บทที่ 161 เรือสำราญราคาร้อยล้านล่มลงอย่าง ง่ายดาย
“ฉินหลั่ง” ในขณะที่ฉินหลั่งกำลังยืนเหม่อมอง ออกไปในท้องทะเลตรงหน้า มีเสียงเรียกแผ่วเบาดังขึ้น มาที่ข้างหู ฉินหลั่งหันหลังกลับมามอง จึงเห็นว่าจางเจีย ซินกำลังมองมาที่ตนเองด้วยสีหน้ารู้สึกผิด
“ขอโทษค่ะ เมื่อตะกี้ฉันใจร้อนเกินไป ฉันไม่ควร
จะทำร้ายคุณ ฉันมันนิสัยไม่ดีจริงๆเลย”จางเจียซิน คุกเข่าลงบนพื้น น้ำตาปริ่มอย่างน่าสงสาร ทำให้คนที่ เห็นอดที่จะใจอ่อนไม่ได้
“ช่างเถอะ ยังไงก็ลงไปไม่ได้แล้ว พูดไปก็ไม่มี ประโยชน์แล้ว” ฉินหลังตอบเสียงเรียบ ท้องทะเลกว้าง ตรงหน้า ทำให้อารมณ์ของเขาสงบลง
“ใช่แล้ว ในเมื่อขึ้นมาแล้ว ก็ต้องสนุกเข้าไว้ ไอ้ ลมพายุนั่นจะมาถึงเมื่อไหร่ก็ไม่มีใครรู้ แล้วอีกอย่าง ฉัน ก็ไม่เชื่อว่าพวกเราจะดวงไม่ดีถึงขนาดที่พายุนั่นจะพัด มาทางฝั่งเราโดยเฉพาะ”จางเจียซินยิ้มละไม เธอพูด อย่างไม่ร้อนใจ
“ถ้าเป็นอย่างนี้ คุณก็อย่ามัวแต่มานั่งอยู่ที่นี่เลย ค่ะ มันน่าเบื่อจะตาย นั่นไง ตรงนั้นมีสระว่ายน้ำ ฉันรู้ว่า คุณว่ายน้ำเป็น แล้วฉันก็เอาห่วงยางมาด้วยแล้ว คุณช่วย สอนฉันว่ายน้ำหน่อยได้ไหมคะ”จางเจียซินพูดออดอ้อน
“คุณไม่ได้เอาชุดว่ายน้ำมาด้วย สอนไปก็เปล่า ประโยชน์ ผมว่าคุณไปสมัครเรียนคอร์สว่ายน้ำ ดีกว่าที่ จะให้ผมสอนให้นะครับ”ฉินหลั่งนั่งบนดาดฟ้าของเรือ สำราญ แล้วพูดตอบอย่างขบขัน
“คุณสอนฉันหน่อยสิคะ ยังไงก็ว่างๆกันอยู่”จาง เจียซินไม่สนใจว่าฉินหลั่งจะพูดว่ายังไง เธอรีบดึงฉิน หลั่งลุกขึ้นมา “ถ้าคุณไม่ยอมสอนฉันงั้นจดหมายของเส้ เหวินจึ้งคุณก็ไม่ต้องอ่านแล้ว”
ฉินหลั่งจนใจจึงยืนอยู่บนดาดฟ้า แล้วสอนการ ว่ายน้ำพื้นฐานให้กับจางเจียซิน หลังจากที่จางเจียซินทำ ตามท่าทางไปได้สักพัก เธอก็เริ่มมีท่าทางสนอกสนใจ ขึ้นมา
“คุณยังจะบอกว่าตัวเองสอนไม่เป็นอีก ฉันว่าคุณ สอนดีกว่าพวกครูฝึกสอนว่ายน้ำซะอีก”จางเจียซินพูด หยอกล้อ ก่อนจะยกห่วงยางขึ้นมา เตรียมจะครอบลงบน ตัวของฉินหลั่ง
“เอาห่วงยางมาให้ผมทำไม ผมไม่ได้บอกว่าจะลง น้ำด้วย”ฉินหลั่งยกมือขวางไว้ก่อนจะพูด
“โธ่ คล้องห่วงไว้ให้ฉันดูหน่อยสิคะ มันไม่ใช่ว่า จะเป็นอะไรสักหน่อย” จางเจียซินตอบกลับ ก่อนจะครอบ ห่วงยางลงบนตัวของฉินหลั่ง
“ทำไมบนห่วงยางต้องมีเชือกมัดไว้ด้วย “ตอนที่ ฉินหลั่งเห็นว่าบนห่วงยางที่อยู่บนตัวเขามีเชือกมัดไว้ ด้วย เขาก็ยิ่งไม่เข้าใจเข้าไปใหญ่
“ฉันเองก็ไม่รู้ค่ะ มันเป็นของมันตั้งแต่แรกแล้ว อย่าสนใจเลยค่ะ คุณสอนฉันต่อเถอะ” สีหน้าของจาง เจียซินดูตื่นตกใจเล็กน้อย ก่อนจะรีบพูดเปลี่ยนประเด็น “จริงสิคะ คุณสอนฉันมาตั้งนาน คงจะเหนื่อยแล้ว เดี๋ยว ฉันช่วยคุณนวดไหล่มานั่งตรงนี้เลยค่ะ”
“ไม่ต้อง..”ฉินหลั่งกำลังจะพูดปฏิเสธไป แต่กลับ ถูกจางเจียซินลากตัวมานั่งลงข้างราวเรือ โดยหันหน้า ไปทางท้องทะเล แล้วจางเจียซินยืนอยู่ด้านหลัง
“สบายตัวไหมคะ คุณอย่าเกร็งตัวสิคะ เดี๋ยวฉัน ช่วยคุณนวดไหล่..”จางเจียซินพูดเสียงเบา ก่อนจะ ค่อยๆนั่งยอง แววตาของเธอเคร่งเครียด สองแขนของ เธอจับขาของฉินหลั่งไว้ทั้งสองข้าง ก่อนจะออกแรงยก ขาของฉินหลั่งขึ้นแล้วผลักฉินหลั่งให้ล่วงลงไปในทะเล
“เฮ้ย”ฉินหลั่งคาดไม่ถึงว่าจางเจียซินจะคิดร้าย กับตนเอง ตอนที่เขารู้สึกตัว เขาก็ล่วงลงจากราวเรือแล้ว ร่างกายของเขาหล่นลงไปในทะเลอย่างรวดเร็ว พอมี เสียง”บูม”ดังขึ้นมา ฉินหลั่งก็ตกน้ำไปแล้ว โชคยังดีที่ เขามีห่วงยางคล้องไว้ ทำให้ฉินหลั่งถูกเชือกลากไปใน ทะเล รอบกายของฉินหลังมีน้ำทะเลกระเซ็น จนทำให้ เขาลืมตาขึ้นมาลำบาก
ในขณะเดียวกัน บนเรือสำราญ จางเจียซินได้ผูก เชือกไว้กับราวเรือ ก่อนที่เธอจะหันหลังไปมองอย่างดีใจ เห้อหยู่เฉินเดินตบมือเข้ามาอย่างพึ่งพอใจ โดยมีอีก หลายคนเดินตามมาด้วย
พวกเขาพากันมองไปทางฉินหลั่งที่ลอยอยู่ในทะเล คนพวกนี้ล้วนแต่เป็นบรรดาคุณชายที่มีหน้ามีตา ในสังคม จึงไม่คิดว่าเรื่องพวกนี้จะเป็นเรื่องอันตราย อะไรเลย และพวกเขายังรู้สึกสนุกมากด้วย มีเน็ตไอดอล ที่จิตใจดีบางคน มองไปทางฉินหลั่งที่ถูกลากไปตาม ทางในทะเล และอาจจะมีอันตรายถึงชีวิตได้ตลอดเวลา แต่พวกเธอกลับช่วยอะไรไม่ได้ จึงปิดปากแล้วเริ่ม ร้องไห้ขึ้นมา
“ทำได้ดีมากครับ คุณทำได้ดีมากกว่าที่ผมคิดไว้ ทำไมผมถึงคิดวิธีที่ดีแบบนี้ไม่ออกนะ” เห้อหยู่เฉินดึง จางเจียซินเข้ามาในอ้อมกอด
“ขอบคุณค่ะคุณชายเห้อ คุณชายเห้อคะ ตอนนี้ ฉันเป็นแฟนคุณได้แล้วใช่ไหมคะ”จางเจียซินขยับเข้าไป ในอ้อมกอดของเห้อหยู่เฉิน เธอรู้สึกอบอุ่นมาก และรู้สึก ปลอดภัยมาก ตอนนี้เธอได้ทำตามที่เห้อหยู่เฉินบอกให้ ทำแล้ว เธอจะต้องได้เป็นผู้หญิงของเห้อหยู่เฉินตามที่ คาดหวังไว้แล้ว
“แน่นอนครับ” เห้อหยู่เฉินสบตากับจางเจียซิน แล้วพูด “เจียซิน คุณบอกผมหน่อยสิ เมื่อตะกี้คุณหลอก ให้เขาตกลงไปในทะเลได้ยังไงกัน”
“ง่ายมากค่ะ ฉันก็แค่พูดกับเขา ว่าฉันอยากเรียน ว่ายน้ำ ให้เขาช่วยสอนฉันว่ายน้ำ รอจนเขาคล้องห่วง ยางเรียบร้อย ฉันก็ใช้แรงทั้งหมดผลักเขาตกลงไปในน้ำ เลยค่ะ” จางเจียซินบอกเห้อหยู่เฉินด้วยดวงตาเป็น ประกาย ในเวลานี้เธอกำลังตกอยู่ในความดีใจที่ได้เป็น แฟนของเห้อหยู่เฉิน จึงลืมไปเลยว่าสิ่งที่เธอทำอาจจะทำให้ฉินหลั่งเสียชีวิตได้
“อ๋อ อย่างนี้ใช่ไหม”ในตอนนี้เอง เห้อหยู่เฉิน หยิบห่วงยางข้างๆขึ้นมา แล้วคล้องไปที่ตัวของจางเจีย ซิน
“ใช่ค่ะ อย่างนี้เลยค่ะ ในตอนนั้นเขายังไม่รู้
ตัว .”จางเจียซินตอบเสียงหวาน ก่อนที่เธอจะรู้สึกว่าแวว ตาของเห้อหยู่เฉินดูแปลกไป ทำให้เธอรู้สึกตกใจ “คุณ ชายเห้อคะ…
“ลงไปซะ” แววตาของเห้อหยู่เฉินเปลี่ยนไปทันที เขาอุ้มจางเจียซินขึ้นมา ก่อนจะโยนเธอลงทะเลอย่าง เลือดเย็น
ถูกต้องแล้ว เห้อหยู่เฉินนึกถึงตอนที่ตนเองถูกผู้ หญิงที่รักหักหลังจนต้องร้องไห้จนเสียความเป็นตัวเอง นั่นเป็นเหตุผลที่เขาอยากจะเห็นผู้ชายคนอื่นได้รับรู้ ความรู้สึกที่เขาเคยเป็นก่อนหน้านี้ และสิ่งที่เขาเกลียด มากที่สุดก็คือผู้หญิงชั่วช้าอย่างหลิวอันฉี เขาเห็นเงา ของหลิวอันฉีในตัวของจางเจียซิน เขาเคียดแค้นหลิว อันฉีจนแทบตาย จะยอมใจอ่อนกับจางเจียซินได้ยังไง กัน
“กร็ด” จางเจียซินกรีดร้องออกมาอย่างตกใจร่าง ของเธอตกลงไปในทะเลอย่างรวดเร็ว ก่อนจะมี เสียง”ตูม”ดังขึ้นมา จางเจียซินถูกน้ำทะเลเข้าตาหูจมูก เดิมทีเธอก็ว่ายน้ำไม่เป็นอยู่แล้ว ที่สำคัญ ห่วงยางที่ คล้องอยู่บนตัวไม่ได้ผูกเชือกไว้ จางเจียซินตกใจกลัว คิดว่าชีวิตเธอคงจะไม่รอดแล้วแน่ๆ
ในขณะที่ที่เธอกำลังสำลักน้ำทะเล แล้ว ตะเกียกตะกายจนใกล้จะหมดแรง มีมือข้างหนึ่งดึงคอ เสื้อของเธอไว้ ทำให้จางเจียซินรู้สึกเหมือนได้รับแสง สว่างในความมืดมิด เธอคว้ามือนั้นไว้สุดแรงที่มีอยู่
มือที่ยื่นเข้ามาดึงคอเสื้อของจางเจียซินไว้คือมือ ของฉินหลั่งนั่นเอง ห่วงยางบนตัวของฉินหลั่งมีเชือกมัด ไว้ ขอแค่เขาควบคุมการหายใจไว้ได้ และมั่นใจว่าตัวเอง จะไม่หลุดออกจากห่วงยาง เขาก็ไม่จำเป็นต้องใช้แรง อะไรมาก เมื่อตะกี้เขาเห็นว่ามีร่างของคนตกลงมาใน ทะเลอีกคน ฉินหลั่งไม่ทันได้คิดอะไรมาก พอเห็นว่าอีก ฝ่ายตกลงมาไม่ไกลจากตัวเอง สามารถช่วยอีกฝ่ายได้ เขาจึงยื่นมือออกไปช่วยโดยไม่มีการลังเลแม้แต่น้อย
ฉินหลั่งใช้สุดแรง เพื่อให้เชือกที่มัดอยู่ที่ห่วงยาง ของตนเองหมุนรอบตัวคนคนนั้นไว้ด้วย ก่อนจะถอน หายใจอย่างโล่งอก ขอแค่คนข้างบนไม่จงใจตัดเชือกจน ขาด พวกเขาก็ไม่มีอันตรายถึงชีวิตแล้ว
ตอนนี้ฉันหลั่งถึงเห็นหน้าอีกฝ่ายชัดเจน ที่แท้คน ที่เขาช่วยไว้ก็คือจางเจียซินนั่นเอง ตอนที่รู้ฉินหลั่งแทบ อยากจะปล่อยเธอทิ้งไป ให้เธอจมน้ำตายไปในทะเล แต่ สุดท้ายเขาก็ทำไม่ลงอยู่ดี
ส่วนจางเจียซินที่ถึงแม้จะมองหน้าคนที่ช่วยชีวิต เธอไว้ได้ไม่ชัด แต่เธอไม่ต้องเดาจนหัวแตก ก็รู้ว่าเป็น ฉินหลั่ง แต่ตอนนี้เรี่ยวแรงทั้งหมดของเธอใช้ไปกับการ กลั้นหายใจกับคลื่นน้ำที่ซัดเข้ามา จึงไม่มีสมาธิคิดเรื่อง อื่น
“โอ๊ะโอ”
“ชายหญิงแพศยาทั้งสองคนตกน้ำไปแล้ว”
“จะถูกปลาฉลามกัดกินแล้ว”
กลุ่มวัยรุ่นบนเรือไม่มีท่าทางหวาดกลัวเลยแม้แต่ น้อย พวกเขาพากันตะโกนลั่น แล้วยังถ่ายรูปไว้เป็นที่ ระลึกด้วย
“ฮือฮือฮือ…”แต่มีอีกหลายคน โดยเฉพาะพวกผู้ หญิง ที่พากันร้องไห้ออกมา ภาพเหตุการณ์ตอนที่เห้อห ยู่เฉินโยนจางเจียซินลงไปในทะเลทำให้พวกเธอรู้สึก หวาดกลัวมาก
“เอามีดมา”เห้อหยู่เฉินที่กำลังอยู่ในอารมณ์โกรธ แค้นสั่งการลูกน้อง ตั้งใจจะตัดเชือกที่ผูกอยู่ที่ราวให้
ขาด
“อย่าค่ะ”ในเวลานี้เอง ฮวนฮวนรีบพุ่งตัวออกมา เธอคุกเข่าลงตรงหน้าเห้อหยู่เฉินแล้วโขกศีรษะขอร้อง “คุณชายเห้อคะ ฉันขอร้องนะคะ ไว้ชีวิตพวกเขาเถอะ ไว้ ชีวิตพวกเขาเถอะนะคะฉันขอร้อง”
ฮวนฮวนร้องไห้อย่างหนัก เธอรู้สึกว่าถ้าเธอไม่ ออกมาทำอะไรสักอย่าง จางเจียซินกลายเป็นผีคงจะไม่
ปล่อยเธอไปแน่ๆ
“คุณชายเห้อคะ ช่างเถอะค่ะ”
“อย่าตัดเชือกทั้งเลยนะคะ”
“ห์ ได้ งั้นฉันจะไม่ตัดเชือกทิ้ง แต่ห้ามใครดึงพวกมันขึ้นมาเด็ดขาด ปล่อยพวกมันทั้งสองตัวเป็นตาย ตามชะตา”เห้อหยู่เฉินพูดจบ ก็เดินไปอีกทางทันที
ฮวนฮวนลุกขึ้นยืน เธอเดินไปตรงราวเรือ แล้ว มองลงไปด้านล่าง ดาดฟ้าเรือสำราญมีระยะห่างจากน้ำ ทะเลยี่สิบกว่าเมตร รวมถึงเป็นเวลากลางคืน ทำให้ฮวน ฮวนเห็นอะไรไม่ชัด เธอเห็นแค่ว่าสุดปลายเชือกมีคลื่นที่ แตกกระเซ็นซ่านจนเป็นฟอง เจียซินตายแล้วเหรอฮวน ฮวนคิดถึงตรงนี้ ในใจก็รู้สึกทั้งกลัวทั้งตกใจ น้ำตาของ เธอไหลออกมาไม่หยุด
“ศรีนครินทร์”
“เปรี้ยงเปรี้ยง”
ในเวลานี้เอง ด้านนอกมีเสียงลมพายุพัดอย่าง แรง บนท้องฟ้ามีเสียงฟ้าร้อง ทุกคนที่อยู่บนเรือสำราญ รู้สึกได้ว่าอากาศลดลงอย่างรวดเร็ว เสียงลมที่พัดเข้ามา บริเวณดาดฟ้าเรือ มีความแรงมากขึ้นเรื่อยๆ เสื้อผ้าของ แต่ละคนถูกพัดจนเกิดเสียงผิดพลาด เห้อหยู่เฉินและ พวกไม่มีอารมณ์เล่นสนุกอีก พวกเขาเริ่มรู้สึกไม่ ปลอดภัยขึ้นมาทันที
เห้อหยู่เฉินรีบเดินเข้ามาภายในโถงเรือสำราญ ก่อนจะเดินไปที่ห้องควบคุมเรือ ก่อนจะขมวดคิ้วแน่น ถามกัปตันเรือ “เกิดอะไรขึ้น”
กัปตันเรือหันกลับมามอง ก่อนจะพูดกับเห้อหยู่ เฉิน “พายุกำลังพัดมาทางตำแหน่งของพวกเราครับ ตอนนี้ผมได้เปลี่ยนทิศทางเรือ ไม่ให้เรือเราอยู่ศูนย์กลางที่พายุพัดผ่านแล้วครับ”
สีหน้าของเห้อหยู่เฉินเปลี่ยนไปเล็กน้อย เขาเดิน ไปหยุดข้างๆกัปตันเรือ แล้วมองตำแหน่งศูนย์กลางของ พายุที่ปรากฏตรงหน้าจอแสดงผล ก่อนจะเริ่มรู้สึกไม่ สบายใจ
“คุณชายเห้อไม่ต้องเป็นห่วงครับ ถ้าดูจาก
ตำแหน่งของเรือกับพายุที่พัดมา พวกเราสามารถไปถึง ตำแหน่งที่ปลอดภัยก่อนที่พายุจะมาถึงแน่นอน อีกอย่าง ระดับความรุนแรงของพายุก็ไม่มาก ขอแค่พวกเราไม่อยู่ ในจุดศูนย์กลาง ถึงแม้จะยังออกจากรัศมีของพายุไม่ได้ ก็ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงครับ”กัปตันเรือพูดปลอบเห้อหยู่ เฉิน ทำให้เห้อหยู่เฉินสบายใจขึ้นมาบ้างแล้ว
เห้อหยู่เฉินไม่ขึ้นไปบนดาดฟ้าเรืออีก เขายังคง นั่งอยู่ในห้องควบคุมเรือไม่ยอมไปไหน
หลังจากผ่านไปประมาณครึ่งชั่วโมง ในขณะที่เรือ สำราญกำลังจะออกจากรัศมีของพายุ ตัวเรือกลับมีเสียง ดังปังขึ้นมา ด้านล่างของเรือเกิดเสียงกระทบกันดีงปีง จนตัวเรือเกิดการโครงเครงอย่างรุนแรง กลุ่มคนที่ยังอยู่ บนดาดฟ้าหกล้มกันระนาว บางคนโซเซจนเกือบจะ ตกลงไปในทะเล
และเห้อหยู่เฉินที่นั่งอยู่ในห้องควบคุมเรือก็ล้มลง มาจากโซฟาเช่นเดียวกัน เขาตกใจ ยังไม่ทันจะลุกขึ้น ยืนก็หันไปตะโกนใส่กัปตันเรือซะก่อน “บ้าเอ๊ย นี่มันเกิด อะไรขึ้น”
ในขณะเดียวกันกัปตันเรือเองก็มีนงงไปเหมือน กัน เขาเบิกตาโต แล้วมองไปทางแผงควบคุมเรือ เขา ตั้งใจจะควบคุมต่อ แต่กลับพบว่าปุ่มกดครึ่งหนึ่งใช้การ ไม่ได้ไปแล้ว กัปตันเรือเริ่มตื่นกลัว ขาเริ่มอ่อนแรงและ สั่นเทาจนเกือบจะราดแล้ว
“เกิดอะไรขึ้น พูดมาสิ” เห้อหยู่เฉินเดินมาหยุดอยู่ ตรงหน้ากัปตันเรือ ก่อนจะดึงคอเสื้อถามอย่างอารมณ์ เสีย
“เราชนเข้ากับโขดหินครับ” กัปตันเรือตอบกลับ อย่างหวาดกลัว หัวใจแทบจะกระเด็นออกมาจากอก
“อะไรนะ นายมันพวกเฮงซวยทำ ไง รีบหันหัวเรือก ลับ ฉันจะกลับบ้าน” น้ำลายของเห้อหยู่เฉินกระเด็นเต็ม หน้าของกัปตันเรือ
“..ครับ ตอนนี้ผมจะพยายามหันหัวเรือกลับ แต่ ว่า…. ระบบควบคุมของเรือเกิดปัญหาขึ้นเล็กน้อย ไม่รู้ว่า จะขับเคลื่อนกลับไปถึงไหม ผมได้ทำการส่งสัญญาณ ขอความช่วยเหลือจากกองทัพเรือแล้ว ถ้าพวกเขาได้รับ สัญญาณขอความช่วยเหลือคงจะรีบส่งเรือมาช่วยพวก เราอย่างรวดเร็ว. “กัปตันเรือพยายามควบคุมทิศทางเรือ อย่างสุดความสามารถ เรื่องที่ถูกเห้อหยู่เฉินเตะ เขาไม่มี เวลามาสนใจ เขาคิดแค่ต้องควบคุมเรือกลับฝั่งได้อย่าง ปลอดภัยเท่านั้น
“มีน้ำเข้าแล้ว”
“แม่เจ้า ทำไมถึงเป็นอย่างนี้ได้ล่ะ”
“ตรงท้องเรือมีน้ำเข้ามาสิบกว่าเมตรแล้ว”
กลุ่มคนที่อยู่ด้านนอกห้องควบคุมเรือวิ่งวุ่นพร้อม กับตะโกนโหวกเหวก
“อะไรนะ” กัปตันเรือตื่นตกใจขึ้นมาอีกครั้ง เขา มองไปที่จุดสีแดงบนหน้าจอแสดงผล มันขึ้นสีแดงแล้ว จริงๆด้วย กัปตันเรือหัวแทบระเบิด เขาพูดพึมพำไม่หยุด “ตายแน่ๆ…. ตายแน่ๆเลย”
Please enter a description
Please enter a price
Please enter an Invoice ID
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ