่ ได้โกรธมากอย่างนี้มาหลายปีแล้ว แต่เมื่อเห็น แววตาที่แน่วแน่ของเผิงเมิ่ง หลิ่วเหวินฮัวก็ไม่รู้ว่า ควรจะพูดอย่างไรดี

“ดูลูกสาวที่เธอคลอดสิ”หลิ่วเหวินฮัวมอง มาทางหานเยว่ พลางพูดหนึ่งประโยคด้วยอัดอั้น ที่ไม่มีที่ให้ระบายอารมณ์


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ