รวยชั่วข้ามคืน?

บทที่ 14 ทิ้งของที่ฉินหลั่งเอามาเถอะ



บทที่ 14 ทิ้งของที่ฉินหลั่งเอามาเถอะ

ฉินหลั่งลูบๆกล่องอาหารยังอุ่นๆอยู่ หวงเกอ พวกเขาสามคนจะยังได้กินอาหารอุ่นๆ ถือเอาไว้ แล้วรีบเดินเข้าไปในโรงพยาบาล

“แอ๊ด” เสียงหนึ่ง ฉินหลั่งผลักประตูห้อง คนไข้เข้าไป

สังเส่นเอ๋ออยู่ในห้องคนไข้เตียงเดี่ยว อาการ บาดเจ็บของเธอไม่รุนแรง เพียงแค่พันผ้าพัน แผลเล็กน้อยเอาไว้บนขาที่ได้รับบาดเจ็บของ เธอเท่านั้น

เพื่อนของสังเส่นเอ๋อที่ล้อมรอบเตียงอยู่ นอกจากพวกหวงเกอ คนอื่นๆแต่งตัวได้อย่างทัน สมัย ผู้ชายผู้หญิงต่างก็สวมเสื้อผ้าที่มียี่ห้อชั้นนำ กันทั้งนั้น

ข้างเตียงคนไข้วางของขวัญที่พวกเขานำมา ให้เอาไว้ มีDeluxe Milk กระเช้าผลไม้ที่ห่อหุ้ม เอาไว้อย่างประณีต ไข่ไก่ท้องถิ่นจากชาวนา แล้วยังมีกล่องสีแดงอีกกี่กล่องที่ใส่โสมเขาฉาง ป่ายเอาไว้

แต่เดิมคนกลุ่มนั้นกำลังพูดคุยหัวเราะกัน อย่างสนุกสนาน ตอนนี้สายตาของทุกคนต่างก็ มองมาบนร่างของฉินหลั่งที่ถืออาหารเข้ามา
ฉินหลั่งโดนทุกคนมองอย่างตกตะลึง เขาคิด ไม่ถึงจริงๆ ว่าในห้องคนไข้ของสังเส่นเอ่อจะมี คนเยอะขนาดนี้

แต่แรกฉินหลั่งมาเพื่อส่งอาหารให้พวกหวงเก อเท่านั้น แต่ในเมื่อสังเส่นเอ๋อได้รับบาดเจ็บ และ ตอนนี้ก็มีคนกำลังมองตนเองมากมาย ฉินหลั่งจึง ยิ้มๆ ถามสังเส่นเอ๋อขึ้นมา: “สังเส่นเอ๋่อ เธอเป็น ยังไงบ้าง?”

สังเส่นเอ๋อไม่ตอบ แค่กำลังมองฉินหลั่งอย่าง เย็นชา ราวกับว่าไม่ยินดีที่ฉินหลั่งมามากทีเดียว

“ในมือนายคืออะไรเหรอ?” ชุ่ยเหวินเหวินใช้ มือชี้ไปที่กล่องอาหารที่อยู่ในมือของฉินหลั่งถาม ขึ้น

“อ้อ ฉันเอาอาหารนิดหน่อยมาให้หวง…ฉิน หลั่งชำเลืองมองกล่องอาหารที่อยู่ในมือ พูดขึ้น อย่างเรียบเฉย

“นายคงไม่ได้เอา ข้าว” มาเยี่ยมเส่นเอ๋อใช่ ไหม?” ชุยเหวินเหวินมองฉินหลั่งแล้วถามขึ้น อย่างประหลาดใจ มาเยี่ยมคนที่โรงพยาบาล โดยปกติมักจะนำอาหารบำรุงร่างกายมาให้ เอา ข้าวมาให้ ยังไม่เคยได้ยินมาก่อนเลยนะ

“นี่เป็นของพวกหวงเกอพวกเขายังไม่…ฉินหลั่งกำลังคิดจะอธิบาย ว่าอาหารพวกนี้เอามาให้ รูมเมทของตนเอง หวงเกอก็รีบเดินเข้ามาหา ตบไหล่ของฉินหลั่งเบาๆ ยิ้มแล้วพูดกับคนอื่นๆ : “ฉินหลั่งคือจริงๆแล้ว ทุกคนก็ยังไม่ได้กินข้าวใช่ ไหมล่ะ พอดีเลยที่จะให้ทุกคนแก้หิวกัน!”

ฉินหลั่งมาเยี่ยมสังเส่นเอ่อ ถ้าไม่ได้เอาอะไร ติดมือมาเลย จะไม่โดนเพื่อนของเธอที่ชอบ ประจบสอพลอคนรวยหัวเราะเยาะแย่เหรอ?

แม้ว่าอาหารพวกนี้จะเอามาให้รูมเมทของ ตนเอง แต่ตอนนี้ก็ทำได้เพียงบอกว่าเอามาให้ สัง เส่นเอ่อแล้ว

นำข้าวมาให้ก็คงจะดีกว่าไม่มีอะไรติดมือมา เลยใช่ไหมล่ะ?

“ฮ่าๆ เป็นครั้งแรกเลยนะที่ฉันได้ยินว่ามีคน เอาข้าวมาเยี่ยมคนไข้นะ”

“ฉันกลับเคยได้ยินนะ แต่ที่ฉันเห็นมักจะเป็น แม่ของคนไข้ที่เอาข้าวมาให้มากกว่า ไม่ว่ายังไง นายก็เป็นนักศึกษา นำข้าวมา? ไม่รังเกียจที่จะ ลดฐานะทางสังคมใช่ไหม?”

เพื่อนของสังเส่นเอ๋อกี่คนตอนนี้ก็กำลังแสดง ความคิดเห็นออกมาแล้ว

“เฮ้ เมื่อกี้ตอนที่นายถือของพวกนี้เข้ามา ไม่ โดนคนอื่นเห็นเข้าใช่ไหม?” สังเส่นเอ๋อถามขึ้น อย่างอารมณ์ไม่ดี เพื่อนร่วมห้องเรียนคนหนึ่งถือข้าวมาเยี่ยมตนเอง คิดๆแล้วก็น่าขายหน้าสิ้นดี

“เห็นแล้ว” ฉินหลั่งไม่ค่อยสบายใจ ไม่ต้อง พูดถึงว่าอาหารนี้ไม่ได้เอามาให้เธอ แม้ว่าจะให้ เธอจริงๆ นั่นก็แสดงถึงความมีน้ำใจของตนเอง แล้ว ก็ไม่ควรจะโดนเหยียดหยามหรือเปล่า?

“เห็นแล้ว? น่าขายหน้าชะมัดเลย!” สังเส่นเอ๋ อคำรามออกมา หันไปด้านข้าง

“ไม่งั้นพวกเราก็ดูกันหน่อยดีกว่าว่าสรุปแล้ว เขาเอาอะไรมา?”

พูดๆอยู่ ชุยเหวินเหวินก็เดินเข้าไปใกล้ๆฉิน หลั่ง คิดจะเปิดกล่องข้าวที่อยู่ในมือของเขา

“ไม่ต้องดูแล้ว เขาจะเอาของดีอะไรมาได้? อยู่ในมหาวิทยาลัยฉันก็ได้ยินชื่อเสียงของเขา รู้ มาว่าครอบครัวจนมาก โดยปกติก็ไม่กินข้าวที่ ร้านอาหารอยู่แล้ว”

“เหมือนฉันจะจำเขาได้แล้ว เขาเคยเป็นคน ส่งอาหารนอกมหาวิทยาลัยของพวกเรา ฉันยัง เคยสั่งอาหารที่เขามาส่งเลย เขารับหน้าที่ส่ง อาหารจากร้านค้าแผงลอยพวก ‘ข้าวผัด” “ก๋วยเตี๋ยวผัด ” นอกมหาวิทยาลัยโดยเฉพาะ!”

“ฮะ? ร้านแผงลอยพวกนั้นที่นอก มหาวิทยาลัย ข้าวผัด ก๋วยเตี๋ยวผัดจานหนึ่งเพิ่ง จะ 7-8 หยวนเอง ในกล่องอาหารนี้คงจะไม่ใช่ข้าวผัด ก๋วยเตี๋ยวผัดใช่ไหม?”

“แน่นอนอยู่แล้ว เขาท่าทางยากจนขนาดนี้ ต่อให้ไม่ใช่ข้าวผัด ก็คงเป็นข้าวอะไรที่ไม่เกิน 10 หยวนน่ะแหละ ตอนนี้เส่นเอ่อกำลังต้องการบำรุง ร่างกาย เอาอันนี้มาให้ หมายความว่าอะไรกัน แน่?

“นึกถึงสถานการณ์นั้นก็อึดอัดแล้ว อีกสักพัก พยาบาลเข้ามา แล้วได้เห็นคนในห้องคนไข้ต่างก็ ประคองข้าวกล่องกินข้าวอยู่ แล้วยังเป็นข้าวผัด ที่ราคา 7-8 หยวนด้วย ถ้าเรื่องนี้แพร่ออกไป พวกเราก็คงกลายเป็นตัวตลกของโรงพยาบาล สินะ”

เพื่อนๆของสังเส่นเอ๋อ ต่างคนต่างพูดขึ้น ไม่ สนใจว่าฉินหลั่งยังยืนอยู่ที่นี่อย่างสิ้นเชิง พวก เขากี่คนที่คราวก่อนกินข้าวด้วยกันที่เซียนหย่า จุน ต่างก็รู้ถึงท่าทางของสังเส่นเอ๋อที่มีต่อฉิน หลั่ง จึงพูดขึ้นมาอย่างไม่เกรงใจกันเลยสักนิด!

ฉินหลั่งหมดคำพูดกับคนกลุ่มนี้จริงๆ ตอนนี้ เขาไม่มีความจำเป็นต้องอยู่ที่นี่อีกแล้ว เขาไม่ สนใจคนอื่นๆ เพียงแค่พูดกับพวกหวงเกอรูมเมท ของเขาเท่านั้น ให้พวกเขากินอาหารตอนที่ยัง ร้อนๆอยู่ แล้วก็กลับออกไป

สังเส่นเอ่อขมวดคิ้วมองหวงเกอที่กำลังถือกล่องอาหารเอาไว้: “อย่ากินเลย ระวังจะท้องเสีย เอานะ รออีกเดี่ยวพวกเราไปกินข้าวด้วยกัน อาหารที่เขาเอามาให้ก็วางไว้บนพื้นนั่นแหละ รอ แม่บ้านเข้ามาฉันจะให้เธอเอาไปให้หมากิน!”

หวงเกอค่อนข้างไม่สบายใจ แต่ต่อหน้าทุก คนก็ไม่อยากพูดอะไรวางกล่องอาหารเอาไว้บน พื้น

เวลานี้ ประตูห้องคนไข้ก็เปิดออกอีกครั้ง มี คนๆหนึ่งเดินเข้ามา

“เส่นเอ๋อ เป็นความผิดฉันเอง เธอเป็นยังไง บ้าง? บาดเจ็บรุนแรงไหม?” จางเชื่อเป็นคนที่เข้า มา บนหัวของเขากับบนมือมีผ้าพันแผลพันอยู่ แต่อาการบาดเจ็บก็ไม่ได้หนักมาก

“ไม่เป็นไรมากหรอก เพียงแค่ผิวหนังถลอก เท่านั้น กระดูกร้าวเล็กน้อย หมอบอกว่ารอดู อาการสักสองวันก็ออกจากโรงพยาบาลได้แล้ว นายล่ะ?” ความเย็นชาบนใบหน้าของสังเส่นเอ๋อ หายไปหมดแล้ว ปรากฏรอยยิ้มแสนหวานออก มา

“นายเป็นอะไรมากไหม? เมื่อวานนายสลบไป ตอนนี้รู้สึกยังไงบ้าง? ฉันผิดเอง นั่งอยู่ข้างหลัง นายจึงส่งผลกระทบไปถึงนายด้วย…

ตามมาด้วย ความเอาใจใส่ของสังเส่นเอ๋อที่มีต่อจางเชื่อ

เห็นฉากนี้ พวกหวงเกอก็อึดอัดใจมากทีเดียว

ตอนที่ฉินหลั่งมา สังเส่นเอ๋อพูดจาเย็นชา หน้าตาค่อนข้างบึ้งตึง คนอื่นๆพูดจาไม่น่าฟัง ขนาดนั้น ก็ยังไม่ยอมเอ่ยปากคลี่คลาย สถานการณ์สักหน่อยเลย

ในทางกลับกัน อาการบาดเจ็บของสังเส่นเอ๋ อจะพูดยังไงจางเชื่อก็เป็นคนทำอยู่ดี แต่ว่า ท่า ทางที่สังเส่นเอ๋อมีต่อจางเชื่อกลับดีขนาดนี้

ส่งเส่นเอ่นถึงกลับเอาความรับผิดชอบที่บาด เจ็บมาไว้กับตนเอง

แต่ ไม่ว่าจะพูดยังไง ครั้งนี้จางเชื่อก็เป็นคนที่ ช่วยชีวิตบริษัทของครอบครัวสังเส่นเอ๋อเอาไว้ ปฏิบัติต่อจางเชื้อขนาดนี้ก็พอจะเข้าใจได้ พวก หวงเกอจึงทำได้เพียงทอดถอนใจอย่างไม่

ยุติธรรม

กำลังคุยๆกันอยู่ ก็มีผู้หญิงอีกคนหนึ่งรีบร้อน เข้ามาในห้องคนไข้

“เส้นเอ่อ นี่เกิดอะไรขึ้น อาการบาดเจ็บเป็น ยังไงบ้าง? อัยหยา ดูแขนเนี่ยพันแผลไว้ทั้งนั้น เลย หมอว่าไงบ้าง?”

ระหว่างที่หญิงสาวพูดอยู่ก็พุ่งเข้ามาถึงหน้าเตียงของสังเส่นเอ๋อแล้ว กำลังมองสังเส่นเอ๋ออ ย่างกังวลใจ เธอสวมเสื้อของที่ทำงานลายเส้นสี ฟ้า ผมสั้นคล่องแคล่วปราดเปรียว ผิวขาว ละเอียด คิ้วทรงยาว ดูแล้วเป็นคนฉลาดเฉียบ แหลม

“น้า”

ดวงตาโตๆทั้งคู่ของสังเส่นเอ๋อเปล่งประกาย จับจ้องไปที่หญิงสาว มือเล็กๆดึงมือของหญิง สาวเอาไว้

หญิงสาวที่มา เป็นน้าของสังเส่นเอ๋อนี่เอง

ซุนเย่วแม้จะบอกว่าเป็นน้าของสังเส่นเอ๋อ แต่ เธออายุมากกว่าสังเส่นเอ๋อแค่สี่ปีเท่านั้น ความ สัมพันธ์ระหว่างสองคนจึงเหมือนกับเป็นพี่น้อง หลังจากเกิดเรื่อง สังเส่นเอ่อได้โทรไปบอกซุน เย่วเอาไว้

“หมอบอกว่า ไม่ได้เป็นอะไรมาก น้าสบายใจ ได้แล้ว โทษหนูเอง น่าจะโทรบอกน้าก่อนน้าจะ ได้ไม่ต้องมา” สังเส่นเอ๋อกำลังมองตาของซุนเย่ว พูดเจื้อยแจ้ว

ได้ฟังส่งเช่นเอ่อพูดอย่างนี้ ในใจของซุนเย่

วก็ผ่อนคลายลงแล้ว

เมื่อกี้ตอนที่ซุนเย่วเข้ามาก็สังเกตเห็นถึง บน หัวของจางเชื่อที่อยู่ด้านข้างก็พันผ้าพันแผลเอาไว้ ตอนนี้จึงหันไปมองเขา ขมวดคิ้ว: “นายเอง สินะที่ขี่มอเตอร์ไซค์ทำให้เส่นเอ๋อล้ม? นายบอก ว่าเมื่อคืนฝนตก แล้วนายไม่มีอะไรจะทำก็เลยไป ซึ่งรถเล่นงั้นเหรอ? คิดว่าตนเองทักษะดีมากใช่ ไหม? จริงๆเลย โชคดีที่คราวนี้ไม่มีเรื่องใหญ่โต ถ้ามีเรื่องขึ้นมา นายจะรับผิดชอบไหวไหม?”

อยู่ต่อหน้าคนมากมาย แต่ซุนเย่วพูดกับจาง เชื่ออย่างนี้ พูดซะจนจางเชื่อขายหน้าไปหมด แล้ว เขากระแอมออกมา มองคนอื่นๆที่อยู่รอบๆ ในแววตาของพวกเขาต่างก็มีท่าทีอึดอัดใจ

“น้า น้าอย่าพูดกับจางเชื่ออย่างนี้ เขาไม่ได้ ตั้งใจนี่นา เรื่องของครอบครัวพวกเราก็เป็นจาง เชื่อที่ไปขอร้องให้พ่อเขาจัดการให้นะ” สังเส่นเอ๋ อดึงมือของซุนเย่ว พูดขึ้นเบาๆ จางเชื่อช่วย เหลือครอบครัวพวกเธออย่างใหญ่หลวงขนาดนี้ พวกเราพูดกับเขาอย่างนี้ ก็คงจะไม่เหมาะสมเท่า ไหร่นัก

ซุนเย่วได้ฟังสังเส่นเอ๋อพูด ก็ตกตะลึงเล็ก น้อย มองในแววตาของจางเชื้อมีท่าทีพินิจ พิจารณา: “เรื่องของครอบครัวเส่นเอ๋อนายช่วย เอาไว้จริงๆเหรอ?”

เรื่องของครอบครัวสังเส่นเอ๋อ แน่นอนว่าซุน เย่วรู้อยู่แล้ว ตอนที่ได้ยินว่าสังเส่นเอ๋อไปยั่วเย้า บริษัทเทียนซีกรุ๊ป ตอนนั้นเธอก็เป็นกังวลจะแย่ไว้ ตอนนี้จึงหันไปมองเขา ขมวดคิ้ว: “นายเอง สินะที่ขี่มอเตอร์ไซค์ทำให้เส่นเอ๋อล้ม? นายบอก ว่าเมื่อคืนฝนตก แล้วนายไม่มีอะไรจะทำก็เลยไป ซึ่งรถเล่นงั้นเหรอ? คิดว่าตนเองทักษะดีมากใช่ ไหม? จริงๆเลย โชคดีที่คราวนี้ไม่มีเรื่องใหญ่โต ถ้ามีเรื่องขึ้นมา นายจะรับผิดชอบไหวไหม?”

อยู่ต่อหน้าคนมากมาย แต่ซุนเย่วพูดกับจาง เชื่ออย่างนี้ พูดซะจนจางเชื่อขายหน้าไปหมด แล้ว เขากระแอมออกมา มองคนอื่นๆที่อยู่รอบๆ ในแววตาของพวกเขาต่างก็มีท่าทีอึดอัดใจ

“น้า น้าอย่าพูดกับจางเชื่ออย่างนี้ เขาไม่ได้ ตั้งใจนี่นา เรื่องของครอบครัวพวกเราก็เป็นจาง เชื่อที่ไปขอร้องให้พ่อเขาจัดการให้นะ” สังเส่นเอ๋ อดึงมือของซุนเย่ว พูดขึ้นเบาๆ จางเชื่อช่วย เหลือครอบครัวพวกเธออย่างใหญ่หลวงขนาดนี้ พวกเราพูดกับเขาอย่างนี้ ก็คงจะไม่เหมาะสมเท่า ไหร่นัก

ซุนเย่วได้ฟังสังเส่นเอ๋อพูด ก็ตกตะลึงเล็ก น้อย มองในแววตาของจางเชื่อมีท่าทีพินิจ พิจารณา: “เรื่องของครอบครัวเส่นเอ๋อนายช่วย เอาไว้จริงๆเหรอ?”

เรื่องของครอบครัวสังเส่นเอ๋อ แน่นอนว่าซุน เย่วรู้อยู่แล้ว ตอนที่ได้ยินว่าสังเส่นเอ๋อไปยั่วเย้า บริษัทเทียนซีกรุ๊ป ตอนนั้นเธอก็เป็นกังวลจะแย่และยังพึ่งพาตามหาเส้นสายมากมาย แต่ไม่มีข้อ ยกเว้น เส้นสายที่มีอยู่ช่วยเหลืออะไรไม่ได้เลย เพราะบริษัทเทียนซีกรุ๊ปแข็งแกร่งเกินไปจริงๆ!

ต่อมา พี่สาวก็โทรมาบอกว่าจัดการได้แล้ว

ซุนเย่วถึงจะเบาใจลงได้ แต่ในใจยังคงสงสัย มากว่า พี่สาวพี่เขยได้พบใครเข้า ในระยะเวลา สั้นๆ ไม่ถึงหนึ่งวัน ก็จัดการเรื่องนี้ได้แล้ว?

เป็นชายหนุ่มคนนี้ที่อยู่ตรงหน้าจริงๆเหรอ? จะยังไงซุนเย่วก็คิดว่าไม่น่าใช่

“น้า” สังเส่นเอ๋อมองซุนเย่วอย่างไม่พอใจ: “บริษัทของครอบครัวจางเชื่อก็ไม่ใช่เล็กๆนะ แล้วพ่อเขาก็เคยกินข้าวกับประธานชื่อ ชื่อหยินจ้ งด้วย ช่วยเหลือเรื่องนี้สำหรับครอบครัวเขาก็ เป็นแค่เรื่องเล็กน้อย น้าสงสัยจางเชื่อขนาดนี้ ไม่มีมารยาทเกินไปแล้วนะ”

“ยัยเด็กคนนี้ เรื่องไม่ได้ง่ายดายอย่างที่เธอ คิดนะ ตัวตนของประธานสหพันธ์ธุรกิจเป็นยังไง เธอคิดว่าแค่กินข้าวง่ายๆครั้งสองครั้ง ก็จะ จัดการได้แล้วน่ะเหรอ?” ซุนเย่วโตกว่าสังเส่นเอ๋ อมาก เคยติดต่อกับสหพันธ์ธุรกิจมาแล้ว ความ วกวนคดเคี้ยวในนั้นเธอรู้ดีว่าไม่ง่ายดายเลย

“พี่ครับ เส้นสายที่ครอบครัวพวกพี่หามาไม่มี ใครจัดการได้เลย พี่ต้องรู้อยู่แล้ว ถ้าไม่ใช่ครอบครัวผมเป็นคนจัดการ แล้วจะยังมีใครอีก พี่ ลองบอกผมมาสิครับ” ตอนนี้ จางเชื่อเอ่ยปาก แล้ว เมื่อครู่ซุนเย่วพูดจนเขาเสียหน้าไปไม่น้อย เลย น้ำเสียงที่เขาพูดตอนนี้ จึงมีความเหยียด หยามปนอยู่บ้าง

ตอนที่ครอบครัวพวกเธออับจนหนทาง ฉัน ช่วยเหลือพวกเธออย่างยิ่งใหญ่ขนาดนี้ เธอยัง จะทำท่าทางอย่างนี้กับฉันอีกนะ ไม่อับอายเลย ใช่ไหม?

ซุนเย่วยังคงโมโหกับน้ำเสียงของจางเชื่ออยู่ เล็กน้อย

“ฉันแค่อยากตรวจสอบหาความจริงก็เท่านั้น เชื้อเชิญประธานชื่อ ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายขนาด นั้น ..ซุนเย่วพูดด้วยใบหน้าเคร่งขรึม

“ยังไม่เชื่อสินะครับ?” จางเชื่อทำท่าทาง ประหลาดใจออกมาเล็กน้อย แล้วก็หยิบมือถือ ออกมา มุมปากปรากฏรอยยิ้มเล็กน้อยชำเลือง มองซุนเย่วครู่หนึ่ง: “ตอนนี้ผมจะโทรหาพ่อผม ต่อหน้าของพี่กับเส่นเอ๋ออีกครั้งเพื่อยืนยันให้ แน่ใจ โอเคไหมครับ?”

จางเชื่อหัวเราะเยาะออกมา แล้วโทรไปหา

พ่อทันที

“ฮัลโหล พ่อครับ ผมมีเรื่องจะถามเรื่องหนึ่งเมื่อวานที่ผมให้พ่อช่วยเรื่องของครอบครัวเส่นเอ๋ อนะครับ พ่อไปพบประธานชื่อมาแล้วใช่ไหม? ประธานชื่อตอบตกลงแล้วใช่ไหมครับ?”

“อ้อ เรื่องนี้ พ่อลืมบอกไปเลยลูกชาย..”

พ่อจางลืมบอกที่ไหนล่ะ แค่รู้สึกน่าอับอาย เกินไปต่างหาก จึงไม่ได้บอกจางเชื่อ: “เมื่อวาน พ่อไปพบแล้ว เพียงแต่เลขาของประธานชื่อบอก ว่ามีธุระไม่ให้พ่อเข้าพบ สุดท้ายเจอก็ได้เจอนั่น แหละ แต่ประธานชื่องานยุ่งมาก ไม่มีโอกาสให้ พ่อได้พูดอะไรเลย พ่อก็เลยต้องกลับ….

พ่อจางไม่รู้ว่าสถานการณ์ด้านนี้ของจางเชื่อ เป็นยังไง ก็เลยพูดความจริงออกมาหมดเลย

ในใจของจางเชื่อเต้นตึกตัก ทันทีก็รู้สึกว่า ใบหน้าค่อนข้างร้อนผ่าว พ่อไม่ได้เป็นคนจัดการ ตั้งแต่แรกอยู่แล้ว


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ